คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : กลับสู่เอดินเบิร์ก
เสียงอึกทึกครึกโครมของคนกว่า 18 คนที่เข้ามาพักรวมกันภายในโรงแรมเล็กๆแห่งหนึ่งไม่ห่างจากโรงเรียนพระราชามากนัก นักเรียนปี 3 ป้อมอัศวินมาใช้โรงแรมแห่งนี้เป็นที่พักก่อนวันเปิดเรียน ซึ่งแทบไม่น่าเชื่อว่าพวกเขาจะมาถึงเอดินเบิร์กได้ทันเวลาเปิดเรียน เพราะในระหว่างเดินทางกลับนั้น แต่ละคนก็มีความประสงค์จะแวะเที่ยวที่นั่นที่นี่อยู่ตลอดเวลา แล้วแกนนำในการเที่ยวนั้นก็ไม่ใช่ใครอื่น เจ้าหญิง 2 แผ่นดินนางฟ้าคนที่ 4 ที่เพิ่งจะมาปรากฏว่ามีอยู่ในป้อมอัศวิน หลังสงครามเอเดน เดมอส ท่านหัวหน้าป้อมคนหนึ่งที่มีความกะล่อนอย่างเหลือหลายทีเดียว เฟริน เดอเบอโรว์ หรือเจ้าหญิงเฟลิโอน่า เกรเดเวล โดยมีท่านหัวหน้าป้อมเจ้าของฉายานักฆ่าแห่งซาเรส ผู้รักสนุกในทุกสถานการณ์คอยผสมโรงอยู่ด้วย คอยรับลูกแวะเที่ยวที่โน่นที่นี่อยู่เป็นประจำ ส่วนหัวหน้าป้อมคนสุดท้ายที่มีความเป็นผู้นำมากที่สุดในป้อม แต่กับเจ้าหญิงจอมกะล่อนแล้ว เข้าไปอาจทำหน้าที่อยู่ได้เลย ทั้งที่กับใครๆเข้าคือเจ้าชายน้ำแข็งผู้มีความเย็นชาอย่างยิ่ง จนได้รับฉายาใหม่จากเจ้าหญิงคนสำคัญว่าเจ้าชายก้อนน้ำแข็ง และคงมีแต่เจ้าหญิงเท่านั้นที่ทำหน้าที่ละลายน้ำแข็งได้อยู่เรื่อยๆ
เสียงที่ดังอยู่ภายในห้องอาหารของโรงแรมขณะนี้ไม่มีใครดังเกินไปกว่าเจ้าหญิงคนสำคัญไปได้ เฟรินเสียงดังนำกว่าใครๆ โดยมีคนที่ไม่มีเสียงเลยคือเจ้าชายคนสำคัญเจ้าชายคาโลวาเนบลี เหมือนทั้งคู่จะยกหน้าที่ถนัดให้กับอีกคนผโดยไม่ต้องนัดหมาย เมื่อเฟรินเป็นบุคคลที่พูดมากที่สุด คาโลก็เลือกที่จะเงียบเสียงปล่อยให้อีกฝ่ายทำหน้าที่พูดแทนตนเองเสร็จสับ
“เฮ้ย เดี๋ยวกินเสร็จแล้ว ออกไปเที่ยวข้างยอกกันดีกว่านะพวกเรา”
“ไม่ได้เฟริน วันนี้นายต้องนอนแต่หัวค่ำ พรุ่งนี้เราต้องไปซื้อหนังสือเรียนสำหรับปีนี้ แล้วถ้านายไม่ตื่นล่ะก็น่าดู”
เสียงห้ามขัดความต้องการเป็นของมาทิลด้า นางฟ้าที่มีลักษณะผู้นำและเป็นผู้พาผองเพื่อนมาทันการเปิดเรียนอย่างไม่น่าเชื่อ สายตาของมาทิลด้าที่มองตรงไปยังเฟรินมีประกายบังคับอยู่ในตัว และมีความหมายว่ามันจะไม่มีทางเปลี่ยนจากที่เธอบอกไปได้ ซึ่งทุกคนในที่นั้นต้องทำตามอย่างไม่มีเงื่อนไข ที่จริงน่าที่นี้ควรเป็นของหัวหน้าป้อมคนใดคนหนึ่ง แต่เมื่อเธอหันไปมองหน้าท่านหัวหน้าป้อมทั้ง 3 แล้วก็ได้แต่สายหน้า ก่อนจะหันมาสำทับอีกครั้งว่า
“ห้ามไปเที่ยวไหนทั้งนั้นนะ เฟริน คืนนี้จะมีใครไปเที่ยวไหนไม่ได้ทั้งนั้น”
คำสั่งที่มาพร้อมกำประกายตาดุดัน ทำให้พวกผู้ชายต่างหวาดกลัวกันทั้งสิ้นว่า หากพวกตนไม่ทำตามคงต้องเกิดเรื่องเป็นแน่ แต่แม้กระนั้น เฟรินก็ยังไม่อาจอดปากไว้ได้
“ไม่ไปก็ไม่ไปซิ ทำอย่างกับเป็นแม่ไปได้”
เสียงที่เจ้าตัวพยายามให้เบาแล้วแต่ก็ยังไม่วายได้ยินไปถึงหูคนถูกพูดถึง จนเจ้าตัวต้องหันกลับมามองคนพูดด้วยแววตาวาวโรจน์ ก่อความสยดสยองให้กับทุกคนที่เห็น ไม่เว้นแม้แต่เฟริน ทุกคนจึงทำได้เพียงแยกย้ายกันไปเข้านอนอย่างรีบด่วน ก่อนที่จะมีสิ่งของอะไรถูกปามาที่หัวใครคนใดคนหนึ่งขึ้น
แสงแดดอ่อนยามเช้าส่องผ่านหน้าต่างเข้ามายังเตียงของเจ้าชายคาโล ปลุกให้เขาตื่นจากนิทราเป็นปกติ หลังจากลืมตาตื่นสิ่งที่ทำเป็นประจำก็คือการมองไปยังอีก 2 เตียง เตียงแรกนักฆ่าแห่งซาเรสยังนอนอยู่อย่างสุขสบาย ส่วนอีกเตียงที่เป็นของหัวขโมยผู้ซึ่งกลายเป็นเจ้าหญิงนี่ซิ เจ้าของเตียงหายไปเสียแล้ว เพียงเท่านี้เจ้าชายคนสำคัญก็เย็นวาบตลอดแนวสันหลัง ด้วยความกลัวว่าเจ้าตัวดีจะหนีไปอีกครั้ง ไวเท่าความคิดร่างสูงสะบัดตัวลงจากเตียงด้วยความรวดเร็ว ใจโรจน์ริ่วไปถึงที่เตียงนั้นก่อนตัวจะไปถึงเสียอีก แต่เมื่อไปถึงสถาพของเตียงบ่งบอกว่าเจ้าของเพิ่งจะลุกจากไปไม่นาน ก่อนที่เขาจะได้ยินเสียงประตูห้องน้ำเปิดจากด้านหลังของเขา ร่างบางของคนที่ทำให้เขาตกใจเดินออกมาในสภาพของคนเพิ่งอาบน้ำเสร็จ เพียงเท่านี้เขาก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ก่อนจะหันไปถามเจ้าตัวต้นเรื่องว่า
“ทำไมวันนี้นายตื่นเช้าได้เฟริน ทุกทีนายเป็นต้องตื่นเป็นคนสุดท้ายนี่น่า”
“ไม่มีอะไรหรอก พอดีเมื่อกี้ปวดท้องเลยมาเข้าห้องน้ำ เห็นเช้าแล้วเลยอาบน้ำมันซะเลย นายมาอายน้ำซิคาโล เดี๋ยวฉันปลุกคิลให้เอง”
คาโลทำเพียงแค่พยักหน้ารับ ก่อนจะเดินสวนคนร่างเล็กเข้าห้องน้ำ แต่เมื่อมาถึงตัวเฟริน เจ้าชายคนสำคัญก็ทำอย่างที่ไม่มีใครคิดว่าเขาจะทำนั่นก็คือ คว้าตัวร่างบางมาแนบอก ก่อนจะเชยคางมนขึ้นมาเผชิญหน้ากัน เจ้าของร่างจะเอ่ยปากประท้วงแต่นั่นเท่ากับเปิดโอกาสให้กับอีกฝ่าย ฉกริมฝีปากร้อนรุ่มลงมายังริมปีปากบางของอีกฝ่าย จากแผ่วเบาเริ่มร้อนแรงเรียกร้อง วินาทีแรกร่างบางดิ้นด้วยความตกใจ แต่เขาก็ไม่สนจนเวลาผ่านไปร่างนั้นก็ค่อยสงบลงและยอมรับจุมพิตของเขา ยิ่งทำให้ร่างสูงได้ใจเข้าไปใหญ่ ทั้งคู่ลืมเวลาไปจนได้ยินเสียงกระแอมจากอีกคนหนึ่งที่พักอยู่ในห้องเดียวกัน
“ฮะแอ้ม เกรงใจกันหน่อยนะเพื่อน ไม่ได้อยู่กันแค่ 2 คนนะโว้ย สงสารกันบ้างซิ”
คนต้นเรื่องทั้งคู่ได้แต่หน้าแดงอย่างไม่อาจจะตอบอะไรได้ ก่อนที่เจ้าชายคาโลจะสงบสติอารมได้ก่อน แล้วสวนกลับไปว่า
“แล้วนายจะรีบตื่นทำไมล่ะ น่าจะนอนต่ออีกหน่อย หรือจะเลี่ยงเข้าห้องน้ำก็ได้”
“โห เอางั้นเลย แต่ไม่ล่ะนี่ดีว่าเป็นฉันนะ ถ้าเป็นไอ้พวกนั้นไม่รู้จะว่ายังไง”
กล่าวจบร่างของคิลก็วิ่งแวบเข้าห้องน้ำไปในทันที ทิ้งให้คาโลต้องมานั่งรอทั้งที่ตื่นก่อนอีกฝ่ายนึง เมื่อคิลออกมาจากห้องน้ำแล้ว คาโลก็เดินสวนเข้าไปอาบน้ำบ้าง ในเวลาเดียวกันเฟรินก็แต่งตัวเสร็จในเสื้อผ้าของเด็กผู้ชายเหมือนเดิมไม่ผิดเพี้ยน
กลุ่มเด็กปี 3 ป้อมอัศวินเดินรวมกันมาตามถนนตรงสู่ร้านขายหนังสือแห่งเดียวในเอดินเบิร์ก เสียงพูดคุยจอแจมาตลอดทางเรียกสายตาของใครหลายคนให้เหลียวมามอง คนที่หันมองตามกลุ่มนักเรียนนั้นมีทั้งชายและหญิง ซึ่งแน่นอนว่าผู้ชายทั้งหนุ่มและแก่เมื่อมองคนกลุ่มนี้สิ่งที่สนใจก็คือ นางฟ้าทั้ง 4 นั่งเอง นั่นทำให้ผู้เป็นเจ้าของ 1 ใน 4 นางฟ้าต้องออกมาแสดงตัวอย่างเปิดเผย เรียกให้อากาศรอบด้านเริ่มเย็นลงเรื่อยๆ และนั่นก็เป็นสัญญาณเตือนทุกคนแล้วว่า ต้องทำอะไรสักอย่างก่อนที่เจ้าชายคนสำคัญจะทำให้หิมะตกก่อนถึงฤดู พวกนักเรียนชายจึงรีบเข้ามาล้อมบุคคลทั้ง 2 ให้มาอยู่ตรงกลาง เพื่อบังสายตาของใครต่อใคร แต่ตัวเจ้าชายคนสำคัญก็ไม่ได้ดูตัวเองเลยว่า ตนเรียกสายตาสาวๆมากมายเพียงใด และในเพศที่น่ากลัวที่สุดในเรื่องความรักคงไม่มีใครเกินเพศหญิง ที่จะมีความพยายามอย่างเหลือล้น
กว่าที่ทุกคนจะมาถึงร้านขายหนังสือก็หวิดจะต้องแข็งตายเสียหลายครั้ง แต่เมื่อมาถึงแทนที่จะได้ซื้อหนังสืออย่างสบายใจ พวกเขากลับต้องมาเจอคนขายอารมเสีย ที่ในเวลานี้ต่อให้ใครมาบอกบุญนอกจากเจ้าตัวจะปฏิเสธแล้วไอ้เจ้าคนบอกก็คงจะถูกด่ากลับไปด้วยเป็นแน่ ทั้งกลุ่มจึงพร้อมใจกันส่งใบรายการให้คนขายแล้วรีบจรรีออกจากร้านไปยังร้านขายคทาเป็นร้านต่อไป ซึ่งปีนี้ต้องยอมรับว่าดีไม่น้อยที่เฟรินไม่ต้องเจอเรื่องตื่นเต้นเช่น 2 ปีแรก ที่ตอนแรกคทาทั้งร้านก็ส่องแสงไปทั่ว ก่อนจะดับสงบนิ่งเมื่อคนข้างตัวของเขาก้าวเข้ามาในร้าน ที่จริงเฟรินไม่จำเป็นต้องซื้อคทาใหม่ เพราะราชินีจันทราทรงมอบคทามุกดาให้กับเฟริน โดยฝากมากับโกโดมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่เฟรินก็รู้สึกว่ามันไม่เหมาะนักที่เธอจะใช้คทาวิเศษนั้น เธอจึงมองไปทั่วๆร้าน โดยไม่ได้เจาะจงคทาแบบใดเป็นพิเศษ โดยแยกจากคาโลออกมาเพียงลำพัง เพราะเขากำลังสนใจคทาหิมะอันหนึ่งอยู่ เฟรินจึงเดินเลือกคทาออกมาตามลำพัง
ลึกเข้ามาในร้านเรื่อยๆ ผู้คนเริ่มบางตาแต่ก็ยังคงมีมากอยู่ คทาอันหนึ่งวางไว้สะดุดตาเฟรินเป็นอย่างมาก และดูเหมือนมันจะเรียกร้องให้เฟรินเลือกมันไว้ใช้ เฟรินเดินเข้าไปหยุดยืนดูอยู่ข้างหน้ามัน ก่อนจะเอื้อมมือไปคว้ามากะจะดูใกล้ๆ แต่มือของใครอีกคนก็มาซ้อนทับมือของเธอพอดี เฟรินมองไล่ตามมือนั้นขึ้นไปมองเจ้าของ และได้เห็นบุรุษรูปงาม เขาเองก็หันมามองเธอเช่นกันและเมื่อได้มองเห็นเจ้าของมือที่ตนเผอิญไปจับเข้าอย่างไม่ตั้งใจ ก็ต้องตกตะลึงกับความงามของหญิงสาว จนอึ้งไปหลายนาทีกว่าที่จะรู้สึกตัวกล่าวขอโทษขึ้น
“ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ”
“ไม่เป็นไรฮะ”
“เออ... ผมทอม เซลเลเน่ เดอะพรีท ออฟ ลิบรา คุณชื่ออะไรครับ”
“ผม เฟริน เดอเบอโรว์ เดอะทีฟ ออฟบารามอสฮะ”
“ไม่ใช่ เธอคือ เฟลิโอน่า เกรเดเวล เดอะปรินเซส ออฟ บารามอสและเดมอส คู่หมั้นของฉัน”
เสียงจากเจ้าชายคนสำคัญที่เฟรินไม่รู้ว่ามายืนอยู่ข้างหลังตั้งแต่เมื่อไร และยิ่งไม่รู้ว่าตัวเองไปตกลงหมั้นกับมันตั้งแต่ตอนไหน แต่จากสายตาที่เขาหันมาเห็นนั้น เฟรินบอกได้เลยว่าหากตนเองปฏิเสธว่าไม่ใช่คงเกิดเรื่องแน่ จึงได้แต่เงียบเสียงไว้ คาโลจึงตรงเข้ามาลากเอาสาวที่เขาประกาศว่าคือคู่หมั้นของตนออกจากที่นั่นทันที แต่มีหรือจะไม่มีเสียงโวยวายจากเฟริน
“เดี๋ยวเฮ้ยเดี๋ยว ฉันยังไม่ได้ซื้อคทาเลย เดี๋ยวดิ”
และโดยไม่ต้องรอคำตอบอีกต่อไป คาโลโยนคทาที่เขาซื้อมาใหม่ 1 ใน 2 อันให้กับเฟรินทันที
“ฉันซื้อมาให้แกแล้ว ไปได้แล้วเราต้องไปซื้อเสื้อผ้าของแกอีก”
เฟรินถึงกับอึ้งไป และไม่ต้องแกะออกเขาก็รู้คทานั้นต้องอย่างดี ไม่อย่างนั้นคาโลคงไม่ซื้อมาให้เขา แต่ยังไม่ทันที่เฟรินจะคิดอะไรต่อ เขาก็ถูกลากออกไปพ้นร้านภายใต้สายตาของพวกเพื่อนๆทุกคน และเมื่อพ้นร้านออกมาไกลพอควรเสียงของคาโลก็ดังขึ้น
“นายไปยุ่งอะไรกับผู้ชายคนนั้นเฟริน”
“ฉันเปล่ายุ่งนะ แค่เผอิญเราเลือกคทาอันเดียวกันเท่านั้น ไม่มีไรหรอกน่า”
“นายน่ะไม่มีอะไร แต่ไอ้คนนั้นมันไม่คิดอย่างนั้นนี่”
“เขาจะคิดยังไงก็ช่างเขาซิ มาเกี่ยวอะไรกับฉันล่ะ”
พูดจบเฟรินก็หันหลังเดินจากไปร้านตัดเสื้อที่เวลานี้ไอ้เจ้าโกโดมคงไปรออยู่แล้ว ด้วยเวทย์หายตัวของมันเอง ที่จะต้องหายตัวไปรอข้างหน้ามากกว่าจะมาเกาะติดเฟรินอยู่ตลอดเวลา
ธงประจำแต่ล่ะปราสาทโบกสะบัดเห็นได้ชัดเจน เฟรินวันนี้ก็ถูกปลุกโดยฝีมือของคาโลอีกเช่นเคย ทั้งหมดมาถึงก่อนเวลาที่จะแบ่งปราสาทของเด็กปี 1 เพียงครึ่งชั่วโมงเท่านั้น จึงไม่มีเวลาไปเก็บของของตัวเองที่ห้องก่อน และเฟรินก็ได้รู้ว่าเจ้าโกโดมได้ใช้เวทย์เตรียมห้องให้มันต่างหากห้องนึง แต่ดูเหมือนเจ้าของห้องจะไม่ต้องการพักในห้องนั้นเพียงคนเดียว จึงยังพักรวมกับเพื่อนชี้ทั้ง 2 ต่อไป แล้วเอาห้องนั้นเป็นห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า และให้โกโดมเข้าพักเพียงลำพังไป และในเมื่อทานจ้าวเอวิเดสไม่อยู่เสียคน โกโดมจะทำอะไรได้นอกจากทำตามพระประสงค์ของเจ้าหญิงของเขาเท่านั้น
เสียงระฆังบอกเวลาเปิดประตูก็มาถึง นักเรียนแต่ละคนถูกเรียกออกมาก่อนจะได้รับประกาศว่าตนเองต้องไปอยู่ป้อมไหนกันแน่
“เจ้าหญิง ครีอา โคโรเน่ เดอะปรินเซส ออฟ แกรนด์ไลน์ - ปราสาทขุนนาง”
นักเรียนคนแรกของชั้นปีถูกเรียกออกมาเป็นที่รู้จัก และตามมาด้วยเสียงยินดีของคนจากปราสาทขุนนาง จากนั้นแต่ละปราสาทก็ได้แสดงความยินดีของตนออกมาบ้าง
“ทอม เซลเลเน่ เดอะพรีท ออฟ ลิบรา - ป้อมอัศวิน”
เสียงประกาศนี้สร้างความดีใจให้กับทุกคนในป้อมอัศวินสำหรับน้องใหม่ปีนี้อีกคน แต่ไม่ได้รวมคาโลเจ้าชายมาดน้ำแข็งเอาไว้ด้วย และไม่ทันที่เฟรินจะได้คิดอะไร ร่างของเธอก็ถูกลากออกจากงานนั้นกลับไปที่ป้อมทันที
“เฮ้ย อะไรวะคาโล จะไปไหนน้องยังแยกปราสาทไม่เสร็จเลยนะ”
“กลับไปจัดของ ไม่ต้องอยู่แล้ว”
โดยไม่ฟังเสียงโวยวายของอีกฝ่าย เฟรินก็ถูกลากไปจนได้ คิลเห็นเพื่อนทั้ง 2 เดินกลับปราสาทไป เขาจึงต้องวิ่งตามกลับไปด้วย ด้วยสีหน้าแสดงความสงสัยและมันก็ปิดไม่มิด เมื่อเขาเข้ามาใกล้ปากก็เลยถามทันทีว่า
“เฮ้ย จะไปไหนกันน่ะ งานยังไม่เสร็จเลยนะเฟริน คาโล”
“กลับไปจัดของ ถ้าแกอยากอยู่ร่วมก็กลับไปอยู่ต่อซิคิล แต่ฉันจะกลับแล้ว”
“เฮ้ยแล้วฉันไปเกี่ยวอะไรด้วยวะ คาโล”
“แกต้องกลับกับฉันเฟริน”
คิลหยุดวิ่งตาม และได้พบว่าตัวเองยืนห่างออกมาจากบริเวณหน้าโรงเรียนมาไกลทีเดียว ภายในใจก็ได้แต่คิดว่า ‘มันหึงอะไรของมันวะ’ แต่เมื่อตัวเองยื่นห่างออกมาอย่างนี้ เขาจึงต้องเดินตามกลับไปด้วยอาการของคนที่ไม่เข้าใจอะไรนัก ด้วยคนที่ไม่มีทางเลือกที่ดีไปกว่าตามพวกมันไป
ความคิดเห็น