ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หัวขโมยแห่งบารามอสตอนจ้าวมังกรเซฟารีน

    ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ

    • อัปเดตล่าสุด 8 พ.ค. 49


            แสงดาวพราวพร่างฟ้าในคืนที่ฟ้าไร้จันทร์   ไม่สามารถทำให้มองเห็นอะไรได้มากนัก   ในคืนเช่นนี้แสงจากคบเพลิงและกองไฟที่วางไว้เป็นระยะไม่ห่างกันนัก   เป็นตัวช่วยอย่างดีสำหรับทหารยามที่ยืนตามจุดต่างๆ   และทหารเดินยามที่ถือคบไฟเดินตรวจไปรอบๆ   ไม่มีใครสนใจอะไรมากนัก   ด้วยคืนน้ก็ยังคงเป็นคืนที่เงียบสงบเช่นทุกๆคืนที่ผ่านมา   เพียงสอดส่ายสายตาเพื่อระวังภัยที่อาจจะเกิดจากสัตว์ดุร้ายที่หลงเข้ามาใกล้ยังสถานที่สำคัญๆเท่านั้น   ไม่มีใครคิดว่าจะมีเหตุการณือะไรแปลกจากทุกคืน   แต่ในทันใดนั้นสิ่งที่ไม่มีใครต้องการให้เกิดก็เกิดขึ้น   แหวกความเงียบชวนนิทราให้ทุกคนต้องลุกขึ้นมาคว้าอาวุธประจำตัวมาถือไว้ด้วยความตกใจ   ก่อนจะตั้งใจฟังเสียงที่เกิดนั้นว่าคือเสียงของอะไรกันแน่
            เสียงปะทะของขุมพลังเวทย์อันแข็งแกร่งสองขุมกำลังปะทะกันอย่างรุนแรง   ผสานกับเสียงดาบปะทะกันดังไปทั่วเป็นระยะทางหลายกิโลเมตร   หลายคนพยายามจะหาที่มาของเสียงนั้น   ว่ามาจากทิศทางใดกันแน่   เด็กเล็กหลายคนตกใจร้องไห้กันระงมด้วยไม่เคยเจอเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน  ไม่ช้าเสียงหนึ่งก็แหวกความสับสนอลหม่านขึ้นด้วยความตกใจยิ่ง
            "เสียงจากปราสาทต้องห้าม"
            ก่อนที่อีกหลายเสียงจะบอกต่อๆกันไป   พร้อมทั้งเสียงฝีเท้าหลายคู่ที่เริ่มตรงไปยังจุดที่เกิดการปะทะนั้น
            "ใช่   ปราสาทต้องห้าม   รีบไปที่นั่นเร็ว"
            "แจ้งสภาสูงด่วน"
            "แจ้งท่านจ้าวเร็วเข้า   เกิดเรื่องใหญ่แล้ว"
            และอีกหลายเสียง   ที่บอกข้อความในทำนองเดียวกันนี้   ก่อนที่จะตรงไปยังปราสามต้องห้าม   ที่เสียงต่างๆค่อยๆเงียบลงเรื่อยๆ   แต่ภายในใจของทุกคนกลับมีแต่ความกังวลที่มากขึ้นเป็นเงาตามตัวกับเสียง  ที่ค่อยๆเงียบลงแม้ว่าจะเข้าใกล้สถานที่แห่งนั้นอยู่ทุกขณะ  และเมื่อคนกลุ่มแรกไปถึงก็ต้องพบเพียงเศษตุ๊กตาปูนปั้นหลายตัวถูกทำลายกองทิ้งไว้เป็นจุดๆ   อยู่ในระยะห่างจากตัวปราสาทที่ภายนอกต่างเห็นว่ามีความวิจิตงดงาม   ประดับด้วยรูปปั้นรูปคนในท่าทางต่างๆ   ถืออาวุธบ้าง   เก็บอาวุธไว้ข้างตัวบ้าง   ที่ถูกจัดวางไว้อย่างเพื่อรักษาตัวปราสาท  และเพื่อความสวยงามไปในตัว  และหากสังเกตุให้ดีจะเป็นร่องลึกเสมือนเคยมีคนฝังอยู่ครึ่งตัวในท่าต่างๆ  และเพิ่งจะลุกจากไป   จึงปรากฏเป็นร่องรูปร่างตัวคน   ซึ่งหากจะมีใครนับร่องนั้นแล้วก็คงจะได้จำนวนเท่ากับเศษตุ๊กตาที่กองอยู่ห่างจากตัวปราสาทพอสมควร  
            ทุกคนที่มาถึงไม่มีใครเลยแม้แต่คนเดียวที่จะก้าวผ่านรั้วเหล็กดัด   ที่ถูกสร้างไว้อย่างสวยงามเพื่อกั้นอาณาเขตที่สวยงามไม่แพ้ตัวปราสาทเข้าไปเลยสักคนเดียว   ชั่วไม่นานชายชราท่าทางภูมิฐานก็ปรากฏตัวแหวกฝูงชนเข้าไป   จนเป็นคนแรกหน้าฝูงชนทั้งหมด   และเมื่อทุกคนเห็นว่าชายผู้นั้นเป็นใครต่างก็ก้มหัวทำความเคารพทันที   แต่บุรุษผู้นั้นก็ตกตะลึงกับภาพที่เห็นและไม่รับรู้ถึงการทำความเคารพนั้นแม้แต่น้อย   เขาเป็นเพียงผู้เดียวที่ก้าวผ่านรั้วเหล็กงดงามตรงเข้าไปยังตัวปราสาทนั้น   แต่เขาก็เดินไปได้เพียงตุ๊กตาปูนตัวแรกสุดเท่านั้นก็มิอาจก้าวต่อไปได้อีกแล้ว   ร่างนั้นเซถอยหลังมาสองสามก้าวก่อนจะสามารถตั้งตัวได้อีกครั้ง   พลังบางอย่างผลักดันให้เขาออกห่างจากตัวปราสาทออกมา   ผู้ที่อยู่เบื้อหลังต่างพึมพำกันด้วยความเป็นห่วง   และเริ่มสบายใจอยู่เล็กน้อยว่า   ไม่ว่าการปะทะนั้นจะเป็นของใครก็ตาม   อย่างน้อยผู้บุกรุกนั้นจะไม่สามารถก้าวเข้าไปในปราสาทต้องห้ามได้
            เพราะแม้แต่ประธานสภาสูงผู้มีอำนาจเป็นอันดับสอง   ยังไม่อาจผ่านเข้าไปได้หากยังมิได้รับอนุญาตจากท่านจ้าวผู้มีอำนาจสูงสุด   และแม้ว่าชายชราจะพยายามอีกหลายครั้งก็ยังไม่อาจก้าวผ่านไปได้มากกว่านี้   และหากจะดื้อดึงเข้าไปให้ได้ก็คงต้องผ่านการต่อสู้เหมือนผู้บุกรุกเป็นแน่   ในที่สุดชายชราจึงประกาศเรียก
            "ดอน   คาราโอ   เจ้าจงไปแจ้งเรื่องต่อรีริ   เชรีอา   มีผู้บุกรุกปราสาทหมายจันทร์   แต่ทำการไม่สำเร็จ   ทุกอย่างยังควบคุมได้   จงเดินทางโดยเร็วที่สุด"
            ชายหนุ่มเจ้าของชื่อก้าวเข้ามารับคำสั่งอยู่เบื้องหลัง   โดยพยายามไม่ก้าวข้ามผ่านรั้วเหล็กเข้าไป   เมื่อคำสั่งสิ้นสุด   ชายหนุ่มก็ก้มศีรษะรับคำก่อนจะแหวกผู้คนเดินห่างออกไป   ทิ้งให้ผู้ออกคำสั่งและผู้คนที่เหลือเฝ้ามองสถานที่ต่อไป   เมื่อชายหนุ่มจากไปได้ไม่นาน   ชายชราก็หันกลับมาและประกาศด้วยเสียงดังอีกครั้งว่า
            "จากนี้ไปให้เพิ่มเวรยามที่ปราสาทนี้ด้วย   ให้ดูแลรอบๆเท่านั้น   ไม่อนุญาตให้ใครเข้าใกล้ปราสาทนี้แม้แต่คนเดียว   พวกเจ้าไปพักกันได้แล้ว   แต่ขอให้ทำตามคำสั่งของข้า   จนกว่าท่านจ้าวจะมีคำสั่งใหม่มาถึง"
            สิ้นเสียงคำสั่งทุกคนก็พร้อมใจกันก้มหัวรับคำ   ส่วนสตรีก็ย่อตัวลงก่อนที่จะแยกย้ายกันไป   แต่เมื่อเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นย่อมเป็นที่แน่นอนว่าผู้คนคงไม่อาจหลับตากันได้ในทันที   ชายชราเองก็เช่นเดียวกัน   แม้จะออกคำสั่งไปเป็นที่เรียบร้อย   แต่เขาก็มิได้กลับไปพักผ่อนต่อ   แต่กลับเดินอ้อมวนรออบปราสาทเพื่อหาบางสิ่งบางอย่างต่อไป

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×