[WINNER] CAN I KISS YOUR TEARS - [WINNER] CAN I KISS YOUR TEARS นิยาย [WINNER] CAN I KISS YOUR TEARS : Dek-D.com - Writer

    [WINNER] CAN I KISS YOUR TEARS

    โดย sweetmisery

    ผู้เข้าชมรวม

    473

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    473

    ความคิดเห็น


    6

    คนติดตาม


    11
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  15 ก.พ. 58 / 16:35 น.

    แท็กนิยาย

    2seung Minwoo WINNER



    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      - CAN I KISS YOUR TEARS -

      2SEUNG , MINWOO

      WINNER







       

      ความคิดทิฐิสร้างข้อแม้มากมายผูกปมไว้จนยุ่งเหยิง

      แต่หัวใจกลับขอร้องอย่างเหนื่อยล้า ขอให้พอ.. พอเสียที

       

       



      ..Please see me reaching out for someone I can’t see..
       


      “ ซึงยุนร้องเพลงเพราะมากเลยเนอะ..” เสียงใสของคิมจินวูเอ่ยด้วยความชื่นชมทำให้เรียวตาเล็กละจากร่างบางบนเวที แสงสว่างนวลอุ่นบนเวทียิ่งขับให้ร่างบางขาวสว่างน่ามองไปอีก เสียงขับร้องไพเราะที่เปล่งออกมายิ่งทำให้รู้สึกความสวยงามนี้จับต้องไม่ได้ หัวใจของซึงฮุนรู้สึกเหมือนถูกบีบรัด ห่างไกลจนเกินจะไขว่คว้า

      เพราะสายตาไม่สามารถไปมองใครอื่นได้ นอกจากคนที่ไม่อาจเอื้อมถึง
      ทั้งที่อยู่ตรงหน้าแต่ไม่มีทางได้มา ความโหยหามันก็เจ็บปวดแบบนี้แหละ


       


      “เหมือนตกในภวังค์เลยล่ะ..” ดวงตากลมโตยังระยิบระยับ น้ำเสียงของเด็กผู้ชายคนนี้สะกดทุกคนจนไม่สามารถขยับไปไหนได้ จินวูชอบฟังซึงยุนร้องเพลงมากแต่ช่วงหลังไม่ค่อยได้มีเวลามาฟังนัก
      งานช่วงปีสี่ก็ยุ่งมากเหลือเกิน วันนี้วันสุดสัปดาห์ เสร็จโปรเจคสำคัญแล้วถึงเวลามาฟังน้องร้องเพลงบำบัดปัดเป่าความทุกข์ในจิตใจสักที แต่พอมาถึงเริ่มเพลงล่าสุดที่มีคนข้างล่างรีเควส


      - Lost Stars by Adam Levine -

      ซึงฮุนก็นั่งหน้านิ่งไม่พอใจไม่พูดไม่จา จนเขารู้สึกอึดอัดมากต้องแอบส่งข้อความไปให้มินโฮตามมาด่วน


      “กลับกันเถอะ” ซึงฮุนกระดกเครื่องดื่มรสขมปร่าให้ร้อนบาดคอก่อนที่จะลุกขึ้นยืน

      อยากจะหันหลังแล้วเดินจากไป สมองสั่งแต่ใจมันต่อต้าน สุดท้ายก็ยังอยู่ที่เดิม
      ยิ่งได้ยินเสียงขับร้องไพเราะลอยตามมาสายลม ยิ่งรู้สึกเหมือนถูกจองจำไว้
      ทุกๆสิ่งของคนๆนี้จับจองพื้นที่หัวใจของเขาไปหมดแล้วจริงๆ

      “ อ่าว ทำไมรีบกลับล่ะ ไม่รอรับซึงยุนกลับบ้านไปด้วยกันหรอ ก็พักด้วยกันหนิ “ ร่างสูงลุกขึ้นยืนจนมือเล็กต้องรีบคว้าข้อมือไว้ จินวูไม่เข้าใจนัก คนที่ชวนมาก็คนที่กำลังเป็นปัญหาอยู่ตรงเนี้ย

      “ ปกติเขาก็กลับเอง “ เสียงเย็นๆของคนที่หันหลังให้ทำให้จินวูรู้สึกอยากผลักให้หน้าทิ่ม
      “ แต่ปกตินายก็ไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำหนิ วันนี้เรามาก็รับน้องกลับไปด้วยสิ บ้านก็บ้านเดียวกันแท้ๆ”

      จินวูส่ายหัวไม่เข้าใจความสัมพันธ์ของสองคนนี้นัก ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับสองคนนี้
      ครอบครัวซึงยุนกับซึงฮุนอยู่ปูซานและสนิทกันมาก พอขึ้นมหาลัยแม่ของซึงยุนจึงฝากฝังซึงยุนไว้กับซึงฮุน
      ซึงยุนเป็นเด็กน่ารัก ขยันมาก รอยยิ้มสดใสละลายหัวใจคนได้เลย ซึงฮุนอาจจะเป็นผู้ชายแข็งๆแสดงออกไม่เป็น แต่หลายต่อหลายครั้ง สายตามันก็บอกออกมาหมดว่าเขาห่วงใยน้องชายคนนี้มาก


       

      ลึกๆรู้ว่าสองคนนี้มีความสำคัญต่อกันมาก แต่การกระทำหลายอย่างในช่วงหลังมันยากเกินจะเข้าใจ

      ปกติซึงฮุนเป็นคนมีน้ำใจ ออกจะใจกว้างและตามใจเขามากด้วยซ้ำ
      แต่ถ้าเป็นเรื่องซึงยุน ซึงฮุนดูจะไม่เป็นตัวเองและหงุดหงิดงุ่นง่านไปซะหมด พูดอีกอย่างทำอีกอย่าง
      เขาเคยคิดพยายามหาสาเหตุ แต่คิดไม่ออกสักทีก็เลยยอมแพ้ไป
      รู้เพียงแค่ว่ามีเพียงคนเดียวที่ทำให้ซึงฮุนเป็นแบบนี้
      ซึงยุนคนเดียวเท่านั้น..




      … I saw the lion kiss a deer…

      ท่ามกลางกลุ่มผู้ชมมากมาย ภาพของคนตัวเล็กที่จับมือถือแขนกับร่างสูงที่ยืนให้เห็นเพียงแผ่นหลังที่อยู่ตรงหน้าเขาทำให้ซึงยุนรู้สึกเจ็บหนึบจนเกือบหายใจไม่ออก
       โต๊ะเล็กห่างไปไกลสมควรแต่มันดึงดูดสายตาเหมือนกับข้างหน้าคือที่ว่างไร้ผู้คน เด่นชัดเพียงแค่สองคนนั้น ลำคอแค่นเสียงร้องมาอย่างยากลำบาก ได้ร้องเพลงให้คนฟังทำสิ่งที่รัก มันควรจะมีความสุขไม่ใช่หรอ?
      ร่างบางเงยหน้าขึ้นหวังน้ำหยดเล็กเย็นเยียบที่พยายามจะไหลออกมาจะย้อนคืนกลับไปได้


      จะเสียใจทำไม ก็ในเมื่อไม่มีสิทธ์อะไร
       

       

       


      I thought I heard you out there crying

      Just  the same..

      Same…


      “ ร้องเพลงเพราะมากเลยซึงยุน พี่น่ะแทบหยุดหายใจ ถึงว่าสิ มินโฮบอกว่ามีคนมาตามกรี๊ดในชั้นเรียนทุกวันเลย “ จินวูปรบมือด้วยความชื่นชมทันทีที่เห็นร่างบางเสร็จงานแล้วสะพายกีต้าร์เดินมาหาที่โต๊ะ
      “ นายก็พูดเกินไป ไม่จริงหรอกครับ ” ซึงยุนหลบสายตาคมที่คาดเดาไม่ได้ของร่างสูงที่มองมาก่อนที่จะยิ้มเฝือให้กับรอยยิ้มสดใสของจินวู
      “ เฮ้ เรื่องจริงนะครับ คังซึงยุนฮอทมากๆครับ ได้ทิปเยอะมากมั้ยล่ะ เห็นโต๊ะนั้นมองตาเป็นมัน “ มินโฮกระตุกยิ้มเมื่อเห็นดวงตาร่างสูงกระตุกวูบ ซึงฮุนกัดริมฝีปากบางของตัวเองแน่น เบือนหน้าหนีไปทางอื่น


      นึกเกลียดตัวเองที่เห็นแก่ตัว อยากเก็บของสำคัญไว้กับตัวคนเดียว ไม่ให้ใครได้เห็นได้สัมผัส
      ความอยากเป็นเจ้าข้าวเจ้าของมันทำให้เขารู้สึกน่าสมเพชตัวเอง
      โง่เขลาจริงๆ อีซึงฮุน..

       

       “ ขอเพลงไปไม่เห็นร้องให้ฟังเลย ทีคนอื่นยังร้องให้เขา ถูกปฏิเสธฉันก็เจ็บปวดเป็นนะ” มินโฮบ่นอุบปกติร้องสองชม.วันนี้โดนหั่นเหลือแค่ชม.ครึ่งแถมเพลงที่เขาขอก็ไม่ร้องสักเพลง
      “ เดี๋ยวร้องให้ฟังที่คณะนะ ฝนทำท่าจะตกน่ะเจ้านายให้เลิกไว ”
      “ แยกย้ายกันเลยนะครับ ฝนทำท่าเปาะแปะแล้ว เดี๋ยวคนบอบบางของผมจะไม่สบาย ” มินโฮเอ่ยเย้าร่างบางข้างๆที่เอามือบังดวงตาไว้ ลมพัดแรงจนฝุ่นปลิวมาตามลม ละอองฝนก็เริ่มพัดความหนาวเย็นมาทักทาย
      “ ฉันแข็งแรงกว่านายละกันน่า ซงมินโฮ
      ! ใครกันที่คอยดูแลนายตอนเป็นหวัดทุกฤดูฝนอ่ะ ” ร่างเล็กบ่นอุบทำเหมือนเขาเป็นเด็กไปได้ ใครกันแน่ป่วยไข้เป็นเด็กน้อยให้เขาต้องคอยดูแลทุกฤดูกันฮึ
      “ อ๊ะ” ซึงยุนร้องเบาๆด้วยความตกใจเมื่อกระเป๋ากีต้าร์ถูกร่างสูงคว้าไปสะพายหลังก่อนจะเดินนำหน้าไป
      ไม่มีคำพูดใดๆ มีแต่การกระทำที่ยากจะเดา..  เหนื่อยกับการคาดเดาแล้วจริงๆ


      “ ผีบ้าเอ๊ย ” จินวูแลบลิ้นไล่หลังซึงฮุนที่เดินจากไปแล้วหันมาพยักหน้าให้ซึงยุนอย่างเห็นใจ
      “กลับก่อนนะครับ” ร่างบางโค้งลารุ่นพี่ สบตากับเพื่อนจอมทะเล้นก่อนที่จะวิ่งตามร่างสูงไป


       

      วิ่งตามอีกแล้ว..
      เหนื่อยกับการต้องคอยวิ่งตาม
      แต่ถ้าหยุด ก็ไม่รู้ว่าแผ่นหลังที่ไล่ตามนั้นมันจะหายลับตาไปเมื่อไหร่


       

       


      ........................................


      “ ถ้านายคบกับพี่จินวู พี่ซึงฮุนก็อาจจะเสียใจได้ “ มินโฮแทบอยากระเบิดหัวเราะออกเมื่อซึงยุนมาเอ่ยเชิงขอร้องตอนที่รู้ว่ามินโฮกำลังจะคบกับรุ่นพี่คิมจินวู เพื่อนสนิทของซึงฮุนที่ซึงยุนเองฝังใจคิดว่าซึงฮุนนั้นไม่ได้คิดกับจินวูแค่เพื่อนสนิท
      แต่มันก็มีเรื่องที่ทำให้เชื่อได้แบบนั้น ก็จินวูน่ะติดเพื่อนอย่างกับอะไรดี โดยเฉพาะซึงฮุนเป็นเพื่อนคนสำคัญคนเดียวที่จินวูมีอยู่ แถมซึงฮุนออกจะตามใจ ไม่เข้าใจผิดก็แปลก
      มินโฮตบบ่าเล็กของเพื่อนผู้ไร้เดียงสาของเขา ดูไม่ออกจริงๆสินะว่าคนที่จะทำซึงฮุนเสียใจได้มีอยู่คนเดียว และคนนั้นไม่ใช่จินวู..
      มินโฮถอนหายใจเมื่อเห็นความซื่อจริงใจในดวงตาของซึงยุน มันทำให้มินโฮรู้สึกสงสาร
      ..เคยคิดบ้างมั้ย ความห่วงใยของนายบางครั้งมันอาจจะทำร้ายนายเอง..
      เลิกใจดี เห็นแก่ตัวบ้างก็ได้

      “ แล้วจะให้ทำไง ก็คนมันรักกัน หรือนายจะมาคบกับฉันแทน “ เอ่ยคำพูดวัดใจเมื่อสายตาคมกล้าของซึงยุน
      “ ก็ถ้านายโอเค..” มินโฮแทบอยากจะเอามือฟาดเด็กตรงหน้าจริงๆ ทำได้แค่เอาตบหน้าผากตัวเองว่าไม่ได้ยินผิดไป
      “ เรื่องความรัก ใช่ว่าใครมาแทนใครก็ได้ รักใครแล้วหัวใจมันก็ไม่ใช่ของเรา จะให้เลิกรักมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายขนาดนั้นหรอกนะ นายน่ะไม่เข้าใจมันจริงๆหรือยังไง ”

       

      ……………

       

       

      ไม่มีเสียงพูดคุยบนรถที่วิ่งแล่นท่ามกลางสายฝน มีเพียงเสียงเม็ดฝนโปรยลงมา เม็ดใหญ่ตกกระทบกระจกรถเสียงดังแผ่ซ่านความหนาวเย็นเข้ามา แต่กระนั้น เสียงฝนเปาะแปะทำให้ซึงยุนนึกขอบคุณ ความเงียบระหว่างเราบางครั้งเขาก็รู้สึกว่ามันกำลังทำร้ายเขาให้ตายทั้งเป็น
      “ หนาวมั้ย..”
      “ ไม่ครับ ”
      “ ก็เห็นอยู่ว่าตัวสั่น ” ภายในรถปรับอุณหภูมิในรถจนอุ่นสุดแล้วแต่ฝนตกหนักมากแผ่ไอเย็นเข้ามาจนปากแดงๆของซึงยุนเริ่มซีด ซึงฮุนเบี่ยงซ้ายเพื่อจอดรถเข้าข้างทางถอดแจ็คเกตตัวหนาออกมาให้ รู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยที่เห็นแขนที่โผล่เสื้อบางขาวมันสั่นยังปฏิเสธว่าสบายดี เป็นแบบนี้ตลอด เมื่อไหร่จะหยุด..
      “ แต่.. ” คำปฏิเสธถูกกลืนลงคอเมื่อเห็นสายตาดุที่มองมา รับเสื้อมาอย่างจำยอม

      เสื้อยังอุ่นอยู่เลย กลิ่นน้ำหอมของซึงฮุนลอยจางๆแตะจมูกทำให้คิดถึง อยู่ใกล้กันแค่นี้ทำไมโหยหาจนรู้สึกว่าอยู่ห่างไกลกันเหลือเกิน ซึงยุนซุกตัวในเสื้ออุ่นเบือนหน้ามองหยดน้ำเกาะข้างกระจก ปลายนิ้วชี้สัมผัสหยดน้ำที่ไม่สามารถผ่านกระจกเข้ามาได้
      นายหล่นลงมาจากฟ้าแล้วก็ซึมหายไป
      เคยเหนื่อยบ้างมั้ยกับการที่ต้องทนหนาวเย็นและไม่เป็นที่ต้องการ

       





      ฝนยังตกหนักไม่ลดละ เหมือนจงใจทำให้ค่ำคืนนี้ของคนสองคนที่เหินห่างมันหนาวเย็นไปถึงขั้วหัวใจ
      ซึงฮุนนึกโกรธความสะเพร่าของตัวเองเมื่อหน้าบ้านแต่ในรถกลับไม่มีร่มสักคัน น่าจะเป็นเพราะจินวูเคยยืมไปยังไม่เอามาคืน นานมากแล้วที่ซึงยุนไม่ได้ขึ้นรถมาด้วยกันเลยไม่ได้เตรียมอะไรไว้
      ไม่เคยดูแลเขาได้ดีเลยจริงๆ


      “ เอาเสื้อคลุมหัวไว้นะ จะได้ไม่เปียกฝน ”
      “ แค่ไม่กี่ก้าวเองไม่เป็นไรครับ “ ก็เพราะแค่ไม่กีก้าวแม้แต่ละอองฝนเขาก็ไม่อยากให้โดนตัวให้ซึงยุนไม่สบาย เด็กคนนี้ดื้อเป็นที่หนึ่ง เพราะต้องช่วยเหลือครอบครัวออกค่าใช้จ่ายค่าเล่าเรียนตัวเองด้วยเลยทำงานหนักไม่พักแล้วยังไม่รู้จักดูแลตัวเองอีก เขาเคยเสนอความช่วยเหลือแล้วแต่ซึงยุนปฏิเสธ ด้วยความเกรงใจและเห็นเป็นคนอื่น.. ซึงยุนทำท่าจะถอดเสื้อคืนแต่ถูกมือหนาของซึงฮุนคว้ามือไว้ มือเย็นเยียบของซึงยุนไม่สามารถโกหกซึงฮุนได้ว่าร่างกายตอนนี้หนาวสั่น

      เลิกโกหกตัวเองสักที ไม่เจ็บปวดเป็นบ้างเลยหรือยังไง..




      .
      .
      ร่างสูงสะบัดรองเท้าก่อนจะถอดวางในชั้นรองเท้า สบตาดวงเล็กอย่างไร้คำพูดและไร้ความหมายในดวงตาเกินจะคาดเดาก่อนจะเดินนำไปในห้องครัว ซึงยุนถอนหายใจอย่างอ่อนล้า สลัดความคิดในสมองเมื่อย้อนไปนึกถึงเสียงหัวเราะเบาๆของซึงฮุนเวลาอยู่กับจินวู แต่กับเขา.. มันมีแต่ความเงียบ

      ทำให้เขาโกรธอีกแล้ว
      เขาไม่เคยมีความสุขเพราะเราเลยสินะ

       

      “ หิวรึเปล่า? “ เสียงเข้มตะโกนถามทำให้ซึงยุนที่พับเสื้อแจคเกตวางลงบนโซฟาอย่างแผ่วเบาหันไปตามเสียง
      “ ผมไม่หิวครับ..” ร่างบางตามเสียงกุกกักที่ดังมาจากในห้องครัวก็เห็นว่าร่างสูงกำลังง่วนหาของในตู้เย็น
      “ แต่ฉันไม่เห็นนายได้กินอะไร..” ดวงตาคมหันมาสบตาเล็กนิ่งอย่างคาดคั้น
      “ ผมรองท้องมาบ้างแล้ว ” แต่ร่างกายกลับทรยศส่งเสียงท้องร้องเสียงดังให้ได้ยิน ซึงยุนก้มหน้างุดรู้สึกอาย พลางลูบท้องเบาๆ ทำไมต้องมาหักหลังกันตอนนี้ด้วย

      “ ขอบคุณครับ..” ซึงยุนได้แต่ยิ้มเก้อตอบรับสายตานิ่งแล้วทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้อย่างเงียบงัน
       

      ซึงฮุนรู้สึกหัวเสียขึ้นอีกเมื่อในตู้เย็นแทบจะไม่เหลืออะไรที่จะทำอาหารพอมีสารอาหารดีๆให้ซึงยุนได้เลย
      มีบะหมี่อยู่สองสามห่อกับไข่สองฟอง โยนก้อนบะหมี่ลงน้ำเดือดด้วยความรู้สึกปะปนกันไปหมด
      การปฏิเสธทุกคำของซึงยุนทำให้เขาหงุดหงิด


      ไม่ปฏิเสธสักครั้งจะได้มั้ย..
      ช่วยรับความหวังดีของฉันไปบ้างสักครั้งจะได้มั้ย



      ต้องให้ฉันอ้อนวอนแค่ไหนเพื่อให้นายอนุญาตให้ฉันดูแลนาย
       

       

      บะหมี่ชามใหญ่ถูกนำมาวางตรงหน้า มีไข่สองฟองลอยด้านบน ฝีมือทำอาหารของซึงฮุนต่อให้อาหารง่ายๆก็ยังรสชาติดีและดูน่ากิน ซึงยุนกลืนน้ำลายเบาๆ ทำงานทั้งวันทั้งยังตากฝนมาอีก มาถึงตอนนี้เขาหิวมากจริงๆ

      “ ร้อนนะระวัง” พูดไม่ทันขาดคำความร้อนจากเส้นบะหมี่ก็ทำร้ายปลายลิ้นเล็กจนต้องร้องออกมา
      มือเล็กรีบคว้าแก้วน้ำจังหวะเดียวกับที่อีกคนคว้าพร้อมกันทำให้แก้วร่วงลงพื้นของเหลวใสแตกกระจายลงพื้นเป็นวงกว้าง
      “ อ๊ะ เดี๋ยวผมเก็บเอง...” ซึงยุนร้องด้วยความตกใจรีบไปคว้าเศษแก้ว
      “ ถอยออกไป
      ! ” เสียงตวาดเสียงดังของซึงฮุนทำให้ซึงยุนรู้สึกหน้าชาเหมือนถูกตบหน้า แต่ดูจะเหมือนช้าไปเสียแล้ว ปลายนิ้วเรียวถูกแก้วคมบาดหลั่งหยดเลือดสีแดงลงบนพื้นพร้อมกับน้ำใสในดวงตาที่คลอออกมา อารมณ์โกรธของซึงฮุนพลุ่งพล่านออกมาทางสายตา ความดื้อรั้นของซึงยุนมันทำให้เขาโมโห

      ถ้ามันทำร้ายตัวเอง จะไปถือให้มันบาดมือเล่นทำไม
      ถ้ามันทำให้ตัวเองเจ็บปวดนัก ทำไมไม่ทิ้งมันไป แล้วยอมรับความรู้สึกตัวเองเสียที


      “ มานี่..” ซึงฮุนถือกล่องพยาบาลเข้ามา ดึงคนตัวเล็กนั่งคอตกเข้ามาใกล้ น้ำใสรินปลายหางตาเรียว รอยบาดที่นิ้วมันไม่เจ็บเท่ารอยกรีดที่หัวใจ
      “ เดี๋ยวผมทำ..” เพียงแค่มือเล็กปัดออกเบาๆ มันก็ยิ่งตอกย้ำก็ซึงฮุนรู้สึกถึงการปฏิเสธ
      “ ไม่อยากให้พี่แตะต้องตัวนายเลยรึไง” เสียงแผ่วเบาเอ่ยอย่างอ่อนแรง หัวใจเขาก็บอบช้ำกับการไม่เป็นที่ต้องการเหมือนกัน

      “ ช่วยอย่าปฏิเสธ สักครั้ง จะได้มั้ย ” ซึงฮุนเอ่ยแผ่วเบารู้สึกสมเพชตัวเอง คอยหยิบยื่นความห่วงใยให้แต่เขาไม่ต้องการ ไม่เข็ด ไม่หลาบจำ คนโง่..
      “.........”

      ช่วยรับความรู้สึกฉันไปบ้างได้มั้ย..

       

      ฉันไม่มีสิทธิ์รักนายได้เลยใช่มั้ย..
       

      จะยอมให้ฉันได้รักนายบ้างได้มั้ย..
       

      เสียงหัวใจของซึงฮุนรำพันอย่างเจ็บช้ำ
      ถ้อยคำที่ไม่สามารถพูดออกไปกำลังกัดกินหัวใจของเขาเละไม่มีชิ้นดี


      “ ทำไมนายต้องเป็นแบบนี้ ” ดวงตาเล็กก้มมองมือแกร่งที่กำแน่น

      “.........”
       


       “ ถ้าหิวก็บอกว่าหิว ”
      “.........”

       


      “ ถ้าเจ็บก็บอกว่าเจ็บ
      “.........”


       

      “ ถ้าเสียใจก็บอกว่าเสียใจก็บอกว่าเสียใจ ”
      “.........”




      “ ถ้ารักก็บอกว่ารัก ไม่ได้รึไง? ”
      “.........”

       

      สิ้นเสียงดวงตาคมเงยมาสบตาร่างเล็กอย่างแรงกล้า ในเมื่อรู้สึกตรงกันจะคอยปฏิเสธตัวเองไปทำไม
      เพราะไม่สามารถสู้สายตาที่คล้ายจะอ้อนวอนร้องขอได้ ซึงยุนทำท่าจะลุกเดินหนี แต่ก็ถูกมือแกร่งคว้าเอาไว้ดึงให้หันมาสบตา

      “ ปล่อยผมเถอะนะครับ..”
      “ ไม่ ครั้งนี้จะไม่ปล่อยไปอีก ”
      “ ปล่อยผมสิ ” ไม่ว่าจะดิ้นแรงเท่าไหร่ ก็ถูกรัดในอ้อมกอดแน่นกว่าเดิม อยากจะหนีออกไปให้ไกล
      แต่หัวใจเหมือนถูกดึงเข้าหาและร้องบอกว่าที่ของมันอยู่ตรงนี้ ความจริงแสนเศร้าที่โหดร้ายไม่เคยปรานีหัวใจ..
      คนตรงหน้านี้คือคนที่เขาหลอกตัวเองมานานว่าไม่ต้องการ สุดท้ายคนที่ต้องการที่สุดก็คือคนๆนี้

      หลอกตัวเองมันก็เจ็บปวดยิ่งกว่าถูกหลอกเสียอีก

      เสียงสะอื้นของคนในอ้อมกอดทำให้ซึงฮุนนึกเกลียดความเลวของตัวเองที่ทำมา ฝ่ามือเล็กที่ทั้งทุบทั้งผลักส่งแรงสะเทือนไปถึงหัวใจ หัวใจดวงเล็กของซึงยุนเต้นถี่รัวจนเจ็บไปทั้งดวง
      เกลียดแล้วมากอดทำไม
      เกลียดแล้วทำไมต้องมาทำให้รู้สึกต้องการขนาดนี้..

      แต่แล้วความคิดก็หยุดนิ่งเมื่อริมฝีปากชื้นประกบลงมา หัวสมองหมุนติ้วภายในท้องปั่นป่วนจนต้องคว้าแขนแกร่งไว้ รสสัมผัสจากริมฝีปากนุ่มของซึงยุนทำให้ซึงฮุนใจเต้นระส่ำสูญเสียความเป็นตัวเอง
      เกินยับยั้งความปรารถนาบดขยี้ริมฝีปากนุ่มอย่างโหยหา

      แน่ใจแล้วว่าทุกสิ่งที่หัวใจต้องการคืออะไร
      วิ่งหนีมันมานานสุดท้ายทั้งหมดที่หัวใจต้องการก็อยู่ตรงนี้


      ริมฝีปากแตะกันไม่รู้ครั้งที่เท่าไหร่ ส่งเสียงอื้ออึงในห้องที่เงียบงัน
      ริมฝีปากเล็กละเลียดเบียดริมฝีปากนุ่ม อ้อยอิ่งอย่างอ่อนโยน อ้อนวอน ร้องขอให้เปิดรับหัวใจกัน ครั้นถอนจูบออกมาก็ต้องกลับวิ่งเข้าหาประกบริมฝีปากกันอีกราวกับมีแรงดึงดูด
      ริมฝีปากร้อนบดขยี้เข้าหากันอย่างโหยหา เรียกร้องขออีก มากอีก ไม่มีทางพอ..


       



      มือหนาลูบแผ่นหลังบางอย่างแผ่วเบา กระชับคนในอ้อมกอดเข้ามาแนบชิดพลางเลื่อนมาจูบซับน้ำตาอย่างอ่อนโยน รอยเย็นเยียบของหยดน้ำถูกแทนที่ด้วยรอยอุ่นจากริมฝีปากเล็กที่ประทับลงอย่างทะนุถนอม ทุกสัมผัสบอกความหมายในตัวอยู่แล้วว่ารักมากเหลือเกิน


      “ พี่ซึงฮุน.. ” เสียงเล็กเอ่ยอย่างแผ่วเบาขณะที่จมูกโด่งคลอเคลียอยู่ข้างแก้มอย่างทะนุถนอม
      “ ฉันรักนาย ” ดวงตาเล็กเบิกโตเมื่อฝ่ามือแกร่งประคองใบหน้าให้หันมาสบตาแล้วเอ่ยคำที่ทำให้หัวใจของซึงยุนแทบหยุดเต้น ริมฝีปากเล็กยกยิ้มเมื่อเห็นร่างบางตรงหน้าทำตาโตเมื่อได้ยินคำสารภาพที่แม้กระทั่งตัวเขาเองก็ไม่อยากเชื่อหูตัวเองเหมือนกันที่พูดออกมา แต่ความอัดอั้นมันมากมายเกินกว่าจะเก็บไว้ ทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว
      “ ฉันรักนายมาตั้งแต่ต้น แต่นายก็ผลักไสฉันไปให้คนอื่น ” สายตาคาดโทษกับถ้อยคำที่เจือไปด้วยความเจ็บช้ำที่มีมายาวนานทำให้ซึงยุนรู้สึกผิด ทุกอย่างมันเป็นเช่นนั้น
      “ คิมจินวูเนี่ยนะ เด็กโง่เอ้ย ” ซึงฮุนอยากจะระเบิดหัวเราะออกมาเพราะคนที่ซึงยุนพยายามผลักไสไปให้คิมจินวูเพื่อนตัวแสบที่เขาไม่มีเคยมีความรู้สึกแบบนั้นให้เลยแม้แต่นิดเดียว ทั้งหมดทั้งปวงมีให้กับคนตรงหน้าเท่านั้น

      “ ถ้าไม่รักฉัน ก็อย่าผลักไสฉันไปให้คนอื่นอีกนะ ทิ้งฉันไว้ตรงนี้แหละ ให้ฉันรักนายก็พอ..” เสียงตัดพ้อของคนที่สารภาพรักทำให้คนตัวเล็กรู้สึกผิดและโกรธตัวเองที่โง่งมมานานแสนนาน คนเรามักจะมืดบอดในเรื่องตัวเอง โง่งมคลำในความมืดไม่ยอมรับแสงสว่างที่อยู่ใกล้แค่เอื้อมถ้าเพียงแค่เปิดใจเท่านั้นเอง

       

      “ ถ้านายไม่ต้องการฉัน ก็ไม่เป็นไร..” เพราะรับรู้ถึงความรู้สึกหมดทั้งหัวใจแล้วแต่ยังไม่วายจะหยอกล้อให้คนตัวเล็กตรงหน้าได้คายความรู้สึกออกมาบ้าง แล้วก็ยิ้มออกมาเมื่อมือเล็กทุบลงตรงกลางอก ริมฝีปากแดงพึมพำตัดพ้ออย่างน่าเอ็นดู


      “ ผมจะไม่ต้องการพี่ได้ยังไง.. ผมรักพี่จนเจ็บปวดหัวใจไปหมดแล้ว ”

      “ รัก.. รักมากที่สุด “




      The End.


      “ ฮัดชิ้วววว” คิมจินวูจามจนน้ำมูกไหลยืด โดนพิษลมฝนเล่นงานเข้าแล้ว ไม่จริงอ่ะ รู้สึกได้ถึงการนินทา ใครกำลังพูดถึงฉัน

      “นั่นไง ผมว่าแล้ว ทำเป็นเก่ง” ร่างหนาหยิบทิชชู่มาเช็ดให้อย่างเอ็นดู พลางยีหัวคนตัวเล็กอย่างรักใคร่

      “ ซึงฮุนอ่ะ.. ทำไมต้องเกลียดซึงยุนมากมายขนาดนั้นก็ไม่รู้ ไม่เข้าใจอ่ะ” จินวูที่ทำเสียงเครียดขณะรินน้ำส้มทำให้มินโฮหลุดขำออกมา ที่ผ่านมานี่ไม่รู้อะไรจริงๆเลยใช่มั้ย
      “ แบบนี้เขาไม่เรียกว่าเกลียดหรอก.. พี่ซึงฮุนเขาก็รู้สึกกับซึงยุนเหมือนที่ผมรู้สึกกับพี่นี่แหละ” ดวงตากลมโตขอจินวูเบิกกว้างด้วยความตื่นเต้นและดีใจ


      “เขาเรียกว่ารักมากจนจะเป็นบ้าต่างหากเล่า ”

       

      ความรักมันก็บ้าแบบนั้นนั่นแหละ มันถึงได้ชื่อว่า ความรัก



      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×