ตอนที่ 44 : ARCIV : Degenerate-11-
บทที่11
“อึก”ร่างบอบบางของเมิ่งอันถิงถูกวางลงบนเก้าอี้อย่างแผ่วเบา “ขอบคุณมากนะเกรย์ที่พาเรามาส่งที่ห้อง”
“ไม่เป็นไร ถ้าอย่างนั้นไปก่อนนะ ดูแลตัวเองด้วย”พระรองเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล พาให้ใจคนฟังรู้สึกอ่อนไหว ดวงตาของออสติน เกรย์ ตวัดมามองทางจ้าวอวี้อย่างเย็นชาก่อนจะเดินออกจากห้องเรียนไป
จ้าวอวี้อยากจะปรบมือให้กับการแสดงที่ยอมเยี่ยมตรงหน้า สมแล้วจริงๆที่อีกฝ่ายเคยเป็นนักแสดงมาก่อน ถ้าไม่ได้เตี๊ยมมาเขารับรองได้ว่าตัวเองจะต้องมีน้ำโหมากขึ้นแน่ๆ
“อันถิงเป็นยังไงบ้างเจ็บรึเปล่า”เพื่อนผู้หญิงที่นั่งข้างๆเมิ่งอันถิง ถ้าจำไม่ผิดเหมือนเธอจะเป็นคนของตระกูลโรเซ่
“ก็ยังเจ็บอยู่นิดหน่อยน่ะ แต่เราไม่อยากเสียการเรียนเพราะการกระทำโง่ของคนบางคน เลยทนเจ็บเอาหน่อยดีกว่า”เมิ่งอันถิงเอ่ยกระทบจ้าวอวี้ เสียงที่เอ่ยออกมาดังพอสมควรทำให้คนทั้งห้องหันไปซุบซิบกันอีกครั้ง
จ้าวอวี้มองการกระทำนั้นนิ่งก่อนจะยกยิ้มขึ้น มือก็ยกมาท้าวคางเพื่อชมละครฉากถัดไป
“นี่อันถิง จริงรึเปล่าที่ว่าเป็นฝีมือของเอียน”เพื่อนหญิงใจกล้าคนหนึ่งโพล่งปากถาม คนทั้งห้องเงียบรอฟังคำตอบ
“คือ...คือมันเป็นความผิดของเราเองแหละ ถ้าก็เราระวังตัวกว่านี้เรื่องเหล่านี้คงไม่เกิดขึ้น”โอเมก้าร่างเล็กเลือกที่จะเลี่ยงการบอกชื่อคนทำผิดเป็นการโทษตัวเอง เท่านี้ก็เป็นการยืนยันได้แล้วว่าทุกอย่างเป็นฝีมือของเอียน
“หึ้ย นายจะมาโทษตัวเองแบบนี้ไม่ได้นะอันถิง ถ้าให้โทษก็ต้องโทษคนที่ทำร้ายนายต่างหาก”เพื่อนหญิงใจกล้ามีท่าทีหงุดหงิดแทนนายเอกอย่างเห็นได้ชัด
“นั่นสิ คนทำผิดก็น่าจะรู้อยู่แก่ใจ”
“ใช่ๆ นายอย่าโทษตัวเองเลย”เมื่อมีคนเปิด คนทั้งห้องก็พากันแห่ให้กำลังใจเมิ่งอันถิง มีบ้างที่กล้าเอ่ยกระทบกระเทียบเอียนโดยตรง
“ว้า สถานการณ์แย่สุดๆไปเลย”จ้าวอวี้เอ่ยกับตัวเองเบาๆทั้งที่ยังมีใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มอย่างคนกำลังสนุกสนาน
“โฮสต์ครับ เวลานี้เราคงต้องบุกเข้าไปตบตีนายเอกแล้วก็ด่าทอเพื่อนในห้องน่าจะเหมาะสมนะครับ”เสี่ยวหลันเอ่ยแนะนำ
จ้าวอวี้ไม่ตอบรับและไม่ขยับร่างกาย มีเพียงดวงตาเท่านั้นที่กวาดมองเหตุการณ์ตรงหน้า
“นี่! หน้าด้านเกินไปแล้วมั้ง คนเขากำลังด่ากันทั้งห้องยังมีหน้ามายิ้มอีกเหรอ”เพื่อนสาวใจกล้าประจำห้องหัวร้อนขั้นสุด เธอเดินตรงมายังโต๊ะของจ้าวอวี้ก่อนจะตบมันลงอย่างกล้าหาญ
“ไม่ได้เอ่ยชื่อออกมานี่ แล้วฉันจะรู้ได้ยังไงว่าหมายถึงใคร”จ้าวอวี้เอ่ยตอบกลัยอย่างไม่ยี่หระ
“เหอะ อย่ามาทำไขสือหน่อยเลย ใครก็รู้ว่าแกไม่ชอบหน้าอันถิง ที่อันถิงมีสภาพแบบนี้ก็เพราะแก”
“หลักฐานล่ะ”จ้าวเอ่ยถาม เขาค่อยๆลุกขึ้นจากเก้าอี้ ประจันหน้ากับฮีโร่ที่เมิ่งอันถิงใช้เป็นหมากแทนตัวเอง
“อะไรนะ”
“ฉันถามว่าหลักฐานที่หาว่าฉันทำให้มันอยู่ในสภาพนี้ อยู่ไหนล่ะ”
“แก!”หญิงสาวกัดฟันกรอด “ถึงไม่มีหลักฐานใครก็รู้ว่ามีแค่แกเท่านั้นแหละที่ทำร้ายอันถิงหนักขนาดนี้”
“ใช่ มองยังไงก็เป็นฝีมือของนาย”โรเซ่ อลิส เพื่อนสาวคนสนิทของเมิ่งอันถิงเอ่ยเสริม มืออีกข้างก็คอยลูบหลังปลอบเมิ่งอันถิงที่ร้องไห้สะอึกสะอื้น
“พูดกล่าวหากันลอยๆแบบนี้ทางนี้ก็แย่สิ”จ้าวอวี้เอ่ยด้วยหน้าอ่อนอกอ่อนใจ “ไม่ได้มีแค่ฉันคนเดียวนี่ที่เป็นศัตรูกับมัน ใครในโรงเรียนนี้ก็ไม่มีใครชอบมันอยู่แล้ว เผลอๆเรื่องคราวนี้อาจจะเป็นฝีมือมันเองก็ได้”
“พูดบ้าอะไร อันถิงจะทำร้ายตัวเองไปทำไม สมองคิดได้แค่นี้เหรอ คิดอะไรให้มันเป็นไปได้หน่อยได้ป่ะ”เพื่อนสาวใจกล้าที่จ้าวอวี้นึกชื่อของเธอไม่ออกตะคอกออกมาเสียงดัง
“หึ คิดอะไรให้มันเป็นไปได้งั้นเหรอ เป็นเธอเองรึเปล่าล่ะที่คิดน้อยเกินไป”จ้าวอวี้เอียงคอถาม ใบหน้าของเขาก็ยังคงประดับด้วยรอยยิ้มไว้ใช้ปั่นประสาทฝ่ายตรงข้าม “ทำไมมันจะทำร้ายตัวเองไม่ได้ ในเมื่อเป้าหมายที่มันตั้งใจจะใส่ร้ายก็คือฉัน และหมากที่มันใช้ก็คือพวกหน้าโง่อย่างพวกแกไง”
“นี่แกจะบอกว่าอันถิงทำร้ายตัวเองเพื่อใส่ร้ายแกงั้นเหรอ ดูละครเยอะไปรึเปล่า”
“นั่นสินะ ขนาดคนธรรมดาอย่างพวกแกยังคิดได้เลยว่ามันน้ำเน่าแค่ไหน ทำไมคนที่คิดแผนนี้ถึงยังกล้าเอามันมาใช้ อ่อนหัดชะมัด”
“เลิกเบี่ยงประเด็นเถอะเอียน”อลิสเอ่ยแทรกขึ้นมา “คราวนี้นายทำเกินไปจริงๆ นายควรจะขอโทษอันถิงนะ”
“เรื่องอะไรฉันต้องทำแบบนั้น แค่หลักฐานที่จะเอาผิดฉันยังไม่มี กล้าดียังไงมาให้ฉันขอโทษ”
“หึ แกจะไม่ยอมรับก็ได้ เพราะยังไงเขาก็รู้กันทั้งโรงเรียนแล้วว่าสันดานเลวๆของแกมันเป็นยังไง”หญิงสาวใจกล้าเอ่ยตอกกลับหวังให้เอียนโกรธจนแสดงอารมณ์ร้ายออกมาอย่างที่ทำเป็นประจำ
“โฮสต์ครับ สถานการณ์นี้ต้องทำอะไรบ้างนะครับ โฮสต์จะใช้วิธีแก้สถานการณ์แบบคนมีความคิดไม่ได้ ไม่อย่างนั้นOOCจะขยับนะครับ”เสี่ยวหลันเอ่นเตือน
“...”จ้าวอวี้ไม่เอ่ยตอบอะไร เขาทำหน้าครุ่นคิดยามจับจ้องไปที่หญิงสาวใจกล้าตรงหน้า
“อะไร แกมองอะไร มีปัญหาอะไรกับฉันรึไง”
“ลีฟ...ไม่สิ ไม่ใช่ ลาเนส! นั่นชื่อตระกูลแกใช่ไหม”จ้าวอวี้เอ่ยโพล่งออกมาเมื่อนึกชื่อตระกูลของคนตรงข้ามได้
“ใช่ ทำไม!”
“ดูเหมือนว่าหมู่นี้ฉันจะใจดีไปรึเปล่านะ แกถึงลืมว่าฉันเป็นใคร...แล้วแกเป็นใคร”เอียนเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงสนุกสนานแต่ดวงตาเชือดเฉือน หญิงสาวตระกูลลาเนสถอยหลังไปสองก้าวเมื่อได้ยินคำพูดนั้น
“แกคิดจะทำอะไร”
“คิดจะทำอะไรที่มันดูเป็นไปได้ไงล่ะ J”จ้าวอวี้เอ่ยพร้อมกับควักโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมา “บางทีแกอาจจะลืมอะไรบางอย่างไปนะ ลืมถึงขนาดที่ทำให้ตัวเองใจกล้ามายืนด่าฉันตรงนี้”
“แก! เอาโทรศัพท์มานี่นะ”หญิงสาวพยายามปรี่เข้ามาแย่งโทรศัพท์ของจ้าวอวี้ แต่ร่างโปร่งหลบทัน รอไม่นานปลายสายก็รับ
“สวัสดีตอนเที่ยงครับคุณพ่อ พอดีว่าผมอยากจะรบกวนอะไรนิดหน่อย คุณพ่อพอจะรู้จักตระกูลลาเนสไหมครับ อะไรนะครับไม่รู้จักเหรอ โธ่ ช่วยดูให้ผมหน่อยสิครับ อืม ใช่ตระกูลจนๆของเศรษฐีใหม่ที่รวยแต่เปลือกรึเปล่า อ่า น่าจะใช่นะครับ เพราะทั้งเนื้อทั้งตัวของลูกสาวเขาก็เห็นจะมีแต่ของปลอม ถามทำไมเหรอครับ”จ้าวอวี้หัวเราะเมื่อบิดาถามคำถามนั้นกับตน ดวงตากลมโตเหลือบไปมองหญิงสาวตระกูลลาเนสที่ทรุดไปกองกับพื้น
“...”
“ก็ไม่ทำไมหรอกครับ...แค่ทำให้หายไปก็พอ ติ๊ด”
“โกหกใช่ไหม”อีกฝ่ายเบิกตาโพลงเอ่ยถามเสียงสั่น
“ฉันจะบอกอะไรให้เอาไหมว่าแกลืมอะไรไป แกลืมไปไงล่ะว่าฉันมีอำนาจ”
“นี่แกเล่นสกปรก!”
“ฮ่าๆ สกปรกตรงไหน ปลาใหญ่ก็ต้องกินปลาเล็กเป็นธรรมดา ถ้าอยากจะโทษใครสักคนที่ทำให้แกอยู่ในสภาพนี้ ก็โทษคนที่แกอยากจะปกป้องจนคิดมาลองดีกับฉันเถอะ”
“ฮึก ฉันขอร้องอย่าทำอะไรที่บ้านฉันเลย”คนที่กองอยู่กับพื้นร่ำไห้อ้อนวอนไม่เหลือท่าทีหยิ่งยโสอย่างเมื่อหลายนาทีก่อน
“เอาล่ะ ทีนี้ใครอยากจะเป็นรายต่อไปก็ก้าวเข้ามา”จ้าวอวี้กอดอกท้าทาย มองกลุ่มคนทั้งห้องที่ไม่กล้าสบตาเขา “ไม่มีเหรอ แย่จังเลยนะเมิ่งอันถิง ดันมีแค่ยัยโง่นี่ที่ยอมเป็นหมากให้แก”
“...”
“เอาล่ะ งั้นเราจะมาพูดเรื่องคนที่คิดจะทำร้ายเมิ่งอันถิงอีกครั้ง สรุปแล้วทุกคนในห้องนี้คิดว่าใครเป็นคนร้าย”
“...”ไม่มีใครตอบออกมา ทุกคนต่างเลี่ยงที่สบตากับเขา
“งั้นแกแล้วกันโรเซ่ ช่วยตอบออกมาให้ฉันคลายสงสัยหน่อยสิ ว่าใครเป็นคนทำร้ายเพื่อนรักของเธอกันแน่”อลิสสะดุ้งเฮือกเมื่อถูกเรียก กายของหญิงสาวสั่นราวกับลูกนก อำนาจของตระกูลลอว์เลียตยากที่จะต่อกร
“ป...เป็นอันถิง เป็นอันถิงที่ทำร้ายตัวเองเพื่อใส่ร้ายคุณ”เมิ่งอันถิงหน้าเสียเมื่อได้ยินเช่นนั้น
“คุณกำลังข่มขู่เพื่อนของผม หยุดทำแบบนี้เถอะครับ ผมยอมรับผิดเอง อย่าทำอะไรเพื่อนของผมเลย”นายเอกเอ่ยทั้งน้ำตา ภาพตรงหน้าแสนจะน่าสงสาร
“งั้นทุกคนในห้องช่วยบอกหน่อยได้ไหมว่าใครคือคนที่ทำร้ายเมิ่งอันถิง”
“เป็นเมิ่งอันถิงที่ทำร้ายตัวเองใส่ร้ายคุณ”ทุกคนในห้องต่างพร้อมใจตอบคำตอบนั้นอย่างพร้อมเพรียง นายเอกหน้าเปลี่ยนสีเมื่อได้ยินเช่นนั้น หมากที่คิดจะใช้ทำลายจ้าวอวี้กลับย้อนมาทำลายตัวเอง
“คุณไบรอันครับ ได้โปรดหยุดเพื่อนของคุณเถอะครับ แค่นี้มันก็เกินพอแล้ว เลิกข่มขู่ทุกคนสักที”เมิ่งอันถิงเปลี่ยนเป้าหมายไปที่พระเอกผู้ไม่สนใจเหตุการณ์อะไรทั้งนั้น
“พอสักทีเอียน มันน่ารำคาญ”น่าแปลกที่คราวนี้ไบรอันทำตามที่นายเอกขอร้องทันทีทั้งที่ปกติอีกฝ่ายต้องเข้าข้างเขา คงคิดประกาศจุดยืนที่ชัดเจนเพื่อปกป้องคนรักสินะ อ่า แต่คนรักคนไหนกันนะ
“คิกๆ คราวนี้นายไม่เข้าข้างฉันเหรอ เสียใจจัง”จ้าวอวี้เอ่ยพร้อมกับหัวเราะ ส่วนโอเมก้าร่างเล็กเริ่มมีสีหน้าที่ดีขึ้น
“เลิกทำตัวเป็นหมาบ้าสักที”
“นายคิดจะเป็นศัตรูกับฉันงั้นเหรอ แล้วอย่างนี้ฉันจะเอาอะไรไปสู้ล่ะ ยังไงตระกูลลอว์เลียตก็มีอำนาจน้อยกว่าตระกูลเจมส์”
“คุณไบรอันได้โปรดช่วยพวกเราด้วย ผมสงสารเพื่อนของผมมากที่โดนคุณเอียนใช้อำนาจทำร้ายครอบครัวของเธอ”เมิ่งอันถิงลุกขึ้นมาก่อนจะยอบตัวไปประคองหญิงสาวตระกูลลาเนสขึ้นมา
จ้าวอวี้มองสบตากับไบรอัน อีกฝ่ายทำแบบนี้ก็เพื่อให้เขาตัดใจ ไม่เข้าข้างเขาในวันนี้ก็เพื่อให้เขาไม่คิดไปไกลในวันหน้า หรือหากคิกเลวร้ายหน่อยก็คือประกาศความเป็นศัตรูตั้งแต่ตอนนี้เพื่อไม่ให้คนรักถูกเขาทำร้าย
“เอางี้ไหมล่ะที่รัก ฉันมีทางเลือกให้นายอยู่2ทาง 1.อยู่ข้างเมิ่งอันถิง ปกป้องเขาจากการทำร้ายของฉัน หรือ2.อยู่ข้างฉัน แล้วฉันจะไม่ทำอะไรคนรักของนาย เป็นตัวเลือกที่คิดได้ง่ายๆเลยใช่ไหมล่ะ”
“หึ จะทำอะไรก็เชิญ”เอ่ยจบไบรอันก็ก้มหน้าเล่นโทรศัพท์ตามเคย ใบหน้าของอัลฟ่าหนุ่มประดับไปด้วยรอยยิ้ม
“ตอนนี้ไม่มีคนคุ้มกะลาหัวแล้วนะ จะทำยังไงต่อไปดีล่ะ”จ้าวอวี้ถามอย่างท้าทาย เขาก้าวเข้าประชิดตัวก่อนจะผลักร่างของนายเอกลงบนพื้น
“โอ๊ย!”
“ถึงทุกคนในห้องนี้ หลังจากนี้ไม่ว่าฉันจะถามอะไรให้พวกนายตอบแค่ไม่รู้ เข้าใจไหม”ทุกคนในห้องพยักหน้าหงึกหงักเป็นพัลวัน จ้าวอวี้ยิ้มออกมา มองสบไปในตาของเมิ่งอันถิงที่กำลังโกรธเกรี้ยว
“อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกก”เสียงโหยหวนดังลั่น พร้อมกับเลือดที่ค่อยไหลซึมออกมาจากผ้าพันแผล จ้าวอวี้ยกเท้าที่เหยียบลงไปบนแผลของนายเอกออก
“ไหนทุกคนบอกฉันหน่อยสิว่าเมื่อกี้ใครทำร้ายเมิ่งคนถิงคนดีของฉัน”
“ไม่รู้ครับ/ค่ะ”
“อ้ากกกกกกกกกกกกกกก”จ้าวอวี้จรดปลายเท้าตัวเองไปที่ฝ่าเท้าของอีกฝ่ายอีกครั้ง ก่อนจะบดขยี้ลงไป
“ไหนบอกอีกรอบสิ ว่าใครทำร้ายเมิ่งอันถิง”
“ไม่รู้ครับ/ค่ะ”
“ฮ่าๆ เป็นไงล่ะ ตัวหมากที่แกคิดจะเอามาทำร้ายฉัน ถ้าคิดจะรับบทผู้ถูกกระทำก็ต้องแสดงมันให้ได้ตลอดนะ”จ้าวอวี้ยิ้มเหี้ยม กดสายตาลงไปมองเหยื่อที่นอนกองหมดสภาพอยู่เบื้องล่าง
“ฮึก”
“พวกเราต่างเล่นหมากบนกระดานเดียวกัน แต่ข้อแตกต่างของเรามีเพียงอย่างเดียวคือหมากในมือของแกเป็นแค่เบี้ย...ส่วนหมากของฉันเป็นคิง”
“ฉัน...ฉันจะไม่แพ้”เมิ่งอันถิงกัดเอ่ยใบหน้ายังคงมีน้ำตาที่ไหลเพราะความเจ็บปวดเจือไปด้วยความคับแค้นใจ
“จะคอยดู”จ้าวอวี้ยกยิ้ม “ไบรอัน ตามฉันมา”
“ไปไหน”อัลฟ่าหนุ่มถามด้วยความสงสัย
“ไปหาคนรักของนายไงล่ะ”
__________________
แงงงงง จะจบเมื่อไหร่อ่ะเทอออออ จบได้แล้วนะได้โปรด
ตอนหน้าเฉลยปม เย้ หนทางยังอีกยาวไกลจริงๆ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

สะใจมากกกกกกกกกกกก
ควีนเหยียบเบี้ยไปเลยบทนี้ น่าจะกระทืบเเผลซ้ำๆๆๆ
มันต้องอย่างงี้สิ่!!!!สุดยอด
แต่ถ้าตบอีกสักฉาดสองฉาดจะมันส์มาก55555