ตอนที่ 25 : ARCIII : ไฮเดรนเยียสีขาว-5-
บทที่5
หากจะให้พูดถึงคุณลีน่า ไม่มีใครในโลกใหญ่ที่ไม่รู้จักเธอ ลีน่าเจ้าหน้าที่ระดับอาวุโสที่พบรักกับหนึ่งในตัวละครในโลกระบบ ตอนนั้นใครก็มองว่าการตกหลุมรักตัวละครที่ไม่มีชีวิตจริงๆไม่ต่างอะไรกับการเอาหัวใจไปทิ้งขว้าง แต่ลีน่าก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเธอทำได้
จ้าวอวี้ไม่รู้ว่าเธอใช้อะไรในการต่อรองกับระบบแม่ แต่หลังจากที่เธอออกมาจากโลกของคนรัก ไม่นานระบบแม่ก็ทำการผูกวิญญาณของเธอกับตัวละครตัวนั้น ทุกวันนี้จ้าวอวี้ก็เห็นพวกเขารักกันหวานชื่นอยู่ที่โลกใหญ่
แต่เอาจริงๆก็ไม่มีใครอยากจะเสี่ยงเป็นคนที่สองหรอก ไม่มีใครรู้ว่าสิ่งที่ใช้แลกเปลี่ยนในครั้งนั้นคืออะไร อีกทั้งการเป็นเจ้าหน้าที่ที่ผ่านโลกมาหลายโลกก็เปลี่ยนให้หลายคนเป็นคนชาชินเรื่องความรักไป
เขาเหลือบตามองผู้ชายฝั่งตรงข้ามที่กำลังตักอาหารให้ไฮเดรนเยีย อีกฝ่ายเป็นเพียงแค่วิญญาณที่ถูกระบบแม่เซตติ้งมาเท่านั้น เขาไม่รู้ว่าอาการแปลกๆที่เป็นอยู่มันเป็นเพราะอะไร
ได้แต่ภาวนาว่ามันจะไม่ใช่ความรู้สึกนั้น
“คุณทานอะไรบ้างสิ ผอมจะแย่แล้ว”ลูคัสเอ็ดเบาๆเมื่อเห็นจ้าวอวี้เหม่อลอย
“วันนี้คุณจะไปทำงานแน่ๆใช่ไหม”
“มองแบบนั้นทำไม ก็ต้องไปสิ ไม่งั้นจะหาเงินที่ไหนคุณกับน้องเยียผลาญ”อีกฝ่ายเอ่ยติดตลก จ้าวอวี้อยากจะเถียงว่ามันไม่ใช่เขาเถอะ ซินเซียร์ต่างหาก
“ให้มันจริงเถอะ อาทิตย์นี้คุณกับลูกเกเรหยุดกันไปกี่ครั้งแล้ว ผมเบื่อจะพูด”จ้าวอวี้เบ้ปาก หลังจากพากันออกไปเที่ยวในครั้งนั้น เด็กน้อยกับอีกหนึ่งเด็กโข่งก็หาข้ออ้างหยุดบ่อยจนเขาปวดหัวจี๊ด
เขาแทบจะปลีกตัวไปตามหาเจ้าบัคไม่ได้เลยเถอะ
“ขี้บ่นจังเลยเจ้ากระต่ายนี่”มือใหญ่เอื้อมมาจากฝั่งตรงข้ามหมายจะขยี้หัวของเขา มีหรือที่จ้าวอวี้จะยอมเขารีบคว้ามือนั้นไว้แล้วงับเบาๆเป็นการเตือน
“แง่ม”
“อะไรเนี่ย คุณแม่กำลังคันเขี้ยวเหรอครับ”ลูคัสหัวเราะออกมาอย่างสนุก ไฮเดรนเยียละความสนใจจากอาหารมองการกระทำของพ่อแม่แล้วเริ่มอยากมีส่วนร่วมด้วย
“เยียด้วย เยียด้วย”ไฮเดรนเยียไม่ปล่อยให้พ่อแม่สร้างช่วงเวลาโรแมนติก(?)โดยมีตัวเองเป็นส่วนเกิน เด็กน้อยแง่มลงบนแขนของพ่อที่อยู่ใกล้ๆจนสุดแรงไม่มียั้งจนลูคัสถึงกับสะดุ้ง
จ้าวอวี้ปล่อยฟันจากมือของพระเอกรีบวิ่งไปแงะลูกชายหมาบ้าของตัวเองออกจากแขนของลูคัส
“เจ้าหมูน้องเยีย อันนี้ไม่น่าจะคันเขี้ยวแล้ว หนูโกรธอะไรแด๊ดครับเนี่ย ฮ่าๆ”ลูคัสก้มลงไปกระหน่ำฟัดแก้มยุ้ยของลูกที่ยังงงอยู่ว่าตัวเองทำอะไรผิดไป
ในขณะที่ลูกหมาบ้ากำลังงง แม่หมาบ้าก็ต้องเผชิญเหตุการณ์ที่เขาต้องเจอทุกวันยามลูคัสกำลังจะออกไปทำงาน หลังจากแก้มของลูกที่ถูกฟัด ใช่ ต่อมามันก็เป็นแก้มของเขาไง!
ฟอด! ฟอด! ฟอด!
แก้มน้อยๆของจ้าวอวี้ยุบลงไปตามแรงที่จมูกโด่งรั้นนั่นกดลงมา แก้มซ้าย แก้มขวา แล้วก็จบที่แก้มซ้ายอีกรอบ จ้าวอวี้รู้สึกว่าแก้มขอตัวเองกำลังเปื่อย
“พอแล้วครับ ไปทำงาน อย่าให้รู้ว่าเกเร”จ้าวอวี้ดันพ่อพระเอกออกจากตัว
“เมียดุขนาดนี้ใครจะกล้า”อีกฝ่ายยิ้มตาหยี “วันหยุดนี้ไปทะเลกันนะ”
“ไม่ทันขาดคำจริงๆ หาเรื่องเที่ยวอีกแล้ว”
“คราวนี้ใช้วันหยุดไง เวลาครอบครัวน่ะ”
“ถ้าผมปฏิเสธ?”จ้าวอวี้เลิกคิ้วถามอย่างลองเชิง
“ก็จะลากไปอยู่ดี”งั้นวันหลังก็ไม่ต้องมาถามความสมัครใจเขาก็ได้นะ “ไปแล้วนะ”
จ้าวอวี้กับไฮเดรนเยียตัวน้อยโบกมือหยอยๆส่งพ่อพระเอกออกจากบ้าน จ้าวอวี้ก้มลงไปมองลูกชายที่อยู่ในอ้อมแขน คราวนี้ก็ถึงตาของเจ้าตัวเท่าหัวเข่านี่
“มัมมี๊~”มาแล้ว สเต็ปการลากเสียงยาวหงอยที่ชวนให้สงสาร แน่นอนว่าผ่านมาหลายอาทิตย์กับการรับบทเป็นคุณแม่ของเจ้าเด็กนี่ บอกเลยจ้าวอวี้ไม่หลงกลง่ายๆหรอก
“ไปโรงเรียนกันครับ”
“มัมมี๊จ๋า หนูไม่อยากไป หนูอยากอยู่กับมัมมี๊”แหม ทีอย่างนี้ล่ะรักเขาขึ้นมาทันที ตอนอยู่กับลูคัสไม่ใช่แบบนี้นี่เจ้าเตี้ย
“ไม่รู้ ไม่เห็น ไม่รับฟังครับ”จ้าวอวี้หิ้วเป้ใบเล็กน่ารักขึ้นรถที่มีคนขับรถรออยู่ เจ้าเตี้ยในอ้อมแขนร้องไห้สะอึกสะอื้นเรียกคะแนนสงสาร แต่จ้าวอวี้ก็ยังใจแข็งไปส่งได้จนถึงหน้าโรงเรียน พอเจอเพื่อนเท่านั้นแหละ ไอ้เด็กที่บอกอยากอยู่กับแม่ก็วิ่งแด๊ดๆตามตูดเพื่อนไม่เหลียวหลังกลับมามองแม่อย่างเขาเลยสักนิด
จ้าวอวี้ถอนหายใจ...จบช่วงเช้าของกิจวัตรคุณแม่ลูกหนึ่ง
“เหนื่อยยยยย”จ้าวอวี้กระโดดทิ้งตัวลงบนเตียง ฝังหน้าลงกับหมอนใบนุ่ม มาโลกนี้เขาทั้งไม่เป็นตัวเองแถมยังเปลืองตัวมาก ตัวละครซินเซียร์เป็นตัวละครที่ตรงข้ามกับเขามากที่สุด การคีพคาแรคเตอร์ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆ
“โฮสต์ทำได้ดีมากเลยครับ ระบบแทบจะเชื่อไปแล้วจริงๆว่าพวกเขาคือครอบครัวของโฮสต์”จ้าวอวี้ไม่ตอบรับคำพูดของระบบน้อย เขาเอาแต่ซุกหน้าลงกับหมอนใบใหญ่
“ตั้งแต่มาโลกนี้แทบจะไม่ได้เบาะแสอะไรเกี่ยวกับบัคตัวนั้นเลย งานนี้เหมือนจะง่ายก็ไม่ง่าย”เขาบ่นออกมาเบาๆคล้ายงึมงำกับตัวเอง
“ลองเช็คสถานะoocดูดีไหมครับ”
“ถึงจะรู้ว่ามีโอกาสถูกแทรกแซง แต่ก็เอามาเถอะ เผื่อเราจะรู้อะไรขึ้นมาบ้าง”
“ระบบทำการตรวจสอบสถานะoocของตัวละครครบทุกตัวแล้วครับ”
#ลูคัส มัวร์ บทบาทพระเอก สถานะooc 20%
#ซินเซียร์ มัวร์ บทบาทนายเอก สถานะooc 30%
#ไฮเดรนเยีย มัวร์ บทบาทลูกของตัวละครเอก สถานะooc 35%
#xxxx บทบาทตัวร้าย สถานะooc 0%
#xxxx บทบาทพระรอง สถานะooc 0%
“อืม เป็นเลขที่ดูปกติ เหมือนจะไม่ถูกแทรกแซง ไม่ก็ปรับแต่งเลขได้สมจริงพอดู”
“คราวนี้น่าจะไม่ถูกแฮกแล้วล่ะครับ”มันเองก็โล่งใจ “อาจเป็นเพราะระบบแม่อัปเดตระบบป้องกันใหม่”
“เหอะ ระบบแม่กากๆของนายก็แค่ฟลุ๊คที่คราวนี้เจ้าบัคนั่นไม่มาแฮกก็เท่านั้นแหละ”จ้าวอวี้อดไม่ได้ที่จะปรามาสศัตรูเบอร์หนึ่งของตัวแอง
“ระบบแม่ต้องเสียใจร้องไห้แงๆแน่เลยครับ”
(-_-)
“ว่าแต่ทำไมตัวร้ายกับพระรองถึงเป็น0% คงไม่ใช่เหมือนกับคราวเฟยหลางจีหรอกใช่ไหม”
“ถ้าจากที่ระบบสันนิษฐาน น่าจะเป็นเพราะว่าตอนนี้ตัวร้ายและพระรองหลุดออกจากวงโคจรของเนื้อเรื่องแล้วครับ การกระทำของพวกเขาจะไม่ส่งผลต่อเนื้อเรื่องอีก”ทั้งๆที่ถูกบีบแคบขนาดนี้เขาก็ยังคิดไม่ออกว่าบัคนั่นแฝงอยู่ที่ตัวละครตัวไหน
“อืม...เสี่ยวหลันถามอะไรหน่อยสิ”จ้าวอวี้เอ่ยเสียงเครียด พลิกตัวกลับมาสบตากับระบบของตัวเอง
“อะไรเหรอครับโฮสต์”
“นายว่าบัคนั่นแฝงตัวอยู่ในหมาที่ผมเลี้ยงไว้รึเปล่า”
อ่า...โฮสต์ของมันท่าจะจนมุมแล้วจริงๆสินะ
__________50%____________
เวลาผ่านมาจนถึงช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ จ้าวอวี้รู้สึกว่าตัวเองต้องบ้าไปแล้วแน่ๆที่คิดว่าหมาที่ตัวเอกเลี้ยงไว้จะมีเจ้าบัคแฝงตัวอยู่ เขามั่นใจแล้วว่าคงไม่ใช่หมาตัวนั้นแน่ๆ(หลังจากไปนั่งจ้องมันมา3วัน)
เขากอดอกดวงตาสีดำขลับเหม่อมองดวงอาทิตย์ที่กำลังลาลับขอบฟ้า ผืนทะเลที่ทอประกายวิบวับชวนมองให้ความรู้สึกผ่อนคลายไม่น้อย เขาสูดลมหายใจลึกๆเอากลิ่นอายของทะเลเข้าปอด
จู่ๆแขนปริศนาก็โผล่เข้ามาสวมกอดเขาจากทางด้านหลัง จ้าวอวี้รู้ได้ทันทีว่าคือใคร มีอยู่คนเดียวล่ะนะที่ชอบสกินชิพจนเขาเริ่มเคยชิน จ้าวอวี้ทิ้งแผ่นหลังลงบนอกแกร่งที่อบอุ่น
พวกเขาไม่ได้มีบทสนทนาอะไรกันอีกจนท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นมืดสนิท จ้าวอวี้จึงเพิ่งรู้ตัวว่ายืนเป็นอาหารยุงมานานแล้ว
“เข้าห้องเถอะคุณ เดี๋ยวลูกตื่นแล้วไม่เจอใคร”ตอนนี้พวกเขามาอยู่กันที่บ้านพักส่วนตัวริมทะเลของพระเอก ไฮเดรนเยียหลับมาตลอดการเดินทางและตอนนี้ก็น่าจะยังนอนอยู่
“นี่คุณ”ลูคัสไม่ยอมปล่อยจ้าวอวี้ออกจากอ้อมแขนแม้ว่าคุณแม่ลูกหนึ่งจะพยายามดิ้นกลับเข้าไปในห้อง
“คุณ...ปล่อย”
“เรามาลองคุยกันแบบจริงจังดูดีไหม”
“คุย...คุยเรื่องอะไร”
“ทำไมพวกเราไม่ใช้โอกาสดีๆแบบนี้”อีกฝ่ายจับจ้าวอวี้หันมาประจันหน้า จ้าวอวี้เห็นสีหน้าของอีกฝ่ายก็พลันไม่ไว้วางใจขึ้นมา
“โอกาสอะไร พูดเร็วๆสิผมโดนยุงกัดจนตัวลายแล้วเนี่ย”
“ทำไมเราไม่มาทำน้องให้ลูกกันล่ะ?”อีกฝ่ายถามออกมาหน้าตาเฉย จ้าวอวี้ชะงักไปกับคำถามนั้นก่อนจะยกมือขึ้นทุบอกลูคัสแรงๆ
“ไม่มีทาง ผมจะไม่ท้องรอบที่สองแน่ๆ ไม่มีวัน”จ้าวอวี้เอ่ยเสียงแข็งและแฝงไปด้วยความจริงจัง “แค่ไฮเดรนเยียก็เลี้ยงกันให้ดีๆก่อนเถอะ ทุกวันนี้คุณสปอยลูกแค่ไหนอย่าคิดว่าผมไม่รู้”
“ไม่เอาหน่าคนสวย อย่าคิดเล็กคิดน้อยสิ”มือใหญ่เอื้อมมาลูบหัวของเขา จ้าวอวี้เบ้ปากพอเถียงไม่ได้ก็เป็นงี้ทุกที เขาล่ะเบื่อ เรื่องอะไรจะยอมให้ตัวเองท้องโย้น่ากลัวแบบนั้นกัน
“คำขาด! จะไม่ท้องรอบที่สองเด็ดขาด”จ้าวอวี้ขู่ฟอดๆแฟดๆในขณะที่พ่อพระเอกทำหูทวนลม “รีบเข้าห้องได้แล้วไปดูลูก”จากนั้นจ้าวอวี้ก็ใช้วิชามารความขี้บ่น บ่นจนลูคัสหาช่องไฟแทรกไม่ได้
เขาถอนหายใจ เหลือบมองพระเอกที่คอตกเดินไปหาลูกเงียบๆ
“คิดบ้าอะไรวะเนี่ย”จ้าวอวี้พึมพำกับตัวเอง แค่คิดภาพตัวเองที่เป็นผู้ชายเดินท้องโย้ไปโย้มาก็อยากจะร้องไห้แล้ว
ขอให้มันเป็นแค่ความคิดชั่ววูบของพ่อพระเอกด้วยเถอะ
เช้าวันต่อมาพวกเขาก็ยังอยู่กันในทริปทะเล ไฮเดรนเยียเริ่มร่าเริงขึ้นหลังจากนอนหลับมาอย่างเต็มอิ่ม เจ้าเด็กตัวเท่าหัวเข่าลงเล่นน้ำกับผู้เป็นพ่ออย่างสนุกสนาน ส่วนจ้าวอวี้ทำเพียงนั่งมองทั้งสองอยู่ริมชายหาด
ความร้อนของแดดทำให้แผ่นหลังเขาเริ่มเปียกชุ่มครั้นจะหนีกลับไปบ้านพัก สองพ่อลูกนั่นก็อย่างกับมีตาวิเศษหันมาจ้องกดดันให้เขาต้องกลับมานั่งที่เดิม
เกิดเป็นจ้าวอวี้ที่มาแฝงตัวในร่างคุณแม่ลูกหนึ่งนี่ไม่ง่ายเลยจริงๆ
“เบื่องั้นเหรอ”คุณพ่อลูกหนึ่งอุ้มลูกชายขึ้นมาจากน้ำ ตัวที่เปียกมะล่อกมะแล่กไม่ต่างอะไรกับลูกหมาตกน้ำ จ้าวอวี้ส่ายหน้าแกมขบขันก่อนจะยื่นผ้านขนหนูให้
“เบื่อสิ”
“แล้วทำไมไม่เล่นน้ำกับพวกเราล่ะ หืม”
“ไม่เอาหรอก ผิวเสียหมด”ความจริงจ้าวอวี้ก็ไม่ได้ห่วงผิวหรอก เขาแค่ขี้เกียจ
ลูคัสทำท่าคิดอะไรบางอย่างก่อนจะยกยิ้มขึ้น พระเอกฝากให้จ้าวอวี้เช็ดตัวให้ลูกส่วนเจ้าตัวก็รีบวิ่งเข้าไปในตัวบ้าน อีกฝ่ายกลับมาอีกครั้งพร้อมกับผ้าใบสีขาว สี จานสี และพู่กัน
“นี่มัน...อุปกรณ์วาดรูปนี่”เขาถามลูคัสด้วยความสงสัย
“คุณชอบวาดรูปไม่ใช่เหรอที่รัก มาทะเลทั้งทีจะพลาดได้ยังไง”ว่าจบอีกฝ่ายก็ทิ้งอุปกรณ์ทั้งหมดไว้ตรงหน้าเขา จ้าวอวี้อดไม่ได้ที่พลั้งปากถาม
“คุณรู้ได้ยังไงว่าผมชอบวาดรูป”การวาดรูปเป็นงานอดิเรกที่จ้าวอวี้โปรดปรานมากที่สุด แต่เพราะช่วงนี้ทำงานหนักมากจึงไม่มีเวลาว่างมาทำงานอดิเรก ลูคัสนิ่งไปกับคำถามของเขาก่อนหัวเราะออกมา
“หึ หัวคุณไปโขกอะไรมาฮึที่รัก คุณเป็นดีไซน์เนอร์นะ”
อ่า...นั่นสินะ คนที่อีกฝ่ายพูดด้วยไม่ใช่จ้าวอวี้...แต่เป็นซินเซียร์ต่างหาก
“โอเค งั้นผมจะวาดรูปเล่นอยู่แถวนี้แหละ คุณกับลูกไปเล่นกันต่อเถอะ”จ้าวอวี้โบกมือไล่ เขาจ้องผืนผ้าใบตรงหน้านิ่ง มือขาวเอื้อมขึ้นมาลูบมันอย่างแผ่วเบา ดวงตาสีดำขลับเหม่อมองอย่างไร้จุดหมายอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่ปลายพู่กันจะถูกจุ่มลงไปในสีแล้วจรดลงบนผ้าใบ
เวลาผ่านไปนานแค่ไหนก็ไม่รู้ รู้ตัวอีกทีคือตอนที่เขาวาดภาพเสร็จสิ้นและกำลังถูกจับจ้องด้วยสายตาสองคู่ จ้าวอวี้หันไปมองก็พบว่าเป็นลูคัสที่กำลังทำหน้าบูดบึ้งกับไฮเดรนเยียที่ส่งยิ้มแฉ่งมาให้เขาอย่างไร้เดียงสา
“มากันนานแล้วเหรอ”จ้าวอวี้เอ่ยถามก่อนจะเลิกคิ้วอย่างสงสัยเมื่อลูคัสหน้าบูดบึ้งกว่าเก่า
“ก็นานพอที่จะเห็นว่ารูปที่คุณวาดไม่ใช่ผมนั่นแหละ”อีกฝ่ายเอ่ยด้วยน้ำเสียงประชดประชัน จ้าวอวี้ยิ่งสงสัยหนักกว่าเก่า เขาหันกลับไปพิจารณาภาพที่ตัวเองวาดอีกครั้ง
อ่า...อะไรกัน มันก็แค่ผู้ชายสองคนที่อยู่ห่างคนละมุมผ้าใบในตอนพระอาทิตย์จะตกดินแค่นั้นเอง
“คุณคิดมากไปแล้ว มันก็แค่ภาพวาด”
“สวยๆ หนูชอบ”เห็นไหม ขนาดเจ้าเด็กตัวเท่าหัวเข่ายังมองเป็นแค่ศิลปะเลย
“สารภาพมาซะดีๆนะว่าคุณแอบมองผู้ชายที่เดินผ่านมาผ่านไปใช่ไหม”อีกฝ่ายยังคงคาดคั้น
“จูนสติหน่อยก็ดีนะ นี่มันหาดส่วนตัวจะมีไอ้บ้าที่ไหนโผล่หัวมาผ่านไปผ่านมา”จ้าวอวี้เถียงกลับ
“แล้วไอ้หมอนี่เป็นใครอ่ะ มองยังไงผู้ชายที่ยืนด้านซ้ายก็คุณชัดๆ”ลูคัสเอ่ยหน้าหงิกงอ ใช้นิ้วจี้ไปที่ภาพของชายที่กำลังเดินย่ำอยู่ในทะเล
“...”จ้าวอวี้นิ่งไป เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกัน
“ผมโกรธ! ผมงอน! ผมโมโหมาก”
“ถ้าบอกว่าไม่รู้ว่าเป็นใครจะเชื่อไหม”จู่ๆจ้าวอวี้ก็เอ่ยขึ้นมาเสียงเรียบ ลูคัสชะงักไป “ผมก็ไม่รู้ว่าเขาคือใคร บางทีเขาอาจจะไม่มีตัวตนจริงๆก็ได้ ผมแค่วาดตามที่อยากวาดเท่านั้นแหละ”
“ขอโทษนะ ผมแค่หวงคุณ ไม่อยากให้คุณมองผู้ชายคนอื่น”ลูคัสเริ่มเสียงอ่อยเมื่อรู้สึกตัวว่างี่เง่า เขาไม่สามารถทิ้งนิสัยเด็กๆของตัวเองไปได้เสียที นั่นล่ะขอเสียอันใหญ่ของเขา
“เฮ้อ อย่ามาทะเลาะกันให้ลูกได้ยินเลย”จ้าวอวี้ถอนหายใจ “งั้นก็ลงโทษคุณด้วยการเก็บของทั้งหมดนี่เองคนเดียวแล้วกัน ผมฝากเก็บรูปด้วย”ว่าจบเขาก็เดินมาอุ้มไฮเดรนเยียเดินเข้าบ้านไป
หวังเฉิงชุนมองจ้าวอวี้ที่เดินหายเข้าไปในบ้านพักจนลับสายตา ใบหน้าของเขาฉายแววขุ่นเคืองใจก่อนจะเหลือบไปมองชายในภาพอย่างอาฆาต เป็นใครเขาก็ไม่รู้แต่กล้าดียังไงมาอยู่ในความคิดคนรักของเขา เหอะ
“อย่าให้เจอนะ”เขาเขม่นมองแล้วกัดฟันกรอด เจียนกั่วระบบของหวังเฉิงชุนได้แต่ทำหน้าสงสัย มันมองรูปนั้นแล้วก็สงสัย มองท่าทีของนายท่านมันก็สงสัย มันเลยอดไม่ได้ที่จะถามขึ้น
“นายท่านโกรธอะไรหรือครับ”
“เซียวเกอวาดผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้แทนที่จะเป็นฉัน จะไม่ให้โกรธได้ยังไง”
“แต่นั่นมันนายท่านไม่ใช่เหรอครับ”
“จะเอาที่ไหนมาเป็นฉัน นายไม่เห็นเหรอว่าไอ้หมอนี่มันผมดำ ดูนี่สิ หัวทองขนาดนี้จะเอาปัญญาที่ไหนไปเข้าข้างตัวเอง”ไม่ว่าเปล่าหวังเฉิงชุนยังดึงทึ้งหัวของตัวเองอย่างหัวเสีย
“แต่นายท่านครับที่ระบบหมายถึงชายในรูปนั่น...เป็นร่างจริงของนายท่านไม่ใช่หรือครับ”
...นี่นายท่านอย่าบอกนะว่าจำหน้าตาของร่างจริงตัวเองไม่ได้แล้วน่ะ!
_____________________________________
มาแล้วววววว
ภาคนี้ไม่ค่อยมีเนื้อหาอะไรเท่าไหร่เลยอ่ะ อาจจะไม่ยาวมาก(มั้ง)คะ
แล้วเราก็คิดตอนจบภาคไว้แล้ว และก็คิดในใจกับตัวเองเฉยๆว่าทำไมเราถึงไม่เคยมีจุดจบดีๆให้ตัวเอกเราเลยนะ (นี่เราแค่คิดในใจรำพึงรำพันกับตัวเองนะ555)
_____________________________________
คูมแม่กับฟามอารมณ์เสีย ไปไหนก็ไม่ได้
คูมแม่กับทะเลและท่าทางการอ่อยสัมมี
คูมแม่กับการวาดรูปเจ้าปัญหา
รูปเจ้าปัญหา
"เรามาทำน้องให้ลูกกันเถอะนะ"
"มั่ย!"
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

tottt
//สู้ๆน้าาาาา~~~