ตอนที่ 20 : ARCII : กระเรียนไร้ใจ-11-
บทที่11
ในตอนที่ได้ยินว่าหลี่เฉียงฮ่องเต้ต้องการพลิกป้ายของเขาเป็นครั้งแรกตั้งแต่รับตำแหน่งฮองเฮา จ้าวอวี้ก็ยกยิ้มขึ้น เขาไล้มือไปตามขนของเสี่ยวหลัน ระบบสีขาวทำหน้าเคลิบเคลิ้ม ไม่ได้สังเกตเลยว่าจ้าวอวี้กำลังเหม่อลอยถึงบางสิ่ง
อ่า...นี่อาจจะเป็นโอกาสครั้งแรกและครั้งเดียวที่เขาจะได้ลงมือ
เขาหวนนึกไปถึงบทสนทนาเพิ่มเติมของเขากับไห่ฝู ตอนที่เขากำลังจะถูกส่งตัวไห่ฝูก็โพล่งประโยคนึงขึ้น
“ ติ๊ด ติ๊ด ข้อความเร่งด่วนจากระบบแม่ ขอให้เจ้าหน้าที่เซียวจ้าวอวี้รับภารกิจด่วน รับภารกิจด่วน ระบบแม่จะส่งเจ้าหน้าที่ไปใน 3 2 ...”
“จริงด้วย! คุณเซียวผมลืมบอกคุณ การจะเข้ารหัสเอาชนะบัคตัวนั้นได้มีอีก1วิธี”
“อะไรครับคุณไห่! เร็วสิผมกำลังถูกส่งตัว!”
“บัคตัวนั้นมีร่างกายเหมือนเรา...มีชิป...ความทรงจำ”
และเขาก็ถูกส่งตัวมาในโลกนี้ ประโยคหลังเขาแทบจับใจความอะไรไม่ได้ แต่พอมานั่งคิดอีกที การที่ร่างกายของบัคเหมือนกับเขานั่นก็หมายความว่าอีกฝ่ายต้องมีชิปข้อมูลแฝงอยู่ตรงส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายแน่
ชิปที่เก็บข้อมูล...รวมถึงความทรงจำ อ่า ฟังดูไม่เลวเลย
จ้าวอวี้เองก็มีมัน แต่ไม่เคยคิดจะสนใจ ชิปของเขาถูกฝังอยู่ใต้ผิวหนังไม่ลึกมาก ตรงกับตำแหน่งหัวใจ ที่เขาเลือกตำแหน่งนี้ก็เพราะอยากให้หัวใจจดจำความทรงจำบางอย่าง ในขณะเดียวกับก็เลือกที่จะสั่งให้สมองลืมทุกสิ่งทิ้งเอาไว้เป็นเพียงอดีต
ทุกครั้งที่เขาคิดว่าเขาคือใคร ในอดีตเป็นคนแบบไหน หัวใจของเขาก็จะเจ็บหน่วงเหมือนเป็นการเตือน
...บางทีการเลือกที่จะไม่จดจำอาจจะดีกว่า
“ฮ่องเต้เสด็จ”เสียงของขันทีประจำพระองค์ดังขึ้น บานประตูสลักถูกเปิดออก ปรากฎร่างของชายร่างสูงใบหน้าหล่อเหลากิริยาสูงส่งในอาภรณ์สีน้ำเงินเข้มปักดิ้นทองลายมังกร
“ถวายพระพรฝ่าบาท ขอพระองค์ทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นๆปี”จ้าวอวี้และข้ารับใช้ทำความเคารพผู้เป็นใหญ่ในแผ่น หลี่เฉียงฮ่องเต้โบกมือไล่ให้ข้ารับใช้คนอื่นออกไป ภายในห้องเหลือพวกเขาเพียงแค่สองคน
“มิได้พบเจ้านานเลยนะเว่ยเอ๋อร์”หลี่เฉียงฮ่องเต้เข้ามาประคองจ้าวอวี้ไปที่เตียง พวกเขานั่งลงเคียงข้างกัน จ้าวอวี้สูดหายใจเข้าจนได้กลิ่นหอมอ่อนที่โชยมาจากร่างกายของหลี่เฉียงฮ่องเต้
แม้ว่าเขาจะรู้สึกดีเมื่อได้กลิ่นนั้น แต่เขาก็ไม่ได้สนใจมันอีก ในเมื่อสิ่งที่เขาควรสนใจที่สุดนั่งอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว
“พระวรกายของพระองค์ดูซูบผอมลงหรือไม่”จ้าวอวี้ทอดสายตาเป็นห่วงเป็นใย ก่อนที่มือบางจะค่อยยกขึ้นไปลูบใบหน้าของหลี่เฉียงฮ่องเต้ “ให้กระหม่อมช่วยพระองค์คลายเครียดดีหรือไม่”
“อืม”หลี่เฉียงฮ่องเต้หลับตาลงอย่างผ่อนคลาย นิ้วเล็กๆของจ้าวอวี้ซุกซนไปตามใบหน้า ลูบคลึงบริเวณกระหม่อม หน้าผาก เปลือกตา จมูก ในตอนที่เขาจะเลื่อนไปสัมผัสที่ปาก มือของเขากลับถูกรั้งไว้โดยผู้เป็นเจ้าของ
“เว่ยเอ๋อร์ เจ้าช่างซุกซนยิ่งนัก”คำดุที่ไม่ใช่คำดุนั้นทำหน้าจ้าวอวี้ยิ้มหยีจนตาปิด
“กระหม่อมไม่ได้พบพระองค์ตั้งนาน ย่อมห่วงหาและคิดถึง”
“ขอโทษนะ ฎีกามากมายถูกส่งมาไม่เว้นแต่ละวัน”
“อื้ม กระหม่อมเข้าใจ กระหม่อมอยากให้พระองค์พักผ่อนบ้าง”เขาเอ่ยเสียงหวาน ก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปใกล้ใบหูของหลี่เฉียงฮ่องเต้ แล้วเอ่ยกระซิบเสียงพร่า “ให้กระหม่อมนวดถวายพระองค์ดีหรือไม่พะย่ะค่ะ”
“ดีสิ เจิ้นเองก็อยากใช้เวลากันเจ้านานๆ”
“เช่นนั้นกระหม่อมต้องล่วงเกินพระองค์แล้ว”จ้าวอวี้คลานไปซ้อนด้านหลังของหลี่เฉียงฮ่องเต้ เขาสอดแขนไปด้านหน้าอยู่ในท่าที่คล้ายโอบกอดอีกฝ่ายจากทางด้านหลัง มือค่อยๆจัดการปลดผ้าคาดเอวและชิ้นส่วนอื่น
เสื้อคลุมตัวสุดท้ายทิ้งตัวลงไปกองตรงเอวของฮ่องเต้หนุ่ม จ้าวอวี้ไล้นิ้วไปตามลำแขนแกร่งพยายามลงแรงกดตามไปจุดต่างๆอย่างไม่ผิดสังเกต มองผ่านๆก็เป็นเพียงการหยอกเย้าเท่านั้น
“เว่ยเอ๋อร์ของเจิ้น เจ้าหยอกล้อเจิ้นนี้ระวังตัวไว้ให้ดีเถิด”จ้าวอวี้ยิ้มให้กับประโยคนั้น เขาเลิกคิ้วขึ้นน้อยๆอย่างท้าทาย
“กระหม่อมเองก็อยากรู้ว่าพระองค์จะสักแค่ไหนกันเชียว”คนถูกท้าทายสรวลกลับเบาๆ จ้าวอวี้ค่อยๆลงมือนวด โดยเริ่มจากหลังคอไล้ลงไปตามแนวกระดูกสันหลัง เขาใช้แรงกดหนักๆสลับกับผ่อนเบาๆทั้งต้องการให้ผ่อนคลายและหยอกเย้าไปในตัว
...อ่า ด้านหลังไม่มี ใบหน้าไม่มี เหลืออยู่แค่สามจุดคือด้านหน้า หัว และส่วนล่าง
อย่าให้เขาต้องหาไปถึงส่วนสุดท้ายเลย เขาเริ่มจะหาข้ออ้างไม่ถูกแล้วนะ อย่าให้เขาต้องเอาร่างกายพลีชีพขนาดนั้นเลย เขาไม่ใช่ผู้เสียสละ
“ฝ่าบาท พระองค์คิดถึงกระหม่อมหรือไม่”จ้าวอวี้หยุดนวด เขากลับมานั่งเคียงข้างหลี่เฉียงฮ่องเต้เช่นเดิม
“ไม่ต่อแล้วรึ”
จ้าวอวี้ส่ายหน้า “กระหม่อมอยากทำมากกว่านวด กระหม่อมอยากปรนนิบัติพระองค์”
“หืม”หลี่เฉียงฮ่องเต้ชะงักไป “เจิ้นว่า...”
จ้าวอวี้ไม่รอให้อีกฝ่ายเอ่ยสิ่งใด เขาค่อยๆใช้ร่างบอบบางของตนทาบทับหลี่เฉียงฮ่องเต้ลงกับเตียง พวกเขาอยู่ในท่าที่จ้าวอวี้คร่อมร่างของผู้เป็นใหญ่เอาไว้
“ให้กระหม่อมปรนนิบัติพระองค์เถิด”ทันทีที่จ้าวอวี้เอ่ยจบ เขาก็ทาบริมฝีปากนุ่มลงบนริมฝีปากของอีกฝ่าย หลี่เฉียงฮ่องเต้มีสีหน้าตื่นตระหนก และขัดขืน จ้าวอวี้ไม่ได้สนใจเขาพยายามบดขยี้และขบกัดจนสัมผัสได้ถึงรสปร่าของเลือด ในที่สุดเขาก็สามารถแทรกลิ้นเข้าไปเกี่ยวกระหวัดได้
หลี่เฉียงฮ่องเต้ที่มีท่าทีขัดขืนในตอนแรกเริ่มผ่อนคลายลง ชายร่างสูงหลับตาลง ความรู้สึกที่รุนแรงกำลังปะทุอยู่ภายในใจของเขา มือใหญ่เผลอรั้งคอของจ้าวอวี้ให้จุมพิตของพวกเขาแนบชิดกันมากว่าเดิม เสียงของลิ้นที่ประสานกันให้ความรู้สึกหยาบโลนแต่ทว่าก็น่าฟังจนไม่อยากให้หยุดลง ความรู้สึกคุ้นเคยบางอย่างส่งผลให้ร่างกายของพวกเขาคุ้นเคยกันเร็วกว่าที่คิด
จ้าวอวี้เริ่มขยับมือซุกซนของเขาอีกครั้ง เริ่มจากการสำรวจตามไหปลาร้า อกแกร่ง หรือแม้แต่หน้าท้องที่เป็นลอนเรียงตัวสวย เขาเลือกที่จะสุ่มปัดป่ายมือไปอย่างสะเปะสะปะไม่ให้ถูกสงสัย ใบหน้าของพวกเขายังคงผลัดเปลี่ยนจูบนัวเนียกันแบบไม่อายฟ้าอายดินอายระบบ
จ้าวอวี้ลากมือไปที่หน้าอกด้านซ้าย ก่อนจะรับรู้ได้ถึงเสียงหัวใจที่เต้นรัวแรงแต่ทว่าแผ่วเบา คล้ายมีอะไรบางอย่างบังเอาไว้ เขาลูบซ้ำๆก่อนจะพบบางอย่างแข็งๆฝังอยู่ใต้ผิวหนัง
...อ่า บัคตัวนี้ ฝังชิบไว้ตรงจุดเดียวกับเขา
เขาผละใบหน้าออกจากหลี่เฉียงฮ่องเต้ พวกเขาสบตากันอยู่ชั่วครู่หนึ่งก่อนที่จ้าวอวี้จะยิ้มหวานออกมา เขาใช้แขนซ้ายล็อคคอและใบหน้าของหลี่เฉียงฮ่องเต้ไปตรงซอกคอของตัวเอง ใช้มือขวากดจิกลงบนอกแกร่งจนเลือดซิบ
หลี่เฉียงฮ่องเต้ที่คล้ายจะรู้ว่าตัวเองเสียรู้แล้วก็พยายามขัดขืนผลักจ้าวอวี้ออก แต่มันก็ช้าไปเมื่อปลายเล็บของจ้าวอวี้สัมผัสกับชิปของอีกฝ่ายได้สำเร็จ
เขาเห็นสีหน้าโกรธแค้นของหลี่เฉียงฮ่องเต้ ก่อนที่ภาพตรงหน้าจะหายไป สถานที่และเวลาถูกเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว เสียงการจราจรที่แออัด ตึกสูงมากมายที่เรียงราย ผู้คนที่เดินสวนกันขวักไขว่และมองไม่เห็นเขา เสมือนว่าเขาเป็นธาตุอากาศ จ้าวอวี้มองสำรวจภาพตรงหน้าก่อนจะยกยิ้ม
...นี่สินะ มิติเวลาในความทรงจำ
_______________50%_____________
ครั้งหนึ่งเขาเคยมีความสุข เซียวจ้าวอวี้มองสำรวจตัวเองอยู่หน้ากระจกพักหนึ่ง ก่อนจะชั่งใจว่าควรหยิบเสื้อตัวนอกตัวไหนขึ้นมาสวมดี วันนี้เขาจะต้องดูดีขึ้นมานิดหน่อย เพราะมันเป็นวันเปิดกล้องวันแรกของซีรีส์ดังที่เขาดั้นด้นไปแคสมาทั้งที่ถูกคัดค้านจากผู้ใหญ่หลายคน “ตัวนี้ หรือตัวนี้ดีนะ”เขาเม้มปาก ลองใช้เสื้อทั้งสองมาทาบ ก่อนจะเลือกตัวที่คิดว่าส่งภาพลักษณ์ในดูดีที่สุด “วันนี้จะต้องเป็นวันดีของนายนะ จ้าวอวี้”เขาพูดแล้วยิ้มให้กับตัวเองในกระจก เขาทำแบบนี้เสมอเพื่อเรียกกำลังใจของตัวเอง เซียวจ้าวอวี้ เขาคือนักร้องที่เดบิวต์มานานแต่เพราะหลายๆเหตุผลทำให้เขาผันตัวมาเป็นนักแสดง ตลอดมาเขารับบทเป็นตัวประกอบเสมอ จนกระทั่งไปแคสซีรีส์ที่มีกระแสโด่งดังมาจากนิยาย เขามองเห็นโอกาสในการก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเอง และเขาไม่ลังเลที่จะเลือกหนทางของตัวเองแม้ทุกคนจะพร้อมใจกันคัดค้าน “สวัสดีครับผู้กำกับจาง”จ้าวอวี้เอ่ยทักทายด้วยรอยยิ้มและทำความสนิทสนมกับทีมงานในกองถ่ายอย่างรวดเร็ว ด้วยความที่เขาเป็นคนอัธยาศัยดี ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาจะสามารถหาเพื่อนนักแสดงได้ภายในไม่ถึง5นาที ดวงตากลมสีดำขลับเหลือมองไปยังคนที่นั่งอยู่ตรงมุมหนึ่ง ร่างสูงขาวที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาอ่านบท ไม่สนใจสิ่งรอบข้าง ทั้งผังแผ่ออร่าน่ากลัวออกมาจนจ้าวอวี้ยังขนลุกทุกครั้งที่เฉียดเข้าไปใกล้ “เซียวเกอมองอะไรอยู่เหรอครับ”เฉิงเฉิง นักแสดงรุ่นน้องที่รับบทเป็นน้องชายของเขาเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าจ้าวอวี้มองอะไรบางอย่างอยู่ เขามองตามสายตาของรุ่นพี่ก่อนจะอุทานชื่อของชายคนนั้นออกมาเบาๆ “หวังเฉิงชุน” “นายรู้จักเขาเหรอ อาเฉิง” “พอรู้แค่ประวัติคร่าวๆน่ะครับ หวังเฉิงชุน อายุ23ปี เป็นนักร้องในวงบอยแบนด์ของทางฝั่งเกาหลี จากนั้นก็เริ่มสนใจในงานแสดง ฝีมือของเขาน่าจับตามอง เพราะผลงานทุกงาน แสดงให้เห็นถึงพัฒนาการที่ก้าวกระโดด”เฉิงเฉิงอธิบาย จ้าวอวี้ยังคงมองหวังเฉิงชุนอย่างไม่ลดละ แม้ว่าเขาจะไม่อยากเข้าใกล้อีกฝ่ายนัก แต่ใบหน้าที่บึ้งตึงไร้รอยยิ้มนั้นก็ทำให้เขาไม่สามารถละสายตาได้เช่นกัน หวังเฉิงชุนคล้ายรู้สึกตัวว่ากำลังถูกจับจ้อง เขาเงยหน้าขึ้นมาจากบทในมือ ดวงตาหงส์ของเขาสบเข้ากับดวงตากลมโตและฟันกระต่ายที่ค่อยๆส่งยิ้มมาให้เขาอย่างกล้าๆกลัวๆ เขามองการกระทำของเพื่อนร่วมงานนิ่งๆก่อนจะเบนสายตากลับไปที่บทเหมือนเดิม “หยิ่งจังเลย”เฉิงเฉิงงึมงำ “เขาเป็นนักแสดงนำคู่กับพี่นี่ครับ เมินกันแบบนี้ไม่ถูกต้องนะ!” “ไม่เป็นไรหรอกอาเฉิง เดี๋ยวพี่ไปทำความรู้จักเขาเอง ยังไงพวกเราก็ต้องร่วมงานกับเขา ดีๆกันไว้น่าจะดีกว่า”จ้าวอวี้ยิ้มเมื่อเห็นใบหน้ายู่ยี่ของรุ่นน้อง “เซียวเกอไปคนเดียวแล้วกันนะครับ ผมไม่เอาด้วยหรอก”จ้าวอวี้ส่ายหน้าระอากึ่งเอ็นดู เขาลุกขึ้นจากที่นั่งพักของตนและเดินตรงไปหารุ่นน้องนักแสดงมากฝีมือคนนั้น...หวังเฉิงชุน “สวัสดี นายคือหวังเฉิงชุนใช่ไหม”เขาเดินมาหยุดอยุ่ตรงหน้าชายหนุ่ม หวังเฉิงชุนเงยหน้าขึ้นมองจ้าวอวี้ “ฉันชื่อเซียวจ้าวอวี้นะ ยินดีที่ได้รู้จัก”จ้าวอวี้ยิ้มตาหยีโชว์ฟันกระต่ายน้อยๆของตน เขาไม่รู้เลยว่ารอยยิ้มเพียงรอยยิ้มเดียวทำให้หัวใจของใครบางคน...ไม่เป็นของตัวเองอีกต่อไป เซียวจ้าวอวี้และหวังเฉิงชุนสนิทกันอย่างรวดเร็ว พวกเขาตัวติดกันชนิดที่เฉิงเฉิงบ่นเขาจนหูชา แต่จ้าวอวี้ก็ยังดั้นด้นเดินไปหาหวังเฉิงชุนแม้ว่าห้องพักของอีกฝ่ายจะห่างกับห้องพักของเขาคนละโยด “เซียวเกอ ดูนี่สิ คราวนี้ผมเก็บรอบที่สนามด้วยสถิติใหม่ล่ะ”หวังเฉิงชุนยื่นคลิปวิดิโอของตัวเองให้เขาดู จ้าวอวี้รับมาดูก่อนจะยิ้มน้อยๆแล้วเอ่ยยกยออีกฝ่ายมากๆหน่อย ถึงความจริงแล้วเขาจะไม่ได้สนใจกีฬาแข่งรถและดูมันไม่รู้เรื่องก็ตาม “เก่งจังเลยเหล่าหวัง สุดยอดจริงๆ นายดูเท่มากเลย”คนถูกชมยิ้มหน้าบาน เขามองการแสดงออกเหมือนเด็กน้อยของหวังเฉงชุนด้วยความเอ็นดู ...เหล่าหวังตัวน้อย น้องชายคนสนิทของเขา “เซียวเกอทำอะไรอยู่”หวังเฉิงชุนเอ่ยทักจ้าวอวี้ที่หลบมุมอยู่แถวต้นไม้กลางค่ำกลางคืน จ้าวอวี้สะดุ้งโหยงเผลอปล่อยโทรศัพท์ในมือตกลงกับพื้น รีบปาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มออกอย่างรวดเร็ว “พี่ออกมาโทรศัพท์น่ะ เหล่าหวังล่ะ ออกมาทำอะไร”เขาพยายามไม่ให้เสียงของตัวเองสั่น ก่อนจะส่งยิ้มฝืนไปให้รุ่นน้องหนุ่มแล้วก้มหยิบโทรศัพท์แก้เก้อ “ผมเห็นพี่หายไปเลยออกมาตาม” “อ่า งั้นเหรอ งั้นพวกเรากลับเข้าที่พักกันเถอะ”จ้าวอวี้เตรียมที่จะเดินออกไป แต่แขนของเขาถูกรั้งเอาไว้ หวังเฉิงชุนอาศัยความมืดผลักเขาจนแผ่นหลังชิดกับต้นไม้ ดวงตาของจ้าวอวี้เบิกโพลง หวังเฉิงชุนเอื้อมมือขึ้นมาทาบลงกับใบหน้าของเขา นิ้วของอีกฝ่ายเกลี่ยไปตามดวงตาที่เริ่มบวมและยังชุ่มน้ำตา “เซียวเกอ...พี่ร้องไห้ทำไม” “ม..ไม่มีอะไร เหล่าหวังพวกเรากลับไปที่พักเถอะ เดี๋ยวคนอื่นตามหา” “ตอบผม”คำสั้นนั่นช่างแสดงถึงความดื้อรั้นและเผด็จการ จ้าวอวี้ที่กำลังอ่อนไหวอยู่เม้มปากแน่น เขาเริ่มห้ามน้ำตาที่พยายามสะกดไว้ไม่อยู่ สุดท้ายเขาก็โถมตัวกอดรุ่นน้องหนุ่ม ร้องไห้ออกมาราวกับจะขาดใจตาย คืนนั้นเขาไม่ได้บอกอะไรกับหวังเฉิงชุนเลย ทั้งเหตุผลที่ร้องไห้ ทั้งความหมายของอ้อมกอดที่มอบให้ หวังเฉิงชุนทำเพียงลูบหลังให้เขาเงียบๆ ไม่ได้ถามก้าวก่ายจนเขาอึดอัด ...ตอนนั้น จ้าวอวี้รู้สึกวางใจหวังเฉิงชุนมากพอที่จะบอกความลับที่เขาปิดบังมาตลอด “เหล่าหวัง นี่คือลู่เทียน เรียกเขาว่าลู่เกอก็ได้...เขาเป็นแฟนของพี่เอง” จบประโยคนั้นภาพทุกอย่างก็ตัดไป จ้าวอวี้ลืมตาอีกครั้งก่อนจะพบว่าตัวเองกลับมาในโลกจีนโบราณอีกครั้ง ใบหน้าของเขายังฉายแววสับสน ไม่เข้าใจ ทำไมถึงมีเขาอยู่ในความทรงจำของอีกฝ่าย “หวัง...เฉิงชุน คือคุณอย่างนั้นเหรอ”คนถูกถามนิ่งไป ใบหน้าของเขาเย็นชาขึ้นจนทำให้ทั้งร่างของจ้าวอวี้สั่นสะท้าน ความโกรธที่สาดทอผ่านแววตาชัดเจนมากจนจ้าวอวี้เผลอถอยออกมา “เห็นอะไรในนั้น” “...” “ฉันถามว่าเห็นอะไรในนั้นบ้าง!”อีกฝ่ายปรี่เข้ามาใกล้ด้วยเจตนาไม่หวังดี มือใหญ่กำรอบลำคอของเขาแน่น จ้าวอวี้พยายามขัดขืน แต่อีกฝ่ายคล้ายจะต้องการฆ่าเขาจริงๆ และทันใดนั้นเขาก็เริ่มกระอีกเลือดออกมา บัคตัวนั้นหรือหวังเฉิงชุนเองก็เช่นกัน ...นี่มันอะไรกัน “หึ ฉันจะปล่อยเธอให้รอดไปก่อน แต่รับรองเจอกันอีกครั้งฉันไม่ปล่อยเธอไว้แน่”ว่าจบร่างของพวกเขาก็ล้มลงกับพื้นพร้อมกัน จ้าวอวี้ไม่เข้าใจแต่ตอนนี้หัวใจของเขาเริ่มเต้นช้าลงเรื่อยๆ ก่อนที่กลิ่นจางๆในอากาศที่ลอยมาจะทำให้เขาเข้าใจ มันคือยาพิษชนิดหนึ่งที่มีสรรพคุณเป็นยาแต่หากสูดเข้าไปสักพักมันจะกลายเป็นพิษสะสมในกายและทำให้หัวใจหยุดทำงาน บัคตัวนั้นฆ่าเขาและฆ่าตัวเองไปพร้อมกัน เท่านี้ตัวละครเอกตัวสุดท้ายที่รั้งไม่ให้หวังเฉิงชุนออกจากโลกก็ตายลง และพวกเขาก็กลับไปเริ่มต้นที่ศูนย์อีกครั้ง _______________________________ จบไปแล้วอีกภาคนะครับ มุ่งตรงเข้าสู่โลกฟีลกู๊ดดดดด ตอนนี้พาร์ทก่อนเป็นเจ้าหน้าที่อยู่ในช่วงต้มมาม่า เรามาค่อยๆเก็บเนื้อเรื่องกันไปนะคะ (ถ้าใจเรามันขี้ชิป เราก็ต้องไปให้สุดในโลกจริงค่ะ) ________________________________ ---หวังเฉิงชุน--- (ภาพแตกมากค่ะTT) ---เซียวจ้าวอวี้---
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

เอาใจช่วยค่ะอยากให้น้องจำได้