ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : chapter3 Story Teller : Nes
Chapter 3
Story Teller : Nes
ผมไม่คิดว่ามันเป็นความลับ...
ในที่สุดรถตู้ก็เลี้ยวเข้ามาถึงบริเวณตึกที่เป็นบริษัทของพวกเรา พี่คนขับรีบวิ่งลงมาเปิดประตูให้ ผมก้าวลงมาคนแรก แล้วยื่นมาไปให้ซิลวี่จับแล้วเดินลงมาบ้าง ตามมาด้วยคนสุดท้ายที่ผมเองก็ยื่นมาให้อยู่ แต่เขากลับเมินมัน แล้วกระโดดลงไปยืนข้างซิลวี่ทันที
...แอมป์มองเห็นผมรึเปล่าเนี่ย...
ผมก็ได้แต่แอบคิดน้อยใจเบาๆ เอ๊ะ ผมจะน้อยใจทำไมกันนะ น้องมันช่วยตัวเองได้ก็ดีแล้วนี่ เวร แล้วผมจะมานั่งเถียงอยู่กับตัวเองทำไม = =
ผมหลุดออกจากความคิดของตัวเอง แล้วเดินขึ้นไปตามทางขึ้น รอบข้างมีเหล่าแฟนคลับมารอพวกเราเหมือนเดิม แต่แน่นอน ตอนนี้พวกเรายังไม่ได้รับสิทธิ์ที่จะลงไปคลุกคลีกับแฟนคลับหรือยังไง เพราะเรายังไม่ได้เป็นศิลปินเต็มตัว คงต้องรอซิงเกิ้ลแรกปล่อยและงานแถลงข่าวก่อน
ทุกๆวัน เราทั้งหกคนจะสลับสับเปลี่ยนกันเข้ามาที่ตึกนี้เพื่อเรียนร้อง เรียนเต้น และเตรียมความพร้อมที่จะเป็นศิลปินจริงๆ ซึ่งวันนี้ก็เป็นเวรของผม ซิลวี่ และแอมป์
ลิฟต์เปิดขึ้นพอดี ผมหลีกทางให้น้องอย่างซิลวี่และแอมป์ขึ้นไปก่อน ตลอดทางแอมป์กับซิลวี่คุยกันเรื่องนี้เรื่องนั้น เรื่องทฤษฎีดนตรีต่างๆ เทคนิคการร้องซึ่งผมได้แต่นิ่งเงียบอยู่อย่างนั้น จะทำยังไงได้ก็ผมไม่รู้เรื่องพวกนั้นนี่หน่า แต่ผมก็อยากจะคุยกับแอมป์อย่างสนิทสนมอย่างนี้ได้บ้าง
"พี่เนส พี่เนส"
"ห๊ะ" เสียงเรียกเบาๆเอ่ยขึ้น ทำให้ผมหลุดจากภวังค์อีกครั้ง (ทำไมผมเอ๋อได้ตลอดเวลาอยา่งนี้เนี่ย) ผมมองใบหน้าขาวใสรูปไข่ที่ยื่นหน้ามาใกล้ๆผมนั้น ก็ผงะไปเล็กน้อย
แอมป์ วันหลังไม่เอาหน้ามาใกล้พี่อย่างนี้นะ...
"พี่เนสเหม่อตลอดเลยอ่ะ เป็นอะไรรึเปล่า เครียดเรื่องเพลง?" แอมป์เอ่ยถามต่อ นี่เป็นอีกครั้งที่แอมป์ต้องเรียกผมและชวนผมคุยก่อน ผมเองก็อึดอัดตัวเองเหมือนกันนะ
ผมอยากจะเริ่มคุยกับแอมป์ก่อนบ้าง แต่ว่าเพียงแค่เอ่้ยคำพูดในหัวของผมก็มีอะไรเยอะแยะไปหมด มันเรียบเรียงไม่ถูก สับสน ความรู้สึกอย่างนี้มันเรียกอะไรกัน...
"อ่อ เปล่าๆ พี่คิดอะไรนิดหน่อยนะ" ผมตอบแล้วยิ้มกลับไป แอมป์ดูจะตกใจไปเล้กน้อยกับรอยยิ้มของผม
เห้ย ผมทำอะไรผิดรึเปล่าเนี่ย
"อะอืม..." นั่นไง ผมต้องทำอะไรผิดเข้าแล้วแน่ๆเลย แอมป์ถึงได้รีบก้มหน้ากลับไปดูเนื้อเพลงในมือตัวเองทันที โอ๊ย ไอ้บ้าเนส แกทำได้ยังไงว่ะ
"แอมป์ คือ... อ้อ แล้วเพลงแอมป์ล้ะ เป็นยังไงบ้าง" ผมถาม ผมพยายามจะชวนคุยให้ได้ เอาว่ะ แกต้องทำได้ไอ้เนส
"อ้อ ก็ดีขึ้นกว่าเดิมแล้วอ่ะครับพี่ แต่มันก็ยากเนอะ" แอมป์ตอบกลับมา พร้อมเชิดริมฝีปากขึ้นนิดหน่อย
น่ารักเป็นบ้า...
เห้ย ซิลวี่คิดอะไรเนี่ย สาบานได้ ไม่ใช่ความคิดผมสักนิดเดียว
.........
โอเค~ ผมยอมรับก็ได้ว่าผมมองคนตรงหน้านี่น่ารัก T^T
"อ้าว ซิลวี่เป็นไงบ้าง" ผมคุยกับแอมป์ต่อไปไม่นาน ซิลวี่ก็เดินออกมาจากห้องเรียนร้องเพลง แอมป์ก็รีบถามทันที แต่ดูจากหน้าตาน้องสาวผมแล้ว ท่าทางจะหนักเอาเรื่องแฮะ
"เหอๆ พี่แอมป์ พี่เนส ไปเจอกันเองล้ะกันนะ" น้องพูดออกมาแค่นั้นแล้วขอตัวห้องน้ำ โอ๊ย นี่มันอะไรกันเนี่ย วันนี้เกิดอะไรก็ไม่รู้อยู่ดีๆ คุณกัน Phenomena โปรดิวเซอร์อัลบั้มของเรา ก็ส่งคุณไอซ์ Phenomena คนแต่งเพลงมาสอนพวกผมร้องเพลงโดยตรง
เขาบอกว่ามันจะทำให้พวกเราเข้าใจเพลงได้ดีขึ้นถ้าเรียนกับคนแต่ง แต่พวกผมไม่พร้อม T^T
แล้วต่อไปตาผมสินะ....
ผมมองแอมป์ที่หันหน้ามาพยักหน้าให้กำลังใจผม แค่นั้นผมก็เหมือนมีแรงใจฮึดขึ้นมาทันที...
ผมสูดลมหายใจเข้า เรียกความมั่นใจให้กับตัวเองแล้วเปิดประตูห้องเรียนร้องเพลงเข้าไปทันที
"เนสนับตามครูนะ 1 2 3 4" ทุกคนอาจจะงง แต่ตอนนี้ผมย้ายมาเรียนเต้นกับครูตุ๊กตาแล้วครับ ส่วนเรื่องตอนผมร้องเพลงหรอ โอ๊ย ปล่อยมันไปเถอะครับ ผมไม่อยากจะเล่าให้คนอื่นฟังสักเท่าไรหรอก
ผมเต้นตามครูตุ๊กตาไปเรื่อยๆ ตาก็เหลือบมองกระจกที่สะท้อนภาพของห้องฝั่งตรงข้าม นั่นคือห้องเรียนร้องเพลงนั่นเอง...
ใช่ครับ พอผมย้ายมาเรียนเต้น แอมป์ก็เข้าไปเรียนร้องนั่นเอง
แต่... ผมไม่ได้มองหาแอมป์นะครับ ผมแค่อยากรู้ว่าเรียนเสร็จแล้วสีหน้าจะเป็นแบบไหนแค่นั้นเอง
โอ๊ย ผมเป็นอะไรอีกแล้วเนี่ย เพระาผมคิดนุ่นนี่ ผมเต้นท่าเดิมผิดมาสองรอบล้ะนะ เอาใหม่ๆ
หืม? O_O!
โอ้ว พอผมบอกจะเอาใหม่ ประตูห้องร้องเพลงก็เปิดออกมา และคนที่ผมรออยู่ เห้ย ไม่ได้รอ ช่างเถอะ แอมป์เดินออกมาจากห้อง
เขาเก็บเนื้อเพลงและเอ็มพีสามใส่กระเป๋า แล้วเดินออกไป
ไปไหนหว่า... ห้องน้ำหรอ...
"เนส เนส เนส!!! ฟังครูอยู่รึเปล่า" เสียงครูตุ๊กตาดังขึ้นอีกรอบ ผมรีบเปลี่ยนโฟกัสมาทันที อ๊าก ตายแน่กุ
"ครับๆ ฟังอยู่ครับ ต่อกันเลยดีกว่าๆ" อืม ผมควรจะไปถามแอมป์ทีหลังดีกว่านะ ตอนนี้ตั้งใจเรียนก่อนละกัน
เรากลับถึงบ้านของพวกเราตอนประมาณทุ่มนึงได้ และพอเราลงจากรถก็เห็นนทเล่นอูคุเลเล่อยู่ในสวน เอ๊ะ ทำไมไม่ไปเล่นในบ้านล้ะ
"พี่นททททททท" ซิลวี่รีบลงจากรถแล้วพุ่งไปกอดนททันที
"ทำไมมานั่งตรงนี้ล้ะ ไปนั่งในบ้านสิ" แล้วซิลวี่ก็เอ่ยถามประโยคเด็ดที่ผมและแอมป์ที่ยืนตากยุงอยู่ก็อยากรู้ นั่นสิ หรือในบ้านมีอะไร
"เหอะ จะเข้าไปได้ไงล่ะ ก็ตูมตามก็บจูเนียร์อ่ะดิ ละเลงบ้านซะพังเลย" ฮะ ไอ้สองคนนั้นมันพังบ้านอีกแล้วหรอ ว่าแล้วทั้งผม แอมป์ และซิลวี่ก็รีบไปเปิดประตูบ้านออกดู (นทยังคงสุนทรีย์กับอูคุเลเล่) ก็พบว่าตามกับเนียร์กำลังทำความสะอาด เอ๊ะ หรือเรียกว่าทำให้มันเลอะกว่าเดิมดี ก็ถือไม้ถูพื้นคนละอัน แต่กัดกันเป็นบ้า ให้ตายเถอะ = =
จริงๆที่พวกเราไม่ตกใจมากกว่านี้เพราะตูมตามกับจูเนียร์ทะเลาะกันแล้วทำลายบ้านต้องมาเก็บกวาดทำความสะอาดเป็นประจำ ก็คนนึงชอบแกล้ง อีกคนไม่ชอบโดนแกล้ง มันก็ทะเลาะกันบ้านแตกสิครับ แต่ไม่รู้สิ ผมว่าตูมตามกับจูเนียร์มีอะไรแปลกๆระหว่างกันและกันนะ
...หรือผมคิดไปเอง...
"เห้ยยยยยย" เสียงของแอมป์ร้องขึ้นมา ผมรีบเรียกสติให้กลับมาอย่างรวดเร็ว แล้วใช้อ้อมแขน(ที่ไม่ค่อยแข็งแกร่งเท่าไร)รับร่างของแอมป์ที่ลื่นล้มเพราะพื้นเปียกน้ำตรงหน้า
แต่ผมก็รู้สึกว่าทำผิดพลาดไปแล้ว เพราะตอนนี้ใบหน้าของผมกับแอมป์มันอยู่ใกล้กันชนิดว่าแทบจะติดกันอยู่แล้ว พับผ่าเถอะ ใจผมมันเต้นแรงเหมือนจะหลุดออกมานอกอกอยู่แล้ว
ไอ้คนตรงหน้าผมก็ได้แต่ตาโตใส่ เอ๊ะๆ ถ้าผมมองไม่ผิด แอมป์หน้าแดงด้วยหรอเนี่ย เขินงั้นหรอ อ๊ากกกกกก อย่าทำแบบนี้นะ ผมเขินตาม ><
"พะ...พี่เนส ปล่อยแอมป์ก่อน หะ...หายใจไม่ออก" แอมป์เอ่ยท้วงขึ้นเบาๆ เฮือก เสียงมันเหมือนกระซิบอยู่ข้างหูผมเลย แค่คิดหน้าผมก็ร้อนไปหมดแล้ว นี่มันไรกันเนี่ย...
"อ่ะ โทษที" ว่าแล้วผมก็คลายอ้อมแขนของตัวเอง แล้วพยุงร่างของแอมป์ให้มายืนตรงหน้า คนตรงหน้าสำรวจร่างกายตัวเองนิดหน่อย
"ขอบคุณนะครับ :)" แอมป์ตอบกลับมาพร้อมกับรอยยิ้มจริงใจที่สุด อ๋อย
"ไม่เป็นไร พี่..."
"พี่แอมป์ ผมขอโทษ เป็นไรป่ะอ่ะ" ผมยังพูดไม่ทันจะจบประโยค ไอ้ตัวก่อเรื่องอย่างจูเนียร์ก็เสนอหน้ามาหาแอมป์ เข้าไปดูบนเนื้อตัวของแอมป์...
ประเด็นคือ...ผมอยากพูดประโยคเมื่อกี้ให้จบนะ = =
ป๊าบบบบ
"นี่แหนะ ไม่ยุ่งกับเขาอีก เพราะแกแหละ พี่แอมป์เลยล้มเลย ไปเลย เช็ดให้เรียบร้อย" ตูมตามจัดการเบิ๊ดกะโหลกจูเนียร์ไปทีนึง แล้วส่งให้ไปเช้ดพื้นต่อ แล้วตัวเองก็ยกมือไหว้ขอโทษแอมป์ก่อนไปช่วยจูเนียร์เช็ดพื้น
นี่พวกมันเล่นอะไรกันเนี่ย ถึงเปียกไปทั้งบ้านแบบนี้...
ผมหันไปมองคนข้างๆผมที่กำลังยิ้มอยู่นั้นก็อดมีความสุขตามไม่ได้ ผมชอบรอยยิ้มของแอมป์จัง ผมรู้สึกว่ามันทำให้โลกนี้สดใสขึ้นเยอะเลย
ทำยังไงนะ ผมถึงจะรักษารอยยิ้มนั้นไว้ได้ตลอด...
"จัดการให้เรียบร้อยล้ะ พี่จะขึ้นไปจัดการตัวเองล้ะ บ๊ายบาย" แอมป์ส่งเสียงบอกลิงสองตัวนั่น เรียกเสียงโห่กลับมาได้ไม่น้อยเลย ก็ยังเหลือจัดการอีกหลายเรื่องนี่หน่้า
แล้วแอมป์ก็เดินขึ้นบันไดไป ตามด้วยซิลวี่ ผมได้แต่มองตามไปอยา่งละห้อย พยายามควบคุมหัวใจตัวเองไม่ให้เต้นแรงไปเวลาเห็นรอยยิ้มนั้น...
ผมหลงเสน่ห์คนๆนี้ไปแล้วหมดใจ...
คิดแค่นั้นรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นมา ผมหันหลังจะไปยกห้อง แต่ก็เจอกับนทที่ยืนมองผมอยู่ด้วยสายตา...สงสัย
ผมยิ้มแล้วเลิกคิ้วเป็นเชิงถามนทว่ามีอะไรรึเปล่า แต่เธอก็แค่ขมวดคิ้วกลับ สั่นหัวไปมาสองสามที แล้ววิ่งออกไป...
อะไรกันหว่า
ช่างเถอะ วันนี้ผมมีความสุขกับรอยยิ้มนั่นจริงๆนะ
"ว้าวววววว พ่อทหารเอก ไม่มีความลับงั้นหรอ" ชายหนุ่มหันไปพูดกับคนที่นั่งอยู่
"หึ แต่คิดหรอว่าผมจะเชื่อคุณ เพราะผมเห็นเค้าลางความวุ่นวายมาแล้วแหละ" ชายหนุ่มพูดต่อไปอีก ไม่สนใจว่าคู่สนทนาของเขาจะสนใจหรือไม่
"แล้วผมจะรอความลับข้อต่อไปของคุณ เชิญครับ" สุดท้ายเขาก็ยิ้มแย้มแล้วผายมือไปทางทางออก ให้คนตรงหน้าเดินออกจากห้องไป
จากสามคนที่ฟังมา เขาพึงพอใจกับคนๆนี้ที่สุดแล้ว
ท่าทางจะต้องเรียกมาฟังบ่อยๆสินะ ทหารเอก~
---------------------------------------------
ไรเตอร์ขอใช้พื้นที่แถลงการณ์นิดนึงนะครับ
เนื่องจากรีดเดอร์มีความสงสัยในเนื้อเรื่องกันนิดหน่อย
เรื่องนี้แก่นของมันจะอยู่ที่ 'ความลับ' คำเดียวเลยครับ
ทุกตัวละครของเรื่องนี้มีความลับของตนเองอยู่
และไรเตอร์จะให้รีดเดอร์ได้รู้ความลับของทุกตัวละครไปเรื่อยๆ
ผ่านมุมมองของตัวละครนั้นเอง จากการเป็น Story Teller
และถ้าบางคนงง คิดว่าเนื้อเรื่องยังไม่สมบูรณ์
ตอนต่อๆไปจะช่วยให้สมบูรณ์นั่นเองครับ
พูดไปพูดมายังไงก็อยากให้ติดตามต่อไปครับ
หวังว่าสามตอนที่ผ่านมา ได้รู้ความลับของคนสามคนจะช่วยไรบ้างนะครับ
ไม่เข้าใจตรงไหน อยากถามอะไรไรเตอร์
ทำได้เต็มที่เลยนะครับ ถ้าคำถามไหนที่ไม่ทำให้เนื้อเรื่องเสียจะตอบครับ
ส่วนคำถามที่ว่าใครคู่ใครนั้น ต้องติดตามต่อไปครับ เพราะเรื่องจะวุ่นกว่านี้แน่้นอน
ยาวไปล้ะๆ แค่นี้ก่อนละกันนะครับ ฝากคำถาม คำติชมไว้ได้นะครับ
อย่าอ่านแล้วเงียบไปเลยน้า ไรเตอร์ใจไม่ดี T^T
Story Teller : Nes
ผมไม่คิดว่ามันเป็นความลับ...
ในที่สุดรถตู้ก็เลี้ยวเข้ามาถึงบริเวณตึกที่เป็นบริษัทของพวกเรา พี่คนขับรีบวิ่งลงมาเปิดประตูให้ ผมก้าวลงมาคนแรก แล้วยื่นมาไปให้ซิลวี่จับแล้วเดินลงมาบ้าง ตามมาด้วยคนสุดท้ายที่ผมเองก็ยื่นมาให้อยู่ แต่เขากลับเมินมัน แล้วกระโดดลงไปยืนข้างซิลวี่ทันที
...แอมป์มองเห็นผมรึเปล่าเนี่ย...
ผมก็ได้แต่แอบคิดน้อยใจเบาๆ เอ๊ะ ผมจะน้อยใจทำไมกันนะ น้องมันช่วยตัวเองได้ก็ดีแล้วนี่ เวร แล้วผมจะมานั่งเถียงอยู่กับตัวเองทำไม = =
ผมหลุดออกจากความคิดของตัวเอง แล้วเดินขึ้นไปตามทางขึ้น รอบข้างมีเหล่าแฟนคลับมารอพวกเราเหมือนเดิม แต่แน่นอน ตอนนี้พวกเรายังไม่ได้รับสิทธิ์ที่จะลงไปคลุกคลีกับแฟนคลับหรือยังไง เพราะเรายังไม่ได้เป็นศิลปินเต็มตัว คงต้องรอซิงเกิ้ลแรกปล่อยและงานแถลงข่าวก่อน
ทุกๆวัน เราทั้งหกคนจะสลับสับเปลี่ยนกันเข้ามาที่ตึกนี้เพื่อเรียนร้อง เรียนเต้น และเตรียมความพร้อมที่จะเป็นศิลปินจริงๆ ซึ่งวันนี้ก็เป็นเวรของผม ซิลวี่ และแอมป์
ลิฟต์เปิดขึ้นพอดี ผมหลีกทางให้น้องอย่างซิลวี่และแอมป์ขึ้นไปก่อน ตลอดทางแอมป์กับซิลวี่คุยกันเรื่องนี้เรื่องนั้น เรื่องทฤษฎีดนตรีต่างๆ เทคนิคการร้องซึ่งผมได้แต่นิ่งเงียบอยู่อย่างนั้น จะทำยังไงได้ก็ผมไม่รู้เรื่องพวกนั้นนี่หน่า แต่ผมก็อยากจะคุยกับแอมป์อย่างสนิทสนมอย่างนี้ได้บ้าง
"พี่เนส พี่เนส"
"ห๊ะ" เสียงเรียกเบาๆเอ่ยขึ้น ทำให้ผมหลุดจากภวังค์อีกครั้ง (ทำไมผมเอ๋อได้ตลอดเวลาอยา่งนี้เนี่ย) ผมมองใบหน้าขาวใสรูปไข่ที่ยื่นหน้ามาใกล้ๆผมนั้น ก็ผงะไปเล็กน้อย
แอมป์ วันหลังไม่เอาหน้ามาใกล้พี่อย่างนี้นะ...
"พี่เนสเหม่อตลอดเลยอ่ะ เป็นอะไรรึเปล่า เครียดเรื่องเพลง?" แอมป์เอ่ยถามต่อ นี่เป็นอีกครั้งที่แอมป์ต้องเรียกผมและชวนผมคุยก่อน ผมเองก็อึดอัดตัวเองเหมือนกันนะ
ผมอยากจะเริ่มคุยกับแอมป์ก่อนบ้าง แต่ว่าเพียงแค่เอ่้ยคำพูดในหัวของผมก็มีอะไรเยอะแยะไปหมด มันเรียบเรียงไม่ถูก สับสน ความรู้สึกอย่างนี้มันเรียกอะไรกัน...
"อ่อ เปล่าๆ พี่คิดอะไรนิดหน่อยนะ" ผมตอบแล้วยิ้มกลับไป แอมป์ดูจะตกใจไปเล้กน้อยกับรอยยิ้มของผม
เห้ย ผมทำอะไรผิดรึเปล่าเนี่ย
"อะอืม..." นั่นไง ผมต้องทำอะไรผิดเข้าแล้วแน่ๆเลย แอมป์ถึงได้รีบก้มหน้ากลับไปดูเนื้อเพลงในมือตัวเองทันที โอ๊ย ไอ้บ้าเนส แกทำได้ยังไงว่ะ
"แอมป์ คือ... อ้อ แล้วเพลงแอมป์ล้ะ เป็นยังไงบ้าง" ผมถาม ผมพยายามจะชวนคุยให้ได้ เอาว่ะ แกต้องทำได้ไอ้เนส
"อ้อ ก็ดีขึ้นกว่าเดิมแล้วอ่ะครับพี่ แต่มันก็ยากเนอะ" แอมป์ตอบกลับมา พร้อมเชิดริมฝีปากขึ้นนิดหน่อย
น่ารักเป็นบ้า...
เห้ย ซิลวี่คิดอะไรเนี่ย สาบานได้ ไม่ใช่ความคิดผมสักนิดเดียว
.........
โอเค~ ผมยอมรับก็ได้ว่าผมมองคนตรงหน้านี่น่ารัก T^T
"อ้าว ซิลวี่เป็นไงบ้าง" ผมคุยกับแอมป์ต่อไปไม่นาน ซิลวี่ก็เดินออกมาจากห้องเรียนร้องเพลง แอมป์ก็รีบถามทันที แต่ดูจากหน้าตาน้องสาวผมแล้ว ท่าทางจะหนักเอาเรื่องแฮะ
"เหอๆ พี่แอมป์ พี่เนส ไปเจอกันเองล้ะกันนะ" น้องพูดออกมาแค่นั้นแล้วขอตัวห้องน้ำ โอ๊ย นี่มันอะไรกันเนี่ย วันนี้เกิดอะไรก็ไม่รู้อยู่ดีๆ คุณกัน Phenomena โปรดิวเซอร์อัลบั้มของเรา ก็ส่งคุณไอซ์ Phenomena คนแต่งเพลงมาสอนพวกผมร้องเพลงโดยตรง
เขาบอกว่ามันจะทำให้พวกเราเข้าใจเพลงได้ดีขึ้นถ้าเรียนกับคนแต่ง แต่พวกผมไม่พร้อม T^T
แล้วต่อไปตาผมสินะ....
ผมมองแอมป์ที่หันหน้ามาพยักหน้าให้กำลังใจผม แค่นั้นผมก็เหมือนมีแรงใจฮึดขึ้นมาทันที...
ผมสูดลมหายใจเข้า เรียกความมั่นใจให้กับตัวเองแล้วเปิดประตูห้องเรียนร้องเพลงเข้าไปทันที
"เนสนับตามครูนะ 1 2 3 4" ทุกคนอาจจะงง แต่ตอนนี้ผมย้ายมาเรียนเต้นกับครูตุ๊กตาแล้วครับ ส่วนเรื่องตอนผมร้องเพลงหรอ โอ๊ย ปล่อยมันไปเถอะครับ ผมไม่อยากจะเล่าให้คนอื่นฟังสักเท่าไรหรอก
ผมเต้นตามครูตุ๊กตาไปเรื่อยๆ ตาก็เหลือบมองกระจกที่สะท้อนภาพของห้องฝั่งตรงข้าม นั่นคือห้องเรียนร้องเพลงนั่นเอง...
ใช่ครับ พอผมย้ายมาเรียนเต้น แอมป์ก็เข้าไปเรียนร้องนั่นเอง
แต่... ผมไม่ได้มองหาแอมป์นะครับ ผมแค่อยากรู้ว่าเรียนเสร็จแล้วสีหน้าจะเป็นแบบไหนแค่นั้นเอง
โอ๊ย ผมเป็นอะไรอีกแล้วเนี่ย เพระาผมคิดนุ่นนี่ ผมเต้นท่าเดิมผิดมาสองรอบล้ะนะ เอาใหม่ๆ
หืม? O_O!
โอ้ว พอผมบอกจะเอาใหม่ ประตูห้องร้องเพลงก็เปิดออกมา และคนที่ผมรออยู่ เห้ย ไม่ได้รอ ช่างเถอะ แอมป์เดินออกมาจากห้อง
เขาเก็บเนื้อเพลงและเอ็มพีสามใส่กระเป๋า แล้วเดินออกไป
ไปไหนหว่า... ห้องน้ำหรอ...
"เนส เนส เนส!!! ฟังครูอยู่รึเปล่า" เสียงครูตุ๊กตาดังขึ้นอีกรอบ ผมรีบเปลี่ยนโฟกัสมาทันที อ๊าก ตายแน่กุ
"ครับๆ ฟังอยู่ครับ ต่อกันเลยดีกว่าๆ" อืม ผมควรจะไปถามแอมป์ทีหลังดีกว่านะ ตอนนี้ตั้งใจเรียนก่อนละกัน
เรากลับถึงบ้านของพวกเราตอนประมาณทุ่มนึงได้ และพอเราลงจากรถก็เห็นนทเล่นอูคุเลเล่อยู่ในสวน เอ๊ะ ทำไมไม่ไปเล่นในบ้านล้ะ
"พี่นททททททท" ซิลวี่รีบลงจากรถแล้วพุ่งไปกอดนททันที
"ทำไมมานั่งตรงนี้ล้ะ ไปนั่งในบ้านสิ" แล้วซิลวี่ก็เอ่ยถามประโยคเด็ดที่ผมและแอมป์ที่ยืนตากยุงอยู่ก็อยากรู้ นั่นสิ หรือในบ้านมีอะไร
"เหอะ จะเข้าไปได้ไงล่ะ ก็ตูมตามก็บจูเนียร์อ่ะดิ ละเลงบ้านซะพังเลย" ฮะ ไอ้สองคนนั้นมันพังบ้านอีกแล้วหรอ ว่าแล้วทั้งผม แอมป์ และซิลวี่ก็รีบไปเปิดประตูบ้านออกดู (นทยังคงสุนทรีย์กับอูคุเลเล่) ก็พบว่าตามกับเนียร์กำลังทำความสะอาด เอ๊ะ หรือเรียกว่าทำให้มันเลอะกว่าเดิมดี ก็ถือไม้ถูพื้นคนละอัน แต่กัดกันเป็นบ้า ให้ตายเถอะ = =
จริงๆที่พวกเราไม่ตกใจมากกว่านี้เพราะตูมตามกับจูเนียร์ทะเลาะกันแล้วทำลายบ้านต้องมาเก็บกวาดทำความสะอาดเป็นประจำ ก็คนนึงชอบแกล้ง อีกคนไม่ชอบโดนแกล้ง มันก็ทะเลาะกันบ้านแตกสิครับ แต่ไม่รู้สิ ผมว่าตูมตามกับจูเนียร์มีอะไรแปลกๆระหว่างกันและกันนะ
...หรือผมคิดไปเอง...
"เห้ยยยยยย" เสียงของแอมป์ร้องขึ้นมา ผมรีบเรียกสติให้กลับมาอย่างรวดเร็ว แล้วใช้อ้อมแขน(ที่ไม่ค่อยแข็งแกร่งเท่าไร)รับร่างของแอมป์ที่ลื่นล้มเพราะพื้นเปียกน้ำตรงหน้า
แต่ผมก็รู้สึกว่าทำผิดพลาดไปแล้ว เพราะตอนนี้ใบหน้าของผมกับแอมป์มันอยู่ใกล้กันชนิดว่าแทบจะติดกันอยู่แล้ว พับผ่าเถอะ ใจผมมันเต้นแรงเหมือนจะหลุดออกมานอกอกอยู่แล้ว
ไอ้คนตรงหน้าผมก็ได้แต่ตาโตใส่ เอ๊ะๆ ถ้าผมมองไม่ผิด แอมป์หน้าแดงด้วยหรอเนี่ย เขินงั้นหรอ อ๊ากกกกกก อย่าทำแบบนี้นะ ผมเขินตาม ><
"พะ...พี่เนส ปล่อยแอมป์ก่อน หะ...หายใจไม่ออก" แอมป์เอ่ยท้วงขึ้นเบาๆ เฮือก เสียงมันเหมือนกระซิบอยู่ข้างหูผมเลย แค่คิดหน้าผมก็ร้อนไปหมดแล้ว นี่มันไรกันเนี่ย...
"อ่ะ โทษที" ว่าแล้วผมก็คลายอ้อมแขนของตัวเอง แล้วพยุงร่างของแอมป์ให้มายืนตรงหน้า คนตรงหน้าสำรวจร่างกายตัวเองนิดหน่อย
"ขอบคุณนะครับ :)" แอมป์ตอบกลับมาพร้อมกับรอยยิ้มจริงใจที่สุด อ๋อย
"ไม่เป็นไร พี่..."
"พี่แอมป์ ผมขอโทษ เป็นไรป่ะอ่ะ" ผมยังพูดไม่ทันจะจบประโยค ไอ้ตัวก่อเรื่องอย่างจูเนียร์ก็เสนอหน้ามาหาแอมป์ เข้าไปดูบนเนื้อตัวของแอมป์...
ประเด็นคือ...ผมอยากพูดประโยคเมื่อกี้ให้จบนะ = =
ป๊าบบบบ
"นี่แหนะ ไม่ยุ่งกับเขาอีก เพราะแกแหละ พี่แอมป์เลยล้มเลย ไปเลย เช็ดให้เรียบร้อย" ตูมตามจัดการเบิ๊ดกะโหลกจูเนียร์ไปทีนึง แล้วส่งให้ไปเช้ดพื้นต่อ แล้วตัวเองก็ยกมือไหว้ขอโทษแอมป์ก่อนไปช่วยจูเนียร์เช็ดพื้น
นี่พวกมันเล่นอะไรกันเนี่ย ถึงเปียกไปทั้งบ้านแบบนี้...
ผมหันไปมองคนข้างๆผมที่กำลังยิ้มอยู่นั้นก็อดมีความสุขตามไม่ได้ ผมชอบรอยยิ้มของแอมป์จัง ผมรู้สึกว่ามันทำให้โลกนี้สดใสขึ้นเยอะเลย
ทำยังไงนะ ผมถึงจะรักษารอยยิ้มนั้นไว้ได้ตลอด...
"จัดการให้เรียบร้อยล้ะ พี่จะขึ้นไปจัดการตัวเองล้ะ บ๊ายบาย" แอมป์ส่งเสียงบอกลิงสองตัวนั่น เรียกเสียงโห่กลับมาได้ไม่น้อยเลย ก็ยังเหลือจัดการอีกหลายเรื่องนี่หน่้า
แล้วแอมป์ก็เดินขึ้นบันไดไป ตามด้วยซิลวี่ ผมได้แต่มองตามไปอยา่งละห้อย พยายามควบคุมหัวใจตัวเองไม่ให้เต้นแรงไปเวลาเห็นรอยยิ้มนั้น...
ผมหลงเสน่ห์คนๆนี้ไปแล้วหมดใจ...
คิดแค่นั้นรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นมา ผมหันหลังจะไปยกห้อง แต่ก็เจอกับนทที่ยืนมองผมอยู่ด้วยสายตา...สงสัย
ผมยิ้มแล้วเลิกคิ้วเป็นเชิงถามนทว่ามีอะไรรึเปล่า แต่เธอก็แค่ขมวดคิ้วกลับ สั่นหัวไปมาสองสามที แล้ววิ่งออกไป...
อะไรกันหว่า
ช่างเถอะ วันนี้ผมมีความสุขกับรอยยิ้มนั่นจริงๆนะ
"ว้าวววววว พ่อทหารเอก ไม่มีความลับงั้นหรอ" ชายหนุ่มหันไปพูดกับคนที่นั่งอยู่
"หึ แต่คิดหรอว่าผมจะเชื่อคุณ เพราะผมเห็นเค้าลางความวุ่นวายมาแล้วแหละ" ชายหนุ่มพูดต่อไปอีก ไม่สนใจว่าคู่สนทนาของเขาจะสนใจหรือไม่
"แล้วผมจะรอความลับข้อต่อไปของคุณ เชิญครับ" สุดท้ายเขาก็ยิ้มแย้มแล้วผายมือไปทางทางออก ให้คนตรงหน้าเดินออกจากห้องไป
จากสามคนที่ฟังมา เขาพึงพอใจกับคนๆนี้ที่สุดแล้ว
ท่าทางจะต้องเรียกมาฟังบ่อยๆสินะ ทหารเอก~
---------------------------------------------
ไรเตอร์ขอใช้พื้นที่แถลงการณ์นิดนึงนะครับ
เนื่องจากรีดเดอร์มีความสงสัยในเนื้อเรื่องกันนิดหน่อย
เรื่องนี้แก่นของมันจะอยู่ที่ 'ความลับ' คำเดียวเลยครับ
ทุกตัวละครของเรื่องนี้มีความลับของตนเองอยู่
และไรเตอร์จะให้รีดเดอร์ได้รู้ความลับของทุกตัวละครไปเรื่อยๆ
ผ่านมุมมองของตัวละครนั้นเอง จากการเป็น Story Teller
และถ้าบางคนงง คิดว่าเนื้อเรื่องยังไม่สมบูรณ์
ตอนต่อๆไปจะช่วยให้สมบูรณ์นั่นเองครับ
พูดไปพูดมายังไงก็อยากให้ติดตามต่อไปครับ
หวังว่าสามตอนที่ผ่านมา ได้รู้ความลับของคนสามคนจะช่วยไรบ้างนะครับ
ไม่เข้าใจตรงไหน อยากถามอะไรไรเตอร์
ทำได้เต็มที่เลยนะครับ ถ้าคำถามไหนที่ไม่ทำให้เนื้อเรื่องเสียจะตอบครับ
ส่วนคำถามที่ว่าใครคู่ใครนั้น ต้องติดตามต่อไปครับ เพราะเรื่องจะวุ่นกว่านี้แน่้นอน
ยาวไปล้ะๆ แค่นี้ก่อนละกันนะครับ ฝากคำถาม คำติชมไว้ได้นะครับ
อย่าอ่านแล้วเงียบไปเลยน้า ไรเตอร์ใจไม่ดี T^T
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น