ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : chapter3 : ก็แค่อยากรู้จัก
ร่างในชุดสีดำสองร่างในความมืด ค่อยๆเคลื่อนไหวอย่างเงียบเชียบและไร้เสียง เขี้ยวยาวและกรงเล็บที่แหลมคมถูกกางออกเพื่อที่จะรอต้อนรับเหยื่อ
ชิ้งงงงงงง !!!
สายตาสีแดงเพลิงตวัดไปมองยังจุดที่ได้ยินเสียง ก่อนที่นัยน์ตาสีอำพันจะตวัดสายตามองตาม ทั้งคู่พยักหน้าเป็นการส่งสัญญาณให้กัน ก่อนที่จะแยกกันจู่โจมเหยื่อในกลุ่มเดียวกันทันที
หญิงสาวชาวบ้านสองคนที่บังเอิญหลงเข้ามาในสุสานแห่งนี้โดยบังเอิญ ไม่สามารถจะหนีได้ เธอสิ้นลมหายใจทันทีที่เขี้ยวคมทั้งสอง ฝังลงเป็นคอของเธอ
พรึ่บบบบบ !!!
"พี่โตโน่ แล้วเรื่องคนๆนั้น พี่จะเอายังไงต่อ" ชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของดวงตาสีอำพันเอ่ยขึ้น ทันทีที่สะบัดร่างที่ไม่มีเลือดเหลืออยู่ในตัวแล้วออกให้พ้นทาง
"หึ เห็นทีฉันต้องรีบก่อนที่ฝ่ายนั้นจะรู้เรื่อง" ชายหนุ่มดวงตาสีแดงเพลิงเอ่ยตอบขึ้น แล้วเหวี่ยงร่างอีกร่างไปอีกทาง เขาใช้แขนเสื้อสีดำของตนปาดเลือดสีสดออกจากบริเวณมุมปากของตน
"หมายความว่า"
"ก็หมายความว่า นายได้ข่าวมาว่าฝั่งนั้นเริ่มสงสัยฝ่ายเราแล้ว พวกมันกำลังเคลื่อนไหว พี่ต้องจัดการเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด เราช้าไม่ได้แล้วนะกัน" โตโน่ตอบ
สีหน้าของกันเปลี่ยนแปลงไปทันทีที่ได้ยินคำตอบจากโตโน่เมื่อครู่ เขาหรี่ตาลงแล้วมองจ้องไปเบื้องหน้า
"แล้วพี่จะเริ่มยังไง" กันถามขึ้นแต่สายตายังคงเหม่อมองออกไป
"พี่ไม่รู้ แต่คงต้องหาทางรู้จักให้ได้ บอกตรงๆพี่เองก็ไม่อยากทำแบบนี้ พี่ไม่อยากจะทำลายเขา"
"...ทำไม"
"ไม่รู้สิกัน มันเหมือนมีบางสิ่งบางอย่างดึงดูดพี่และเขาเข้าหากัน มันเป็นความรู้สึก แปลกๆ" โตโน่พูดแล้วนึกถึงใบหน้าหวานของชายหนุ่มคนนั้น พร้อมกับสัมผัสร้อนผ่าวที่ปากกับบริเวณหน้าผากที่สัมผัสกัน
เขาเผลอไผลเอามือลูบปากตัวเองอย่างลืมตัว...
"แต่พี่โตโน่... เราลืมไม่ได้นะว่าเราไม่ใช่ผู้พิทักษ์ เราคือผู้ทำลาย เรามีหน้าที่จัดการกับคนผู้นั้น ไม่ใช่เก็บไว้"
"..." ชายหนุ่มนิ่งไปอย่างพูดอะไรไม่ออก เขาหลับตาลงแล้วลืมตาอีกครั้ง ดวงตาสีแดงเพลิงก็เปลี่ยนสีกลับเป็นสีดำเหมือนเดิม ร่องรอยแห่งความเศร้าหมองปรากฏขึ้นในดวงตา
นานเท่าไร...แล้วที่เขาต้องทนรอคนผู้นั้น
นานเท่าไร...แล้วที่เขารอคนมาปลดปล่อย
นานเท่าไร...แล้วที่เขาต้องยิ้มออกมาทั้งที่ใจไม่ได้ยิ้มด้วยเลย
แล้วพอเจอคนๆนั้น เขากลับต้องทำลาย...
มันช่างเป็นสิ่งที่ไม่คุ้มค่าจริงๆ
"พี่ไม่เคยลืมหน้าที่ของเราหรอกกัน เอาเถอะ ไว้ถึงวันนั้นค่อยว่ากัน ตอนนี้พี่ต้องเข้าไปใกล้เขาให้ได้มากกว่านี้ก่อน" โตโน่พูด แล้วลุกจากที่เดิม แล้วหันหลังเดินออกไป
กันมองตามหลังชายหนุ่มไป ก่อนจะเอ่ยขึ้นมาเบาๆ
"ผมรู้ว่าพี่เจ็บปวด เพราะคนๆนั้นกับพี่ มีอะไรบางอย่างที่เชื่อมถึงกันไง"
ประโยคที่ไม่ต้องการให้คนฟังได้ยิน เหมือนเป็นการฝากไปกับสายลมมากกว่า ร่างสูงหันตามโตโน่ไป แล้วกระโดดหนึ่งครั้งเพื่อไปเดินอยู่ข้างๆโตโน่
เซนเดินลงจากรถประจำทางที่ฝ่าการจราจรอันติดขัดของกรุงเทพในชั่วโมงเร่งด่วนตอนเช้า แล้วเดินเข้ามหาวิทยาลัย
วันนี้เขามาก่อนเวลา เพื่อที่ต้องการจะมองหาคนในความฝันของเขาให้เจอ เขาคิดว่าถ้าผู้ชายคนนั้นช่วยเขาหน้ามหาวิทยาลัยได้ เขาคงอยู่ใกล้ๆหรือภายในมหาวิทยาลัยนี่แหละ
เซนกวาดตามองไปรอบๆ แต่ก็ไม่มีใครสักคนที่พอจะเข้าเค้าเป็นคนๆนั้นได้ รอจนแล้วจนเล่า จนออดเข้าเรียนดังก็ยังไม่เห็นวี่แวว เซนได้แต่ถอนหายใจแล้วตัดสินใจเดินเข้าไปในห้องเรียน...
"เอาล่ะนักศึกษา หวังว่านักศึกษาจะทราบเรื่องงานเฟรชชี่ที่จะมีจัดขึ้นในอีกสองอาทิตย์ข้างหน้าแล้วนะค่ะ" อาจารย์ประจำวิชาพาพวกเขามายังหอประชุมของมหาวิทยาลัย ตอนนี้พวกเขายืนกระจายตัวอยู่บริเวณเวที เพื่อฟังอาจารย์อธิบายเกี่ยวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น
งานเฟรชชี่เป็นงานเลี้ยงต้อนรับน้องใหม่กลายๆ ให้น้องได้มีโอกาสได้เจอรุ่นพี่ทั้งในคณะเดียวกัน และต่างคณะเพื่อสร้างสัมพันธไมตรีต่อกัน หรือถ้าถูกตาต้องใจคนไหน อาจจะมีการสานสัมพันธ์ต่อไปก็ไม่ว่ากัน
"ทางมหาวิทยาลัยได้มอบหมายให้คณะของเราดูแลเรื่องละครเวทีที่จะจัดแสดงในวันนั้น ทั้งการแสดงทั้งหมด รวมไปถึงเวที ที่นั่ง บัตร และอื่นๆ ชั้นปีที่หนึ่งอาจารย์จะไม่ให้ทำอะไรมาก เอาเป็นว่าพวกเธอดูแลเรื่องเวทีละกัน วันนี้ดูเรื่องอุปกรณ์บนเวทีต่างๆว่ามีอะไรเสียหายหรือชำรุดมั้ย เอาล่ะ แยกย้ายจ่ะ"
อาจารย์สั่งงานแต่เพียงเท่านั้น พวกเขาก็แยกย้ายไปข้างหลังเวที พวกผู้หญิงดูเสื้อผ้า และเครื่องประดับต่างๆที่แขวนเก็บอยู่ในตู้ ผู้ชายอย่างเซนและเพื่อนๆ ก็ตรวจสอบเวทีบริเวณต่างๆว่ามีส่วนไหนชำรุดต้องแก้ไขบ้าง บางส่วนก็ออกไปประสานงานกับคณะอื่นๆ ระยะเวลาล่วงเลยจนใช้เวลาเกือบจะครึ่งวัน อาจารย์ก็เข้ามา
"เอ้าๆ พอก่อนจ่ะเด็กๆ จะเที่ยงแล้ว ไปพักทานอาหารก่อนดีมั้ย แล้วชั่วโมงพรุ่งนี้ค่อยว่ากันนะ ช่วงบ่ายก็เข้าเรียนตามปกติด้วยล้ะ ใครโดดล่ะน่าดู" อาจารย์พูดเรียกเสียงโห่จากนักเรียนบางคนได้ ก่อนทีทุกคนจะแยกย้ายกันไปทานอาหาร
"เซน ไปกินข้าวด้วยกันมั้ย เหนื่อยจะตายอยู่แล้วเนี่ย" เพื่อนผู้หยิงคนหนึ่งเอ่ยชวนเซน ชายหนุ่มที่กำลังหยิบแชนนาเลียร์ออกมาจากกล่องด้านหลัง เงยหน้าขึ้นมองชั่วครู่ ก่อนจะส่ายหัวปฎิเสธ
"แคทไปก่อนเลย เดี๋ยวเราขอจัดการตรงนี้ก่อนละกัน อุตส่าห์แบกแชนนาเลียร์ออกมาแล้ว ขอติดก่อนแล้วกัน" เซนเอ่ยตอบเพื่อนสาวไปด้วยรอยยิ้ม
หญิงสาวหน้าเจื่อนไปชั่วครู่ ก่อนที่จะหันหลังแล้วเดินออกไป
เซนหยิบบันไดเหล็กมาไว้ตรงจุดที่ต้องการติดแชนนาเลียร์ เขาเงยหน้าขึ้นมองความสูงที่สูงพอสมควร มือหนึ่งคว้าแชนนาเลียร์มาถือ แล้วค่อยๆปีนบันไดขึ้นไปติด
อึ๊บบบบบ !!!
เซนพยายามจะเอื้อมแขนไปติดแชนนาเลียร์ แต่ความสูงที่อาจจะเกินความสามารถของคนๆเดียว ทำให้เขาไปไม่ถึงสักที เท้าข้างหนึ่งหลุดออกจากบันได เพราะความพยายามที่จะให้ถึง
พรืดดดดด !!!
"เฮ้ยยยยยยยย" ความที่ไม่ระวังทำให้เท้าของเซนหลุดออกจากขั้นบันไดที่เหยียบอยู่
แชนนาเลียร์ในมือที่เพิ่งแขวนไปแกว่งไปมาอย่างแรง ร่างของเซนหล่นลงกระแทกพื้นก่อน ก่อนที่แชนนาเลียร์คริสตัลอันใหญ่จะร่วงหล่นตามมา เซนยกแขนบังใบหน้าไว้ เขาคิดว่าคงต้องเป็นแผลไปทั้งตัวแน่ๆ แต่สิ่งที่เขาคิดกลับไม่เป็นจริง
เซนลืมตาขึ้นมาอีกครั้งก็พบกับใบหน้างามอันคุ้นเคยทั้งในความฝันและเมื่อวานนี้ ร่างสูงเข้ามาบังร่างของเซนไว้ ทำให้เศษแชนนาเลียร์ที่โดนมา ไม่โดนเซนแม้แต่นิดเดียว แต่ว่า...
"คุณ คุณโดนแก้วขนาดนั้น เจ็บตรงไหนรึเปล่าเนี่ย" ชายหนุ่มพยายามจะดูแผลที่เกิดขึ้นจากแก้วบาดให้ร่างสูง เขามองซ้ายขวาแต่ก็ไม่พบรอยบาดเจ็บอะไรอยู่ที่ร่างกายของชายหนุ่มเลย เป็นไปได้ยังไงเนี่ย
"คะ...คุณ ทำไมไม่มีบาดแผลเลยเนี่ย คุณ...เป็นใคร" เซนเอ่ยถามในอ้อมแขนของชายหนุ่มปริศนา เขายังไม่สามารถออกไปได้ เพราะเศษแก้วที่อยู่รอบบริเวณ และแขนแข็งแกร่งของชายหนุ่มที่โอบล้มเขาเข้าหาตนอยู่
เซนเพิ่งจะได้สังเกตใบหน้าชายหนุ่มชัดเจน เมื่อได้อยู่ใกล้กันขนาดนี้ ร่างสูงมีใบหน้าคมเรียว ดวงตาเรียวหางตาชี้ขึ้นอย่างดื้อรั้น ในแววตาสีดำแฝงไปด้วยความเข้มแข็งและความอ่อนไหวในเวลาเดียวกัน คิ้วเรียวสวยงาม ริมฝีปากอวบอิ่ม...ทั้งหมดรวมกันเป็นความหล่อเหลา เขาปฎิเสธไม่ได้เลย ว่าผู้ชายคนนี้มีเสน่ห์อย่างน่าหลงใหล เท่านั้นยังไม่พอ เขายังรู้สึกว่าทั้งเขาและผู้ชายคนนี้...
คุ้นเคยกันมานานเหลือเกิน
ฟึ่บ !!!
ร่างสูงยกร่างของเซนขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้แขนทั้งสองข้างของเซนต้องโอบรอบคอของเขาเพราะกลัวจะตกลงมาโดนเศษแก้วบาด
"ผมเป็นใคร คุณไม่ต้องรู้หรอก วันหลังอย่าทำอะไรที่เสี่ยงอย่างนี้อีกนะ ถ้าเกิดเป็นอะไรขึ้นมาจะว่ายังไง" โตโน่พูดขึ้น โดยที่ไม่ได้มองหน้าเซน แต่เขาก็ยังอุ้มเซนเดินออกไปจากตรงนั้น ก่อนจะวางร่างของเซนลงที่โซฟาบนเวที
"หืม คุณเป็นห่วงผมหรอ" เซนถามขึ้นมา เขาจับจ้องพิรุธบริเวณใบหน้าของชายหนุ่มที่นวดขาให้ตัวเองอยู่
"ไม่ต้องให้คนอื่นมาเป็นห่วงหรอก คุณเองก็เถอะ เคยห่วงตัวเองบ้างมั้ย" โตโน่เอ่ยพลางถอนหายใจ
"ไม่เห็นต้องกลัวเลย พอมีอันตรายทีไร คุณก็โผล่มาช่วยผมทุกที นี่มันสองครั้งแล้วนะ นี่ คุณชื่ออะไรหรอก แล้วเมื่อกี้ทำไมคุณถึงไม่โดนอะไรเลยล้ะ" เซนร่ายยาวออกมา พลางมองใบหน้าเสี้ยวของชายหนุ่มที่ยังคงนวดขาให้อยู่
"เอาล่ะ ไม่เป็นอะไรมาก ผมไปก่อนละ" โตโน่พูดออกมาแค่นั้น แล้วทำท่าจะเดินออกไป แต่เด็กดื้ออย่างเซนหรือจะยอม เขาเข้าไปดึงแขนของโตโน่ไว้
"เดี๋ยวสิ บอกอะไรหน่อยไม่ได้หรอ ผมแค่อยากรู้จักคุณนี่หน่า นะๆ" เซนอ้อนแล้วส่งสายตาที่คิดว่าจะละลายทุกคนได้ โตโน่เองเขาก็เกือบละลายทันทีที่เห็นสายตานั้น เขาอึ้งไปชั่วครู่ แต่ก็ฝืนใจแกะมือเซนออกแล้วเดินมา
"เฮ้ อย่าเพิ่งไปสิ เฮ้" เซนยังคงพยายามเรียก แต่ร่างสูงก็ไม่หันกลับมา เขาพยายามที่จะหาวิธีที่จะทืให้คนนั้นหันมา จนเหลือบไปเห็นเศษแก้วที่หล่นอยู่
หึหึ ต้องรอให้เราเป็นอันตรายใช่มั้ย
แล้วมือก็ไวเท่าความคิด เซนเข้าไปหยิบเศษแก้วเข้ามา ทำท่าจะกรีดไปที่ข้อมือ แต่ร่างสูงก็ยังคงเดินออกไปอย่างต่อเนื่อง เซนค่อยๆเอาเศษแก้วแทงลงที่มือแต่ทว่า...
"คิดจะทำอะไร" เสียงดุๆมาจากร่างสูงที่จับข้อมือเซนไว้ไม่ให้แทงเศษแก้วลงไป
"นั่นไง คุณกลับมาแล้ว ว่าแต่เมื่อกี้คุณเดินไปจะถึงหน้าประตูแล้วไม่ใช่หรอ ทำไมกลับมาเร็วนักล้ะ เฮ้ ตกลงคุณเป็นตัวอะไรเนี่ย" เซนเอ่ยยืดยาว ทำหน้าทะเล้นใส่
"นี่ อย่าเล่นมากได้มั้ย ถ้าเกิดเป็นอะไรขึ้นมาจะทำไง"
"โห้ -3- อย่าว่ากันสิ เขาแค่อยากรู้ชื่อตัวเองนี่นา" เซนอ้อนแล้วเอามือไปจิ้มที่อกของร่างสูงเบาๆ จนร่างสูงต้องเบี่ยงออก
"แค่ชื่อใช่มั้ย"
"อื้อๆๆๆๆๆๆ แค่ชื่อๆ" เซนหยักหน้าอย่างรวดเร็ว
"โตโน่..."
"หืม อะไรนะ โตโต้"
"โตโน่..." ร่างสูงตะโกนดังขึ้นกว่าเดิม ให้ได้เถอะ เขาละอ่อนใจกับผู้ชายคนนี้จริงๆ แต่ทำไมนะ แค่เห็นแววตาขี้อ้อนนั่น ท่าทางน่ารักๆนั่น กลับทำให้เขายอมบอกชื่อของตัวเองออกไป แปลกจริง...
"โตโน่ ว้าว ชอบจังเลยอ่ะ ชื่อแปลกดี"
"พอใจแล้วใช่มั้ย งั้นฉันไปล้ะ..." ร่างสูงทำท่าจะเดินไป แต่ก็ต้องชะงักอีกครั้ง เพราะท่อนแขนบางรั้งเอาไว้
"เอางี้ๆ ถือว่าเป็นการตอบแทน ให้เซนเลี้ยงข้าวละกัน อ้อ ลืมบอกไป ผมชื่อเซนนะ"
"รู้แล้ว..."
"หืม เมื่อกี้พูดว่าไงนะ???"
"เปล่าๆ เอ้า จะไปก็รีบไป ฉันไม่ได้มีเวลาทั้งวันนะ" โตโน่ส่งเสียงดุขึ้น แต่มันไม่ได้ทำให้เซนกลัว กลับเรียกรอยยิ้มอีกต่างหาก เฮ้อออออออออ
สุดท้ายกว่าเขาจะได้แยกตัวกลับไปก็ต้องเลี้ยงข้าวกลางวันไอ้เจ้าตัวยุ่งก่อน โธ่ ก็จะปล่อยให้เลี้ยงได้ไง เขาโตกว่านะ
แต่ไม่รู้ทำไมเพียงเวลาแค่ชั่วโมงสองชั่วโมง เป็นเวลาที่เขาแทบจะเรียกว่ามีความสุขที่สุด ในรอบร้อยกว่าปีที่ใช้ชีวิตมาก็เป็นได้...
------------------------------------------------
ตอนหน้าเปิดตัวอีกผู้พิทักษ์นะครับ
ชิ้งงงงงงง !!!
สายตาสีแดงเพลิงตวัดไปมองยังจุดที่ได้ยินเสียง ก่อนที่นัยน์ตาสีอำพันจะตวัดสายตามองตาม ทั้งคู่พยักหน้าเป็นการส่งสัญญาณให้กัน ก่อนที่จะแยกกันจู่โจมเหยื่อในกลุ่มเดียวกันทันที
หญิงสาวชาวบ้านสองคนที่บังเอิญหลงเข้ามาในสุสานแห่งนี้โดยบังเอิญ ไม่สามารถจะหนีได้ เธอสิ้นลมหายใจทันทีที่เขี้ยวคมทั้งสอง ฝังลงเป็นคอของเธอ
พรึ่บบบบบ !!!
"พี่โตโน่ แล้วเรื่องคนๆนั้น พี่จะเอายังไงต่อ" ชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของดวงตาสีอำพันเอ่ยขึ้น ทันทีที่สะบัดร่างที่ไม่มีเลือดเหลืออยู่ในตัวแล้วออกให้พ้นทาง
"หึ เห็นทีฉันต้องรีบก่อนที่ฝ่ายนั้นจะรู้เรื่อง" ชายหนุ่มดวงตาสีแดงเพลิงเอ่ยตอบขึ้น แล้วเหวี่ยงร่างอีกร่างไปอีกทาง เขาใช้แขนเสื้อสีดำของตนปาดเลือดสีสดออกจากบริเวณมุมปากของตน
"หมายความว่า"
"ก็หมายความว่า นายได้ข่าวมาว่าฝั่งนั้นเริ่มสงสัยฝ่ายเราแล้ว พวกมันกำลังเคลื่อนไหว พี่ต้องจัดการเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด เราช้าไม่ได้แล้วนะกัน" โตโน่ตอบ
สีหน้าของกันเปลี่ยนแปลงไปทันทีที่ได้ยินคำตอบจากโตโน่เมื่อครู่ เขาหรี่ตาลงแล้วมองจ้องไปเบื้องหน้า
"แล้วพี่จะเริ่มยังไง" กันถามขึ้นแต่สายตายังคงเหม่อมองออกไป
"พี่ไม่รู้ แต่คงต้องหาทางรู้จักให้ได้ บอกตรงๆพี่เองก็ไม่อยากทำแบบนี้ พี่ไม่อยากจะทำลายเขา"
"...ทำไม"
"ไม่รู้สิกัน มันเหมือนมีบางสิ่งบางอย่างดึงดูดพี่และเขาเข้าหากัน มันเป็นความรู้สึก แปลกๆ" โตโน่พูดแล้วนึกถึงใบหน้าหวานของชายหนุ่มคนนั้น พร้อมกับสัมผัสร้อนผ่าวที่ปากกับบริเวณหน้าผากที่สัมผัสกัน
เขาเผลอไผลเอามือลูบปากตัวเองอย่างลืมตัว...
"แต่พี่โตโน่... เราลืมไม่ได้นะว่าเราไม่ใช่ผู้พิทักษ์ เราคือผู้ทำลาย เรามีหน้าที่จัดการกับคนผู้นั้น ไม่ใช่เก็บไว้"
"..." ชายหนุ่มนิ่งไปอย่างพูดอะไรไม่ออก เขาหลับตาลงแล้วลืมตาอีกครั้ง ดวงตาสีแดงเพลิงก็เปลี่ยนสีกลับเป็นสีดำเหมือนเดิม ร่องรอยแห่งความเศร้าหมองปรากฏขึ้นในดวงตา
นานเท่าไร...แล้วที่เขาต้องทนรอคนผู้นั้น
นานเท่าไร...แล้วที่เขารอคนมาปลดปล่อย
นานเท่าไร...แล้วที่เขาต้องยิ้มออกมาทั้งที่ใจไม่ได้ยิ้มด้วยเลย
แล้วพอเจอคนๆนั้น เขากลับต้องทำลาย...
มันช่างเป็นสิ่งที่ไม่คุ้มค่าจริงๆ
"พี่ไม่เคยลืมหน้าที่ของเราหรอกกัน เอาเถอะ ไว้ถึงวันนั้นค่อยว่ากัน ตอนนี้พี่ต้องเข้าไปใกล้เขาให้ได้มากกว่านี้ก่อน" โตโน่พูด แล้วลุกจากที่เดิม แล้วหันหลังเดินออกไป
กันมองตามหลังชายหนุ่มไป ก่อนจะเอ่ยขึ้นมาเบาๆ
"ผมรู้ว่าพี่เจ็บปวด เพราะคนๆนั้นกับพี่ มีอะไรบางอย่างที่เชื่อมถึงกันไง"
ประโยคที่ไม่ต้องการให้คนฟังได้ยิน เหมือนเป็นการฝากไปกับสายลมมากกว่า ร่างสูงหันตามโตโน่ไป แล้วกระโดดหนึ่งครั้งเพื่อไปเดินอยู่ข้างๆโตโน่
เซนเดินลงจากรถประจำทางที่ฝ่าการจราจรอันติดขัดของกรุงเทพในชั่วโมงเร่งด่วนตอนเช้า แล้วเดินเข้ามหาวิทยาลัย
วันนี้เขามาก่อนเวลา เพื่อที่ต้องการจะมองหาคนในความฝันของเขาให้เจอ เขาคิดว่าถ้าผู้ชายคนนั้นช่วยเขาหน้ามหาวิทยาลัยได้ เขาคงอยู่ใกล้ๆหรือภายในมหาวิทยาลัยนี่แหละ
เซนกวาดตามองไปรอบๆ แต่ก็ไม่มีใครสักคนที่พอจะเข้าเค้าเป็นคนๆนั้นได้ รอจนแล้วจนเล่า จนออดเข้าเรียนดังก็ยังไม่เห็นวี่แวว เซนได้แต่ถอนหายใจแล้วตัดสินใจเดินเข้าไปในห้องเรียน...
"เอาล่ะนักศึกษา หวังว่านักศึกษาจะทราบเรื่องงานเฟรชชี่ที่จะมีจัดขึ้นในอีกสองอาทิตย์ข้างหน้าแล้วนะค่ะ" อาจารย์ประจำวิชาพาพวกเขามายังหอประชุมของมหาวิทยาลัย ตอนนี้พวกเขายืนกระจายตัวอยู่บริเวณเวที เพื่อฟังอาจารย์อธิบายเกี่ยวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น
งานเฟรชชี่เป็นงานเลี้ยงต้อนรับน้องใหม่กลายๆ ให้น้องได้มีโอกาสได้เจอรุ่นพี่ทั้งในคณะเดียวกัน และต่างคณะเพื่อสร้างสัมพันธไมตรีต่อกัน หรือถ้าถูกตาต้องใจคนไหน อาจจะมีการสานสัมพันธ์ต่อไปก็ไม่ว่ากัน
"ทางมหาวิทยาลัยได้มอบหมายให้คณะของเราดูแลเรื่องละครเวทีที่จะจัดแสดงในวันนั้น ทั้งการแสดงทั้งหมด รวมไปถึงเวที ที่นั่ง บัตร และอื่นๆ ชั้นปีที่หนึ่งอาจารย์จะไม่ให้ทำอะไรมาก เอาเป็นว่าพวกเธอดูแลเรื่องเวทีละกัน วันนี้ดูเรื่องอุปกรณ์บนเวทีต่างๆว่ามีอะไรเสียหายหรือชำรุดมั้ย เอาล่ะ แยกย้ายจ่ะ"
อาจารย์สั่งงานแต่เพียงเท่านั้น พวกเขาก็แยกย้ายไปข้างหลังเวที พวกผู้หญิงดูเสื้อผ้า และเครื่องประดับต่างๆที่แขวนเก็บอยู่ในตู้ ผู้ชายอย่างเซนและเพื่อนๆ ก็ตรวจสอบเวทีบริเวณต่างๆว่ามีส่วนไหนชำรุดต้องแก้ไขบ้าง บางส่วนก็ออกไปประสานงานกับคณะอื่นๆ ระยะเวลาล่วงเลยจนใช้เวลาเกือบจะครึ่งวัน อาจารย์ก็เข้ามา
"เอ้าๆ พอก่อนจ่ะเด็กๆ จะเที่ยงแล้ว ไปพักทานอาหารก่อนดีมั้ย แล้วชั่วโมงพรุ่งนี้ค่อยว่ากันนะ ช่วงบ่ายก็เข้าเรียนตามปกติด้วยล้ะ ใครโดดล่ะน่าดู" อาจารย์พูดเรียกเสียงโห่จากนักเรียนบางคนได้ ก่อนทีทุกคนจะแยกย้ายกันไปทานอาหาร
"เซน ไปกินข้าวด้วยกันมั้ย เหนื่อยจะตายอยู่แล้วเนี่ย" เพื่อนผู้หยิงคนหนึ่งเอ่ยชวนเซน ชายหนุ่มที่กำลังหยิบแชนนาเลียร์ออกมาจากกล่องด้านหลัง เงยหน้าขึ้นมองชั่วครู่ ก่อนจะส่ายหัวปฎิเสธ
"แคทไปก่อนเลย เดี๋ยวเราขอจัดการตรงนี้ก่อนละกัน อุตส่าห์แบกแชนนาเลียร์ออกมาแล้ว ขอติดก่อนแล้วกัน" เซนเอ่ยตอบเพื่อนสาวไปด้วยรอยยิ้ม
หญิงสาวหน้าเจื่อนไปชั่วครู่ ก่อนที่จะหันหลังแล้วเดินออกไป
เซนหยิบบันไดเหล็กมาไว้ตรงจุดที่ต้องการติดแชนนาเลียร์ เขาเงยหน้าขึ้นมองความสูงที่สูงพอสมควร มือหนึ่งคว้าแชนนาเลียร์มาถือ แล้วค่อยๆปีนบันไดขึ้นไปติด
อึ๊บบบบบ !!!
เซนพยายามจะเอื้อมแขนไปติดแชนนาเลียร์ แต่ความสูงที่อาจจะเกินความสามารถของคนๆเดียว ทำให้เขาไปไม่ถึงสักที เท้าข้างหนึ่งหลุดออกจากบันได เพราะความพยายามที่จะให้ถึง
พรืดดดดด !!!
"เฮ้ยยยยยยยย" ความที่ไม่ระวังทำให้เท้าของเซนหลุดออกจากขั้นบันไดที่เหยียบอยู่
แชนนาเลียร์ในมือที่เพิ่งแขวนไปแกว่งไปมาอย่างแรง ร่างของเซนหล่นลงกระแทกพื้นก่อน ก่อนที่แชนนาเลียร์คริสตัลอันใหญ่จะร่วงหล่นตามมา เซนยกแขนบังใบหน้าไว้ เขาคิดว่าคงต้องเป็นแผลไปทั้งตัวแน่ๆ แต่สิ่งที่เขาคิดกลับไม่เป็นจริง
เซนลืมตาขึ้นมาอีกครั้งก็พบกับใบหน้างามอันคุ้นเคยทั้งในความฝันและเมื่อวานนี้ ร่างสูงเข้ามาบังร่างของเซนไว้ ทำให้เศษแชนนาเลียร์ที่โดนมา ไม่โดนเซนแม้แต่นิดเดียว แต่ว่า...
"คุณ คุณโดนแก้วขนาดนั้น เจ็บตรงไหนรึเปล่าเนี่ย" ชายหนุ่มพยายามจะดูแผลที่เกิดขึ้นจากแก้วบาดให้ร่างสูง เขามองซ้ายขวาแต่ก็ไม่พบรอยบาดเจ็บอะไรอยู่ที่ร่างกายของชายหนุ่มเลย เป็นไปได้ยังไงเนี่ย
"คะ...คุณ ทำไมไม่มีบาดแผลเลยเนี่ย คุณ...เป็นใคร" เซนเอ่ยถามในอ้อมแขนของชายหนุ่มปริศนา เขายังไม่สามารถออกไปได้ เพราะเศษแก้วที่อยู่รอบบริเวณ และแขนแข็งแกร่งของชายหนุ่มที่โอบล้มเขาเข้าหาตนอยู่
เซนเพิ่งจะได้สังเกตใบหน้าชายหนุ่มชัดเจน เมื่อได้อยู่ใกล้กันขนาดนี้ ร่างสูงมีใบหน้าคมเรียว ดวงตาเรียวหางตาชี้ขึ้นอย่างดื้อรั้น ในแววตาสีดำแฝงไปด้วยความเข้มแข็งและความอ่อนไหวในเวลาเดียวกัน คิ้วเรียวสวยงาม ริมฝีปากอวบอิ่ม...ทั้งหมดรวมกันเป็นความหล่อเหลา เขาปฎิเสธไม่ได้เลย ว่าผู้ชายคนนี้มีเสน่ห์อย่างน่าหลงใหล เท่านั้นยังไม่พอ เขายังรู้สึกว่าทั้งเขาและผู้ชายคนนี้...
คุ้นเคยกันมานานเหลือเกิน
ฟึ่บ !!!
ร่างสูงยกร่างของเซนขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้แขนทั้งสองข้างของเซนต้องโอบรอบคอของเขาเพราะกลัวจะตกลงมาโดนเศษแก้วบาด
"ผมเป็นใคร คุณไม่ต้องรู้หรอก วันหลังอย่าทำอะไรที่เสี่ยงอย่างนี้อีกนะ ถ้าเกิดเป็นอะไรขึ้นมาจะว่ายังไง" โตโน่พูดขึ้น โดยที่ไม่ได้มองหน้าเซน แต่เขาก็ยังอุ้มเซนเดินออกไปจากตรงนั้น ก่อนจะวางร่างของเซนลงที่โซฟาบนเวที
"หืม คุณเป็นห่วงผมหรอ" เซนถามขึ้นมา เขาจับจ้องพิรุธบริเวณใบหน้าของชายหนุ่มที่นวดขาให้ตัวเองอยู่
"ไม่ต้องให้คนอื่นมาเป็นห่วงหรอก คุณเองก็เถอะ เคยห่วงตัวเองบ้างมั้ย" โตโน่เอ่ยพลางถอนหายใจ
"ไม่เห็นต้องกลัวเลย พอมีอันตรายทีไร คุณก็โผล่มาช่วยผมทุกที นี่มันสองครั้งแล้วนะ นี่ คุณชื่ออะไรหรอก แล้วเมื่อกี้ทำไมคุณถึงไม่โดนอะไรเลยล้ะ" เซนร่ายยาวออกมา พลางมองใบหน้าเสี้ยวของชายหนุ่มที่ยังคงนวดขาให้อยู่
"เอาล่ะ ไม่เป็นอะไรมาก ผมไปก่อนละ" โตโน่พูดออกมาแค่นั้น แล้วทำท่าจะเดินออกไป แต่เด็กดื้ออย่างเซนหรือจะยอม เขาเข้าไปดึงแขนของโตโน่ไว้
"เดี๋ยวสิ บอกอะไรหน่อยไม่ได้หรอ ผมแค่อยากรู้จักคุณนี่หน่า นะๆ" เซนอ้อนแล้วส่งสายตาที่คิดว่าจะละลายทุกคนได้ โตโน่เองเขาก็เกือบละลายทันทีที่เห็นสายตานั้น เขาอึ้งไปชั่วครู่ แต่ก็ฝืนใจแกะมือเซนออกแล้วเดินมา
"เฮ้ อย่าเพิ่งไปสิ เฮ้" เซนยังคงพยายามเรียก แต่ร่างสูงก็ไม่หันกลับมา เขาพยายามที่จะหาวิธีที่จะทืให้คนนั้นหันมา จนเหลือบไปเห็นเศษแก้วที่หล่นอยู่
หึหึ ต้องรอให้เราเป็นอันตรายใช่มั้ย
แล้วมือก็ไวเท่าความคิด เซนเข้าไปหยิบเศษแก้วเข้ามา ทำท่าจะกรีดไปที่ข้อมือ แต่ร่างสูงก็ยังคงเดินออกไปอย่างต่อเนื่อง เซนค่อยๆเอาเศษแก้วแทงลงที่มือแต่ทว่า...
"คิดจะทำอะไร" เสียงดุๆมาจากร่างสูงที่จับข้อมือเซนไว้ไม่ให้แทงเศษแก้วลงไป
"นั่นไง คุณกลับมาแล้ว ว่าแต่เมื่อกี้คุณเดินไปจะถึงหน้าประตูแล้วไม่ใช่หรอ ทำไมกลับมาเร็วนักล้ะ เฮ้ ตกลงคุณเป็นตัวอะไรเนี่ย" เซนเอ่ยยืดยาว ทำหน้าทะเล้นใส่
"นี่ อย่าเล่นมากได้มั้ย ถ้าเกิดเป็นอะไรขึ้นมาจะทำไง"
"โห้ -3- อย่าว่ากันสิ เขาแค่อยากรู้ชื่อตัวเองนี่นา" เซนอ้อนแล้วเอามือไปจิ้มที่อกของร่างสูงเบาๆ จนร่างสูงต้องเบี่ยงออก
"แค่ชื่อใช่มั้ย"
"อื้อๆๆๆๆๆๆ แค่ชื่อๆ" เซนหยักหน้าอย่างรวดเร็ว
"โตโน่..."
"หืม อะไรนะ โตโต้"
"โตโน่..." ร่างสูงตะโกนดังขึ้นกว่าเดิม ให้ได้เถอะ เขาละอ่อนใจกับผู้ชายคนนี้จริงๆ แต่ทำไมนะ แค่เห็นแววตาขี้อ้อนนั่น ท่าทางน่ารักๆนั่น กลับทำให้เขายอมบอกชื่อของตัวเองออกไป แปลกจริง...
"โตโน่ ว้าว ชอบจังเลยอ่ะ ชื่อแปลกดี"
"พอใจแล้วใช่มั้ย งั้นฉันไปล้ะ..." ร่างสูงทำท่าจะเดินไป แต่ก็ต้องชะงักอีกครั้ง เพราะท่อนแขนบางรั้งเอาไว้
"เอางี้ๆ ถือว่าเป็นการตอบแทน ให้เซนเลี้ยงข้าวละกัน อ้อ ลืมบอกไป ผมชื่อเซนนะ"
"รู้แล้ว..."
"หืม เมื่อกี้พูดว่าไงนะ???"
"เปล่าๆ เอ้า จะไปก็รีบไป ฉันไม่ได้มีเวลาทั้งวันนะ" โตโน่ส่งเสียงดุขึ้น แต่มันไม่ได้ทำให้เซนกลัว กลับเรียกรอยยิ้มอีกต่างหาก เฮ้อออออออออ
สุดท้ายกว่าเขาจะได้แยกตัวกลับไปก็ต้องเลี้ยงข้าวกลางวันไอ้เจ้าตัวยุ่งก่อน โธ่ ก็จะปล่อยให้เลี้ยงได้ไง เขาโตกว่านะ
แต่ไม่รู้ทำไมเพียงเวลาแค่ชั่วโมงสองชั่วโมง เป็นเวลาที่เขาแทบจะเรียกว่ามีความสุขที่สุด ในรอบร้อยกว่าปีที่ใช้ชีวิตมาก็เป็นได้...
------------------------------------------------
ตอนหน้าเปิดตัวอีกผู้พิทักษ์นะครับ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น