ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SF] EXO"Side story of TAOHUN

    ลำดับตอนที่ #1 : [SF] Come Back Home :: TAOHUN

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 110
      0
      28 เม.ย. 57

    Tittle : Come Back Home
     Couple : Tao x Sehun


    ตอนนี้พบกับวงน้องใหม่ที่กำลังจะก้าวเป็นไอดอลระดับระเทศในอนาคตพวกเค้ากำลังรุ่งเรื่องและดังมากๆในขณะนี้พบกับวง Rookie ครับบบ เสียงจากทีวีที่มุมห้องทำให้ร่างสูงหยุดการกระทำทุกอย่างเพื่อหันมามองสิ่งที่อยู่ตรงหน้านั้น รายการเพลงจากประเทศเกาหลีใต้กำลังแนะนำวงใหม่ที่รุ่งเรื่องและมีชื่อเสียงอย่างมากในตอนนี้ ร่างสูงพาตัวเองไปนั่งบนโซพาของห้องชุดขนาดไม่ใหญ่ที่ให้เขาอาศัยในทุกวันนี้

     

    เฮ้ออออออตาคมที่กำลังจ้องทีวีตรงหน้า พ่นเสียงถอนหายใจน้องๆออกมาเมื่อคิดถึงตัวเองที่กำลังเป็นอยู่ในตอนนี้ ใบหน้าคมแหนงหน้าไปข้างหลังจ้องมองแสงไฟที่อยู่บนหัวพร้อมหลับตาคิดถึงอดีตที่ผ่านมา

     

    EXO วงที่ใครๆก็รู้จักและชื่นชอบ เป็นวงที่มีชื่อเสียงและประสบความสำเร็จในเวลาอันรวดเร็วใครจะคิดว่าเวลาเพียง 2 ปีจะสามารถได้รับรางวัลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของวงการเพลงได้ ความสำเร็จที่มาพร้อมกับความนิยมชมชอบที่มากขึ้นและถูกแอนตี้จากแฟนคลับของศิลปินอื่นๆมากมาย เขาเป็นหนึ่งในสมาชิกเหล่านั้น

     

    จือเทายิ้มออกมาเมื่อนึกถึงความสำเร็จที่ทุกคนๆในวงต่างวาดฝันเอาไว้ ความสำเร็จที่ทำให้เราทุกคนพยายามเพื่อให้ได้ในสิ่งที่เราต้องการ ฝึกซ้อมวันละ 6-10 ชั่วโมงและหวังว่าสักวันพวกเราจะเป็นที่รู้จักและชื่นชม แต่ไม่มีใครคาดคิดถึงความล้มเหลวที่จะต้องเกิดขึ้นพวกเราเข้าใจกันดีมาตลอด แทบไม่เคยมีเรื่องทะเลาะกันร้ายแรงเลยสักครั้ง พวกเราคิดเสมอว่าเราจะต้องเดินทางไปด้วยกันจนถึงวันนึงที่อาจต้องร่ำราหรือกาลเป็นตำนานอย่างวงรุ่นพี่หลายๆวงที่ยังรักษาวงเอาไว้จนกว่าถึงวันนึงที่พวกเค้าไม่มีแรงอีกต่อไป

     

    5 ปีวงเราอยู่ได้เพียง 5 ปีเท่านั้นถือว่าเป็นเวลาที่น้อยมากของวงไอดอลวงนึง ทั้งๆที่เรากำลังจะเจริญมากกว่าที่เป็นอยู่ กำลังมีเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ กำลังได้เดินทางไปรู้จักกับแฟนๆที่มีอยู่ทุกมุมโลกของเรา แต่เราทุกคนกลับทำพลาด ระยะเวลาที่ผ่านมาถึงเราไม่เคยทะเลาะกันแต่ไม่ได้หมายความว่าเรามีความรู้สึกที่ให้กันมาตลอดยิ่งเราทำงานหนักมากขึ้นเท่าไรก็ยิ่งทำให้การพูดคุยกันน้อยลงมากขึ้นเท่านั้น ผิดใจกันก็ไม่มีเวลาที่จะเคียร์เวลาที่รู้สึกไม่ดีต่อกันก็ไม่ได้ตั้งวงพูดคุยกันเหมือนอย่างเคย เราทำงานหนักมากขึ้นพร้อมความสำเร็จที่มากขึ้นแต่สิ่งเหล่านั้นกลับกลายมาเป็นสิ่งที่ทำร้ายเราในวันที่เราทุกคนทนไม่ไหว

     

    เช้าวันหนึ่งในวันหยุดที่แสนหายากของพวกเราถูกปลุกตื่นด้วยเสียงทะเลาะกันของสมาชิกในวง จากสองคนกลายเป็นสามคนจากสามคนกลายเป็นทุกคนที่มีเรื่องอยู่ในใจถูกระบายออกมา การทะเลาะที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เสียงดังขึ้นเรื่อยๆ แล้วกไม่มีอะไรหยุดพวกเราได้อีกต่อไป ความบากหมางที่อยู่ในใจทำให้เราทุกคนแทบเป็นบ้า ความเหนื่อย ความเครียดถูกระบายออกมาเป็นคำพูดส่งต่อให้คนที่เรารู้สึกอย่างนั้น น้ำตา ความเสียใจที่ส่งออกมาให้เห็นถึงตวามอึดอัดทั้งหมดที่เก็บเอาไว้

     

    ฉันขอออก!!!” เสียงแรกที่เอ่ยขึ้นมาหลังจาที่พวกเรากำลังเถียงกัน เสียงของตุ้ยจางหรือคริสทำให้พวกเราหยุดการกระทำทุกอย่างที่กำลังเกิดขึ้นเอาไว้ เขาหันหลังเดินเข้าไปในห้อง เสียงดังโครมครามดังขึ้นอย่างรวดเร็วพร้อมกับร้างสูงของหัวหน้าวงฝั่งเอ็มเดินออกมาพร้อมกับกระเป๋าใบใหญ่ เขามาหยุดยืนกลางห้องมองหน้าพวกเราทุกคนเอาไว้

     

    ฉันขอบคุณสำหรับทุกอย่างที่ผ่านมา แค่ฉันทนอยู่ไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว ขอโทษจริงๆสิ้นเสียงของคริสร่างสูงเดินหายออกไปลับสายตาพวกเราทันที ทุกๆอย่างเหมือนถูกกดปุ่มสต๊อปเอาไว้ ผมเองทรุดลงนั่งบนโซฟางงกับเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไป ถ้าคริสไปแล้วเราจะต้องทำยังไงวงเราจะดำเนินกันต่อไปไหม ใครหลายๆคนทรุดตัวลงนั่งกับพื้นแต่ก็มีอีกหลายคนหันหลังเดินเข้าห้องไปสักพักพวกเขาก็เดินออกมาพร้อมกระเป๋าใบใหญ่และเดินออกไปที่ละคน เสียงร้องไห้ดังขึ้นมาจากคนที่เหลืออยู่ในห้อง น้ำตาของผมก็กำลังไหลออกมาเช่นกัน ผมไม่เคยคิดเลยว่าเราจะต้องเดินทางมาถึงจุดนี้

     

    ผมเชื่อว่าเราทุกคนต่างไม่เคยโทษใครที่ทำให้วงเรากลายเป็นแบบนี้เราทุกคนต่างพร่ำโทษตัวเอง เราทำงานหนักเกินไปรึเปล่า เราหลงลืมสิ่งที่เราเคยสัญญากันไว้สมัยเป็นเด็กฝึกหัดรึเปล่า เราหลงลืมความสำคัญของสมาชิกกันไปใช่ไหมเรื่องถึงดำเนินมาถึงจุดจบในวันนี้ ตัวผมไม่เคยโทษหัวหน้าวงเลยสักครั้งไม่ว่าจะเป็นพี่คริสหรือพี่ซูโฮที่รักษาวงนี้เอาไว้ไม่ได้

     

    เทา นายจะทำยังไงต่อไปเสียงเซฮุนที่เดินมานั่งข้างผมเอยถามถึงอนาคตที่ผมต้องเดินมันต่อไป ผมหันไปมองหน้าเค้า ใบหน้าที่แสดงออกถึงความเสียใจก็ยังยิ้มให้ผมเสมอ ผมที่ใจที่ได้รู้จักเซฮุน เค้าเดินเข้ามาทำให้ชีวิตของผมมีสีสันมากขึ้น ความกดดันตอนสมัยฝึกหักก่อนเดบิวส์เพราะว่าผมเป็นคนจีน มันไม่ง่ายเลยที่จะเดบิวส์แล้วเป็นที่รู้จัก ทุกครั้งที่ผมกดดันก็จะมีเซฮุนมานั่งเป็นเพื่อนคอยปลอบใจอยู่เสมอ

     

    ไม่รู้สิ นายละผมตอบพร้องหันไปมองรอบๆตัวในตอนนี้เหลือสมาชิกอยู่ ห้าคนที่ยังนั่งอยู่และไม่เดินออกไปไหนพวกเขาก็คงกำลังคิดเหมือนผมว่าเราจะเอายังไงมันต่อไป ใบหน้าเปื้อนน้ำตาของใครหลายๆคนฉายชัดออกมาพร้อมความเสียใจที่เกิดขึ้น

     

    ฉันหรอ ไหนๆมันก็คงจบแบบนี้แล้วมั้ง ฉันก็คงกลับบ้านไปเรียนต่อแล้วหางานทำสักอาชีพนึงและ นายหล่ะจะไปไหนกลับไปเรียนต่อพร้อมกันไหมเซฮุนก็ยังพูดออกมาด้วยรอยยิ้มเสมอ ผมหันไปมองใบหน้าของเค้า ใบหน้านี้ที่ผมหลงรัก ใบหน้านี้ที่ผมพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อเก็บร้อยยิ้มของเค้าไว้ ความสัมพันธ์ของผมกับเซฮุนเป็นสิ่งที่บอกไม่ถูกว่าเป็นแบบไหน เราทั้งสองเดินก้าวผ่านคำว่าเพื่อนของเรามาแล้วแต่ให้เรียกแฟนก็เรียกอย่างนั้นไม่ถูกนัก แค่เรารู้ว่าเรากำลังรักกันก็พอแล้ว

     

    ฉันอยากจะไปเที่ยวรอบโลกหน่ะ ตอนนี้ต้องกลับบ้านก่อนแล้วกันหน้าของเซฮุนเจือนลงอย่างเห็นได้ชัด ผมทนอยู่ที่นี้ต่อไปไม่ได้หรอก ที่นี่มีความทรงจำมากเกินไปสำหรับผม เรื่องที่เกิดขึ้นเร็วเกินไปเกินกว่าที่จะรับไหว

     

    แล้วนายจะกลับมาที่นี่อีกไหม จะยังกลับมาอยู่รึเปล่าน้ำตาของเซฮุนไหลออกมาเมื่อผมพูดว่าผมจะจากไปด้วยเช่นกัน ผมไม่ได้อยากจากเค้าไปไหนอยากจะอยู่ข้างๆคอยปลอบโยนเซฮุนเมื่อเศร้าใจและมีความสุขไปด้วยกัน

     

    สักวันฉันจะกลับมา นายรอฉันได้ไหมผมรู้ว่าผมเห็นแก่ตัวที่บอกให้เค้ารอ ทั้งๆที่ตัวเองก็ยังบอกไม่ได้ว่าจะต้องรอนานขนาดไหน เมื่อกลับมาอีกครั้งความสัมพันธ์ของเราจะยังเป็นเหมือนเดิมอยู่รึเปล่า หรือใจของเราจะเลือนหายไปแบบไม่กลับมา

     

    ได้สิ ฉันจะรอฉันรอเก่งนะนายก็รู้ไม่ใช่หรอผมดึงร่างของเซฮุนมากอดไว้ กอดให้แน่นสมกับความรักที่ผมมีให้เค้าตอนนี้ ผมรู้ผมมันคนเห็นแก่ตัวที่ยังบอกให้เค้ารอทั้งๆที่ไม่รู้ว่าตัวเองจะยังมั่นคงอย่างที่พูดรึเปล่า

     

    ฉันคงต้องถึงเวลาที่ต้องไปแล้วเหมือนกัน นายต้องดูแลตัวเองดีๆรู้ไหมอย่าเจ็บ อย่าปวด ฉันจะคิดถึงนายผมผละเค้าจากอ้อมกอดมองหน้าเค้าให้จำฝังลึกลงในจิตใจของเรา ผมประทับจูบลงบนริมฝีปากของเค้าอย่างแผ่วเบา และหันกลังเดินออกไปเก็บของให้ห้อง

     

    ฉันจะไปรอนายที่เดิม เมื่อไรที่นายกลับมานายจะเจอฉันที่เดิมเสียงสุดท้ายที่ผมได้ยินก่อนเดินหลังหลังออกจากห้องนี้ไป ผมมันคนขี้ขลาด ผมกลัวที่จะเผชิญหน้ากับความจริง ถึงต้องเลือกเดินออกมาในตอนนี้

     

    ร่างสูงที่นั่งอยู่บนโซฟายิ้มน้อยๆกับเรื่อราวที่เมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา ผ่านมา 5 ปีแล้วตั้งแต่วันนั้นวันที่เราต่างต้องเดินแยกทางกันไป หลังจากนั้นทางบริษัทก็ประกาศยุบวงของเรา ไม่มีเหตุผลที่แน่ชัด ไม่มีใครรับรู้ในสิ่งที่เกิดขึ้น เหตุผลถูกเดาไปต่างๆนาๆ เขาที่ตามข่าวอยู่ก็นั่งร้องไห้ในวันนั้นที่เห็นแฟนคลับของเราทั้งหมดเสียน้ำตาให้กับความโง่เขลาของพวกเราทุกคน วันนั้นถ้าพวกเรามีสติและไม่ใจร้อนในการตัดสินปัญหาเรื่องราวเหล่านั้นอาจไม่เกิดขึ้น แต่เวลาไม่เคยหมุนย้อนกลับเราต่างรู้ดี ให้การตัดสินใจในครั้งนั้นของเราผิดพลาดแต่เราก็ทำมันลงไปแล้ว เขาพรำขอโทษแฟนๆทุกครั้งที่ทำได้ ความรักที่มีทั้งหมดให้พวกเราเขาไม่เคยลืมและจะจดจำอยู่ในใจของเขาตลอดไป

     

    5 ปีที่ผ่านมาเราทุกคนต่างเปลี่ยนแปลงไป หลายๆคนก็ยังทำงานอยู่ในเอสเอ็มเหมือนอย่างเคย เป็นทั้งนัดแต่งเพลง ครูสอนเต้น หรือออกอัลบั้มเดี่ยวก็ตาม แม้เราจะไม่เคยเจอกันอีกเลยนับตั้งแต่วันนั้นแต่ด้วยเทคโนโลยีทำให้เราสามารถติดตามข่าวได้สะดวกมาขึ้น อดีตหัวหน้าวงทั้งสองคนกลายเป็นนักธุรกิจกันไปแล้วพี่ซูโฮสานกิจการของครอบครัวในเกาหลี ส่วนพี่คริสก็กำลังไปได้ดีในแคนาดา และอีกหลายคนที่มีแนวทางเป็นของตัวเอง ในพวกเราทั้งหมดอาจจะเป็นผมเองก็ได้ที่ไม่ได้ติดต่อกับใครเลยแม้จะเป็นเซฮุนก็ตาม

     

    วันที่ผมเดินออกมาผมกลับบ้านและจมอยู่กับความทุกข์สักระยะนึง แล้วเริ่มออกเดินทางตามฝันที่ตัวเองตั้งไว้ผมออกเดินทางไปเรื่อยๆค้นพบสิ่งใหม่ๆที่ไม่เคยเจอมาก่อน เมื่อเหนื่อยก็กลับบ้าน มีแรงอีกครั้งก็ออกท่องเที่ยวต่อไปเรื่อยๆ ผมพบทั้งผู้คน ประเภณีที่ต่างไปจากเดิม ตอนนี้ผมก็ยังอยู่ที่แคนาดา สถานที่ท่องเที่ยวที่ต่างกันไปมากมายทำให้ผมมีความสุข สบายกาย แต่ตลอด 5 ปีที่ผ่านมากในใจผมก็ยังไม่เคยลืมเค้าได้เลยสักครั้ง กลับคิดถึงเค้ามากขึ้นคิดถึงรอยยิ้มที่มอบให้ผมตลอดมารอยยิ้มที่มักมาหลอกหลอนผมเวลาหลับและหายไปเมื่อตื่น ทั้งๆที่ใจอยากจะกลับไปหาเขาแต่ก็กลัวว่าเขาจะลืมผมออกไปจากใจแล้ว

     

    คงถึงเวลาที่จะต้องกลับไปแล้วสินะผมตัดสินใจกับตัวเองผมคิดมาตลอดเวลาที่ได้ไปประเทศต่างๆว่าอยากให้เค้าได้มายืนอยู่ข้างๆผม ออกไปท่องเที่ยวด้วยกัน ถึงเหนื่อยแต่เมื่อมีเค้าอยู่ใกล้ๆความเหนื่อยของผมจะหายไป ผมว่าคงจะถึงเวลาแล้วที่ผมจะต้องกลับไปเผชิญกับความจริงที่ผมเคยบอกให้ใครคนนึงรอผมเอาไว้ ผมไม่รู้ว่าเค้าจะรอเหมือนที่เคยสัญญาไว้รึเปล่า แล้วถ้าเค้าไม่รอผมแล้วผมจะเป็นยังไงต่อไป

     

    ริมแม่น้ำฮัน ผมกลับมาถึงเกาหลีแล้วเมื่อประมาณชั่วโมงที่ผ่านมา เครื่องบินที่บินตรงจากแคนาดาถึงเกาหลีทำให้ผมเหนื่อยอยู่ไม่น้อย แต่ผมกับหลับไม่ลงเมื่อเข้าไปถึงโรงแรง ผมคิดถึงเซฮุนและยิ่งขึ้นถึงมากขึ้นเมื่อได้มายืนอยู่ที่เกาหลีอีกครั้ง จิตใจผมไม่สงบลงเลย ผมไม่สามารถหลับตาลงได้ทั้งๆที่ใจเป็นแบบนี้ ผมเลยเลือกออกมาเดินเล่นที่ริมแม่น้ำฮัน

     

    ที่เดิมของเราก็คือที่นี่และ ริมแม่น้ำฮันแห่งนี้ที่เราเคยมาเดินเล่นกัน ขี่จักรยานด้วยดัน ผมเล่นบาสโดยมีเขาคอยมาเฝ้าดู และเดินเล่นไปเรื่อยๆตามประสา ที่ที่เป้นความทรงจำที่สวยงานของเราทั้งสองคน ผมไม่รู้ว่าเขาจะยังรอผมอยู่ไหม แต่ผมรอให้ถึงพรุ่งนี้ไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว

     

    เกาหลีที่ผมไม่ได้กลับมา 5 ปีก็ยังไม่เปลี่ยนแปลงไปเท่าไร ริมแม่น้ำฮันก็ยังสงบเหมือนอย่างเคย ลมพัดเบาๆทำให้ผมต้องกระชับเสื้อโค้ทเพื่อลดความหนาวเอาไว้ ผมเดินไปเรื่อยๆยิ้มออกมาน้อยๆเมื่อคิดถึงเรื่องในอดีต เดินช้าๆเพื่อซึมซับบรรยายกาดที่ห่างหายมาตลอด 5 ปียังมีคนออกมาเดินเล่น ขี่จักรยานให้เวลาดึกเช่นนี้เหมือนย่างเคย ริมแม่น้ำฮันไม่เคยเปลี่ยนไปเลย คงมีเพียงเราเท่านั้นๆที่โตขึ้น

     

    ผมเดินมาเรื่องๆผ่านเรื่องราวต่างๆในความทรงจำจนมาถึงที่ตรงนี้ สนามบาส ที่ๆพวกเรามาเล่นทุกครั้งที่มีโอกาส ร่างเพรียวของเซฮุนที่คอยยืนเชียร์ผมตลอดเวลาที่เรามาเล่นกัน เซฮุนไม่ค่อยชอบเล่นบาสแต่เขาก็ยังจะมาทุกครั้ง เขาบอกผมว่าเค้าชอบเห็นผมทำอะไรอย่างเต็มที่ ชอบยืนมองผมอยู่ตรงนี้ และผมจะไม่ทำให้เค้าผิดหวัง ความกลัวคืบคลานเข้ามาเรื่อยๆยิ่งก้าวเดินมากเท่าไรยิ่งกลัวมากเท่านั้น กลัวว่าเขาจะลืมไปแล้ว กลัวว่าเขาจะไม่มารอผมอีก

     

    ยี่งเดินก้าวเข้าไปเรื่อยๆก็ยิ่งกลัวสนามบาสวันนี้สงบกว่าที่เคย ไม่มีคนมาเล่นบาสอยู่เลย แต่กลับมีร่างของใครคนนึงยืนหันหลังอยู่ตรงแป้นบาส แผ่นหลังที่ผมคุ้นเคย ความรู้สึกดีใจเข้าท่วมท้นหัวใจของผมในตอนนี้ ตอนเป็นเขาแน่ๆ คนที่ผมยังคิดถึงอยู่ตลอดเวลา เขาไม่ได้ดูสูงขึ้นเลยหลังจากวันที่ผมเดินออกไปวันนั้น ด้วยระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมากทำให้เข้าดูโตยิ่งขึ้น ดูมั่นคง ผมค่อยๆเดินก้าวเข้าไปอย่างช้าๆ ความดีใจที่ไม่รู้จะพูดออกมายังไง มีแต่น้ำตาที่ตื้นขึ้นมาในตอนนี้ เขายังรอผม เขายังคงรอผมอยู่ที่เดิมของเรา เขายังไม่ลืมผมเหมือนอย่างที่ผมไม่เคยลืมเขาตลอดมา ผมเดินอย่างแผ่วเบาจนมาหยุดอยู่แผ่นหลังเล็กของคนตรงหน้า

     

    แรงสะกิดเพียงเล็กน้อยทำให้คนที่ยืนอยู่ข้างหน้าหันกลับมามอง ดวงตาที่เปิดกว้างขึ้นเมื่อเห็นว่าคนที่สะกิดนั้นเป็นใคร น้ำตาที่กักเก็บไว้ไหนออกมาไม่ขาดสาย ผมดึงร่างเขามากอดแนบอก กอดให้สมกับความคิดถึงที่ผ่านมา ให้สมกับการรอคอยของเรา

     

    นายกลับมาแล้ว กลับมาแล้วจริงๆ ผมมองหน้าเซฮุนชัดๆให้สมกับความคิดถึงทั้งหมด เค้าไม่เปลี่ยนไปเลย ตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกันจนถึงวันนี้ ผมใช้มือทั้งสองข้างจับใบหน้านั้นเอาไว้บาดน้ำตาออกจากใบหน้านั้นช้าๆ

     

    กลับมาแล้วครับ ฉันกลับมาแล้ว ยิ้มให้ฉันดูหน่อยได้ไหมเซฮุนยิ้มออกมาทั้งน้ำตา  ผมยิ้มให้เขาด้วยเช่นกัน ผมจะไปหนีไปไหนอีกแล้วผมจะไม่ทิ้งเขาเอาไว้อีก ว่าจะเกิดอะไรขึ้นผมจะต้องเอาเขาไปด้วยให้ได้

     

    นายจะไม่ไปไหนแล้วใช่ไหม จะกลับมาอยู่กับฉันใช่ไหมฉันรอนายต่อไปแทบไม่ไหวแล้ว ฉันจะขาดใจตายให้ได้เมื่อคิดถึงนาย ฉันมาที่นี่แทบทุกวันไม่รู้ว่าเมื่อไรนายจะกลับมาแต่ฉันก็ยังรอ ขอร้องอย่าหนีไปอีก ถ้านายไปอีกคราวนี้ฉันต้องตายแน่ๆเซฮุนกำชายเสื้อผมไว้แน่น เขพูดออกมาทั้งน้ำตา ผมรู้ว่าเขาทรมานแต่ผมก็ดีใจที่เขายังรอ

     

    ฉันสัญญา คราวนี้ฉันจะไม่หายไปไหนอีกจะอยู่กับนาย จะพานายไปทุกที่ที่ฉันจะไป นายจะยอมไปกับฉันไหมเซฮุนพยักหน้าทั้งน้ำตา เข้ามากอดผมไว้ราวกับว่าถ้าไม่กอดไว้ผมจะบินหนีไปแล้วไม่กลับมา ผมก็กอดกลับให้สมกับความรักทั้งหมดที่ผมมี

    ผมดึงรางขอเซฮุนมองมาช้าๆ จ้องมองใบหน้านี้ที่ผมรักสัมผัสแผ่วเบาตั้งแต่ตา จมูก ริมฝีปากนิ้วยาวของผมบดเบียดริมฝีบากของเซฮุนอย่างช้าๆ ริมฝีปากของเขาเผยออกมายิ่งผมสัมผัสมากเท่าไรริมฝีปากก็เผยออกมามากเท่านั้น ผมละนิ้วออกจากริมฝีปากของเขามาประคองหน้าเซฮุนเอาไว้ แล้วโน้มตัวลงประทับริมฝีปากของผมกับของเขาเข้าด้วยกัน ริปฝีปากของเซฮุนยังนุ่มเหมือนย่างเคย ผมบดเบียดลงไปอย่างช้าๆปากบางเผยขึ้นเพื่อให้ผมส่งลิ้นเข้าไปชิมความหวานในริมฝีปากสวย จากจูบอ่อนหวานเริ่มเร่งเร้าร้อนขึ้นเรื่อยๆ ร่างเพรียวยกมือขึ้นกอดเกี่ยวต้นคอผมเอาไว้ ลูบไร้ผมด้านหลังของผมเอาไว้ เราจูบกันหนักขึ้นมือที่เกี่ยวคอผมเอาไว้เริ่มจิกน้อยๆเมื่อรู้สึกถึงความวาบหวิวที่ก่อตัวขึ้น เราจูบกันนานจนมือสวยผลักผมออกเบาๆเมื่อไม่หายใจไม่ทันแล้ว ผมผละจูบออกมาจ้องมองใบหน้าสวยช้าๆ ริมฝีปากที่เผยขึ้นเพื่อรับอากาศที่ให้ผมอยากจะเบียดจูบเข้าไปอีกครั้ง อยากรักเขาไปทั้งกายคิดถึงร่างการหอมหวานที่เราเคยกอดกัน แต่ผมต้องห้ามใจตัวเองเอาไว้ เพื่อที่จะบอกคำๆนึงกับเขา

     

    ฉันรักนาย ฉันมั่นใจแล้วว่ารักนายเรามาอยู่ด้วยกันนะเซฮุนผมลงไปจ้องหน้าเซฮุน หน้าสวยหยุดค้างช้าๆ ผมไม่เคยบอกรักเขาสักครั้งความสัมพันธ์ของเราในอดีตแทบดำเนินไปด้วยร่างกาย เราพึงพอใจกันทั้งๆที่เราทั้งคู่รู้สึกว่าตัวเองต่างมีความรู้สึกอย่างไรแต่ไม่เคยบอกไป วันนี้ผมมั่นใจแล้วว่าผมรักเค้า เค้าจะเป็นคนเดียวที่จะได้อยู่กับผมตลอดไป

     

    ฉันก็รักนายเหมือนกัน นายจะพาฉันไปไหนก็ได้แค่ให้ฉันได้อยู่กับนายก็พอ”  เซฮุนพูดจบผมก็รั้งร่างเพรียวเจ้ามากอดไว้อีกครั้ง หลังจากวันนี้เราจะอยู่ด้วยกันการรอคอยทั้งหมดจะจบสิ้นลง ผมจะเอาอดีตทั้งหมดทิ้งเอาไว้เบื้องหลังและเดินต่อไปข้างหน้ากับคนๆนี้อีกครั้ง ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นนับจากนี้ ไม่ว่าอีกกี่อุปสรรคจะเกิดขึ้น ผมมั่นใจว่าผมจะผ่านมันไปได้เมื่อมีเขาข้างกาย เรารักกันและผมจะทำให้ความรักของเราเป็นตลอดไป

     

    *************************************************

    ฝากติดตามตอนแรกของเราด้วยนะคะ 
    เป็นเรื่องที่สมมติขึ้นมาไม่มีจริง
    อ่านเพื่อความสนุกนะคะ เราก็หวังว่าจะแต่งเรื่องสนุกๆให้ทุกคนอ่านไปเรื่อยๆ
    เรากำลังคิดว่าจะเขียนตอนต่อของอันนี้ดีไหน เอาแบบตอนอยู่ด้วยกันหรือไปเที่ยวด้วยกันอย่างงี้
    อ่านแล้วคอมเมนท์กันเยอะๆนะคะ
    หรือติดอท็กให้เราในทวิตเตอร์ก็ได้นะ แท็ก 
     
    ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านค่าาา

     

     

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×