ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    อย่าเพิ่งเข้าน้าจ้า^^

    ลำดับตอนที่ #1 : *~[นำเรื่อง]~* : ราชาแห่งพงไพร

    • อัปเดตล่าสุด 28 ก.พ. 51




             
    นำเรื่อง  ราชาแห่งพงไพร

                
             
    ท่ามกลางแสงจัทร์อันสาดส่องไปทั่วแผ่นดิน ที่ปกคลุมไปด้วยดินหญ้าที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุคุณประโยชน์มากมายแก่พืชและสัตว์หลากหลายชนิด กระแสลมหนาวได้ตัดผ่านแสงจันทร์นวลผ่องมากระทบผิวกายของชายหนุ่มรูปงามผู้หนึ่ง สองเท้าอันมั่นคงได้ยืนสงบเหงี่ยมเปรียบรอคำบัญชาจากเจ้านายซึ่งเป็นหัวใจและสมองของเจ้าของเท้าคู่นั้นอยู่บนแผ่นศิลาใหญ่ ในตาสีฟ้าอ่อนได้ทอดมองทุ่งหญ้าขนาดใหญ่ที่อยู่ติดกับป่ารกทึบ ในตาอันสงบเยือกเย็นแต่ในใจกลับไม่เย็นตาม เข้าคิดอะไรอยู่? ไม่มีใครอาจล่วงรู้ได้หากเจ้าตัวไม่คิดจะลั่นวาจาออกไป




             
    เสียงฝีเท้าย่ำสม่ำเสมออย่างมั่นใจปลุกให้สติที่หลุดลอยของชายหนุ่มกลับมา ร่างสูงสง่าหันกลับมามองอย่างเฉยชา สิ่งที่อยู่ภายหน้าคือ หมาป่าขนสีเทาฟู มีขนสีดำผาดลายจากหลังหูลงไปกลางหลัง แล้วไปจรดที่ปลายหางที่สบัดขึ้นลงตามสันชาตญาณ ถ้าเป็นมนุษย์ทั่วไปคงจะผวากับดวงตาสีเหลืองอัมพันของสัตว์และไม่กล้าเล่นจ้องตาอย่างแน่นอน แต่กับชายหนุ่มกลับยังคงสงบเช่นเดิม ทั้งสองต่างจ้องตากันเพียงครู่เดียว ร่างเพียวลมก็เกิดสิ่งมหัศจรรย์สำหรับเหล่ามนุษย์ขึ้น กลุ่มควันปริศนาก่อตัวขึ้นล้อมกายของหมาป่าสีเทาตัวนั้น ขนหนาฟูหดเข้าไปในผิวกายกลับกายเป็นผิวหนังของมนุษย์ ร่างกายที่ยืนด้วยขา 4 ข้าง กลับกลายเป็นค่อยๆยืนตัวสูงขึ้นและเปลี่ยนกายเป็นรูปร่างของสัตว์ที่เรียกตัวเองว่าสัตว์ประเสริฐได้เหมือนจริง คงไว้แต่เส้นผมที่เป็นสีเทาทั้งหัว และนัยน์ตาสีอัมพันที่สะท้อนแววตาจริงจังออกมาให้สัมผัสได้ ร่างกายที่ห่อหุ่มด้วยเสื้อหนังสัตว์เช่นเดียวกับอีกคนที่ยืนอยู่ก่อนก้มตัวลงคุกเข่าต่อหน้าชายเจ้าของนัยน์ตาสีฟ้าที่ยังคงจับจ้องทุกอิริยาบทของชายผมเงินอย่างสงบเสงี่ยมเช่นเคย




              "
    ขออภัยที่กระหม่อมเดินทางล่าช้า โปรดท่านราชาลงโทษข้าน้อยด้วยเถิดพะยะค่ะ" ชายผมเงินพูดพลางก้มหน้าไม่กล้าสบตาผู้เป็นเจ้า หากแต่น้ำเสียงกลับหนักแน่นน่าผิดปกติ




              "
    ลุกขึ้นเถิด ฟาเรล ข้าก็ผิดเองที่จู่ๆก็เรียกตัวเจ้ามากลางดึกเช่นนี้" เขาพูดพร้อมกับใช้มือทั้งสองจับไหล่ของทหารคนสนิด และเป็นพระอนุชาตามสายเลือดของตัวเองแล้วช่วยพยุงขึ้นมา "เจ้าเองก็รู้ว่าข้าเป็นคนใจร้อนดั่งเพลิง แต่หากเจ้ามาช้าอีกเพียงแค่นาทีเดียวเจ้าอาจจะต้องเพลิงโทสะของข้าเป็นแน่"




             
    พระอนุชารับคำผู้เป็นพี่แล้วหัวเราะในลำคอเบาๆ "แล้วพี่ท่านต้องการเริ่มแผนการเมื่อไหร่หรือ? หรือว่าจะเดียวนี้ ถึงดูท่านรีบร้อนเสียจริง"




             
    เจ้าป่าหัวเราะกับคำแซวระหว่างพี่น้อง เขาไม่ได้พูดอะไร แต่เขาใช้มือโอบไหล่ของน้องชายแล้วเดินไปบริเวณปลายโขดหินเดิม




              "
    แล้วเจ้าคิดว่า อนาคตของป่าที่เราร่วมกันปกครองควรจะปลอดภัยจากมือสกปรกเร็วหรือช้าดีหล่ะ" คนเป้นพี่ย้อนถามอย่างอารมณ์ดี




              "
    ต้องอย่างเร็วสิท่านพี่ หากล่าช้าอาจแก้ไขไม่ทันการณ์ บริวารของเราก็พลอยจะเดือดร้อนไปดั่งปลาติดร่างแห...แต่ข้าคิดว่า พี่น่าจะเริ่มแผนการณ์ในตอนเช้านี้เลยจะดีที่สุดนะพะยะค่ะ" 




             
    พี่ชายที่หน้าตาแทบจะเหมือนกันกับน้องชายทุกระเบียบนิ้ว ต่างก็เพียงสีผมและสีนัยน์ตา ผู้พี่ซึ่งเป็นราชาปกครองผืนป่าอันกว้างใหญ่มีเรือนผมสีดำสนิดทุกเส้น แต่สีตากลับเป็นสีฟ้าอ่อนดูอ่อนโยนและเย็นชาได้ในเวลาเดียวกัน คนเป็นน้องมีเส้นผมสีเทาเช่นเดียวกับสีขนเมื่อครู่ และนัยน์ตาเป็นสีเหลืองใส มีสีหน้าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยบอกน้องชายไป




              "
    อืม ก็ดีเหมือนกันนะ แต่พี่ยังไงก็เป็นห่วงทางนี้อยู่ดี พี่ถึงได้เรียกเจ้าออกมาพบกลางดึกเช่นนี้"




              "
    โถท่านพี่ฟาโร ข้าก็ยังอยู่ตัวเป็นๆทั้งคน ท่านพี่ยังกังวนอะไรอีก ข้ารู้หล่ะ ระหว่าที่ท่านพี่จัดการธุระทางด้านนั้น ฟาเรลผู้นี้ขอปกป้องผืนป่านี้ด้วยร่างกายของกระหม่อม ของท่านโปรดไว้วางใจเถิด ข้าพอมีฝีมืออยู่เหมือนกันนะพะยะค่ะ" เขาพูดพร้อมกับถอยห่างจากตัวพี่ชายเล็กน้อยแล้วก้มหัวคำนับอย่างสุภาพ แต่พอเงยหน้าขึ้นมาก็มีรอยยิ้มกวนประสาทใส่พี่ชาย ฟาโรเห็นดังนั้นจึงกระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี ด้วยขบขันกับท่าทางของน้องชาย




              "
    ฮ่าๆ ได้ๆ ข้าไว้ใจเจ้า พรุ่งนี้ยามเทพสุริยะเคลื่อนที่ผ่านเส้นขอบฟ้ามาเมื่อไหร่ ข้าจะมุ่งหน้าไปในทางทิศเหนือ เพื่อมุ่งเข้าสู่เมืองของศัตรูของเราตลอดการณ์ เพื่อให้มันได้รับบทเรียนกับสิ่งที่มันได้กระทำต่อพวกเราด้วยความเห็นแก่ตัว!!"




             
    สิ้นเสียงคล้ายเสียงคำรามอันดังกึกก้อง สองพี่น้องตระกูลเจ้าแห่งพงไพรได้กลายร่างตนเองกลับเป็นหมาป่าอันแสงทรงสง่า ขนสวยงามของผู้เป็นพี่เป็นสีนิลสนิดตั้งแต่ปลายหูที่ตั้งอย่างระวังรอบคอบ ไปจนสุดปลายหางฝูสวย เจ้าหมาป่าทั้งสองเมื่อยืนขนาบกันยิ่งดูน่าเกรงขามเสียยิ่งกว่าอะไร เสียงหอนอันดังสนั่นยิ่งเพิ่มทวีคูณเมื่อได้เปล่งออกมาจากฟาเรลที่ช่วยสมทบผู้พี่ 




             
    เสียงสยองเขย่าขวัญดังต่อเนื่องและทั้งคู่ได้ส่งมันลอยไปตามสายลม หวังให้สรรพสิ่งในบริเวณได้ยิน และที่หวังมากที่สุด คือต้องการให้เสียงนี้ ลอยไปต้องหูมนุษย์ใจทรามทั้งหลาย เพื่อที่จะเขย่าสมองส่วนจิตสำนึกจะได้คิดไว้ว่า หากสองมือหยาบยิ่งทำบาปมากเท่าไหร่ อนาคต ลูกหลานของมันเอง ก็อาจจะไม่มีโอกาศได้ยินเสียงธรรมชาตินี้อีกต่อไป...

    ---------------------------------------------------------------------------------------------------

    อ่านแล้วท่องจำเอาไว้เป็นคติประจำใจ

    คือ ...




    เม้นส์!! T_T


    ช่วยหน่อยน้าค้า

    1
    เม้นส์ เพิ่มกำลังใจ 10 % ของผู้เขียนน้าค้า^^"

    ขอบพระคุณทุกท่านที่ใช้บริการ โอกาศหน้า(ต้อง)มาใหม่น้าค้า^^ (แอบโหด - -")

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×