คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Checkmate... - It's Beginning
มือเรียวตวัดปลาบปากกาลงบนเอกสารในแฟ้มตรงหน้าอย่างชำนาญ ดวงตาเรียวกวาดสายตาอ่านตัวอักษรเป็นระเบียบทุกตัวอักขระ แน่ล่ะ... การบริหารงานมันไม่เหมือนกับการเล่นขายของในสมัยเด็ก ต้องระมัดระวังและรอบคอบ ทุกลายเซ็นของเค้ามีผลกับบริษัทเสมอ
“ ท่านประธานคะ แฟ้มเอกสารยอดขายของบริษัทในช่วง 1 ปีที่ผ่านมาค่ะ” หญิงสาววางแฟ้มเอกสารลงบนโต๊ะข้างๆกับแฟ้มที่เปิดกางเอาไว้ ร่างบางพยักหน้ารับเล็กน้อยก่อนจะสั่งให้คนนำเอกสารออกไปจากห้อง ฮยอกแจจัดการเซ็นกระดาษเอกสารแผ่นสุดท้ายก่อนจะจัดการหยิบแฟ้มเอกสารอันใหม่มาเปิดดู
ยอดขายในช่วง 1 ปีที่ผ่านมาดีขึ้นมากจากเมื่อก่อนจนท่านประธานคนเก่าเอ่ยปากชมไม่เว้นวัน พ่อเค้าภูมิใจในตัวเค้ามาก แต่นั่นมันไม่ใช่จุดประสงค์ที่เค้าต้องการอย่างแท้จริง ตลอดเวลา 1 ปีที่ผ่านมายอดขายเพิ่มขึ้นแทบจะเท่าตัวของปีผ่านๆมา ลีฮยอกแจ แค่ต้องการเอาชนะชเวกรุ๊ป ในทุกๆเรื่องและทุกๆอย่าง ยอมฝืนตัวเองทำงานหนักทั้งๆที่ไม่จำเป็น ต้องอดทนที่จะผ่านเรื่องราวมากมายเพื่อลีกรุ๊ปก้าวหน้ามาถึงขนาดนี้ เกือบ 2 ปีกว่าที่เค้าใช้เวลาเพื่อศึกษาปริญญาโทด้านการบริหารที่อเมริกา และตลอดเวลานั้นมันเป็นช่วงชีวิตที่แย่ที่สุดสำหรับเค้า
ช่วงเวลาที่ผ่านมาโดยต้องหายใจต่อโดยไม่มีคนข้างกาย
ทรมานอยู่กับเวลาที่ดูเหมือนจะย้อนกลับไปตลอดเวลา
ภาพความทรงจำที่ไหลย้อนกลับมา
ภาพของความรักอันแสนบริสุทธิ์
ก่อนที่ ชเวซีวอน จะเดินออกจากชีวิตของ ลีฮยอกแจ...
“ ท่านประธานคะ มีคนมาขอพบค่ะ” เสียงจากเลขาฯหน้าห้องดังขึ้นผ่านโทรศัพท์ด้านขวาของโต๊ะ ร่างบางขมวดคิ้วเอ่ยถามออกไปเล็กน้อย แต่ก็ได้คำตอบมาเพียงว่าเค้าจะมาสมัครเป็นบอดี้การ์ด นั่นยิ่งทำให้ฮยอกแจงงเข้าไปใหญ่ เค้าไม่คิดจะมีบอดี้การ์ดและแน่นอนว่าเค้าดูแลตัวเองได้ดี และดีมากจนใครหลายๆคนคงคิดไม่ถึง
“ ให้เค้าเข้ามา...” ฮยอกแจเอ่ยเพียงเท่านั้นแล้วจัดการปิดเอกสารที่สนใจอยู่เมื่อครู่ลงแล้วเลื่อนไปวางให้พ้นทาง ประตูบานใหญ่เปิดออกเผยให้เห็นผู้มาใหม่ที่เลขาฯคนสนิทบอก ร่างสูงโปร่ง รูปหน้าที่ดูแล้วแสนจะรับกับทุกส่วน แต่ให้ดูยังไง ลี ฮยอกแจคนนี้ก็ว่าไอ้คนตรงหน้านี่ต้องเรียนมหาลัยไม่ปี 1 ก็ปี 2 แหละหน่า...
“ ผมคิมจงฮยอน มาสมัครเป็นบอดี้การ์ดครับ”
“ ยินดีที่ได้รู้จัก ฉันลีฮยอกแจ เป็นประธานบริหารลีกรุ๊ปทั้งหมด... และถ้าฉันจำไม่ผิด ฉันไม่ได้เปิดรับสมัครบอดี้การ์ด ฉันพูดถูกมั๊ย”
“ ครับ... แต่ผมอยากทำงานกับคุณ” ร่างบางช้อนตามองร่างสูงตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างเสียมารยาท บอกตามตรงเค้าไม่อยากจะคิดหรอกว่าไอ้คนตรงหน้านี่มันจะถูกใครส่งมารึป่าว แต่การอยู่ดีๆก็มาสมัครเป็นบอดี้การ์ดเค้าแบบนี้ แถมเหตุผลที่ได้ฟังมันก็ฟังไม่ขึ้นเอาซะเลย แต่มันก็ทำให้เค้าอดคิดไม่ได้จริงๆนั่นล่ะ
“ ฉันเป็นนักเทควันโดสายดำ แชมป์ฟันดาบของมหาลัย 2 ปีซ้อน แถมด้วยแชมป์ยิงปืนในระดับเยาวชนทีมชาติ คิดว่าแค่นี้พอมั๊ย ในความปลอดภัยของตัวฉันเอง” ร่างบางเอ่ยเสียงเรียบคล้ายไม่อยากทำให้คนตรงหน้าเสียใจ แต่กระนั้นก็เถอะ คนตรงหน้ากลับไม่ได้แสดงอาการอะไรออกมานอกจากยังคงตีหน้าเรียบตามเดิม
“ ผมแค่ต้องการทำงานกับคุณ”
“ แต่ฉันไม่รับเด็กมหาวิทยาลัยหรอกนะ... แทนที่นายจะได้ดูแลฉัน คงได้กลายเป็นว่านายจะถ่วงฉันซะมากกว่า แล้วอีกอย่างฉันไม่ได้ยุ่งกับธุรกิจมืดเพราะงั้นไม่จำเป็นเลยที่ฉันจะต้องกลัว”
“ ผมไม่ได้เป็นนักศึกษา “ฮยอกแจเอื้อมมือไปหยิบประวัติของคนตรงหน้าที่เลขาฯเอาเข้ามาให้เมื่อครู่ขึ้นมาอ่าน เพื่อให้แน่ใจว่าเค้าคิดถูก และมันก็ทำให้เค้ารู้ว่าเค้าคิดผิด มันก็น่าสนใจแต่ยังไงก็ยังไม่อยากเชื่อหรอกว่าไอ้หมอนี่มันจะเรียนจบแล้ว
“ผมเรียนจบแล้ว และผมก็มั่นใจว่าในอีกไม่นานคุณก็คงจะต้องมีศัตรูมากขึ้นไปอีกเพราะการก้าวหน้าอย่างรวดเร็วของคุณ และหนึ่งในนั้นผมก็แน่ใจมากๆว่าจะต้องเป็นชเวกรุ๊ป” ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันแน่น
ชเวกรุ๊ปอย่างนั้นหรอ... ถ้ากล้าเล่นสกปรกก็ลองสิ่
ลีฮยอกแจคนนี้นี่แหละ จะเหยียบชเวกรุ๊ปให้จมดินเลยคอยดู!!
“ ฉันไม่สนหรอกนะ... เอาเป็นว่าฉันไม่ต้องการบอดี้การ์ด แต่ถ้านายอยากได้งานจริงๆฉันก็พอจะช่วยได้ แต่งานที่นายจะได้มันคงจะเป็นงานดูแลเด็กซะมากกว่าบอดี้การ์ด คิดว่าไหวมั๊ยล่ะ” ร่างสูงนิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ก่อนจะค่อยๆพยักหน้ารับ ร่างบางยิ้มกว้างก่อนจะบอกให้เลขาฯคนสนิทจัดการพาร่างสูงไปฟังรายละเอียดต่างๆ จงฮยอนนั่งรออยู่หน้าห้องตามที่คนสวยเมื่อครู่บอก ดวงตาคมฉายแววโล่งใจเอาไว้มากมายผิดกับใบหน้าที่ไร้อารมณ์ใดๆ
ให้ตายก็บอกไม่ได้หรอก... หน้าที่ของเค้าก็แค่ต้องจับตาดู ลีฮยอกแจเอาไว้
เอาเป็นว่ายังไงซะเด็กที่เค้าต้องดูแลก็คงจะต้องอยู่ใกล้ตัว ลีฮยอกแจนั่นล่ะ!!
:::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
“ ซองมินซังทำไมตาบวมแบบนี้ล่ะ...” คนถูกถามได้แต่ก้มหน้าก้มตาไม่ตอบคำถาม แต่นั่นก็คงจะเป็นความเคยชินสำหรับคนที่ร้านนี้กันไปแล้ว ซองมินคนที่แสนร่าเริง น่ารักและสดใส ตอนนี้กลับกลายเป็นเศร้าซึมและเหม่อลอยทุกครั้งที่ว่าง
“ ซองมินซังทะเลาะกับคยูคุงมาหรอ” ทันทีที่จบประโยคคนเอ่ยถามก็ต้องร้องโอ๊ยออกมาดังๆเมื่อฝ่ามือเรียวของพนักงานหญิงอีกคนฟาดเข้าให้เต็มแรงทีกลางหลังพลางส่งสายตาดุๆมาให้ ทำเอาคนพูดมากต้องหุบปากเงียบทันที
“ ซองมินซัง... ไม่เป็นอะไรใช่มั๊ย” เสียงหวานเอ่ยถามพลางลูบที่ไหล่ของคนถูกถามเบาๆ ร่างบางส่ายหัวเบาๆเป็นเชิงปฏิเสธ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ทุกคนเชื่อตามไปหรอกนะ
“ ถ้าไม่ได้เป็นอะไรแล้วร้องไห้ทำไมล่ะ...” คนพูดมากเอ่ยถามเสียงอ่อนเมื่อเห็นว่าสถานการณ์มันดูจะแย่ลงกว่าเก่า ใบหน้าหวานเหยเกมากขึ้นไปอีก ดวงตาโตที่เคยฉายแววแห่งความสุขกลับถูกบดบังด้วยม่านน้ำตาที่เจ้าตัวสร้างมันขึ้นมา คนเอ่ยถามเห็นดังนั้นเลยไม่กล้าที่จะถามต่อ เมื่อเห็นว่ายิ่งพูดร่างบางตรงหน้าก็ยิ่งอ่อนแอลงทุกที
“ คยู... ฮึก กำลังจะ...ฮึก กลับเกาหลี... กำลังจะไปแล้ว ฮือๆ...” ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องอดทนฝืนน้ำตาอีกต่อไป ซองมินสะอื้นจนตัวโยนทันทีที่ประโยคเมื่อครู่หลุดออกจากริมฝีปากของตัวเองหมดประโยค ฮิคาริกระชับอ้อมกอดมากขึ้นอีกเมื่อซองมินยังคงร้องไห้ไม่หยุด ดวงตาโตแดงช้ำมากขึ้น น้ำตายังคงไม่มีทีท่าว่าจะหยุดไหล ยูยะเอื้อมมือไปกุมมือเรียวนั้นไว้ก่อนจะส่งยิ้มบางๆเป็นเชิงปลอบใจ
“ คยูคุงจะรู้มั๊ยนะ... ว่าซองมินซังเจ็บปวดขนาดนี้ ทั้งๆที่ซองมินซังเป็นฝ่ายบอกให้ห่างกันซักพักแท้ๆ
”
“ คยูคุงจะรู้มั๊ยนะ... ว่าซองมินซังเจ็บมากกว่าที่คยูคุงเจ็บปวดเป็นล้านเท่า...”
“ แต่ซองมินซังรู้อะไรมั๊ย ที่คยูคุงกับซองมินซังต้องเจ็บปวดแบบนี้ก็เพราะยังรักกันไม่ใช่หรอ... ทั้งสองคนถอยหลังกันคนละก้าวเพื่อให้เดินต่อไปด้วยกันได้ไม่ใช่หรอ... แล้วทำไมดูเหมือนว่าทั้งคู่ถอยออกไปเดินกันคนละทางล่ะ”
“ ฮึก... แต่คยูกำลังจะไปแล้ว”
“ งั้นเราไปส่งคยูคุงกันมั๊ยล่ะ... ผมรู้นะว่ามันเป็นสิ่งที่ซองมินซังต้องการ อีกอย่างไม่จำเป็นที่ต้องจากกันแบบนี้นี่หน่า... เถอะนะซองมินซัง ผมยืมรถผู้จัดการให้ก็ได้ นะซองมินซัง...” เจ้าของเสียงทุ้มส่งยิ้มให้เป็นการปิดท้ายประโยค ร่างบางพยักหน้าตอบรับเล็กน้อย ก่อนที่จะถูกฮิคาริและยูยะลากขึ้นไปนั่งในรถได้สำเร็จ ร่างบางปาดน้ำตาเมื่อนั่งมองออกไปนอกหน้าต่าง สองคนข้างหน้าก็ดูเหมือนจะทะเลาะกันไปตลอดทาง
มันจะต้องจบลงแบบนี้จริงน่ะหรอ...
แน่ใจรึป่าว... ว่าการถอยห่างจากกันมันคือสิ่งที่ดีที่สุด
เจ็บหัวใจไปหมดเมื่อรับรู้ว่าคยูฮยอนเองก็ต้องการแบบนั้นเหมือนกัน
ความรัก... ก็ไม่อาจะช่วยอะไรได้เลย
ก็ในเมื่อต่างคนต่างไม่ฟังกัน ต่างคนต่างไม่เข้าใจ
ให้รักกันมาแค่ไหน สุดท้ายมันก็ไม่มีวัน...
ผู้คนมากมายเดินกันให้วุ่น ซองมินแทรกผ่านคนตรงหน้าเพื่อดูเที่ยวบินของคนที่ทิ้งโน้ตเอาไว้เมื่อคืน ร่างบางยิ้มออกมาน้อยๆเมื่อมั่นใจว่าเครื่องยังไม่ได้ออกไป มือบางกดเบอร์โทรที่คุ้นเคย รอเพียงไม่นานเสียงทุ้มที่เอ่ยออกมาก็ทำให้ยิ้มกว้างได้มากกว่าเดิม ถามไถ่เพียงไม่กี่ประโยคซองมินก็ออกวิ่งอีกครั้ง ทำเอาคนที่มาด้วยหายใจแทบไม่ทัน
“ คยู...” เสียงหวานเอ่ยอย่างแผ่วเบาเมื่อรู้ว่าตัวเองมาหยุดอยู่ตรงหน้าคนที่กำลังตามหาอยู่ ร่างสูงส่งยิ้มบางๆพลางเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาที่ข้างแก้มใส มือหนาค่อยลูบไปตามแก้มเนียน
“ มันจะดีที่สุดใช่มั๊ย... สำหรับเรา”
“ คยู... คือ
”
“ ผมรู้ดีว่าผมไม่ได้เป็นแฟนที่ดี ทำงานแต่เช้ากลับห้องก็ดึก ไม่มีเวลาเอาใจใส่ซองมินเลยซักนิด แถมขี้ลืมอีกต่างหาก... แต่ผมก็รักซองมิน”
“ ฉันรู้... ฉันก็รักคยู แต่ความรัก...”
“ มันไม่ใช่ทุกอย่าง... ซองมินพูดแบบนั้นเสมอ ตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกันจนกระทั่งวันที่เราต้องจากกัน ใช่ มันไม่ใช่ทุกอย่าง... เพราะความรักของผมมันคือซองมินเพียงสิ่งเดียวเท่านั้น”
“ ขอโทษ...”
“ คำนั้นน่าจะเป็นผมมากกว่าที่พูด” ร่างสูงเอ่ยเสียงเรียบ มือหนาลูบไล้แก้มนวลตรงหน้าอีกครั้ง น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าถูกเช็ดออกด้วยมือของคนตรงหน้า เสียงที่แสนจะอบอุ่นมันทำให้ซองมินเจ็บปวดเหมือนจะขาดใจ คยูฮยอนยิ้มน้อยๆพลางโน้มหน้าลงไปใกล้ใบหน้าหวาน ริมฝีปากอุ่นทาบทับลงไปบนริมฝีปากบางก่อนจะผละออกช้าๆ
“ ผมไม่คิดว่านี่จะเป็นจูบลา... และผมไม่คิดว่าเรื่องของเรามันจะจบลงแค่นี้ ปล่อยให้เวลาเป็นเครื่องทบทวนระหว่างเรา... ผมต้องไปแล้ว หวังว่าซองมินจะไม่ร้องไห้อีกนะ” ร่างบางพยักหน้ารับก่อนจะสวมกอดคนตรงหน้าแน่น คยูฮยอนกอดตอบซองมินแน่นไม่แพ้กัน
อยากกอดเอาไว้นานๆ... ยังไม่อยากเสียความรักไปในตอนนี้
แต่มันก็สายไปแล้วสิ่นะ หมดแล้วสำหรับโอกาสที่จะเปลี่ยนใจ...
“ ลาก่อน...” เสียงหวานเอ่ยแผ่วเบาพลางยกมือขึ้นโบกน้อยๆให้คนตรงหน้า ร่างสูงโบกมือตอบเล็กน้อย ก่อนจะเดินเข้าไปด้านใน ดวงตาคมกลับแตกร้าวอย่างเห็นได้ชัด ริมฝีปากอุ่นเม้มแน่น หยดน้ำตาไหลลงมาช้าๆเพื่อบอกว่า โจวคยูฮยอนอ่อนแอ...
“ ผมขอโทษ...” ร่างสูงเอ่ยอย่างแผ่วเบาเมื่อทิ้งตัวลงนั่งบนเบาะนุ่มบนเครื่องบิน มือหนาลูบไล้แก้มของคนในรูปภาพที่ตนถืออยู่อย่างแผ่วเบา คล้ายกับกำลังเช็ดน้ำตาให้ดวงหน้าหวานที่ตอนนี้ก็ยังคงน้ำตาไหลไม่หยุดอยู่ด้านนอก
รู้ว่ามันจะต้องมาถึง... วันที่ต้องจากลา
แต่มันดูจะเร็วไปหน่อยสำหรับเค้าและซองมิน
สิ่งที่เค้าควรทำคือลืมเรื่องราวทั้งหมดซะ หรือว่าปรับปรุงให้มันดีขึ้นกันแน่
ทั้งเค้าและซองมินรู้ดีว่าโอกาสที่จะเริ่มต้นใหม่...มันเหลือน้อยเต็มที
แต่เค้าก็ยังไม่เข้าใจมันอยู่ดี แล้วก็ยากที่จะเข้าใจด้วย...
:::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
จงฮยอนกวาดสายตามองไปรอบๆบ้านหลังใหญ่เพื่อจดจำรายละเอียดทุกอย่างภายในบ้าน ร่างบางที่ยืนอยู่ข้างๆเหลือบตาไปมองการกระทำนั้นน้อยๆ บอกตามตรง... ฮยอกแจไม่ใช่คนโง่และก็พอจะดูออกว่าจุดประสงค์ของจงฮยอนนั้นคืออะไร สอดแนม... เพื่ออะไรก็เดาๆเอาไว้บ้าง แต่มาจากใครนี่สิ่ แต่ถ้ามาจากไอ้ผู้ชายเฮงซวยคนนั้นล่ะก็ คอยดูเถอะ... ฮยอกแจคนนี้แหละจะจับทุ่มลงพื้นให้หายไปกับหน้าดินเลยคอยดู!!
“ สิ่งที่นายต้องทำก็แค่คอยดูแลเค้าแล้วก็คอยช่วยเหลือในบ้างเรื่อง” พูดไปก็ไม่ได้สนใจคนข้างๆเลยแม้แต่น้อย ร่างบางก้าวเท้ายาวๆเดินเข้าบ้านไปโดยมีร่างสูงเดินตามไปช้าๆ ดูเหมือนคนในบ้านออกจะหน้าบานเมื่อเห็นคุณหนูคนโตของบ้านกลับมาบ้าน
“ คุณหนูฮยอกแจจะให้ไปเรียนคุณท่านมั๊ยคะว่าคุณหนูกลับมาบ้าน”
“ หือ...อะไรกัน แค่ผมกลับมาบ้านทำไมต้องไปบอกคุณพ่อด้วยล่ะคุณป้า” ฮยอกแจอดที่จะขำกับอาการตื่นเต้นจนเกินเหตุของคนงานในบ้าน ฮยอกแจกลับบ้าน... ใช่ แต่ก็นานทีนั่นล่ะ ไปอยู่คอนโดใกล้กว่าแถมยังมีสมาธิมากกว่าบวกกับการออกไปไหนมาไหนแบบมีอิสระ(ที่มากกว่าอยู่บ้าน)ด้วยแล้ว เลือกอยู่คอนโดจะดีกว่า
“ คุณนายกับคุณหนูฮีชอลกลับมาจากอิตาลีแล้วนะคะคุณหนู”
“ คุณแม่กับพี่ฮีชอลกลับมาแล้วหรอ...”
“ ใครจะไปอยู่ที่นู่นตลอดชาติล่ะ ไอ้พวกฝรั่งชีกอนั่นอีก ไม่ไหวๆ... สู้คนจีนของฉันไม่ได้ซักคน เวลาแกไปดูงานก็ต้องระวังตัวเอาไว้เยอะๆนะฮยอกแจ” ฮยอกแจส่งยิ้มกว้างให้กับคนช่างพูดที่พอเดินออกมาเจอหน้าเค้าเข้าก็พูดไม่หยุด ฮีชอลสวมกอดลูกพี่ลูกน้องของตนเองแล้วส่งยิ้มหวานไปให้
“ ทำไมกลับมาแล้วไม่เห็นบอกกันบ้างเลย”
“ ได้ข่าวว่าวันๆทำแต่งาน จนจะแต่งงานกับงานอยู่แล้วก็เลยไม่อยากจะไปกวนอารมณ์เรา แล้วอีกอย่างการกลับมาบ้านนี่มันก็ง่ายจะตายไป”
“ บอกแล้วว่าให้เอาสีเบจ ฮยอกแจชอบสีนี้... อ้าว ฮยอกแจลูกรัก คิดถึงจังเลย...” หญิงสาววัยกลางคนแต่รูปร่างเพียวระหงส์ราวกับนางแบบวิ่งมาโอบกอดฮยอกแจเอาไว้ทั้งตัว นี่ล่ะ... คุณแม่ที่สุดแสนจะดีเลิศของเค้าล่ะ เมื่อก่อนก็เคยแอบคิดอยู่ว่าทำไมคุณแม่ชอบไปไหนมาไหนกับพี่ฮีชอล แต่พักหลังๆมานี่เริ่มรู้แล้วล่ะว่าทำไม... ก็เหมือนกันซะขนาดนี้ ไม่ใช่หน้าตานะ แต่นิสัยอะ
“ ผมก็คิดถึงแม่ครับ...”
“ ไม่จริงหรอก... ขนาดพ่อเรายังไม่คิดถึงแม่เลย ชริ” ยังไม่ทันที่จะได้เข้าร่วมวงผู้มาใหม่ก็โดนแขวะซะแล้ว พ่อของเค้าก็ยังคงดูหนุ่มอยู่เสมอ และแน่นอนยังคงทำตัวเป็นวัยรุ่นพอๆกับแม่ของเค้า เฉกเช่นตอนนี้... ซึ่งก็กำลังง้อกันยิ่งกว่าเด็กวัยรุ่นซะอีก และนี่ก็คือเหตุผลที่ว่าทำไมบริษัทลีกรุ๊ปถึงไม่ค่อยมีอะไรแปลกใหม่ ก็เพราะผู้บริหารเก่าเอาแต่ง้อภรรยานี่แหละ (นินทาพ่อกับแม่แบบนี้ไม่ค่อยจะดีเลยนะ)
“ ว่าแต่... พ่อรูปหล่อน่าเคี้ยวที่ยืนอยู่ตรงนั้นเป็นใครกันเอ่ย” ไม่ถามเปล่าส่งสายตาอ่อยเหยื่อเสียเต็มที่ทำเอาคนถูกมองร้อนๆหนาวๆขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
“ อ่อ... พี่ฮีชอลแทมินกลับมารึยัง ผมจะแนะนำบอดี้การ์ดคนใหม่ให้แทมินรู้จัก”
“ คิดว่าคงใกล้ถึงบ้านแล้วแหละ นั่นไง เดินหน้าบานมานั่นแล้วไง” ร่างบางว่าพลางพยักเพยิดไปทานด้านหลังฮยอกแจ
“ คุณพ่อ คุณ
“ อยากรู้ซะจริงว่าปากดีเหมือนใคร” ฮยอกแจปรายตามองคนที่กระซิบเมื่อครู่ นี่ถ้าหากว่าไม่กลัวโดนฆ่าล่ะก็ฮยอกแจจะต้องให้ลั่นบ้านเลยว่าแทมินเนี่ย เหมือนฮีชอลมากกว่าตัวเค้าที่เป็นพี่แท้ๆซะอีก คนเป็นพ่อกับแม่วิ่งเข้าไปกอดรัดฟัดเหวี่ยงลูกคนเล็กจนหนำใจก็ถึงเวลาไปสวีทกันเสียที ฮยอกแจเหลือบไปมองจงฮยอนที่ดูเหมือนจะพยายามกลั้นขำกับสิ่งที่ได้เห็นซะเต็มที่ บ้านฉันไม่ใช่คณะตลกนะ จะขำอะไรนักหนา
“ แทมิน... พี่มีคนมาแนะนำให้รู้จัก นี่คิมจงฮยอน เค้าจะมาเป็นบอดี้การ์ดให้เรา” คนตัวเล็กหัวมาส่งยิ้มกว้างให้กับร่างสูงที่พี่ชายแนะนำให้รู้จัก ไม่รู้ว่าอากาศในบ้านนี้มันแปรผันเร็วหรือว่าเค้าคงจะเพลียจากยืนฟังคนบ้านนี้คุยกัน มันเลยทำให้เค้าเกิดอาการแปลกๆเมื่อเห็นดวงตากลมโตที่จ้องมองมา บวกกับรอยยิ้มที่ทำให้โลกสดใสแบบนั้น
“ ผม ลีแทมิน ยินดีที่ได้รู้จักนะฮะ... ช่วยดูแลผมด้วยนะฮะ”
ตั้งแต่เกิดมาก็ยังไม่เคยเห็นใครยิ้มแล้วน่ารักขนาดนี้เลย
อย่าๆๆ!!! จงฮยอนนายมาทำงานนะ... อย่าหวั่นไหวง่ายๆสิ่
:::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
ร่างบางขยับแกว่งขาไปมาในน้ำใส มือบางเกาะขอบสระแน่นเพราะกลัวจะตกลงไป ทั้งๆที่หนาวจับใจแต่ ลีทงเฮ ก็ยังคงอยากที่จะสัมผัสกับน้ำในสระว่ายน้ำ ดวงตากลมโตฉายแววพึงพอใจเมื่อความเย็นของน้ำทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้นมาบ้าง
“ ทงเฮขึ้นห้องได้แล้ว มานั่งตากน้ำค้างแบบนี้เดี๋ยวก็ไม่สบายไปหรอก” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นพลางค่อยๆดึงร่างบางให้ลุกยืนขึ้นมา ใบหน้าหวานอมยิ้มน้อยๆเมื่อพยายามที่จะฝืนตัวไม่ให้ร่างสูงดึงให้ลุกขึ้นง่ายๆ
“ เดี๋ยวนี้ดื้อหรอทงเฮ งั้น...” คนถูกแกล้งจัดการรวบร่างบางยกขึ้นตัวลอย เสียงใสหัวเราะออกมาอย่างมีความสุขเมื่อคนที่กำลังอุ้มตัวเอาจากด้านหลังเริ่มหมุน ใบหน้าคมยิ้มกว้างทันที่เห็นว่าคนในอ้อมแขนหัวเราะอย่างมีความสุข
“ ทำงานเหนื่อยมั๊ย”
“ สุดๆ... แต่แค่ได้ยินเสียงทงเฮหัวเราะก็หายแล้ว”
ปกติ คิมคิบอม ไม่ใช่คนปากหวานเป็นคนเงียบ แต่ถ้าลองให้รู้จักสนิทดีล่ะก็นะ... อยากละลายวันล้านรอบ คิบอมค่อยๆปล่อยทงเฮให้ยืนกับพื้นร่างบางหันมาส่งยิ้มให้คนที่บอกว่าหายเหนื่อย
“ วันนี้มีคนถามเราด้วยล่ะ ว่าเรากับคิบอมเป็นอะไรกัน”
“ แล้วทงเฮตอบเค้าไปว่าอะไรล่ะ”
“ ก็บอกว่าเป็นมากกว่าเพื่อน แต่ว่าไม่ใช่แฟนน่ะสิ่”
“ หือ...”
“ ก็เราไม่ได้เป็นแฟนกันจริงๆนี่หน่า เนอะ...”
“ แต่มันก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลยจริงมั๊ย แค่วันนี้เรามีคิบอม คิบอมมีเราก็พอแล้วล่ะนะ” ร่างบางพูดพลางเขย่งตัวขึ้นให้เท่ากันระดับความสูงของคนตรงหน้า ริมฝีปากบางทาบทับลงไปบนริมฝีปากของคนที่เป็นมากกว่าเพื่อนแต่ไม่ใช่แฟน จูบรสชาติหอมหวานที่มากจากความรักของกันและกัน
ทงเฮกับคิบอมไม่ได้เป็นแฟนกัน
แต่เป็นมากกว่าเพื่อนกัน... พอจะเข้าใจบ้างมั๊ยนะ
แต่ถ้าใครไม่เข้าใจก็ช่างเถอะ
To Be Con.
:::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
ตอนที่ 1 เสร็จสิ้นแล้วค่ะ เอิ๊กๆๆ
ตอนนี้ก็ไม่มีวอนฮยอก (แกแน่ใจนะว่าวอนฮยอกจริงๆอะ)
เพราะว่าเค้าสองคนยังไม่ถึงเวลาที่ต้องเจอกันค่ะ
ตอนแรกกะว่าจะแบบให้เครียดๆหน่อยนึง
แต่กลับกลายเป็นแบบที่ได้อ่านกันมานี่ล่ะค่ะ
ชอบกันรึป่าวเอ่ย ??
ส่วนตัวเราชอบคู่คิเฮแหละ ให้ความรู้สึกอบอุ่นดีนะ
เป็นขอเปรียบเทียบกับอีกคู่นึง ทายสิ่คู่ไหนเอ่ย แหะๆๆ
ตอนหน้าก็จะพยายามเอามาลงให้เร็วที่สุดนะคะ
ฝากติดตามและติชมเหมือนเคยค่ะ
ปล. ไรท์เตอร์เปิดเทอมวันจันทร์แล้วอะ พรุ่งนี้ก็ต้องไปต่างจังหวัด
แต่จะพยายามปั้นให้รีดเดอร์ทุกคน(ที่อ่าน)นะคะ ^^+
ความคิดเห็น