ผลไม้ไทย ต้านโรคมะเร็ง - ผลไม้ไทย ต้านโรคมะเร็ง นิยาย ผลไม้ไทย ต้านโรคมะเร็ง : Dek-D.com - Writer

    ผลไม้ไทย ต้านโรคมะเร็ง

    ผลไม้ไทย ต้านโรคมะเร็ง

    ผู้เข้าชมรวม

    400

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    400

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  13 มี.ค. 51 / 10:41 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ผลไม้ไทย ต้านโรคมะเร็ง

      นพ.ณรงค์ศักดิ์ อังคะสุวพลา อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า จากการที่กรมอนามัยทำการศึกษาผลไม้ ที่มีบริโภคในประเทศไทย 83 ชนิด  ในปริมาณส่วนที่รับประทาน 100 กรัม พบว่า ผลไม้ที่พบสารเบต้าแคโรทีนมากที่สุด 10 อันดับแรก คือ  - มะม่วงน้ำดอกไม้สุก 873 ไมโครกรัม - รองลงมา ได้แก่ มะเขือเทศราชินี 639 ไมโครกรัม - มะละกอสุก 532 ไมโครกรัม - แคนตาลูปเหลือง 217 ไมโครกรัม - มะปรางหวาน 230 ไมโครกรัม - มะยงชิด 207 ไมโครกรัม - สับปะรดภูเก็ต 150 ไมโครกรัม - แตงโม 122 ไมโครกรัม - ส้มสายน้ำผึ้ง 101 ไมโครกรัม- และลูกพลับ 93 ไมโครกรัม   
      สำหรับผลไม้ที่มีวิตามินอีสูงสุด 10 อันดับแรก ได้แก่  - ขนุนหนัง 2.38 มิลลิกรัม - มะขามเทศ 2.29 มิลลิกรัม - มะม่วงเขียวเสวยดิบ 1.52 มิลลิกรัม - มะเขือเทศราชินี 1.34 มิลลิกรัม - มะม่วงเขียวเสวยสุก 1.23 มิลลิกรัม - มะม่วงน้ำดอกไม้สุก 1.1 มิลลิกรัม - มะม่วงยายกล่ำสุก 0.97 มิลลิกรัม - กล้วยไข่ 0.47 มิลลิกรัม - แก้วมังกรเนื้อสีชมพู 0.59 มิลลิกรัม - สตรอเบอร์รี่มี 0.54 มิลลิกรัม  
      ส่วนผลไม้ที่มีวิตามินซีมากที่สุด 10 อันดับแรก คือ  - ฝรั่งกลมสาลี่ 187 มิลลิกรัม - ฝรั่งไร้เมล็ด 151 มิลลิกรัม- มะขามป้อม 111 มิลลิกรัม - มะขามเทศ 97 มิลลิกรัม - เงาะโรงเรียน 76 มิลลิกรัม- ลูกพลับ 73 มิลลิกรัม - สตรอเบอร์รี่ 66 มิลลิกรัม - มะละกอแขกดำสุก 55 มิลลิกรัม - พุทราแอปเปิ้ล 47 มิลลิกรัม - ส้มโอขาวแตงกวา 48 มิลลิกรัม  
      และจากการศึกษากล้วยต่างๆ 24 สายพันธุ์ พบว่า  - กล้วยไข่พม่ามีสารเบต้าแคโรทีนสูงสุด 528 ไมโครกรัม - รองลงมาคือ กล้วยงาช้าง 520 ไมโครกรัม - กล้วยไข่โนนสูง 397 ไมโครกรัม - กล้วยนางพญา 393 ไมโครกรัม - กล้วยไข่ 271 ไมโครกรัม - กล้วยหักมุกนวล 270 ไมโครกรัม  อธิบดีกรมอนามัย กล่าวต่อว่า ปกติเราจะได้รับสารอาหารทั้ง 3 ชนิดจากการรับประทานอาหารโดยทั่วไปน้อย
      เพราะถูกทำลายได้ง่ายจากความร้อน จึงต้องเพิ่มการรับประทานผลไม้และผักสดด้วย

      โดยแนะนำให้รับประทานอาหารให้หลากหลายชนิดและให้ได้สัดส่วนตามธงโภชนาการ

      โดยใน 1 วันคนเราควรบริโภคผลไม้ ให้ได้วันละ 4 ส่วน โดย 1 ส่วนของผลไม้ หากเป็นผลไม้ขนาดเล็ก

      เช่น องุ่น ลิ้นจี่ ลำไย เท่ากับ 6-8 ผล, ผลไม้ขนาดกลาง เช่น ส้ม ชมพู่ กล้วย น้อยหน่า เท่ากับ 1-2 ผล

      ส่วนผลไม้ขนาดใหญ่เช่น แตงโม สับปะรด มะละกอ จะเท่ากับ 6-8 ชิ้นพอคำ อย่างไรก็ดี ในกลุ่มที่ต้องคุมปริมาณน้ำตาล

      โดยเฉพาะผู้ที่เป็นเบาหวาน อาจต้องเลือกผลไม้ที่รสไม่หวาน ในอเมริกาได้แนะนำให้ผู้ชายบริโภคแคโรทีนอยด์วันละ 6 มิลลิกรัม

      ในคนไทยแนะนำให้บริโภควิตามินอีวันละ 6-15 มิลลิกรัม และวิตามินซีวันละ 40-90 มิลลิกรัม
      ที่มา ไทยรัฐ  

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×