ตอนที่ 32 : 'From this moment on... [ Bunta x Jirou ]
From this moment on
Pairing : Marui Bunta x Akutagawa Jirou
When you're in love... life is like a romance novel
that you never want to end.
เมื่อคุณอยู่ในห้วงแห่งรัก ...ชีวิตก็เหมือนดั่งนิยายที่คุณอ่านไม่จบ
นิยายความรักหน้าแรกของมารุอิ บุนตะ...
เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่วันมานี้เอง
.
.
.
กึก!
มือเรียวเก็บหนังสือปกหนาเข้าที่ชั้นพร้อมถอนหายใจออกมายาวเหยียด... วันนี้มันน่าเบื่อที่สุด! คิดดูแล้วกันว่าเขาไม่มีอะไรจะทำขนาดไหนถึงต้องมาเข้าร้านหนังสือเพื่อหาอะไรอ่านเนี่ย!
มารุอิ บุนตะเคี้ยวหมากฝรั่งในปากแจ๊บๆเหมือนต้องการระบายความเบื่อหน่ายออกมา คนรอบข้างมองเขาด้วยสายตาไม่เป็นมิตรราวกับต้องการตักเตือนเรื่องมารยาท แน่นอนว่าหนุ่มผมแดงไม่สน...หนำซ้ำยังหันไปลอยหน้าลอยตาเป่าหมากฝรั่งออกมาเป็นลูกโป่งแตกโพล๊ะใส่อีกต่างหาก แหม นิสัยดีที่หนึ่งล่ะคนเนี้ย
ดวงตาคู่คมกวาดมองไล่ไปตามชั้นหนังสือ หัวโยกน้อยๆตามจังหวะเพลงที่หูฟังไอพอดเสียบอยู่... เพลงรักหวานซึ้งซึ่งบุนตะจำได้ว่าใส่ไว้เพียงแค่ไม่กี่เพลงนั้นกำลังบรรเลงอยู่อย่างอ่อนหวาน
From this moment life has begun
From this moment you are the one
Right beside you is where I belong
From this moment on
บุนตะหรี่ตาลงมองหนังสือเล่มหนึ่งที่รู้สึกถูกใจ เขาเอื้อมมือไปจับตรงสันปกและดึงมันออกมาช้าๆ วินาทีนั้นเอง... ดวงตากลมโตคู่หนึ่งก็ปรากฏแก่สายตาจากอีกฝั่งของชั้นหนังสือ ช่องว่างขนาดเล็กนั้นมากพอที่จะทำให้เห็นใบหน้าของอีกฝ่ายได้ชัดเจนถนัดตา
ไม่ได้รู้สึกไปเองแน่ๆ... แก้มของคนตรงหน้าแดงมากๆ
เขิน... อยู่งั้นเหรอ?
มะ...มารุอิคุง ทำไมถึง...
รู้จักเขาด้วย?
มารุอิ บุนตะเลิกคิ้วสูง ทั้งที่หูก็ฟังเพลงอยู่...หากแต่เขากลับได้ยินเสียงของอีกฝ่ายอย่างชัดเจน กระทั่งว่าเสียงนั้นกำลังสั่นไหวด้วยความประหม่า ไหนจะดวงตาที่มองสลับเลี่ยงหลบนั่นอีก รู้แล้ว... ความหมายที่แก้มของคนคนนี้แดง
เขินอยู่นี่เอง
From this moment as long as I live
I will love you, I promise you this
There is nothing I wouldn't give
From this moment
I will love you as long as I live
From this moment on
เพลงรักแสนหวานดำเนินมาถึงท่อนสุดท้ายพอดิบพอดี เขาปล่อยให้นักร้องสาวลากเสียงนุ่มนวลจนจบแล้วจึงดึงหูฟังทั้งสองข้างออกปล่อยให้มันทิ้งตัวลงห้อยตามแรงโน้มถ่วง และการกระทำทั้งหมดนั้นบุนตะไม่ได้ละสายตาออกห่างจากดวงตากลมโตเลยแม้แต่น้อย
รู้จักฉันด้วยเหรอ? เขาถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา นึกมีมารยาทในที่สาธารณะขึ้นมากะทันหัน ทั้งที่ใจจริงแล้ว...ก็แค่ไม่อยากให้คนแปลกหน้าคนนี้คิดว่าเขาหยาบคาย
ยังไม่ทันจะรู้จัก...ก็แคร์ความรู้สึกเจ้าตัวเล็กนี่เข้าซะแล้ว
อาการหนักว่ะ บุนตะเอ๊ย...
ฉันเป็นคนของเฮียวเท... เสียงใสๆนั้นว่า ท่าทางกระตือรือร้นฉายชัดหากแต่แก้มก็ยังไม่หายแดง หมายถึง...เล่นเทนนิสเหมือนกันน่ะ
อ้อ งั้นเหรอ หนุ่มผมแดงพยักหน้ารับพร้อมเลิกคิ้วขึ้นนิดหน่อย ก็...เหมือนอีกฝ่ายจะยังตอบไม่ตรงคำถามเขานี่ เป็นคนในชมรมเทนนิสสินะ
เป็นตัวจริงด้วย...
หมายความว่าไง?
เป็นสมาชิกทีมตัวจริงไง... เหมือนกับมารุอิคุงนั่นแหละ
ถามจริง!!?
หน้าหวานๆตาโตๆแบบนี้เนี่ยนะ? (<ตัดสินจากอะไรวะ)
เชื่อยาก... แต่ถ้าพูดถึงขนาดนี้ก็คงจะไม่ได้โกหก นักกีฬาตัวจริงของชมรมเทนนิสระแวกนี้ย่อมต้องรู้จัก มารุอิ บุนตะ ด้วยกันทั้งนั้น เขาอาจไม่ใช่คนเด่นคนดังในฐานะนักเรียน แต่ว่าชื่อเสียงในฐานะนักกีฬาของสาธิตริคไคนั้นไม่ใช่ธรรมดา ไม่แปลกที่คนในวงการเดียวกันจะรู้จัก
บุนตะไม่รู้ว่าจะต่อบทสนทนายังไงดี หนังสือในมือเขาเริ่มยับยู่ยี่เพราะเผลอออกแรงบีบมากเกินไป อะ...อะไรวะ ทำไมรู้สึกตื่นเต้นแบบนี้เนี่ย! แค่คุยกับนักกีฬาต่างโรงเรียนเท่านั้นเอง!!
จะเที่ยงแล้ว... ไปหาอะไรกินกันมั้ย?
ประโยคเมื่อกี้... เสียงเหมือนเขาเลยเนอะ
หนุ่มผมแดงลอบกลืนน้ำลายเมื่อรู้ตัวว่าหลุดถามอะไรออกไป เหงื่อเริ่มตกทั้งที่อยู่ในห้างซึ่งมีเครื่องปรับอากาศอุณหภูมิเย็นฉ่ำ
...ก็เอาสิ
อย่างน้อย... นี่ก็ถือว่าเป็นการพบเจอที่ดี
เป็นการเริ่มต้นที่เกิดจากความบังเอิญ
บังเอิญที่คนอย่างมารุอิ บุนตะเดินเข้าร้านหนังสือ... บังเอิญที่เลือกหยิบหนังสือเล่มนั้น...
บังเอิญที่เรา... สบตากัน
ถือว่าเป็น บทนำ ของนิยายรักเชียวล่ะ
+++++
ถึงจะชวนมากินอาหารกลางวันด้วยกันแต่หนุ่มตัวเล็กก็ไม่ยอมสั่งอะไรอยู่ดี เจ้าตัวหยิบเอาป้อกกี้หลากหลายรสขึ้นมาจากในกระเป๋าเป้พร้อมส่งยิ้มหวานมาให้เหมือนกับจะบอกว่า นี่แหละอาหารของฉัน
อย่างน้อยก็สั่งน้ำหน่อยสิ
บุนตะยิ้มตอบทั้งที่หางตากระตุกเล็กน้อย เอากับเค้าเถอะ! กินแค่นั้นน่ะสิตัวถึงได้เล็กแบบนี้...ขนมกินเล่นน่ะจะเอามาแทนมื้อเที่ยงได้ยังไง
แน่นอนว่าหนุ่มผมแดงไม่กล้าออกปากว่าตรงๆหรอก มากสุดตอนนี้ทำได้แค่โมโหในใจ
สุดท้ายคนตรงหน้าก็สั่งน้ำอัดลมมาเหมือนๆกับเขา
แน่ใจนะว่าจะไม่กินอะไรเลยน่ะ?
ถามหลังจากที่พนักงานเสิร์ฟเดินจากออกไป
อีกฝ่ายพยักหน้าหงึกๆ ส่งฟันหน้าออกมากัดแท่งป้อกกี้ดัง ป้อกๆๆ ทำเป็นกระต่ายแทะแครอทไปได้ ฉันกินอยู่นี่ไง แค่นี้ก็อิ่มแล้ว
งั้นก็ตามใจ
ถึงปากจะพูดแบบนั้นแต่บุนตะก็นึกหาวิธีที่จะทำให้เจ้าตัวเล็กยอมกินจนได้ เพราะตัวเขาเองเป็นคนกินเยอะอยู่แล้วดังนั้นอาหารที่สั่งไปปริมาณของมันจึงมากกว่าคนปกติสั่งอยู่ไม่น้อย ข้ออ้างที่สมเหตุสมผลลอยแวบเข้ามาในหัว ที่เหลือก็แค่รอให้อาหารมาเสิร์ฟ... คอยดูเถอะ
จะหาทางให้เจ้าแกะนี่ยอมกินให้ดู!
ว่าแต่... นายชื่ออะไรน่ะ?
ชวนมากินข้าวด้วยกันแล้วแท้ๆหากทว่าแม้แต่ชื่อบุนตะก็ยังไม่รู้...ได้แต่แอบเรียกในใจว่าตัวเล็กบ้าง เจ้าแกะบ้าง ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้องเป็นแกะ แต่คนตรงหน้าดูมึนๆยังไงบอกไม่ถูก...คล้ายเด็กขี้เซานั่นแหละ รูปแกะขนปุยหลับตาพริ้มจึงปรากฏขึ้นมาในหัวดื้อๆ
อาคุตางาวะ จิโร่
โอเค อาคุตางาวะ พึมพำเบาๆราวกับต้องการให้ฝังอยู่ในส่วนลึกสุดของสมอง ริมฝีปากบิดเป็นรอยยิ้มจาง ว่าแต่... เมื่อกี้อ่านหนังสือเรื่องอะไรอยู่เหรอ?
เล่มที่หยิบพร้อมกันกับมารุอิคุงน่ะนะ?
เสียง ป้อกๆๆ ยังคงดังอยู่อย่างต่อเนื่อง
บุนตะพยักหน้า อื้อ เรื่องอะไรอ่ะ?
รัก...
อ...อะไรนะ?
รักแรกพบ... จิโร่เอียงคอพร้อมคลี่ยิ้มตาปิด แก้มเนียนเริ่มขึ้นสีระเรื่ออีกครั้ง ฉันน่ะปลื้มมารุอิคุงมาตั้งนานแล้ว พอได้เห็นในระยะประชิดแบบนี้...แถมในมือยังถือหนังสือหวานๆแบบนั้น ก็เลย...ตกใจมากๆ
เขินมากๆ... ต่างหาก
บุนตะแก้ให้ในใจ มองท่าทางของคนตรงหน้าด้วยความเพลิดเพลิน รู้สึกคล้ายตัวเองเป็นคนโรคจิตขึ้นมากลายๆ
จะว่าไป... เขาเอ่ยขึ้นเมื่อคนตรงหน้าเริ่มเงียบ เพื่อไม่ให้บทสนทนาชะงักขาดช่วง นายเรียกฉันว่ามารุอิคุงสินะ... ฉันอยู่ปีสามแล้วรู้รึเปล่า
อื้ม ก็รู้ไง
แล้วทำไมไม่เรียกรุ่นพี่
มาถึงตรงนี้คนถูกสั่งสอนก็ลอบหัวเราะน้อยๆ ถึงตาบุนตะบ้างที่หน้าแดง เขาเอ่ยอย่างตะกุกตะกักในทันที
อะ...อะไรล่ะ ฉันพูดอะไรผิดรึไง
มารุอิคุงคิดว่าฉันอยู่ปีไหนเหรอ?
ก็คง... หนึ่งไม่ก็สองล่ะมั้ง
สามต่างหาก จิโร่หยิบแท่งป้อกกี้ขึ้นมาสามอัน แล้วจึงยัดทั้งหมดเข้าปากในเวลาอันรวดเร็ว เสียงป้อกๆๆดังขึ้นถี่จนบุนตะเริ่มคิดว่าอีกฝ่ายเหมือนกระต่ายเข้าไปทุกที บั๊กบันนี่น่ะ...รู้จักมั้ย? หน้ามึนๆกวนๆนั่นแหละ เรียกคนปีเดียวกันว่ารุ่นพี่มันก็ออกจะเกินไปหน่อยไม่ใช่รึไง
ขอโทษด้วยแล้วกัน หนุ่มผมแดงอดค้อนไม่ได้ ฉันเห็นนายหน้าเด็กก็เลยคิดว่าเป็นรุ่นน้อง
ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย มีคนทักผิดอยู่บ่อยไป
งั้นคนที่นายปลื้มก็คงมีอยู่หลายคนด้วยสินะ
อยากรู้เหรอ?
คนจากริคไคชะงักเล็กน้อยเมื่อรู้ว่าพลั้งปากพูดอะไรออกไป ในขณะที่จิโร่ยังคงรักษาสีหน้าและน้ำเสียงยิ้มๆเรื่อยๆได้เป็นอย่างดี
ไม่เยอะหรอก... ร่างบางแสร้งทำเป็นไม่สนสีหน้าเลิ่กลั่กนั้นแล้วเอ่ยลอยๆเหมือนพูดคนเดียว มีแค่กัปตันทีมอย่างอาโตเบะ แล้วก็มารุอิคุงเท่านั้นแหละ
ปลื้ม... นี่แปลว่าชอบรึเปล่า?
แล้วชอบนี่แปลว่ารักรึเปล่า?
สองสายตาประสานกันนิ่ง ไม่มีคำพูดใดหลุดออกมาอีก... ความรู้สึกตอนนี้บอกไม่ถูกว่าเป็นยังไง หัวใจของคนทั้งสองก็บอกไม่ได้อีกนั่นแหละว่าใครเต้นแรงกว่ากัน
สำหรับจิโร่... มารุอิ บุนตะคือคนที่ปลื้มมานานมากจนเรียกได้ว่าหลงรัก รักทั้งๆที่ยังไม่เคยได้พูดคุยด้วย รักทั้งๆที่ไม่กล้าแม้แต่จะเข้าไปทำความรู้จัก ทั้งที่เป็นแบบนั้น...ก็ยังรู้สึกว่ารัก รอยยิ้มของคนนี้ๆมันดูสว่างไสวที่สุดแล้วสำหรับเขา ช่วงเวลาที่หมดไปกับการนอนหลับนั้นในฝันก็มักจะมีแต่คนคนนี้โผล่ขึ้นมา
ไม่เคยคาดหวังว่าจะได้คุยกันแบบนี้... ไม่เคยนึกว่าจะได้มานั่งกินข้าวด้วยกันแบบนี้
ไม่คิดว่าจะถูกชวนด้วยซ้ำ
มันจึงทั้งตกใจ แปลกใจ ตื่นเต้น...หากแต่ก็รู้สึกดีสุดๆไปเลย
และ...สำหรับบุนตะผู้ไม่เคยสนใจในเรื่องความรัก ความรู้สึกแรกยามเมื่อมองสบดวงตาเปล่งประกายของอาคุตางาวะ จิโร่นั้น...คล้ายกับโลกหยุดหมุนไปหลายวินาที ยิ่งตอนนั้นเสียงเพลงรักหวานซึ้งยังคลออยู่ในหู มันเป็นความรู้สึกเหมือนกับว่า...ได้เจอแล้ว วินาทีนี้ได้เจอแล้ว เจอคนที่จะเข้ามาเปลี่ยนชีวิตของเขานับจากนี้
รู้สึกถึงขนาดนั้นเลยทีเดียว มันอาจจะดูเพ้อเจ้อ... แต่บุนตะมั่นใจว่าร้อยทั้งร้อยใครเคยเจอเหตุการณ์นี้กับตัวเองต้องรู้สึกแบบเดียวกันกับเขาแน่ๆ
คนที่แค่เห็นก็ทำให้ไม่เป็นตัวของตัวเอง... แค่ส่งยิ้มมาให้ก็ราวกับจะหายใจไม่ออก
รักไม่ต้องอาศัยเวลา... บางที...
ความรู้สึกของคนทั้งสองอาจจะตรงกันในเรื่องนี้ก็เป็นได้
...ขอให้รับประทานอาหารให้อร่อยนะครับ
เสียงของพนักงานเสิร์ฟดึงเอาสติของบุนตะและจิโร่กลับมา ต่างฝ่ายต่างเพ่งสายตาไปยังอาหารมากมายละลานตาตรงหน้าราวกับว่าสนใจนักหนา
เอ่อ... น่ากินดีนะ
ก...กินด้วยกันเถอะ หนุ่มผมแดงกระแอมเล็กน้อยเมื่อรู้สึกว่าเสียงตัวเองมันแหบเกินไป เขารีบเอ่ยข้ออ้างที่คิดไว้ก่อนหน้านี้ทันที ฉันสั่งมาเยอะมากเลย คงจะกินคนเดียวไม่ไหวแน่ๆ
เอาแบบนั้นก็ได้...
นี่
อ...อะไร? จิโร่ชะงักมือที่กำลังจะตักอาหาร ดวงตากลมโตกระพริบปริบๆทันที หรือว่ามารุอิคุงจะไม่ให้ฉันกินแล้ว? เอ่อ...ก็ได้นะ ฉันไม่เป็นไรอยู่แล้ว ไม่ค่อยหิวเท่าไหร่ด้วยล่ะ
ไม่ใช่อย่างนั้น...
งั้น... อะไร
คบกับฉันได้มั้ย?
ถาม... ไปแล้ว
...ตกลง
ตอบ... ไปแล้ว
นิยายรักเล่มนี้คงไม่มีวันจบ...
บทนำเป็นเพียงจุดเริ่มต้น บทแรกเป็นเพียงการเกริ่นนำ... บทต่อจากนั้นคงต้องรอดูกันต่อไป
+++++
โทษทีนะคะ T T
เสียดายมากๆที่ไม่ได้ลงวันที่ 20 เน็ตเน่ามาหลายวันแล้วค่ะ... พึ่งมาใช้ได้เมื่อช่วงบ่าย แต่ไรท์เตอร์ไม่ว่างก็เลยต้องมาอัพให้ดึกๆดื่นๆแบบนี้ (หรือเช้า? =[]=;; สับสนเวลา)
เอาเป็นว่า... ลงให้แล้วนะคะ :D
อาจจะหวานๆไปหน่อย แต่รับรองว่าอีกหน่อยคงเขียนคู่นี้ออกมาเรื่อยๆแล้วล่ะ 555 พอลองเขียนครั้งนึงมันก็จะเขียนได้เรื่อยๆ >w<
ส่วนเพลง... ลองหาฟังดูนะคะถ้าใครยังไม่เคยฟัง หวานมากๆ เป็นจุดเริ่มต้นของฟิคเลยล่ะ ปกติไม่ค่อยถนัดเขียนให้ตัวเมะเป็นฝ่ายดำเนินเรื่อง แต่เพราะเป็นวันเกิดบุนบุนเลยต้องเน้นหนักมาทางนี้แทน ยังเขียนชี้ชัดว่าบุนบุนเมะไม่ลงอ่ะ =.,=;; พยายามให้ก้ำกึ่ง กร๊ากกก
ขอบคุณน้องโย่ที่มาเตือนนะคะ >o< ลงให้แล้วน้า
หายหน้าไปก็ใช่ว่าจะอู้นะ *0* ตอนต่อไปเป็นเร็นจิอาคายะ แล้วก็เมจิคฯเคนยะชิระค่ะ แฮ่ J
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ตัวเล็กๆ ยิ่งนึกถึงตอนอยู่ีปี1ยิ่งน่ารัก ฮืออออ
บุนตะปากไวไปนะ~
ชอบมากกก มากกก มากกกก เลยค่ะ
ภาษาที่ใช้เขียนสวยมากเลย ชอบค่ะๆๆๆๆ
เราชอบคู่บุนๆ กับจิโร่มากกกกก คิดว่าบุนตะต้องแบบนี้ แล้วจิโร่ก็ต้องแบบนี้แหล่ะค่ะ
แอร๊ยลลลล แต่งอีกนะคะๆๆๆ ชอบๆๆๆๆๆ
หมูบุนกับน้องแกะจะหวานกันเกินไปแล้วนะ>////< ไม่ไหวแล้ว//เป็นลมคาหน้าจอ
แต่ก็น่ารันะ ^_^/
บุนบุนไวไฟมาก ! ขอคบตั้งแต่วันแรกเลยเรอเะ !
แต่ไม่เเป็นไร...รู้ว่าแกะน่ารัก กร้ากกก
รักคู่นี้สุโค่ยยยยยยยยยย ถึงแม้บุนบุนจะเมะไม่ค่อยลงก็เถอะ = =;;
อ้ากกกก น่ารักสิ้นดี ^ ^
คู่นี้ไปติดใจตอนค้นกระเป๋าจิโร่น่ะ กรี๊ดๆๆๆๆ
เจ้าแกะก็น่ารักเหมือนกันน..!!!!!
โอยย มะมือสั่นนนนนน ชอบฟิคนี้สุดๆเลยยยยยยยยยย
โย่บ้าไปแล้วววว =[]=!!!!! รักคู่นี้ทีุ่สุดๆๆ
ดิ้นไปดิ้นมาอย่างสุดกำลังงงง!!
บุนตะคือสุดยอดดดด >O
...
...
...
อร๊ายยยยยยย น่ารักมากอ่ะค่ะคุณพี่!!!!!!!!!!!!!!!~
เเบบ ไม่รู้ว่าจะเม้นว่ายังไงนอกจากน่ารัก หมูน่ารัก เเกะน่ารัก อยู่ด้วยกันมันเลยน่ารัก กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
เเต่...ไวไฟกันเกินไปไหมคะบุนๆขราาาาา เเอร๊ยยยยยยยยยยยยยยย
//นอนฟัดหมูฟัดเเกะ กร๊ากกกกกกกกกกกกกก//
(ขอละเว้นชิระซังเคะไว้ในฐานะที่สำลักความน่ารัก พุดไม่ออก//โโนพี่ซีเตะออกนอกโลก)
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
น่ารักกกกกกก > <
จิโร่อ๊าาาาาาา น้องแกะจะน่ารักไปไหนคะเนี่ย! ไม่ไหวแล้ว น้องแกะน่ารักที่สุดในสามโลกอ้ะ! *ฟัดแกะ*
โอ๊ย บุนตะ ไวไฟมากค่ะที่รัก! ประทับใจ๊ แต่อ่านไปแล้วแบบ...เออะ นี่นายตัดสินตัวจริงจากอะไรคะลูก ความเมะเรอะ? หน้าตาเรอะ? กร๊ากกกกกกกก
เห็นเนื้อเพลงแล้วแอบเขิน ไปหาฟังมั่งดีกว่า *อุฮิ*
รักไม่ต้องการเวลาสินะ น่ารักอ่ะค่า
น่ารักดีมากๆๆๆอ่ะคู่นี้ ชอบการบรรยายสไตล์นี้จัง :D
สุโค่ยยยมั่กๆ