คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ 3 มีสติอยู่หรือเปล่า
ตอนที่ 3 มีสติอยู่หรือเปล่า
Kris
ปลั๊ก!!!!!!!!!!
อะไรกันหละที่นี้ มันโกรธอะไรผมงั้นหรอ
“เฮ้ย...............” ให้ตายเถอะโตจนป่านนี้แล้วยังทำตัวเป็นเด็กๆไปได้
ผมไม่ได้ใส่ใจอะไรมากมายกับเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะในตอนนี้ผมคิดว่าผมไม่ผิด ก็มันโตแล้วนี่มันต้องรับผิดชอบตัวของมันเอง แต่พอคิดไปคิดมา ผมก็เริ่มโทษตัวเองขึ้นมาบ้างแล้ว ผมปล่อยให้ไอ้ตัววุ่นมันอยู่เพียงลำพัง ทั้งที่ผมก็รู้ว่ามันอยู่ไม่ได้ มันเป็นแบบนี้มาตั้งแต่แรกที่ผมรู้จักมัน มันจะตามติดเพื่อนๆตลอดเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผมเพราะผมจะต้องเป็นคู่ซ่อมให้กับไอ้ตัววุ่น นั้นเลยทำให้ตลอดเวลาในการฝึกซ่อมหรือเวลาไหนๆของผมจะต้องมีไอ้ตัววุ่นอยู่ด้วยตลอด ผมรู้ว่ามันเป็นคนขี้กลัววิตกกังวนไปทั่ว ทำไมผมถึงเป็นคนแบบนี้นะ ผมยอมรับแล้วครับว่าเรื่องในครั้งนี้ผมเป็นคนผิด แล้วผมจะทำยังไงดีหละครับทีนี้ ผมจะขอโทษไอ้ตัววุ่นด้วยวิธีไหนดี
ผมนั่งคิดเรื่องที่จะขอโทษชานยอล จนถึงเวลาอาหารเย็น สองทุ้มครับ ผมเดินไปหาอะไรกินในครัวแล้วก็นึกถึงชานยอลขึ้นมา
“เจ้านั้นคงยังไม่ได้กินอะไรแน่ๆ”
คิดได้อย่างนั้น ผมก็เดินขึ้นไปหาเจ้าตัวที่ห้องที่อยู่ชั้นสอง ประตูห้องไม่ได้ล็อก(ประจำเลยนะทำตัวแบบนี้นี่)ผมเดินเข้าไปภายในห้องช้าๆแล้วผมก็ได้ยินเสียงร้องคลวญคลางเบาๆออกมาจากคนที่นอนคว่ำอยู่บนเตียง
“ชานยอลนาย......ร้องไห้” ผมพูดออกไป แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้ยินสิ่งที่ผมพูด ผมเดินเข้าไปใกล้ๆ มองเห็นใบหน้าสวยของคนที่กำลังหลับอยู่ เพียงแต่มีเสียงร้องสะอื้นออกมาเบาๆอย่างไม่หยุด
“นี่นาย.............” ผมรู้ว่าเจ้าตัววุ่นมันกำลังหวาดกลัว คงจะเสียสติและทำอะไรไม่ถูก
“ฉันขอโทษ........” ผมเอามือไปปาดคราบน้ำตาที่แก้มของไอ้ตัววุ่น
“อย่าทิ้งผม.........อย่าปล่อยผมไว้แบบนี้.........อย่าให้ผมอยู่คนเดียว..........อย่า....” คนตรงหน้าผมร้องคร่ำครวญออกมาพร้อมกับมือที่พยายามเอื้อมหาสัมผัส
“ชานยอลฉันอยู่ตรงนี้.....ฉันอยู่ข้างๆนาย” ผมพูดออกไปในขนาดที่มือของผมยังกระชับแน่นอยู่ที่มือเรียวของไอ้ตัววุ่น
“...................อย่าทิ้งผมไว้คนเดียวอีก................” ไอ้ตัววุ่นละเมอได้อย่างเป็นเรื่องเป็นราว
“ฉันจะอยู่ข้างๆนายฉันสัญญา..........”
เมื่อจบประโยคนั้นทั้งการละเมอทั้งเสียงร้องสะอื้นของไอ้ตัววุ่นก็เงียบไป ผมมองดูใบหน้าเรียวขอไอ้ตัววุ่น (ชอบทำให้คนอื่นเขาเป็นห่วงอยู่เรื่อยเลยนะนายนี่) ผมละมือออกจากมือเรียวนั้นแล้วไล่มือไปปลดกระดุมเสื้อของไอ้ตัววุ่นออกที่ละเม็ดๆ เผยให้เห็นถึงผิวกายอันขาวเนียนดูน่าหลงใหล มือผมลูบไล้ไปทั่วเรือนร่างของคนตรงหน้า
“หลับเข้าไปได้ไง ตัวเหนียวสะขนาดนี้”
ผมลุกขึ้นเดินเข้าไปในห้องน้ำ ผมเอาผ้าขนหนูผืนเล็กมาซับน้ำแล้วไปเช็ดตัวให้ชานยอล ผมเริ่มเช็ดที่ใบหน้าลงไปเรื่อย แล้วผมก็เปลี่ยนให้ไอ้ตัววุ่นของผมอยู่ในชุดนอนสีฟ้าคราม ยิ้มออกเลยนะ สบายตัวแล้วสิ
ผมกลับเข้ามายังห้องของตัวเองที่ชั้นล่าง ทำเอาเหนื่อยเหมือนกันแฮะ เจ้าเด็กนั้น ผมเดินเข้าไปอาบน้ำ แล้วก็เข้านอนทันทีเลย
วันต่อมา
ผมลงทุนตื่นตั้งแต่ตีห้า เพื่อไปหาซื้ออาหารเช้าให้ไอ้ตัววุ่นกิน ผมหวังว่ามันจะเป็นการถ่ายโทษในครั้งนี้ ผมเดินเข้าไปในซุปเปอร์มาร์เก็ตเดินเลือกซื้อของไปเรื่อย แต่ก็ยังไม่รู้เลยว่าวันนี้จะซื้ออะไรให้ไอ้ตัววุ่นกิน
“พี่คริสใช่ไหม๊ครับ” ผมหันไปหาต้นเสียงที่เรียกผม
“สวัสดีครับ ผมยองมินแล้วนี่น้องชายผมกวังมิน”
ผมไม่ตอบอะไรมาก เพียงแค่พยักหน้าให้ด้วยท่าทางงงๆ
“เมื่อวานนี้พวกผมเจอพี่ชานยอล นั่งร้องไห้อยู่ที่สวนสาธารณะ พี่เขาเป็นอะไรหรือเปล่าครับ” แฝดที่ได้ชื่อว่ากวังมินถามออกมา
“เจ้านั้นมันไม่เป็นไรหรอก ฉันขอตัวนะ” ผมพยายามตัดบทสนทนาทันที ผมไม่ชอบคุยกับคนแปลกหน้าแบบนี้ มาถามเรื่องของคนอื่นเขาอยู่ได้ น่ารำคาญ
“ผมว่าทำข้าวต้มกุ้งดีไหม๊ครับ” ว่าไงนะ แฝดพี่ยองมินพูดขึ้นเมื่อเห็นผมจะหนี
“มันทำง่ายดี กินง่ายด้วย ผมว่าพี่ชานยอลเขาคงจะชอบมัน” นายรู้ได้ไงว่าฉันกำลังจะ.........
“ฉันทำอาหารไม่เป็น”
“ก็ฝึกสิครับ” แฝดน้องกวังมินพูดออกมาอย่างตื่นเต้น มันจะอะไรนักหนาวะ
“มันง่ายนักหรือไง ทำอาหารน่ะ”
“พวกเราจะบอกสูตรให้”
“..................”
“ไป ซื้อส่วนผสมกัน” เฮ้ยเดี๋ยวดิ กวังมินนายบังอาจนักกล้ามาดันหลังฉันแบบนี้
ผมเดินถือของเต็มไม้เต็มมือ เข้าหอพัก ให้ตายสิไอ้เด็กสองคนนั้นมันคิดอะไรของมัน ให้ผมเข้าครัวทำอาหารให้ชานยอลกิน มันจะรอดไหม๊นี่ แต่ผมก็เดินเข้ามาในห้องครัว หยิบสูตรวิธีการทำข้าวต้มออกมาจากกระเป๋าเสื้อแล้วก็เริ่มลงมือทำตามขั้นตอนทุกอย่าง แต่ผมมาตกม้าตายที่ขั้นตอนสุดท้ายนี้หละ
“สุดท้าย พี่ก็ใส่ความรู้สึกของพี่ลงไปในข้าวต้มชามนั้น พี่ต้องการสื่อถึงอะไรพี่ก็ใส่มันลงไป”
อะไรของพวกมัน ผมต้องใส่ความรู้สึกงั้นหรอ แล้วมันทำยังไงเล่า ทำไมไม่อธิบายให้มันเข้าใจง่ายกว่านี้ ผมไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่ถ้าจะให้ผมสื่อถึงสิ่งที่ผมต้องการแล้วหละก็
“เอาแบบนี้ก็แล้วกัน”
ผมเดินขึ้นไปที่ห้องของชานยอลเอาข้ามต้มที่ผมทำเองกับมือ วางไว้ให้ชานยอลที่โต๊ะภายในห้อง
“ตื่นได้แล้วหน้า........” ผมพูดออกไปเบาๆเท่านั้น เจ้านั้นไม่ได้ยินหรอก
chanyeol
เท่าที่ผมจำความได้ผมนอนร้องไห้ทั้งคืนจนเผลอหลับไป พอตื่นขึ้นมาผมก็พบกับข้าวต้มที่วางไว้อยู่บนโต๊ะข้างๆเตียงนอนผม ผมลุกขึ้นมามองดูอาหารในชาม ผมคงโกรธพี่คริสไม่ลงแล้วหละ ก็เพราะว่า
“ชานยอล ถ้านายตื่นแล้ว ก็รีบกินข้าวต้มสะ เดี๋ยวมันจะเย็นหมด ฉันลงทุนทำเองหวังว่านายคงจะชอบมัน แล้วเมื่อวานนี้ ฉันผิดเองที่ฉันทิ้งนาย ฉันขอโทษ ฉันรู้ว่านายโกรธฉัน แต่ฉันก็ไม่รู้ว่าฉันจะง้อนายยังไง ฉันไม่เคยทำแบบนั้น วันนี้ฉันจะออกไปด้านนอก ถ้านายจะไปกับฉันก็รีบกินข้าวแล้วแต่งตัวสะ ฉันจะรออยู่ด้านล่าง ก่อน 9.30 ”
ผมหันมองดูนาฬิกาบนหัวนอน
“อะ....สามโมงแล้ว จะทันไหม๊นี่”
ผมรีบเดินเข้าไปในห้องน้ำทันที รีบอาบน้ำ รีบแต่งตัว จะไม่ทันแล้ว ตอนนี้สามโมงยี่สิบห้าแล้ว ผมหยิบหมวกขึ้นมาใส่แล้วถือชามข้าวต้มขึ้นมากิน เดินไปกินไป จะทันไหม๊นี่ เมื่อผมเดินลงมาถึงบันได ผมก็เจอพี่คริสที่กำลังนั่งดูทีวีอยู่
“ชานยอล!!” พี่เขาหันมามองผมแล้วทำหน้าตกใจ
“จะเสร็จแล้วครับ” ผมพูดออกไปทั้งๆที่มีข้าวอยู่เต็มปาก
“ไม่...เดี๋ยวก็ล้มหรอก” พี่คริสลุกขึ้นเดินมาหาผมที่ตอนนี้เดินลงจากบันไดเรียบร้อยแล้ว
“ไม่เป็นไร....เห็นไหม๊ เดี๋ยวผมเอาชามไปเก็บที่ครัวก่อนแล้วกัน” ว่าแล้วผมก็เดินตรงไปยังห้องครัวทันที
“พี่คริสวันนี้ พี่จะไปที่ไหนอะ” ผมเดินเข้าไปหาพี่คริสที่ตอนนี้ยืนรออยู่หน้าประตูแล้ว
“หอศิลป์....”
“อืม........”แล้วผมก็ยิ้มให้พี่เขา มีความสุข วันนี้ดูพี่คริสแปลกไปจากเดิมนะ
“นายได้เอาเสื้อกันหนาวมาหรือเปล่า”
“ไม่นี่ครับ”
“ขึ้นไปเอามาสะ อากาศด้านนอกมันเย็น ไม่ใส่เดี๋ยวจะเป็นหวัดเอา”
“ครับ....”
ผมเดินขึ้นไปเอาเสื้อกันหนาวในห้อง รีบๆๆๆพี่คริสรอแล้ว ก็เพราะความรีบของผมนี่หละ มันก็เลย
“มาแล้วครับๆๆๆ”
“ชานยอล....ระวัง!!!!!!!!!!!”
“อะ.......อ้า!!!!!!!!!! O[ ]O”
“โอ้ย!!!!!!!!!!!” ไอ้เสียงโอ้ยนี่ไม่ใช่ของผมครับ
คือตอนนี้ผมทับพี่คริสอยู่เต็มๆเลย ผมขอโทษผมไม่ได้ตั้งใจ หน้าผมอยู่ข้างๆใกล้ๆหน้าของพี่คริส ทำให้ผมหายใจลดต้นคอและหูของพี่เขาจน
“ชานยอล....นายทำให้ฉันเสียว.....”
“..........O.O..........” พี่พูดออกมาได้ไง
ผมตกใจกับคำพูดของพี่คริสจนสะดุดขึ้นมานั่งทันที แต่ไอ้ที่ๆผมนั่งอยู่มันก็ยังอยู่บนร่างของพี่คริสอยู่ดี (ผมลืมตัว)
“ชานยอลพี่หนัก” จนคนด้านล่างที่ทนรับน้ำหนักของผมอยู่นานทักขึ้น
“อะ...ผมขอโทษ”
Kris
ผมไม่มีอะไรทำ นี่ก็จะสามโมงแล้วเจ้านั้นตื่นหรือยังนะ ไม่ดีกว่า เอาไว้งั้นแหละ เดี๋ยวมันจะหาว่าผมไปกวนมันอีก ผมนั่งดูโทรทัศน์รอเวลาที่ผมจะออกไปข้างนอก หวังว่านายจะหายโกรธฉันนะ ผมนั่งดูทีวีอยู่ไม่นานเท่าไหร่
“ชานยอล!!” ผมพูดเสียงหลง ก็มันตกใจนี่หน่า เจ้าชานยอลมันเดินลงมาจากบันไดด้วยความเร่งรีบพร้อมกับชามข้าวต้มที่อยู่ในมือ ถ้าทำแตกขึ้นมาเถอะฉันจะลงโทษนาย
“จะเสร็จแล้วครับ” พูดมาทั้งๆที่มีข้าวอยู่เต็มปาก นายมันไม่มีมารยาท ไม่มีคุณสมบัติของผู้ดีเอาซะเลย
“ไม่...เดี๋ยวก็ล้มหรอก” ผมลุกขึ้นเดินไปหาชานยอล เพราะถ้ามันพลาดขึ้นมาละก็ผมจะได้ช่วยมันไว้ทัน
“ไม่เป็นไร....เห็นไหม๊ เดี๋ยวผมเอาชามไปเก็บที่ครัวก่อนแล้วกัน” มันก็ดีไปที่มันไม่เกิดอะไรขึ้น
“พี่คริสวันนี้ พี่จะไปที่ไหนอะ”
“หอศิลป์....”
“อืม........” มันโชว์ 32 ซีกให้ผมอีกแล้ว
“นายได้เอาเสื้อกันหนาวมาหรือเปล่า”
“ไม่นี่ครับ”
“ขึ้นไปเอามาสะ อากาศด้านนอกมันเย็น ไม่ใส่เดี๋ยวจะเป็นหวัดเอา”
“ครับ....” ผมไม่ได้เป็นห่วงมันนะครับก็แค่คิดว่า ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาจริงๆ ผมจะต้องเหนื่อยอีกแน่นอนเลย
“มาแล้วครับๆๆๆ”
ผมรอชานยอลขึ้นไปเอาเสื้อที่ด้านบน สักพักผมก็เห็นมันเดินมาอย่างเอ่อ...ทั้งพยายามใส่เสื้อ พยายามมองทาง แต่ถ้าว่ามันมองไม่เห็นไอ้นั้น
“ชานยอล....ระวัง!!!!!!!!!!!” ผมตะโกนออกไป แต่ก็สายเกินไปเสียแล้ว
“อะ.......อ้า!!!!!!!!!! O[ ]O”
“โอ้ย!!!!!!!!!!!”
เจ็บโว้ย!!!!!!!!!!! เจ้าชานยอลนอนทับตัวผมเต็มๆ ผมรู้สึกแปลกๆ ผมขนลุกไปทั่วทั้งตัว เจ้าชานยอลมันหายใจลดต้นคอผม มันจั๊กจี้นะโว้ย หน้าของมันอยู่ข้างๆหน้าของผม ใจของผมจู่ๆก็เต้นไม่เป็นจังหวะ ร่างกายผมเริ่มรู้สึกร้อนขึ้นมา ความรู้สึกแบบนี้มัน.......ไม่ได้การแล้วไอ้คริส
“ชานยอล....นายทำให้ฉันเสียว.....” ผมตั้งใจพูดประโยคนั้นออกไป เพราะผมรู้สึกแบบนั้นจริงๆ เล่นบ้าอะไร เป่าหูผมอยู่ได้ ถ้าผมอดใจไม่ได้ขึ้นมาจะทำไง จะหญิงหรือชายผมคงควบคุมตัวเองไม่ได้ เล่นยั่วสะขนาดนี้
“..........O.O..........” ได้ผลครับชานยอลมันรีบลุกขึ้นเอาหน้าออกห่างจากผมทันที แต่ว่าผมอยากจะบ้ายิ่งกว่าเก่า (นายทับน้องชายของฉัน ไอ้ชานยอล)
“ชานยอลฉันหนัก” มันสะดุ้งทีหนึ่งแล้วรีบลุกออกจากร่างผมทันที
“อะ...ผมขอโทษ”
“เดินไม่ระวังเลยนะนาย”
“แล้วใครมันเอาลูกเทนนิสไปวางไว้ตรงนั้นเล่า” นายก็ผิดอยู่ดีแหละที่เดินไม่ดูตาม้าตาเรือ
“เจ็บหรือเปล่า”
“ไม่อะ สบายๆ” แหงสิเล่นล้มมาทับคนอย่างฉันนี่
“แต่ฉันเจ็บ..........” เพราะนาย ตัวนายมันไม่เบาเลยนะชานยอล
“ผมขอโทษ.........” มันพูดขอโทษผมพร้อมกับเอามือเรียวยาวมากุมมือของผมไว้ น่ารักเกินไปแล้วชานยอล
“ฮือฮือ....”
“ยิ้มอะไร....พี่หาเรื่องผมหรอ”
“เปล่า” ผมก็แค่รู้สึกขำนิดๆครับ
“O3O.........” ทำหน้าแบบนี้อีกแล้ว เดี๋ยวผมก็จับจูบสะเลยนี่
จูบ นี่ผมคิดบ้าอะไรนี่ จะจูบมันทำไม มันเป็นผู้ชายนะ ผมไม่คิดวิปริตแบบนั้นหรอก ไอ้คริสๆๆๆๆๆ
ผมกับชานยอลเดินดูรูปภายในหอศิลป์ด้วยกัน จะว่ามันดูน่าเกลียดไหม๊ครับถ้าผมเดินจับมือมันไว้ตลอดเวลา ผมกลัวมันจะเป็นแบบครั้งที่แล้วอีก ถ้ามีมาแบบติดต่อกันผมคงหาวิธีแก้ไม่ได้แน่ ผมเดินดูภาพไปเรื่อยๆ มือผมที่จับชานยอลไว้ดูท่าจะไม่มีทางปล่อย เจ้านั้นก็ไม่ได้บ่นอะไรก็ยอมเดินตามผมมาตลอด ไม่ว่าอะไรสักคำจนกระทั่ง
“พี่คริส ผมเริ่มหิวแล้ว” ชานยอลดึงมือผมให้หยุดฟัง
“อะไรกันนี่เพิ่งจะเที่ยงเอง นายหิวไวเกินไปแล้ว”
“ผมต้องกินข้าวให้ตรงเวลา คุณแม่บอกไว้ ไม่งั้นโรคกระเพาะของผมจะกำเริบ” มันทำหน้าตาได้อ้อนผมมาก วุ่นจริงๆอยู่กับนายนี่
“เข้าใจละ แล้วนายอยากกินอะไรล่ะ”
“อะไรก็ได้ ผมไม่เรื่องมากหรอก แค่กินได้ก็พอ”
“ก็ดี....”
ผมพาชานยอลมานั่งกินข้าวในร้านอาหารญี่ปุ่น ผู้คนเดินผ่านไปผ่านมากันเยอะมาก แล้วยังมีแฟนคลับมาเดินตามถ่ายรูปผมกับชานยอลอีก ก็พวกเรามันคนดังนี้ครับ เป็นนักกีฬาที่มีหน้าตาและรูปร่างที่สง่าราศีจับ ทั้งเรียนดีกีฬาเด่นแบบนี้ใครๆเขาก็หลง ในช่วงที่เดินอยู่นั้นผมสัมผัสได้ถึงแรงกระชับที่มือของผม ดูเหมือนว่ามันจะแน่นยิ่งกว่าเดิมนะ ผมรู้ว่ามันกำลังวิตก มันไม่ชอบที่ที่ผู้คนพุกพ่านแบบนี้ ผมเลยเปลี่ยนจากการจับมือมาเป็นโอบไหล่แทน ดูเหมือนว่ามันจะสบายใจขึ้นมาบ้างแล้วนิดหนึ่ง พอมาถึงร้านผมก็เอามือออกจากบ่าของชานยอล แล้วเดินนำหน้าชานยอลไป ชานยอลมองซ้ายมองขวาแล้วรีบก้าวท้าวตามผมขึ้นมาด้านบน
“พี่เคยมาที่นี่หรอ” พอได้ที่นั่งปุ๊บมันก็พูดปั๊บ
“อืม.....”
“มากับใครอะ”
“ถามไปทำไม”
“ก็อยากรู้.........”
“มาคนเดียว”
“ไม่มีสาวมาด้วยหรอ” มันจะถามมากอะไรนักหนาวะ
“รับอะไรดีคะ” พนักงานเสริฟเข้ามาได้จังหวะพอดีเลย
“ผมเอาชุดเอหนึ่งที่แล้วกันครับ”
“ค่ะ”
“แล้วนายจะกินอะไร ชานยอล”
“ผมเอาเหมือนพี่นั้นแหละ เอาให้ผมอีกที่หนึ่งนะครับ” มันหันมาบอกผมก่อนจะพูดตอบพนักงาน
เราไม่ได้พูดอะไรกันจนอาหารมาเสริฟ แล้วต่างคนก็ต่างกิน
“จริงสิพี่มาที่นี้กี่ครั้งแล้ว” เริ่มละ
“นับไม่ถ้วน”
“โห งั้นก็เป็นขาประจำอะดิ”
“...........”
“พี่ไม่เคยพาใครมากินบ้างหรอ”
“ฉันว่าฉันบอกนายแล้วนะ”
“งั้นผมก็เป็นคนแรกที่พี่พามาสิ”
“เลิกพูด แล้วก็กินซะ”
“พี่ผมอยากดื่มอะ”
“อะไร”
“พี่จะว่าอะไรไหม๊ ผมอยากกินเหล้า”
“ไม่ต้องเลย ถ้านายเมาขึ้นมา ฉันทิ้งนายไว้นี้แน่”
“โหดร้าย”
“เออ เพิ่งรู้หรอไง”
“รู้นานแล้ว”
.
.
.
พอตกเย็น
“เดี๋ยวก่อนพี่คริส ผมซื้อของก่อน”
“อืม เร็วๆแล้วกัน”
……………………………..
…………..
……
“นายซื้ออะไรมา” ผมถามออกไปเมื่อสังเกตเห็นกลุ่มไอเย็นๆลอยออกมาจากถุง
“เหล้าไง”
“หะ!!!” ผมหลุดเสียงหลง ดวงตาขยายกว้างกับคำตอบที่ได้ยิน
“ก็ผมบอกแล้วไงว่าผมอยากกิน”
“ก็ฉันบอกว่าไม่ต้องกิน”
“พี่บอกว่าพี่จะทิ้งผมไว้ที่ร้านถ้าผมเมา”
“ก็ใช่”
“ก็นั่นไง ผมเลยซื้อเอาไปกินที่หอซะเลย แบบนี้แล้ว ไม่ลำบากพี่หรอก”
“ฉันไม่คิดว่ามันจะเป็นอย่างนั้นนะ”
ชานยอลไม่สนใจคำพูดของผมเลย เดินนำหนาผมไปลิ่วๆ ให้ตายสิคิดอยากจะคิดก็ต้องกินให้ได้ ไอ้ชานยอล!!!!! ผมได้แต่บ่นกับตัวเองไปตลอดทางเดินกลับหอ พอกลับมาถึงหอพักคนที่บ่นอยากกินเหล้านักกินเหล้าหนาอย่างชานยอลมันก็เดินตรงดิ่งเข้าไปหยิบแก้วในห้องครัวมาทันที แล้วก็มานั่งอยู่หน้าจอทีวี เปิดรายการทีวีดูไปเรื่อย
“พี่กินเป็นเพื่อนผมหน่อยสิ” ชานยอลหันหน้ามาพูดกับผมขณะที่มือกำลังทำการเปิดฝาขวดเหล้าอย่างช้ำชอง
“ไม่ฉันไม่กิน”
“นะพี่คริสนะนะนะ” ชานยอลเดินเข้ามาดึงแขนผมเบาๆแล้วพูดขอร้องผมอย่างเด็กเอาแต่ใจ
“ฉันบอกว่าฉันไม่กิน อย่ามาตื้อซะให้ยาก”
“ให้ผมกินคนเดียวมันจะไปสนุกอะไร นะนะพี่คริส” ดูเหมือนว่าคนตรงหน้าผมจะไม่ยอมง่ายๆ
“ฉันบอกว่าไม่” ผมพูดเสียงเรียบและเข้มใส่ชานยอล เป็นการบอกให้รู้ว่าผมไม่ได้พูดเล่น
“O3O” ชานยอลถึงขนาดพองลมและหยุดพูดทันที
“ฉันจะไปอาบน้ำแล้ว นายอยากกินก็กินไป”
“ไปเลย” ชานยอลพูดตอบผมมาทันทีเมื่อผมพูดจบ แล้วก็สะบัดหน้าหนีผม นายกำลังงอนฉันอยู่ใช่ไหม๊นั้น แต่ฉันไม่หลงกลนายหรอกไอ้ตัววุ่น
ผมเข้ามาในห้องของตัวเอง(ห้องของไอ้ฮานด้วยคน) ใช้เวลาอาบน้ำแต่งตัวก็ประมาณ 2 ชั่วโมง ผมไม่อยากจะออกไปด้านนอกเพราะกลัวไอ้ตัววุ่นนั้นมันจะเรียกผมเข้าร่วมอีก ผมก็เลยหาหนังสือขึ้นมาอ่านเล่น ผมนอนอ่านหนังสืออยู่บนเตียงจนเพลิด อ่านี้มันก็สามทุ้มแล้ว เจ้านั้นมันจะไปอาบน้ำนอนหรือยังนะ ผมเดินออกมาที่ห้องด้านนอก สภาพของชายวัย 20 ที่นอนสลบไสลอยู่บนโซฟาให้ความรู้สึกที่แย่ที่สุดเลย ผมเดินเข้าไปสะกิดชานยอลที่นอนสลบอยู่จนน้ำลายไหลเป็นแม่น้ำเจ้าพระยา
“นายเมาแล้วนะชานยอล”
สิ้นประโยค ผมถึงกับตกใจ ก็จู่ๆไอ้บ้าชานยอลมันก็สปริงตัวลุกขึ้นมานั่งทันที ทำเอาผมหัวใจแทบจะวายตาย
“ผมไม่ได้เมา...............อึ๊ก........” พูดไปสะอึกไปนี่นะไม่เมา
“ขึ้นไปอาบน้ำนอนได้แล้ว”
“ผมไม่ไป....................อึ๊ก.....ยังเหลืออีกขวด.......ผมยังอึ๊ก!!......กินไม่หมดเลย........*o*” ดูท่ามันจะเป็นมากยิ่งกว่าเดิมแล้วครับ มันหยิบรีโมทขึ้นมาให้ผมดู แล้วบอกว่ายังเหลืออีกขวด มันใช่ไหม๊หละ
“ชานยอลฉันบอกว่าให้พอได้แล้ว”
“งั้นพี่ก็มาช่วยผมกินให้หมดก่อนสิ........อึ๊ก........” มันยื่นรีโมทมาใกล้ๆหน้าของผม ไม่พอ มันยังจะเอามืออีกข้างมากดหอผมให้ก้มไปกินรีโมท (เหล้าของมัน)
“ชานยอล!!!!!” ผมต่อต้านแรงกดนั้นแล้วตะคอกเสียงใส่ชานยอลไป
“พี่จะเสียงดังทำไม...........อึ๊ก.....” คนตรงหน้าผมตอนนี้ไม่รู้สึกรู้สาอะไรแล้ว เมาจนไม่มีสติแบบนี้ผมเกลียดที่สุดเลย
“พอได้แล้ว” จบประโยค ผมก็ต้องงง เฮ้ยแม่...งอย่าบอกนะว่านายหลับอะ ไอ้ชานยอลหงายหลังไปนอนก่ออยู่ที่พื้น ให้ได้อย่างนี้สิ
“โอ้ย!!!!!!!!!!!”
ตุ๊บ!!!
“อ๊ะ!!”
“ทำบ้าอะไรของนาย!!!!!!!!”
“ก็ผมมันเคี้ยว”
“ฟันจะงอกออกมาเป็นซีกที่ 300 หรือไง” มันเล่นมากันหูผม เอาซะหูผมแดงไปหมด
คือผมกำลังจะแบกไอ้ขี้เมานี่ขึ้นไปที่ห้อง แต่ระหว่างการเดินทางมันก็เสียกรู้สึกตัวขึ้นมา แล้วมันก็มากัดหูผม ผมยืนเท้าเอวมองดูคนขี้เมาที่นั่งไม่เป็นผู้เป็นคนอยู่ที่พื้น
“ไม่เห็นต้องดุผมเลย…..อึ๊ก….ผมแค่อยากกินพี่เฉยๆ”
ตึ๊กตั๊ก!!!ๆๆๆ
“ชานยอล!!” นี่มันคิดจะเล่นอะไรกับผมนี่ จะกินผมงั้นหรอ
“อึ๊ก…..ครับ....ครับ ผมไม่กะอึ๊ก!!!กินพี่แล้วก็ได้”
ผมลากไอ้ตัววุ่นขึ้นมานอนที่เตียง (เตียงของมันนะครับ ไม่ใช่เตียงผม)
“พี่คิดไรกับผมเปล่านี่......” จู่ๆไอ้ตัววุ่นก็พูดขึ้นมา น้ำเสียงนี่บ่งบอกถึงคนเมามากจริงๆ
“พูดบ้าอะไรออกมา” จะให้ฉันไปคิดอะไรกับคนเมาๆแบบนี้
“พี่เล่นถอดเสื้อผ้าผมออกทีละชิ้นทีละชิ้นแบบนี้คิดอะไรกับผมหรือเปล่า” นายนั้นแหละคิดไปเอง ถึงผมจะทำอย่างที่มันพูดทุกอย่างก็เถอะ ก็....แค่ทนเห็นมันอยู่ในสภาพแบบนี้ไม่ไดเท่านั้นเอง
“งั้นก็นอนไปทั้งสภาพแบบนี้เลยไป”
“ผมพูดเล่น.......พี่คริสของผม คิดเรื่องแบบว่ากับผู้หญิงเท่านั้น ผมรู้.......พี่ไม่คิดเอาไม้ป่าเดียวกันหรอก ไม่งั้นตอนนี้พี่ก็จับผมกดแล้ว”
“นายพูดมากเกินไปแล้วนะ”
“พี่ว่าผมอีกแล้ว ผมพูดความจริงนิดความจริงหน่อยทำเป็นขึ้น”
“ชานยอล.......นายกำลังหาเรื่องฉัน”
“ผมเปล่า.........”
“งั้นก็เงียบแล้วนอนสะ” ผมหละขี้เกียจพูดต่อปากต่อคำกับมัน พูดไปเดี๋ยวมันก็หาเรื่องผมอีก แต่ว่า
“พี่นอนเป็นเพื่อนผมหน่อยสิ............” ผมกำลังจะลุกหนีมันได้แล้วแท้ๆ แต่มันดันมาดึงข้อมือผมไว้แล้วขอให้ผมนอนด้วย
“ฉันไม่นอนกับคนที่มีแต่กลิ่นเหล้าเหม็นไปทั้งตัวแบบนายหรอก” ผมรีบพูดปัดทันที แต่ดูเหมือนว่ามันจะทำให้ไอ้ตัววุ่นเกิดอารมณ์ขึ้นมา
“O[ ]O ชานยอล!!!!!!” ผมพยายามดิ้นอย่างทุลนทุลาย นี่ไอ้ชานยอลมันจับผมกด มันเล่นขึ้นค้อมผม นี่มันมีสติอยู่หรือเปล่า ไหนนายบอกว่าฉันไม่ชอบไม้ป่าเดียวกันไง ไหนรู้ไง แล้วไหน ที่กำลังทำอยู่นี้มันคือ
ตึ๊กตั๊ก!!!ๆๆๆ หัวใจของผมมัน........มันเต้นไม่เป็นจังหวะอีกแล้ว นี่ผม...........
“ผมไม่กล้านอนคนเดียว ผมกลัว”
“ปล่อยฉัน ชานยอล” ผมพยายามที่จะดิ้นหนีแล้วนะครับ แต่ว่าทั้งน้ำหนักและแรงกดของไอ้ชานยอลนี่มันสุดๆเลย ทั้งที่ผมตัวใหญ่กว่ามันแท้ๆ แต่ผมกลับสู้แรงมันไม่ได้
“ผมไม่อยากอยู่คนเดียว..............”
ตึ๊กตั๊ก!!ๆๆๆ เอาอีกแล้วครับ หัวใจของผมมันแทบจะระเบิดออกมาเมื่อเจ้าตัววุ่นมันก้มลงมาพูดระยะประชิด จะรวมกันเป็นหนึ่งอยู่แล้วนี่
“ชานยอล นายทำบ้าอะไรอยู่ รู้ตัวบ้างไหม๊”
“ผมกลัว...........”
ตึ๊กตั๊ก!!!ๆๆๆ ชานยอลเลื่อนใบหน้าลงมากระซิบที่ข้างหูผม ร่างกายของผมร้อนผ่าวระอุไปทั่วทั้งตัว นี่ผม....
“ชานยอล...ชานยอล....”
_________________________________________________________________________________________
ตัวอย่าง ตอนต่อไป
“ตื่นได้แล้วหรอ”
“นายจำไม่ได้งั้นหรอ ชานยอล”
“เมื่อคืน นายเป็นคนเริ่มก่อนนะ”
“นี่เมื่อคืนผมเป็นฝ่ายรุกหรอ”
Create a playlist at MixPod.com
ความคิดเห็น