ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SF-EXO]Krisyeol All Is Love

    ลำดับตอนที่ #11 : [SF:Special โปรเจคสนองนีดส์]Jealous

    • อัปเดตล่าสุด 25 ก.ค. 55


     

    Title: Jealous

    Writer: WolF_BuNnY

    Greet: ตามสนองนีดส์สู่เรื่องที่สอง อ้อ แล้วไรเตอร์ลืมบอกไปว่าที่โหวตๆกัน ไรเตอร์จะลงให้แบบตอนเดียวจบยาวๆเลยนะครับ แล้วคอมเม้นยาวๆด้วยได้ม๊า แบบว่าไรเตอร์ชอบอ่านคอมเม้นยาวๆนะครับ

     

    นั่งห่างกันไม่ถึงเมตร...

     

    คุยกันแบบไม่เคยห่าง....

     

    ปรึกษาทุกครั้งที่กลุ้มใจ....

     

    ช่วยเหลือทุกครั้งที่มีปัญหา...

     

    หยอกล้อทุกครั้งที่เจอกัน...

     

    แต่ผู้ชายคนนั้นเขาจะรู้มั้ยว่า เพื่อนคนนี้ แอบรักเขาเสมอมา...

     

    เฮ้ย!ยอลเจ้าคริส เพื่อนสนิทที่ติดกันยังกะตังเมของผม ความจริงแล้วหมอนั่นเป็นรุ่นพี่ผมปีนึง แต่ว่านายคริสดร็อปเรียนตอนเกรดสิบเอ็ดไว้ สุดท้ายก็เลยต้องมาจบพร้อมเด็กรุ่นน้องอย่างผม

     

    รอนานมั้ยมึง

     

    อืม ไม่นานหรอกกูก็เพิ่งมานี่ล่ะ ไหนล่ะงานคู่ที่มึงว่าจะไปทำน่ะ

     

    เอ่อ...กูมีเรื่องจะสารภาพมึงว่ะยอลจู่ๆไอ้คริสก็มามองหน้าผมตรงๆแล้วเอื้อมมือผมมาจับไว้ ตอนนี้หัวใจผมเต้นโครมครามไม่เป็นจังหวะแถมรู้สึกว่าหน้ามันร้อนขึ้นเรื่อยๆด้วย มึงจะพากูอยู่ในสภาพนี้อีกนานมั้ยครับ หน้ากูจะแดงอยู่แล้ว

     

    อะ..อะไร

     

    ถ้ากูบอกมึงมึงห้ามโกรธกูนะ

     

    อะ..อือ

     

    กูขอโทษ......

     

    .........................

     

    กูลืมรายงานอยู่บ้านว่ะ

     

    โครม! และแน่นอนว่าเสียงนี้ต้องดังขึ้น

     

    อะไรของมึงวะยอล ไหนมึงบอกว่าจะไม่โกรธกูไง

     

    ก็ไม่โกรธไง แต่ถีบเลยเต็มๆ

     

    เฮ้ย!มึงเพื่อนกูรึเปล่าเนี่ย

     

    ก็เพื่อนไง กูถึงอยากให้มึงมีความรับผิดชอบ มึงอยากจบเกรดสิบเอ็ดพร้อมกูมั้ยพอผมพูดแค่นั้นดูเหมือนว่าไอ้คริสจะสงบลงพร้อมก้มหน้ารับโทษอย่างหงอยๆ

     

    เพราะกูรู้ว่ามึงต้องลืม

     

    .............

     

    กูเลยทำมาเผื่อไว้แล้ว

     

    เฮ้ย!ไอ้เชี่ยยอล มึงน่ารักที่สุดในโลกเลยว่ะจู่ๆก็มาโดดกอดผมทันที เอิ่ม...มันดูไม่ดีเท่าไหร่หรอกนะ ที่ผู้ชายสูงยังเสาไฟฟ้าสองคนมานั่งกอดกัน

     

    ตกลงมึงจะชมหรือด่ากูกันแน่

     

    เออๆกูขอโทษว่ะ  เฮ้ย!ยอลมึงเห็นน้องโต๊ะทางซ้ายมั้ยวะผมหันไปตามทางมือของมันเห็นกลุ่มโต๊ะของเด็กเกรดสิบนั่งคุยกันอยู่แต่อยู่กันตั้งหกเจ็ดคนเลยนะมึง กูจะรู้มั้ยว่าคนไหน

     

    คนไหนวะ

     

    ก็คนนั้นไง ที่นั่งดูดชานมอยู่นั่นไง

     

    อ๋อๆกูเห็นล้ะเป็นเด็กผู้ชายตัวสูง หน้าขาว ปากแดง กำลังนั่งดูดชานมอย่างขะมักเขม้น แถมเท่าที่ผมเห็นแก้วชานมจะกองอยู่ระเนระนาดโต๊ะ อย่าบอกนะว่าน้องเขากินทั้งหมด

     

    กูขอร้องล่ะไอ้ยอล

     

    ?????

     

    ขอเบอร์น้องเขาให้กูหน่อยดิ

     

    เฮ้ย!ไอ้เชี่ยคริส มึงชอบน้องเขามึงก็ไปขอเองสิวะ เกี่ยวอะไรกับกูเล่า

     

    เหอะหน้ามึง กูรู้ว่ามึงเป็นคนอัธยาศัยดี เพราะฉะนั้นมึงไปขอให้กูหน่อยนะๆๆ

     

    ไม่!”ผมปฏิเสธเสียงแข็ง ไม่ใช่เพราะว่าอะไรหรอก ถ้านายคริสจีบเด็กนั่นงั้นก็แสดงว่าผมต้องมีคู่แข่งน่ะสิ แล้วอีกอย่างไอ้คริสก็ชอบเด็กนั่นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว มันก็เท่ากับว่าผมแพ้....แพ้ตั้งแต่ยังไม่ได้ลงแข่งด้วยซ้ำ

     

    กูยังเป็นเพื่อนมึงอยู่มั้ยวะพอมันพูดประโยคแบบนี้ทีไร ผมก็กลับใจอ่อนเอาเสียดื้อๆ น้ำเสียงตัดพ้อ แววตาดูแข็งกร้าว ผมอยากจะตอบออกไปซะเต็มๆว่า กูไม่เคยมองมึงเป็นเพื่อนซักครั้ง สำหรับมึง มึงเป็นคนที่กูรักต่างหาก แต่ใจตอนนี้มันก็ยังไม่กล้าพอ ผมกลัวเหลือเกินกลัวว่าถ้าผมบอกประโยคนั้นออกไป ผมกลัวว่าความเป็นเพื่อนมันจะหายไป และผมกับมันก็จะไม่ได้เล่นด้วยกันอีก ผมถอนหายใจทีนึงก่อนจะตัดสินใจพูดออกไป

     

    เออๆก็ได้วะ

     

    นี่ล่ะยอลลี่ของกูน่ารักที่สุดเลยไอ้คริสตบบ่าผมหนึ่งทีก่อนที่จะยัดโทรศัพท์ใส่มือผม มันมักจะพูดแบบนี้กับผมเสมอโดยที่มันไม่เคยคิดอะไรซักครั้ง มันมักจะพูดว่า ผมเป็นของของมัน โดยที่ไม่รู้เลยว่า คนที่คิดและเก็บเอาคำพูดที่ไม่คิดอะไรของมันไปเพ้อซะแทบทุกคืน

     

                    ผมเดินตรงไปอย่างที่ใจหวั่นๆผมหันไปมองไอ้คริสหนึ่งที มันทำให้ไฟท์ติ้งให้ผมหนึ่งครั้ง ผมจึงเป่าปากหากำลังใจ ปาร์ค ชานยอลสู้ๆ

     

    ขอโทษนะครับ พี่ขอเวลาแป๊บนึงได้มั้ยผมเดินเข้าไปทักทายกับกลุ่มเพื่อนของเด็กเกรดสิบ ทุกคนมองหน้าผม แล้วยิ้มแฉ่งให้

     

    ตามสบายเลยฮะทุกคนพูดพร้อมกันก่อนที่จะขยับที่นั่งให้ว่างพอทีจะให้ผมแทรกแถวเข้าไปได้ ผมจึงค่อยหย่อนก้นนั่งลงให้ที่ที่ใกล้รุ่นน้องที่นั่งดูดชานมที่มองผมด้วยสายตาแปลกๆ เอิ่ม...รังเกลียดพี่รึเปล่าครับ

     

    เอ่อ...น้องชื่ออะไรครับผมหันหน้าไปถามน้องคนที่ดูดชานมอยู่ ตาของเขาโตขึ้นเล็กน้อย

     

    ถะ...ถาม ผมเหรอ?ดูท่าทางจะตื่นเต้นเล็กน้อย เอ่อ พี่ไม่ใช่บี้ เดอะสตาร์นะครับ ไม่ต้องเกร็งก็ได้

     

    อืม น้องนั่นล่ะ ชื่ออะไร

     

    อะ..โอ เซฮุนฮะเซฮุนพูดตะกุกตะกักเล็กน้อยแถมรู้สึกว่าหน้าของน้องเขาแดงซ่านแปลกเอ่อ ไม่สบายรึเปล่านี่

     

    เซฮุนเหรอ คือเพื่อนพี่น่ะเขาสนใจนาย เขาก็เลยวานให้พี่มาขอเบอร์นายให้พอผมพูดตรงๆออกไปดูเหมือนว่าหน้าของเขาจะหงอยแปลกๆแฮะ แต่ช่างมันเถอะ

     

    คนไหนเหรอฮะ รุ่นพี่เด็กเกรดสิบอีกคนที่ตัวเล็ก ตาโตบ๊องแบ๊วเหมือนลูกหมาจะถลาเขามาถามผมอย่างอยากรู้อยากเห็น

     

    คนนั้นไง ที่นั่งอยู่โต๊ะนั้นน่ะผมชี้ให้ทั้งเด็กๆทั้งกลุ่มหันไปมองไอ้เจ้าคริสที่นั่งเก๊กเท่ซะเต็มประดา หล่อตายล่ะ ไอ้สลัด(ไปด่าเขาไอ้สลัดแล้วตัวเองแอบชอบเขาเนี่ยนะ)

     

    ระ..รุ่นพี่คริสนี่นา ที่ซ้ำชั้นปีนึงไง เซฮุนโอกาสทองของนายแล้ว พี่เขาเป็นเดือนปีนี้เลยนะ แถมยังไม่ได้คบใครอยู่ด้วย ให้เบอร์เขาไปเลยไอ้รุ่นน้องหน้าลูกหมาผลักดันช่วยอีกแรง อย่าเลยนะเซฮุนขอร้องล่ะ นายช่วยปฏิเสธได้มั้ย

     

    คือ...มันจะดีเหรอแบค

     

    ดีสิ โอกาสลอยมาถึงขนาดนี้แล้วรีบคว้ามันไว้เลยดีกว่าเซฮุนมองหน้าผมหนึ่งครั้ง แล้วถอนหายใจหนึ่งที ก่อนที่จะ

     

    โทรศัพท์ล่ะฮะรุ่นพี่ฮือ...เซฮุนทำไมนายทำแบบนี้

     

    อืม นี่ไงผมยื่นโทรศัพท์ของคริสให้เซฮุนด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม แต่ใครจะรู้บ้างล่ะว่า ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของผมนั้นมันแอบซ่อนปกปิดความเศร้าไว้ก็แค่นั้น

     

    นี่ฮะเซฮุนยื่นโทรศัพท์ให้ผมคืน ผมยิ้มให้เขาหนึ่งครั้งก่อนที่จะขอตัวลุกออกไปหาเจ้าเพื่อนตัวดี(ที่ผมแอบรัก)ที่นั่งห่างอยู่ไม่ไกลทันที

     

    ไงมึงๆได้มั้ยๆดูจากหน้าตาเหมือนเด็กที่ตื่นเต้นเวลาจะเปิดห่อของขวัญในวันเกิดของมันแล้ว ผมจึงยิ้มรับไปหนึ่งที ทั้งๆที่จะร้องไห้อยู่แล้ว

     

    ระดับกูซะอย่าง อ่ะนี่ผมยื่นโทรศัพท์คืนให้มัน แค่นั้นล่ะ มันก็อุ้มผมซะตัวลอย

     

    เฮ้ย!คริสมึงทำเชี่ยอะไรของมึงเนี่ย

     

    ขอบใจนะเว้ยยอล ขอบใจมึงมากๆมึงเป็นเพื่อนกูรักที่สุดเลยว่ะถึงมันจะบอกว่ารักผมแค่ไหน สุดท้ายผมก็เป็นได้แค่เพื่อนของมันเท่านั้นล่ะ

     

    1 เดือนต่อมา....

     

                    ผมมานั่งรอหน้าตึกวิทย์อย่างที่เคยทำทุกอาทิตย์เนื่องจากวันนี้มีกิจกรรมชมรมซึ่งผมกับไอ้คริสอยู่คนละชมรมกัน ผมที่เลิกกิจกรรมก่อนเลยต้องมานั่งรอเดินกลับบ้านด้วยกันเช่นทุกวัน

     

    อ้าว ชานยอลมาทำอะไรหน้าตึกวิทย์ล่ะพี่เถารุ่นพี่รหัสของผมที่ทั้งควบตำแหน่งประธานชมรมฟิสิกส์เดินมาถามผม เพราะมันคงแปลกมากที่เด็กชมรมศิลป์จะมานั่งอยู่หน้าตึกวิทย์

     

    อ๋อ มารอเพื่อนน่ะฮะ แล้วนี่ชมรมฟิสิกส์เลิกกิจกรรมแล้วเหรอฮะ

     

    ยังหรอก แต่ว่าวันนี้พี่รีบกลับบ้านน่ะ เลยขอน้องๆเขากลับก่อน ให้พี่รอเป็นเพื่อนมั้ย

     

    ไม่ต้องก็ได้หรอกฮะ พี่บอกว่าจะรีบกลับบ้านไม่ใช่เหรอ

     

    เออ นั่นน่ะสิ งั้นพี่กลับก่อนนะทันทีที่พี่เถากำลังจะเดินกลับเท่านั้นล่ะ เสียงข้อความในโทรศัพท์ของผมมันก็ดันเข้าซะก่อน

     

    By ไอ้คริส

     

    ...วันนี้มึงกลับก่อนเลยนะ ไม่ต้องรอกู เพราะวันนี้กูว่าจะชวนเซฮุนไปเดทหน่อยว่ะ ไม่ต้องเป็นห่วงกูนะ เดี๋ยวค่ำๆกูจะโทรหา...

     

                    ข้อความที่เล่นเอาผมปวดใจเล่นๆคำพูดที่พิมพ์ผ่านตัวหนังสือที่สื่อถึงว่ามันคงดีใจมากที่จะได้ไปเดทกับเซฮุน แต่มันจะรู้มั้ยว่ายังมีผมอีกคนที่กำลังจะร้องไห้ในตอนนี้

     

    ชานยอล เป็นอะไรไป แล้วนั่นร้องไห้ทำไม

     

    เปล่าหรอกฮะ ผมแค่แสบตาน่ะ พี่เถาฮะ ผมขอเดินกลับบ้านด้วยคนได้มั้ยฮะ

     

    ฮ่าๆเรานี่เอ๋อจังเลยนะ พี่ไม่ได้เดินกลับหรอกบ้านพี่มันอยู่ไกล แต่เดี๋ยวพี่ไปส่งให้แล้วกันนะ

     

    หมายความว่ายังไงฮะ

     

    งั้นรอพี่แป๊บนึง เดี๋ยวพี่ไปเอารถมาก่อนสุดท้ายแล้วแทนที่วันนี้ผมจะได้เดินกลับบ้านกับไอ้คริสที่บ้านอยู่ตรงข้ามกันเช่นทุกวันแต่วันนี้ ผมกลับต้องซ้อนมอเตอร์ไซค์ของพี่เถากลับบ้าน ป่านนี้มันคงจะมีความสุขกับแฟนของมันสินะ ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำยังไง พอคิดว่าผมไม่ได้รักมันทีไร น้ำตามันก็พาลจะไหลทุกที

     

    จะร้องก็ร้องได้เลยนะ พี่ไม่ว่าหรอกพี่เถาพูดทั้งๆที่ขับรถอยู่เขารู้ด้วยเหรอว่าผมกำลังเป็นอะไร

     

    พี่รู้??

     

    พี่ก็เคยเป็นมาก่อนนี่นา ช่างเถอะ อยากร้องก็ร้องออกมาเถอะเก็บไว้ก็อึดอัดเปล่าๆพี่เถาพูดแค่นั้นล่ะ จู่ๆน้ำตามันก็พาลจะไหลออกมา ตอนนี้ผมไม่อยากให้ใครมาเห็นผมในด้านที่อ่อนแอแบบนี้ ผมจึงต้องหน้าซุกแผ่นหลังของพี่เถาแล้วสะอื้นๆไห้ระบายความรู้สึกทั้งหมดที่มีออกไปให้หมด จนกระทั่งถึงบ้าน

     

    ขอบคุณที่มาส่งนะฮะ

     

    ไม่เป็นไร เรื่องแค่นี้เอง ถ้ามีอะไรไม่สบายใจก็บอกพี่ได้นะพี่เถาพูดทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก่อนที่จะขับรถออกไป ผมยิ้มให้จางๆก่อนที่จะเดินเข้าบ้านไป ดูท่าทางว่าบ้านผมจะอลเวงสาวละวนแปลกๆแฮะ

     

    ยอลลูกพ่อ แม่ แล้วก็อาฟง กับ น้าอี้ผิงต้องไปงานแต่งงานของคุณป้าหลี่เจินน่ะลูก อยู่คนเดียวได้นะ

     

    ดะ..ได้ฮะ

     

    อ้อ ข้าวเย็นอยู่ในตู้เย็นน่ะลูกแม่แช่แข็งไว้ให้แล้วยังไงก็เวฟเอานะลูก

     

    ฮะแม่

     

    อ้อ แล้วอู๋ฟานเขาจะมาค้างเป็นเพื่อนนะลูก เพราะว่าเผื่อพ่อแม่กับพวกอาๆจะกลับมาก็คงพรุ่งนี้เช้านะจ้ะ

     

    อะไรนะฮะ จะให้ไอ้คริสมาค้างด้วยทำไม ผมโตแล้วนะฮะ ผมนอนคนเดียวได้ที่ผมค้านไปก็เพราะว่า ผมกลัว กลัวว่ามันจะพูดถึงเซฮุนซึ่งมันจะทำให้ผมต้องปวดใจอีก

     

    อยู่คนเดียวมันอันตรายนะลูก ยังไงก็ให้อู๋ฟานเขามาค้างเป็นเพื่อนน่าจะปลอดภัยกว่า ยังไงแม่ไปล่ะนะ ฝากบ้านด้วยนะยอลลูกแม่หอมแก้มผมฟอดนึง ก่อนที่จะไปนั่งรถที่มีคุณพ่อสตาร์ทรถรออยู่แล้ว ออกไปทันที พอทุกคนออกไป ผมเหวี่ยงเป้ไปไว้ที่โซฟาก่อนที่จะนอนทับเป้อีกครั้งนึง หลับตาให้จิตใจหายฟุ้งซ่านซักพัก ก่อนที่จะลุกไปอาบน้ำ

     

    19.30 น.

     

              ในขณะที่ผมกำลังนั่งดูโพโรโระการ์ตูนเรื่องโปรดผมอยู่เสียงกริ่งที่หน้าบ้านก็ดังขึ้น ค่ำป่านี้แล้วใครมันจะมาอีกวะ

     

    มาแล้วฮะผมเปิดประตูออก ก็พบว่าเป็นเจ้าคริสที่ยื่นทำหน้าบึ้งตึงใส่ผม โกรธอะไรใครมาอีกล่ะทีนี้

     

    เออ เข้ามาสิมึงผมให้มันเดินเข้ามาก่อนที่ผมจะปิดประตูไว้แล้วนั่งดูการ์ตูนต่อ ความจริงผมชินกับความนิ่งของมันแล้วล่ะ แต่แบบนี้มันนิ่งแปลกไปแล้วนะ

     

    เออ มึงอยากเปลี่ยนช่องมั้ย

     

    ไม่ กูจะดูช่องนี้ประโยคสั้นๆแต่เย็นชาชิบเป๋ง ส่งผ่านรูหูผมจนสะท้านไปถึง..เอ่อ.. จะถึงอะไรก็ช่างมันเถอะ ผมนั่งการ์ตูนเงียบๆกับมันอยู่พักใหญ่ ก่อนที่มันจะเปิดประเด็นออกมาทั้งๆที่ตายังไม่ได้ละออกมาจากทีวี

     

    ใครมาส่งมึงเมื่อตอนเย็น

     

    อ่อ พี่เถาพี่รหัสกูเอง

     

    ทำไมเขาถึงมาส่งมึงล่ะ

     

    เขาก็แค่เป็นห่วงกูมันเย็นแล้ว เขาก็เลยอาสามาส่ง

     

    กลับมาเองมันจะตายรึไง

     

    อะไรของมึงเนี่ย พี่เขาก็แค่มาส่งกู มึงจะทำไมกับกูวะคำพูดของมันเล่นเอาน้ำโหผมขึ้น ที่มึงยังไปกับเซฮุนได้แล้วทำไมกูจะไปกับใครไม่ได้วะ

     

    แล้วแค่มึงกลับมาเองมันจะตายรึไง อยากให้คนอื่นเขามาส่งขนาดนั้นเลยเหรอคำพูดของมันเหมือนบีบหัวใจผมทีละนิดๆ น้ำตาผมจะไหลออกมาอยู่แล้ว

     

    เออ จะทำไมล่ะ มึงกับกูก็แค่เพื่อนกันแล้วมึงจะมาวุ่นวายกับกูทำไมนักหนาวะ กูจะกลับกับใครมันก็เรื่องของกูสิมึงเสือกอะไรด้วยล่ะ

     

    มึงว่ากูเสือกเลยเหรอ กูก็แค่เป็นห่วงมึง

     

    แบบนี้เหรอที่มึงเรียกว่าเป็นห่วง ทิ้งกูให้กลับบ้านคนเดียว แล้วไปเดทกับแฟนเนี่ยนะ

     

    มึงก็เข้าใจกูบ้างสิวะ กูก็อยากมีเวลาให้แฟนบ้างพอพูดแค่ว่าแฟนเท่านั้นล่ะ เหมือนน้ำตาของผมมันจะไหลออกมาซะให้ได้ เมื่อไหร่มึงจะเลิกทำแบบนี้ซักทีนะ ทำให้ผมคิด หลอกผมกลับไปกลับมาไม่รู้กี่ครั้ง ทำให้ผมเพ้อไม่รู้ต่อกี่หน แล้วก็ทำให้ผมปวดใจแบบนี้

     

    เออ งั้นมึงก็ไปมีเวลาให้แฟนมึงซะเลยสิ สำหรับกู มันคงไม่มีความสำหรับมึงหรอกผมรีบวิ่งออกมา ผมอยากหนีไป หนีไป หนีไปจากผู้ชายคนนี้

     

    กูขอโทษ มึงอย่าโกรธกูเลยนะผมรู้สึกได้ถึงแรงที่กอดผมอยู่ที่ด้านหลัง น้ำตาของผมตอนนี้มันไหลออกมาไม่หยุด ผมอยากที่จะตัดใจ ตัดใจจากเขา แต่ทำกี่ครั้งๆมันก็ไม่เคยสำเร็จซักที เพราะอะไรกันนะผมถึงยังคอยหลอกตัวเองว่าเขาก็รักผม แต่สุดท้ายแล้วก็มีแต่ผมคนเดียวเท่านั้นที่คิดไปเอง พอได้ยินน้ำเสียงแบบนี้ของมันทีไร ใจผมก็พลอยอ่อนลงทุกที

     

    อืม กูไม่โกรธมึงหรอก

     

    จริงๆนะ

     

    เออ

     

    ยอลมึงน่ารักที่สุดในโลกเลยว่ะ งั้นวันนี้มึงกับกูนอนด้วยกันที่ห้องมึงนะ

     

    เฮ้ย!ไม่เอา มึงไปนอนห้องพี่กูเลย เตียงกูเล็กนิดเดียว นอนกันสองคน เดี๋ยวแม่งได้หักกันพอดีที่จริงผมก็อ้างไปแค่นั้นล่ะ แต่จริงๆแล้วห้องผมมันแอบซ่อนอะไรไว้หลายอย่างเกี่ยวกับไอ้คริสไว้เยอะ ขืนมันเข้าไปมีหวัง ความลับแตกแน่ๆ

     

    เออๆเอางั้นก็ได้วะ งั้นกูขอไปอาบน้ำก่อนแล้วกัน

     

    เฮ้ย!นี่มึงยังไม่ได้อาบอีกเหรอผมตะโกนไล่หลังทั้งๆที่มันวิ่งจ้ำอ้าวขึ้นไปห้องน้ำชั้นบนแล้ว ผมจึงนั่นดูการ์ตูนโพโรโระต่ออย่างไม่ได้คิดอะไรมาก

     

    (บันทักพิเศษ:อู๋ อี้ฟาน)

     

                    ตั้งแต่ที่ผมดันมาเห็นช็อตเด็ดที่เจ้ายอลมันดันซ้อนมอเตอร์ไซค์มากับไอ้หนุ่มที่ไหนไม่รู้ แถมยังไปยิ้มให้ไอ้หมอนั่นอีกผมจึงเกิดอารมณ์โกรธจัด มึงจะกลับมาคนเดียวไม่ได้รึยังไง ทำไมต้องให้คนอื่นมาส่งด้วย แม้แต่ผมเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันนะว่าทำไมผมต้องโกรธมันขนาดนี้ด้วย

     

                    ทั้งๆที่ผมมีแฟนเป็นเซฮุนอยู่แล้ว แต่อีกใจผมยังกลับพะวงหาชานยอลกลัวมันจะเป็นนู้นเป็นนี่ มันยิ่งเอ๋อๆอยู่ด้วย ผมเลยกังวลไปซะทุกอย่าง

     

    (พี่คริสฮะ เหม่ออะไรอยู่เหรอ)เสียงปลายสายส่งผ่านผมเข้ามาทำให้ใจที่เหม่อลอยของผมต้องกลับเข้าสู่สภาวะเดิมเช่นเคย

     

     “เปล่าหรอก นี่เซฮุนเราก็คบกันมาเดือนกว่าแล้วนะผมรีบพิมพ์ตอบกลับไป

     

    (แล้วยังไงเหรอฮะ พี่ไม่มีความสุขเหรอ)

     

    เปล่าๆไม่ใช่อย่างนั้นเลย พี่แค่รู้สึกแปลกๆน่ะ

     

    (ยังไงน่ะเหรอฮะ)

     

    พี่รู้สึกเหมือเป็นห่วงอะไรซักอย่างจนบางครั้งก็ดูเหมือนมากเกินไป แบบนี้เขาเรียกว่าอะไรเหรอ

     

    (คิคิ ความรักไงฮะ)

     

    แล้วเซฮุนล่ะรักพี่มั้ย

     

    อืม จะให้พูดว่ายังไงดีล่ะฮะ

     

    ..........................

     

    (ผมว่า...เราเป็นพี่น้องกันดีกว่านะฮะ)พอประโยคนั้นดังออกมาจากเจ้าตัวของเขาผมรู้ตัวเองดีว่าต้องทำใจ แต่ทำไมไม่รู้สึกเจ็บเลยแฮะ

     

    อืม พี่เข้าใจแล้วล่ะ แต่ทำไมพี่ไม่รู้สึกเจ็บอะไรเลย

     

    (ฮ่าๆผมรู้ฮะผมรู้ แต่ผมว่าพี่ลองถามใจตัวเองดีกว่า ถ้าพี่ไม่ได้รักผมพี่ก็บอกผมมาตรงๆเลย ผมไม่เสียใจหรอก)

     

    พี่แค่ลังเลนิดหน่อยน่ะ  พี่รู้สึกว่ากำลังสับสนกับอะไรซักอย่างพี่ไม่เข้าใจตัวเองจริงๆ

     

    (แต่ตอนนี้ผมว่าผมรู้แล้วล่ะฮะ)

     

    รู้ว่าอะไรเหรอ??

     

    (ไม่บอกพี่ต้องหาเอง ผมไปล่ะ แม่ให้กินนมนอนแล้ว)ยังไม่ทันที่จะได้พูดอะไรต่อ เซฮุนก็ดันวางสายไปซะแล้ว และปล่อยให้ผมงงกับไอ้ความรู้สึกของตัวเอง

                   

    แต่เรื่องนั้นเอาไว้ก่อนตอนนี้ผมอยู่ที่บ้านของชานยอล เนื่องจากต้องมานอนเฝ้าบ้านเป็นเพื่อนมันเพราะพ่อแม่ของผม และพ่อแม่ของมันไปงานแต่งญาติพรุ่งนี้เช้าถึงจะกลับมา ส่วนตอนนี้ผมกำลังจะไปอาบน้ำชำระร่างกายที่ห้องของพี่ชายของชานยอลที่ปกติมันเป็นห้องว่าง เพราะพี่ชายของชานยอลต้องไปทำงานต่างประเทศนานๆทีถึงจะกลับมา ผมจึงต้องใช้ห้องนี้ในการพักผ่อนยามจำเป็นประจำ แต่ผมก็สงสัยอยู่นะ ว่าเป็นเพื่อนกันมาปีกว่า แต่ทำไมชานยอลไม่เคยให้ผมเข้าห้องของมันเลย แอบดูซักหน่อยก็ดีวะ

     

                    ผมค่อยแง้มประตูเปิดเข้าไปช้าๆมันก็แค่เป็นห้องปกติของเด็กทั่วไปไม่ได้มีอะไรพิเศษแถมเตียงของมันยังเป็นเตียงคิงส์ไซส์นอนทีได้สี่ห้าคน ไอ้ยอลมึงต้มกูซะเปื่อยเลยนะ แต่ที่น่าแปลกก็คือทำไมมันถึงไม่อยากให้ผมเข้ามาที่ห้องของมันกันนะ จู่ๆสายตาผมก็เหลือบไปเห็นตู้เสื้อผ้าสองตู้ เอ ปกติคนเราต้องมีตู้เสื้อผ้าตู้เดียวนี่นาแต่นี่ทำไมต้องมีสอง หรือว่าอีกตู้จะเป็นที่ที่เอาไว้ทะลุไปดินแดนแห่งนาร์เนีย(เวิ่นไปแล้วท่านเงิงเอ้ย) ผมเห็นตัวหนังสือที่ทำมาจากโฟมยางแปะไว้ที่ตู้แรกว่า ตู้เสื้อผ้า ปาร์ค ชานยอล ส่วนอีกตู้แปะไว้ว่า เป็นความลับ หึๆนึกเหรอว่าฉลาดอย่างผมจะเปิดตู้เสื้อผ้าของไอ้เอ๋อมันน่ะผมก็ไปเปิดตู้เป็นความลับนั่นสิ

     

    โครม! เสียงอภิมหึมากองกระดาษทับผม

     

    เชี่ยผมอุทานออกมาเบาๆเพราะกลัวไอ้เอ๋อมันจะได้ยิน ผมจงค่อยๆรื้อของที่อยากดูมาที่ละชิ้น อา เริ่มจากไดอารี่เล่มนี้ก่อนก็แล้วกัน

     

    21 มีนาคม 20xx

     

                    วันนี้อากาศหนาวมีลมพัดเย็นๆสมแล้วกับที่เป็นฤดูใบไม้ผลิ นายคนนั้นเข้ามาหาผมที่บ้านแต่เช้า แถมว่าจะชวนผมไปสวนสนุกในวันหยุดที่อากาศกำลังดีผมนี้ ผมดีใจจนเนื้อเต้น ทุกครั้งที่เขาจับมือผมไว้ มันช่างรู้สึกอบอุ่นเหลือเกิน ผมหวังว่าซักวันเขาคงจะรู้สึกแบบที่ผมรู้สึกกับเขาบ้างนะ

     

    หึ ไอ้เอ๋อ ริอาจมีแฟนเหรอวะ ทำไมกูไม่รู้เนี่ยผมนั่งทึ้งหัวตัวเองอยู่ซักพัก ก่อนที่จะเปิดผ่านๆหน้าอื่นๆไปเรื่อยจนมาหยุดอยู่ที่หน้าเดือนกรกฎาคม

     

    19 กรกฎาคม 20xx

     

              วันนี้โรงเรียนพาไปทัศนศึกษานอกสถานที่ 3 วันสองคืนที่ทะเลด้วยล่ะ ผมกับเขาคนนั้นนั่งข้างๆกัน เขาใจร้ายมากที่เอาอมยิ้มผมไปกินจนหมดแต่ก็นะ ผมยอมๆให้เขาไปก่อนแล้วกันก็เขาเป็นคนที่ผมรักนี่นา แม้ว่าเขาจะมองผมเป็นแค่เพื่อนคนหนึ่งก็ตาม

     

                    วันนั้นผมจำได้แม่นเลย ผมนั่งข้างมันแถมยังเอาอมยิ้มที่มันพกมาไปกินจนหมด หืม?ทำไมมันคล้ายๆเราจังวะ แต่คงไม่ใช่ผมหรอกน่ามันคิดกับผมแค่เพื่อนนี่นา ผมเลยเลิกฟุ้งซ่านแล้วค่อยเปิดอ่านหน้าต่อๆไปเรื่อยๆจนมาหยุดอยู่ที่หน้าที่เป็นวันเกิดของผม เพราะบางทีคนๆนั้นอาจจะเป็นผมก็ได้

     

    6 พฤศจิกายน 20xx

     

                    วันนี้เป็นวันเกิดของนายคนนั้น ผมไม่รู้หรอกว่าปีนี้มันจะจัดงานวันเกิดรึเปล่า แต่ที่สำคัญในตอนนี้ก็คือ ผมจะซื้ออะไรเป็นของขวัญวันนี้เกิดให้เขาดีนะ คิคิ แล้วในที่สุดผมก็ตัดสินใจซื้อแหวนเงินธรรมดา ซึ่งมันมีเคล็ดลับเล็กๆน้อยซึ่งถ้าเขารู้มันคงจะดีมากๆนะ ก็คือถ้าเอาแหวนไปแช่ในน้ำอุ่นแหวนมันจะปรากฏตัวสลักที่ผมแอบซ่อนความลับไว้อยู่

     

    พอผมเห็นว่าเป็นอย่างนั้น ผมจึงถอดเอาแหวนสีเงินที่ไอ้ชานยอลเคยซื้อให้ในวันเกิดเมื่อปีที่แล้ว วิ่งลงไปที่ด้านล่างทันที

     

    ยอล มึงมีน้ำอุ่นมั้ย

     

    มึงจะเอาไปทำไมวะ

     

    เออน่า มีมั้ย

     

    อยู่ในเครื่องกรองน้ำน่ะกดเอาแล้วกัน พอเห็นดังนั้นผมจึงวิ่งเข้าครัวแล้วกดน้ำอุ่นใส่แก้วอย่างเร่งรีบ แล้วค่อยหย่อนแหวนสีเงินลงไป

     

    5 นาทีผ่านไป...

     

    เมื่อเห็นว่าแหวนเริ่มปรากฏตัวอักษรที่ในวงของมันผมจึงค่อยเอาแหวนออกมาดู มันเป็นข้อความที่เขียนไว้สั้นๆว่า

    กูรักมึงนะ แม้ว่ามึงจะมองกูเป็นแค่เพื่อนก็ตามประโยคนั้นเล่นเอาใจผมหาย คนที่ผมมองเขาเป็นแค่เพื่อน คนที่ผมเป็นห่วงเขาตลอด คนที่คอยดูแลและเข้าใจผมเสมอมา สุดท้ายเขาก็แอบรักผมตลอดมาโดยที่ผมเองก็ไม่รู้อะไรเลยงั้นเหรอ

     

    (จบบันทึกพิเศษ:อู๋ อี้ฟาน)

     

                    ประมาณ 5 นาทีเศษๆได้มั้งที่ไอ้คริสมันหายลับเข้าไปในครัวพร้อมกับถามหาน้ำอุ่น แต่ว่ามันจะเอาน้ำอุ่นไปทำไม มันก็ไม่ได้ไม่สบายไม่ใช่เหรอ เอ...แล้วมันจะเอาไปทำไมนะ และแล้วไอ้คริสหรือที่พ่อแม่ผมและพ่อแม่มันเรียกว่าอู๋ฟาน ก็เดินออกมาในสภาพกึ่งอึ้งกึ่งสงสัยอะไรของมันอีกล่ะทีนี้

     

    ไอ้ยอล

     

    มีอะไร

     

    มึงแอบชอบกูทำไมมึงไม่บอกกูวะประโยคนั้นเล่นเอาใจผมกระตุกวูบ ใบหน้าแผ่แดงซ่านไปทั่วทั้งใบหน้า นี่มันรู้ได้ยังไงแล้วทำไมเพิ่งมารู้เอาตอนนี้

     

    เอ่อ....ฮ่าๆๆๆ..มึงอย่ามาอำกูเล่นเลย อย่างกูเนี่ยนะ แอบชอบมึง มึงหลงตัวเองไปรึเปล่าผมแถไปอย่างด้านๆเพราะอย่างน้อยมันก็อาจจะหลอกไอ้คริสได้บ้าง

     

    แล้วแหวนที่มึงให้กูนี่ล่ะ มันหมายความว่ายังไงไอ้คริสยื่นแหวนสีเงินที่ผมลงทุนขอเงินค่าขนมล่วงหน้าจากคุณปู่เพื่อมาสั่งทำแหวนให้มันเป็นของขวัญวันเกิดซึ่งมันมีทริคเล็กน้อย มันถึงจะรู้ว่าสิ่งที่ผมเขียนไว้คืออะไรและแน่นอนว่าข้อความในแหวนมันเด่นถลาขึ้นมาแล้วว่าผมแอบชอบมัน หัวใจผมตอนนี้มันหล่นหายไปแล้ว ตอนนี้ไอ้คริสจ้องตาผมเขม็งอย่างต้องการคำตอบส่วนผมเอาแต่ก้มหน้างุดไม่ยอมพูดอะไร ขอร้องเถอะ มึงอย่าทำให้กูต้องอึดอัดใจเลยได้มั้ย

     

    ว่าไง ทำไมมึงไม่ยอมบอกกูถึงถามมาอย่างนั้นผมก็เงียบอยู่ดีนั่นล่ะ และดูเหมือนไอ้คริสจะหมดความอดทนมันกระชากผมให้ลุกขึ้นมาเผชิญหน้ากับมัน

     

    ไงมึง ไม่คิดจะบอกกูเลยใช่มั้ยพอคำพูดแค่นั้นล่ะก็เล่นเอาผมน้ำตาไหล กูอึดอัด อึดอัดจนพูดอะไรไม่ออก มึงอย่ามองกูด้วยสายตาแบบนั้นได้มั้ย

     

    ไอ้ยอล มึงยังเป็นเพื่อนกูอยู่รึเปล่า มีอะไรทำไม่บอกกูไอ้คริสตะคอกใส่หน้าผมเต็มๆจนผมหมดอารมณ์ที่จะทนไว้จึงเผยสิ่งที่ไม่ควรพูดออกไป

     

    เออ ก็นี่ไงที่กูไม่อยากบอกมึง ก็เพราะกูกลัวว่ามึงจะไม่เป็นเพื่อน กลัว กลัวว่ามึงจะไม่รักกู กลัวว่าความสัมพันธ์ที่เราสร้างกันมามันจะพังลงเพราะความคิดที่มันเกินเลยของกูตอนนี้ผมไม่รู้แล้วล่ะว่าผมร้องไห้ออกมามากแค่ไหน แต่สิ่งที่ผมรู้คือ ผมได้ปลดปล่อยสิ่งอึดอัดมานับแรมปี ตอนนี้ผมไม่สนแล้วล่ะว่าคริสจะยินดีหรือจะปฏิดสธสิ่งที่ผมมีให้ แต่ผมก็ดีใจที่อย่างน้อยผมก็ได้บอกเขาแล้ว

     

    ...................................ไอ้คริสเองก็เอาแต่เงียบ เพราะมันเองคงอาจจะไม่คิดว่าผมจะพูดออกมาตรงๆขนาดนี้

     

    มึงรู้อะไรมั้ยในที่สุดมันก็ยอมง้างปากพูดประโยคออกมาจนได้

     

    .................................

     

    กูรู้แล้วล่ะ สิ่งที่สับสนมาตลอดมันคืออะไร

     

    .........................แล้วผมก็เงียบอีก มันบ่นอะไรของมัน

     

    มึงคือคนที่ทำให้กูสับสนมาตลอดพอมันพดแค่นั้นล่ะผมก็เลยเงยหน้าขึ้นมามองมันพบว่ามันนั่งใกล้ผมแค่ระยะประชิดจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นของมันที่รดต้นคอผมอยู่

     

    มึงจะทำอะไรของมึงน่ะผมตกใจเล็กน้อยที่จู่ๆมันก็พลิกให้ผมไปเผชิญหน้ากับมันจนหน้าผมแดงซ่านไปหมดแล้ว

     

    อยู่นิ่งๆสิ เดี๋ยวกูจะเล่าอะไรให้มึงฟังมันสบตาผมนิ่งเหมือนแทบจะหยุดลมหายใจของผม ผมจึงยอมนิ่งฟังมันอย่างสงบ ทั้งๆที่ผมแทบจะอยู่ใต้ร่างอันกำยำของมันอยู่แล้ว

     

    กูสงสัยมาตลอดเวลาสิ่งที่กูกังวลมันคืออะไรกันแน่

     

    ..........................

     

    แต่ตอนนี้กูว่ากูรู้แล้วล่ะ

     

    มึงพูดเชี่ยอะไรของมึงเนี่ย

     

    ที่กูเดินไป-กลับพร้อมทุกวัน ทั้งๆที่กูก็ขับรถไปเองได้ ก็เพราะกูเป็นห่วงมึง กูกลัวว่ามึงจะเป็นอะไรไป

     

    ...................

     

    ที่กูไม่กล้าไปขอเบอร์เซฮุนแล้วให้มึงไปขอแทน ไม่ใช่เพราะว่ากูอาย แต่กูแค่อยากให้มึงหึงกูบ้าง

     

    ..............................

     

    ที่กูโวยวายใส่มึงเมื่อตอนเย็นไม่ใช่เพราะว่ากูกลัวว่ามึงจะโดนไอ้รุ่นพี่นั่นหลอก แต่กูหึงมึง

     

    .................................ผมนิ่งเงียบไม่ยอมพูดอะไร ไม่น่าเชื่อเลยว่าคนอย่างไอ้คริสจะยอมพูดอะไรออกมาตรงๆแบบนี้ หัวใจผมค่อยๆเต้นแรงขึ้นทีละนิด ทีละนิด ซึ่งเป็นเวลาเดียวกันกับที่ไอ้คริสค่อยเลื่อนใบหน้าของมันมาใกล้ผมเรื่อยๆ

     

    สรุปแล้ว.............

     

    .......................................มันเชยคางให้ผมใกล้มันขึ้นเรื่อยตอนนี้ใบหน้าเราสองคนอยู่กันแค่ระยะประชิดรู้สึกได้ถึงลมหายใจร้อนๆของไอ้คริสที่รดแก้มผม แต่ตอนนี้ร่างกายผมได้ไปอยู่ใต้ร่างไอ้คริสเรียบร้อยแล้ว

     

    กูก็แอบชอบมึงเหมือนกัน พอมันพูดแค่นั้นผมก็รู้สึกเหมือนตัวเองถูกหวยรางวัลที่หนึ่ง ทั้งๆที่คิดว่าตัวเองจะโดนปฏิเสธมาตลอดโดยที่ผมเองก็ไม่เคยรู้อะไรเหมือนกันว่าคริสเองก็แอบชอบผมมาตลอด มันจูบผมอย่างแผ่วเบาแต่มันเองก็ไม่ได้รุกล้ำอะไรเข้ามา ตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนกับไฟไหม้ปาก มันอ่อนระทวยไปซะหมด จนกระทั่งผมเองก็ไม่รู้ตัวเลยว่าไอ้คริสเอามือมาโอบเอวผมไว้ตอนไหน แถมมือของมันค่อยเริ่มไล่ไปทั่วในเสื้อผมแล้ว

     

    อื้อออ....เชี่ยมึงทำอะไรของมึงเนี่ยผมโวยวายใส่ทันที เมื่อรู้สึกได้ถึงสิ่งที่มันทำที่มันไม่ควร

     

    เอา มึงก็ชอบกูไม่ใช่เหรอ ถ้าอย่างนั้นมึงกับกูมาคบกัน แล้วคนเป็นแฟนกันก็ต้องเอากันไง

     

    เฮ้ย!ไอ้เชี่ย แล้วมึงถามกูรึยัง ว่ากูอยากเป็นแฟนมึงรึเปล่า

     

    หรือมึงจะไม่เป็นล่ะคำถามของมันเล่นเอาผมลังเล แต่ผมจะตอบออกไปว่ายังไงดีล่ะ

     

    เออๆเป็นก็เป็นวะในที่สุดผมก็ตัดสินใจพูดออกมา ยอมๆเป็นก็ได้

     

    นั่นไง สรุปสุดท้ายมึงก็ต้องให้กูเอาอยู่ดี

     

    เฮ้ย!ไอ้เชี่ยคริสปล่อยนะเว้ย!อย่าปลดกางเกงกูผมรีบปรามมันก่อนที่มันจะถอดกางเกงผมออก

     

    ทำไมล่ะ หรือมึงอยากให้กูถอดออกก่อน

     

    เฮ้ย!ไอ้คริสอย่านะเว้ย!!!!” สุดท้ายแล้วไม่ว่าเขาคนนี้จะมองผมเป็นเพื่อน หรือ แฟน หรือ ใครคนหนึ่งก็ช่าง แต่ยังไง ผู้ชายคนนี้คือคนที่ผมรักที่สุด อู๋ อี้ฟาน

     

    ...The End...

     

    Ps.จบแล้วๆๆๆตอนจบหักมุมได้โคตรๆ(ยังไง???)ตอนแรกกะจะให้ตอนจบมันออกมาดราม่ากว่านี้สุดท้ายก็ต้องวกกลับมาแนวเดิมๆประมาณว่าป๊อปไม่ถนัดแนวนี้จริงๆจึงทำได้แค่สุดความสามารถแค่เท่านี้จริงๆครับ ถ้าหากจุดไหนไม่พอใจ ขออภัยด้วยนะครับ

     

    Ps2.เลื่อนวันลาใหม่เป็นวันที่ 2-3-4-5 สิงหานะครับ เพราะต้องไปจันทบุรีกลับมาเที่ยงคืนของวันที่ 5 ส่วนวันที่ 6-7-8 สิงหาป๊อปต้องสอบมิดเทอม ถ้าว่างอีกจะรีบมาลงให้ก่อนไปจันทบุรีนะครับ

     

    Ps3.ฟิคจบแล้วอย่าลืมข้อตกลงของเรา ป๊อปอุตส่าห์แต่ง ขอคอมเม้นยาวๆกำลังใจเยอะๆถ้ากำลังใจดีแล้วเจอกัน(ตอนนี้ขอพิเศษไม่ขอจำกัดจำนวนเม้นแต่ขอยาวๆเยอะ ถ้าเม้นไม่น่าพอใจก็ไม่อัพ Sf เรื่องที่ 4 เน้อ)ตอนนี้ได้พอร์ทแล้วแต่ยังไม่ลงหรอก รอให้เม้นยาวๆเยอะๆซะก่อนแล้วเราเจอกัน

     

     

     

    `★APPLE PIE.
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×