คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : [SF:Special โปรเจคสนองนีดส์]Jealous
Title: Jealous
Writer: WolF_BuNnY
Greet: ตามสนองนีดส์สู่เรื่องที่สอง อ้อ แล้วไรเตอร์ลืมบอกไปว่าที่โหวตๆกัน ไรเตอร์จะลงให้แบบตอนเดียวจบยาวๆเลยนะครับ แล้วคอมเม้นยาวๆด้วยได้ม๊า แบบว่าไรเตอร์ชอบอ่านคอมเม้นยาวๆนะครับ
นั่งห่างกันไม่ถึงเมตร...
คุยกันแบบไม่เคยห่าง....
ปรึกษาทุกครั้งที่กลุ้มใจ....
ช่วยเหลือทุกครั้งที่มีปัญหา...
หยอกล้อทุกครั้งที่เจอกัน...
แต่ผู้ชายคนนั้นเขาจะรู้มั้ยว่า เพื่อนคนนี้ แอบรักเขาเสมอมา...
“เฮ้ย!ยอล”เจ้าคริส เพื่อนสนิทที่ติดกันยังกะตังเมของผม ความจริงแล้วหมอนั่นเป็นรุ่นพี่ผมปีนึง แต่ว่านายคริสดร็อปเรียนตอนเกรดสิบเอ็ดไว้ สุดท้ายก็เลยต้องมาจบพร้อมเด็กรุ่นน้องอย่างผม
“รอนานมั้ยมึง”
“อืม ไม่นานหรอกกูก็เพิ่งมานี่ล่ะ ไหนล่ะงานคู่ที่มึงว่าจะไปทำน่ะ”
“เอ่อ...กูมีเรื่องจะสารภาพมึงว่ะยอล”จู่ๆไอ้คริสก็มามองหน้าผมตรงๆแล้วเอื้อมมือผมมาจับไว้ ตอนนี้หัวใจผมเต้นโครมครามไม่เป็นจังหวะแถมรู้สึกว่าหน้ามันร้อนขึ้นเรื่อยๆด้วย มึงจะพากูอยู่ในสภาพนี้อีกนานมั้ยครับ หน้ากูจะแดงอยู่แล้ว
“อะ..อะไร”
“ถ้ากูบอกมึงมึงห้ามโกรธกูนะ”
“อะ..อือ”
“กูขอโทษ......”
“.........................”
“กูลืมรายงานอยู่บ้านว่ะ”
โครม! และแน่นอนว่าเสียงนี้ต้องดังขึ้น
“อะไรของมึงวะยอล ไหนมึงบอกว่าจะไม่โกรธกูไง”
“ก็ไม่โกรธไง แต่ถีบเลยเต็มๆ”
“เฮ้ย!มึงเพื่อนกูรึเปล่าเนี่ย”
“ก็เพื่อนไง กูถึงอยากให้มึงมีความรับผิดชอบ มึงอยากจบเกรดสิบเอ็ดพร้อมกูมั้ย”พอผมพูดแค่นั้นดูเหมือนว่าไอ้คริสจะสงบลงพร้อมก้มหน้ารับโทษอย่างหงอยๆ
“เพราะกูรู้ว่ามึงต้องลืม”
“.............”
“กูเลยทำมาเผื่อไว้แล้ว”
“เฮ้ย!ไอ้เชี่ยยอล มึงน่ารักที่สุดในโลกเลยว่ะ”จู่ๆก็มาโดดกอดผมทันที เอิ่ม...มันดูไม่ดีเท่าไหร่หรอกนะ ที่ผู้ชายสูงยังเสาไฟฟ้าสองคนมานั่งกอดกัน
“ตกลงมึงจะชมหรือด่ากูกันแน่”
“เออๆกูขอโทษว่ะ เฮ้ย!ยอลมึงเห็นน้องโต๊ะทางซ้ายมั้ยวะ”ผมหันไปตามทางมือของมันเห็นกลุ่มโต๊ะของเด็กเกรดสิบนั่งคุยกันอยู่แต่อยู่กันตั้งหกเจ็ดคนเลยนะมึง กูจะรู้มั้ยว่าคนไหน
“คนไหนวะ”
“ก็คนนั้นไง ที่นั่งดูดชานมอยู่นั่นไง”
“อ๋อๆกูเห็นล้ะ”เป็นเด็กผู้ชายตัวสูง หน้าขาว ปากแดง กำลังนั่งดูดชานมอย่างขะมักเขม้น แถมเท่าที่ผมเห็นแก้วชานมจะกองอยู่ระเนระนาดโต๊ะ อย่าบอกนะว่าน้องเขากินทั้งหมด
“กูขอร้องล่ะไอ้ยอล”
“?????”
“ขอเบอร์น้องเขาให้กูหน่อยดิ”
“เฮ้ย!ไอ้เชี่ยคริส มึงชอบน้องเขามึงก็ไปขอเองสิวะ เกี่ยวอะไรกับกูเล่า”
“เหอะหน้ามึง กูรู้ว่ามึงเป็นคนอัธยาศัยดี เพราะฉะนั้นมึงไปขอให้กูหน่อยนะๆๆ”
“ไม่!”ผมปฏิเสธเสียงแข็ง ไม่ใช่เพราะว่าอะไรหรอก ถ้านายคริสจีบเด็กนั่นงั้นก็แสดงว่าผมต้องมีคู่แข่งน่ะสิ แล้วอีกอย่างไอ้คริสก็ชอบเด็กนั่นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว มันก็เท่ากับว่าผมแพ้....แพ้ตั้งแต่ยังไม่ได้ลงแข่งด้วยซ้ำ
“กูยังเป็นเพื่อนมึงอยู่มั้ยวะ”พอมันพูดประโยคแบบนี้ทีไร ผมก็กลับใจอ่อนเอาเสียดื้อๆ น้ำเสียงตัดพ้อ แววตาดูแข็งกร้าว ผมอยากจะตอบออกไปซะเต็มๆว่า “กูไม่เคยมองมึงเป็นเพื่อนซักครั้ง สำหรับมึง มึงเป็นคนที่กูรักต่างหาก” แต่ใจตอนนี้มันก็ยังไม่กล้าพอ ผมกลัวเหลือเกินกลัวว่าถ้าผมบอกประโยคนั้นออกไป ผมกลัวว่าความเป็นเพื่อนมันจะหายไป และผมกับมันก็จะไม่ได้เล่นด้วยกันอีก ผมถอนหายใจทีนึงก่อนจะตัดสินใจพูดออกไป
“เออๆก็ได้วะ”
“นี่ล่ะยอลลี่ของกูน่ารักที่สุดเลย”ไอ้คริสตบบ่าผมหนึ่งทีก่อนที่จะยัดโทรศัพท์ใส่มือผม มันมักจะพูดแบบนี้กับผมเสมอโดยที่มันไม่เคยคิดอะไรซักครั้ง มันมักจะพูดว่า ผมเป็นของของมัน โดยที่ไม่รู้เลยว่า คนที่คิดและเก็บเอาคำพูดที่ไม่คิดอะไรของมันไปเพ้อซะแทบทุกคืน
ผมเดินตรงไปอย่างที่ใจหวั่นๆผมหันไปมองไอ้คริสหนึ่งที มันทำให้ไฟท์ติ้งให้ผมหนึ่งครั้ง ผมจึงเป่าปากหากำลังใจ ปาร์ค ชานยอลสู้ๆ
“ขอโทษนะครับ พี่ขอเวลาแป๊บนึงได้มั้ย”ผมเดินเข้าไปทักทายกับกลุ่มเพื่อนของเด็กเกรดสิบ ทุกคนมองหน้าผม แล้วยิ้มแฉ่งให้
“ตามสบายเลยฮะ”ทุกคนพูดพร้อมกันก่อนที่จะขยับที่นั่งให้ว่างพอทีจะให้ผมแทรกแถวเข้าไปได้ ผมจึงค่อยหย่อนก้นนั่งลงให้ที่ที่ใกล้รุ่นน้องที่นั่งดูดชานมที่มองผมด้วยสายตาแปลกๆ เอิ่ม...รังเกลียดพี่รึเปล่าครับ
“เอ่อ...น้องชื่ออะไรครับ”ผมหันหน้าไปถามน้องคนที่ดูดชานมอยู่ ตาของเขาโตขึ้นเล็กน้อย
“ถะ...ถาม ผมเหรอ?”ดูท่าทางจะตื่นเต้นเล็กน้อย เอ่อ พี่ไม่ใช่บี้ เดอะสตาร์นะครับ ไม่ต้องเกร็งก็ได้
“อืม น้องนั่นล่ะ ชื่ออะไร”
“อะ..โอ เซฮุนฮะ”เซฮุนพูดตะกุกตะกักเล็กน้อยแถมรู้สึกว่าหน้าของน้องเขาแดงซ่านแปลกเอ่อ ไม่สบายรึเปล่านี่
“เซฮุนเหรอ คือเพื่อนพี่น่ะเขาสนใจนาย เขาก็เลยวานให้พี่มาขอเบอร์นายให้”พอผมพูดตรงๆออกไปดูเหมือนว่าหน้าของเขาจะหงอยแปลกๆแฮะ แต่ช่างมันเถอะ
“คนไหนเหรอฮะ รุ่นพี่”เด็กเกรดสิบอีกคนที่ตัวเล็ก ตาโตบ๊องแบ๊วเหมือนลูกหมาจะถลาเขามาถามผมอย่างอยากรู้อยากเห็น
“คนนั้นไง ที่นั่งอยู่โต๊ะนั้นน่ะ”ผมชี้ให้ทั้งเด็กๆทั้งกลุ่มหันไปมองไอ้เจ้าคริสที่นั่งเก๊กเท่ซะเต็มประดา หล่อตายล่ะ ไอ้สลัด(ไปด่าเขาไอ้สลัดแล้วตัวเองแอบชอบเขาเนี่ยนะ)
“ระ..รุ่นพี่คริสนี่นา ที่ซ้ำชั้นปีนึงไง เซฮุนโอกาสทองของนายแล้ว พี่เขาเป็นเดือนปีนี้เลยนะ แถมยังไม่ได้คบใครอยู่ด้วย ให้เบอร์เขาไปเลย”ไอ้รุ่นน้องหน้าลูกหมาผลักดันช่วยอีกแรง อย่าเลยนะเซฮุนขอร้องล่ะ นายช่วยปฏิเสธได้มั้ย
“คือ...มันจะดีเหรอแบค”
“ดีสิ โอกาสลอยมาถึงขนาดนี้แล้วรีบคว้ามันไว้เลยดีกว่า”เซฮุนมองหน้าผมหนึ่งครั้ง แล้วถอนหายใจหนึ่งที ก่อนที่จะ
“โทรศัพท์ล่ะฮะรุ่นพี่”ฮือ...เซฮุนทำไมนายทำแบบนี้
“อืม นี่ไง”ผมยื่นโทรศัพท์ของคริสให้เซฮุนด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม แต่ใครจะรู้บ้างล่ะว่า ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของผมนั้นมันแอบซ่อนปกปิดความเศร้าไว้ก็แค่นั้น
“นี่ฮะ”เซฮุนยื่นโทรศัพท์ให้ผมคืน ผมยิ้มให้เขาหนึ่งครั้งก่อนที่จะขอตัวลุกออกไปหาเจ้าเพื่อนตัวดี(ที่ผมแอบรัก)ที่นั่งห่างอยู่ไม่ไกลทันที
“ไงมึงๆได้มั้ยๆ”ดูจากหน้าตาเหมือนเด็กที่ตื่นเต้นเวลาจะเปิดห่อของขวัญในวันเกิดของมันแล้ว ผมจึงยิ้มรับไปหนึ่งที ทั้งๆที่จะร้องไห้อยู่แล้ว
“ระดับกูซะอย่าง อ่ะนี่”ผมยื่นโทรศัพท์คืนให้มัน แค่นั้นล่ะ มันก็อุ้มผมซะตัวลอย
“เฮ้ย!คริสมึงทำเชี่ยอะไรของมึงเนี่ย”
“ขอบใจนะเว้ยยอล ขอบใจมึงมากๆมึงเป็นเพื่อนกูรักที่สุดเลยว่ะ”ถึงมันจะบอกว่ารักผมแค่ไหน สุดท้ายผมก็เป็นได้แค่เพื่อนของมันเท่านั้นล่ะ
1 เดือนต่อมา....
ผมมานั่งรอหน้าตึกวิทย์อย่างที่เคยทำทุกอาทิตย์เนื่องจากวันนี้มีกิจกรรมชมรมซึ่งผมกับไอ้คริสอยู่คนละชมรมกัน ผมที่เลิกกิจกรรมก่อนเลยต้องมานั่งรอเดินกลับบ้านด้วยกันเช่นทุกวัน
“อ้าว ชานยอลมาทำอะไรหน้าตึกวิทย์ล่ะ”พี่เถารุ่นพี่รหัสของผมที่ทั้งควบตำแหน่งประธานชมรมฟิสิกส์เดินมาถามผม เพราะมันคงแปลกมากที่เด็กชมรมศิลป์จะมานั่งอยู่หน้าตึกวิทย์
“อ๋อ มารอเพื่อนน่ะฮะ แล้วนี่ชมรมฟิสิกส์เลิกกิจกรรมแล้วเหรอฮะ”
“ยังหรอก แต่ว่าวันนี้พี่รีบกลับบ้านน่ะ เลยขอน้องๆเขากลับก่อน ให้พี่รอเป็นเพื่อนมั้ย”
“ไม่ต้องก็ได้หรอกฮะ พี่บอกว่าจะรีบกลับบ้านไม่ใช่เหรอ”
“เออ นั่นน่ะสิ งั้นพี่กลับก่อนนะ”ทันทีที่พี่เถากำลังจะเดินกลับเท่านั้นล่ะ เสียงข้อความในโทรศัพท์ของผมมันก็ดันเข้าซะก่อน
By ไอ้คริส
...วันนี้มึงกลับก่อนเลยนะ ไม่ต้องรอกู เพราะวันนี้กูว่าจะชวนเซฮุนไปเดทหน่อยว่ะ ไม่ต้องเป็นห่วงกูนะ เดี๋ยวค่ำๆกูจะโทรหา...
ข้อความที่เล่นเอาผมปวดใจเล่นๆคำพูดที่พิมพ์ผ่านตัวหนังสือที่สื่อถึงว่ามันคงดีใจมากที่จะได้ไปเดทกับเซฮุน แต่มันจะรู้มั้ยว่ายังมีผมอีกคนที่กำลังจะร้องไห้ในตอนนี้
“ชานยอล เป็นอะไรไป แล้วนั่นร้องไห้ทำไม”
“เปล่าหรอกฮะ ผมแค่แสบตาน่ะ พี่เถาฮะ ผมขอเดินกลับบ้านด้วยคนได้มั้ยฮะ”
“ฮ่าๆเรานี่เอ๋อจังเลยนะ พี่ไม่ได้เดินกลับหรอกบ้านพี่มันอยู่ไกล แต่เดี๋ยวพี่ไปส่งให้แล้วกันนะ”
“หมายความว่ายังไงฮะ”
“งั้นรอพี่แป๊บนึง เดี๋ยวพี่ไปเอารถมาก่อน”สุดท้ายแล้วแทนที่วันนี้ผมจะได้เดินกลับบ้านกับไอ้คริสที่บ้านอยู่ตรงข้ามกันเช่นทุกวันแต่วันนี้ ผมกลับต้องซ้อนมอเตอร์ไซค์ของพี่เถากลับบ้าน ป่านนี้มันคงจะมีความสุขกับแฟนของมันสินะ ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำยังไง พอคิดว่าผมไม่ได้รักมันทีไร น้ำตามันก็พาลจะไหลทุกที
“จะร้องก็ร้องได้เลยนะ พี่ไม่ว่าหรอก”พี่เถาพูดทั้งๆที่ขับรถอยู่เขารู้ด้วยเหรอว่าผมกำลังเป็นอะไร
“พี่รู้??”
“พี่ก็เคยเป็นมาก่อนนี่นา ช่างเถอะ อยากร้องก็ร้องออกมาเถอะเก็บไว้ก็อึดอัดเปล่าๆ”พี่เถาพูดแค่นั้นล่ะ จู่ๆน้ำตามันก็พาลจะไหลออกมา ตอนนี้ผมไม่อยากให้ใครมาเห็นผมในด้านที่อ่อนแอแบบนี้ ผมจึงต้องหน้าซุกแผ่นหลังของพี่เถาแล้วสะอื้นๆไห้ระบายความรู้สึกทั้งหมดที่มีออกไปให้หมด จนกระทั่งถึงบ้าน
“ขอบคุณที่มาส่งนะฮะ”
“ไม่เป็นไร เรื่องแค่นี้เอง ถ้ามีอะไรไม่สบายใจก็บอกพี่ได้นะ”พี่เถาพูดทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก่อนที่จะขับรถออกไป ผมยิ้มให้จางๆก่อนที่จะเดินเข้าบ้านไป ดูท่าทางว่าบ้านผมจะอลเวงสาวละวนแปลกๆแฮะ
“ยอลลูกพ่อ แม่ แล้วก็อาฟง กับ น้าอี้ผิงต้องไปงานแต่งงานของคุณป้าหลี่เจินน่ะลูก อยู่คนเดียวได้นะ”
“ดะ..ได้ฮะ”
“อ้อ ข้าวเย็นอยู่ในตู้เย็นน่ะลูกแม่แช่แข็งไว้ให้แล้วยังไงก็เวฟเอานะลูก”
“ฮะแม่”
“อ้อ แล้วอู๋ฟานเขาจะมาค้างเป็นเพื่อนนะลูก เพราะว่าเผื่อพ่อแม่กับพวกอาๆจะกลับมาก็คงพรุ่งนี้เช้านะจ้ะ”
“อะไรนะฮะ จะให้ไอ้คริสมาค้างด้วยทำไม ผมโตแล้วนะฮะ ผมนอนคนเดียวได้”ที่ผมค้านไปก็เพราะว่า ผมกลัว กลัวว่ามันจะพูดถึงเซฮุนซึ่งมันจะทำให้ผมต้องปวดใจอีก
“อยู่คนเดียวมันอันตรายนะลูก ยังไงก็ให้อู๋ฟานเขามาค้างเป็นเพื่อนน่าจะปลอดภัยกว่า ยังไงแม่ไปล่ะนะ ฝากบ้านด้วยนะยอลลูก”แม่หอมแก้มผมฟอดนึง ก่อนที่จะไปนั่งรถที่มีคุณพ่อสตาร์ทรถรออยู่แล้ว ออกไปทันที พอทุกคนออกไป ผมเหวี่ยงเป้ไปไว้ที่โซฟาก่อนที่จะนอนทับเป้อีกครั้งนึง หลับตาให้จิตใจหายฟุ้งซ่านซักพัก ก่อนที่จะลุกไปอาบน้ำ
19.30 น.
ในขณะที่ผมกำลังนั่งดูโพโรโระการ์ตูนเรื่องโปรดผมอยู่เสียงกริ่งที่หน้าบ้านก็ดังขึ้น ค่ำป่านี้แล้วใครมันจะมาอีกวะ
“มาแล้วฮะ”ผมเปิดประตูออก ก็พบว่าเป็นเจ้าคริสที่ยื่นทำหน้าบึ้งตึงใส่ผม โกรธอะไรใครมาอีกล่ะทีนี้
“เออ เข้ามาสิมึง”ผมให้มันเดินเข้ามาก่อนที่ผมจะปิดประตูไว้แล้วนั่งดูการ์ตูนต่อ ความจริงผมชินกับความนิ่งของมันแล้วล่ะ แต่แบบนี้มันนิ่งแปลกไปแล้วนะ
“เออ มึงอยากเปลี่ยนช่องมั้ย”
“ไม่ กูจะดูช่องนี้”ประโยคสั้นๆแต่เย็นชาชิบเป๋ง ส่งผ่านรูหูผมจนสะท้านไปถึง..เอ่อ.. จะถึงอะไรก็ช่างมันเถอะ ผมนั่งการ์ตูนเงียบๆกับมันอยู่พักใหญ่ ก่อนที่มันจะเปิดประเด็นออกมาทั้งๆที่ตายังไม่ได้ละออกมาจากทีวี
“ใครมาส่งมึงเมื่อตอนเย็น”
“อ่อ พี่เถาพี่รหัสกูเอง”
“ทำไมเขาถึงมาส่งมึงล่ะ”
“เขาก็แค่เป็นห่วงกูมันเย็นแล้ว เขาก็เลยอาสามาส่ง”
“กลับมาเองมันจะตายรึไง”
“อะไรของมึงเนี่ย พี่เขาก็แค่มาส่งกู มึงจะทำไมกับกูวะ”คำพูดของมันเล่นเอาน้ำโหผมขึ้น ที่มึงยังไปกับเซฮุนได้แล้วทำไมกูจะไปกับใครไม่ได้วะ
“แล้วแค่มึงกลับมาเองมันจะตายรึไง อยากให้คนอื่นเขามาส่งขนาดนั้นเลยเหรอ”คำพูดของมันเหมือนบีบหัวใจผมทีละนิดๆ น้ำตาผมจะไหลออกมาอยู่แล้ว
“เออ จะทำไมล่ะ มึงกับกูก็แค่เพื่อนกันแล้วมึงจะมาวุ่นวายกับกูทำไมนักหนาวะ กูจะกลับกับใครมันก็เรื่องของกูสิมึงเสือกอะไรด้วยล่ะ”
“มึงว่ากูเสือกเลยเหรอ กูก็แค่เป็นห่วงมึง”
“แบบนี้เหรอที่มึงเรียกว่าเป็นห่วง ทิ้งกูให้กลับบ้านคนเดียว แล้วไปเดทกับแฟนเนี่ยนะ”
“มึงก็เข้าใจกูบ้างสิวะ กูก็อยากมีเวลาให้แฟนบ้าง”พอพูดแค่ว่าแฟนเท่านั้นล่ะ เหมือนน้ำตาของผมมันจะไหลออกมาซะให้ได้ เมื่อไหร่มึงจะเลิกทำแบบนี้ซักทีนะ ทำให้ผมคิด หลอกผมกลับไปกลับมาไม่รู้กี่ครั้ง ทำให้ผมเพ้อไม่รู้ต่อกี่หน แล้วก็ทำให้ผมปวดใจแบบนี้
“เออ งั้นมึงก็ไปมีเวลาให้แฟนมึงซะเลยสิ สำหรับกู มันคงไม่มีความสำหรับมึงหรอก”ผมรีบวิ่งออกมา ผมอยากหนีไป หนีไป หนีไปจากผู้ชายคนนี้
“กูขอโทษ มึงอย่าโกรธกูเลยนะ”ผมรู้สึกได้ถึงแรงที่กอดผมอยู่ที่ด้านหลัง น้ำตาของผมตอนนี้มันไหลออกมาไม่หยุด ผมอยากที่จะตัดใจ ตัดใจจากเขา แต่ทำกี่ครั้งๆมันก็ไม่เคยสำเร็จซักที เพราะอะไรกันนะผมถึงยังคอยหลอกตัวเองว่าเขาก็รักผม แต่สุดท้ายแล้วก็มีแต่ผมคนเดียวเท่านั้นที่คิดไปเอง พอได้ยินน้ำเสียงแบบนี้ของมันทีไร ใจผมก็พลอยอ่อนลงทุกที
“อืม กูไม่โกรธมึงหรอก”
“จริงๆนะ”
“เออ”
“ยอลมึงน่ารักที่สุดในโลกเลยว่ะ งั้นวันนี้มึงกับกูนอนด้วยกันที่ห้องมึงนะ”
“เฮ้ย!ไม่เอา มึงไปนอนห้องพี่กูเลย เตียงกูเล็กนิดเดียว นอนกันสองคน เดี๋ยวแม่งได้หักกันพอดี”ที่จริงผมก็อ้างไปแค่นั้นล่ะ แต่จริงๆแล้วห้องผมมันแอบซ่อนอะไรไว้หลายอย่างเกี่ยวกับไอ้คริสไว้เยอะ ขืนมันเข้าไปมีหวัง ความลับแตกแน่ๆ
“เออๆเอางั้นก็ได้วะ งั้นกูขอไปอาบน้ำก่อนแล้วกัน”
“เฮ้ย!นี่มึงยังไม่ได้อาบอีกเหรอ”ผมตะโกนไล่หลังทั้งๆที่มันวิ่งจ้ำอ้าวขึ้นไปห้องน้ำชั้นบนแล้ว ผมจึงนั่นดูการ์ตูนโพโรโระต่ออย่างไม่ได้คิดอะไรมาก
(บันทักพิเศษ:อู๋ อี้ฟาน)
ตั้งแต่ที่ผมดันมาเห็นช็อตเด็ดที่เจ้ายอลมันดันซ้อนมอเตอร์ไซค์มากับไอ้หนุ่มที่ไหนไม่รู้ แถมยังไปยิ้มให้ไอ้หมอนั่นอีกผมจึงเกิดอารมณ์โกรธจัด มึงจะกลับมาคนเดียวไม่ได้รึยังไง ทำไมต้องให้คนอื่นมาส่งด้วย แม้แต่ผมเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันนะว่าทำไมผมต้องโกรธมันขนาดนี้ด้วย
ทั้งๆที่ผมมีแฟนเป็นเซฮุนอยู่แล้ว แต่อีกใจผมยังกลับพะวงหาชานยอลกลัวมันจะเป็นนู้นเป็นนี่ มันยิ่งเอ๋อๆอยู่ด้วย ผมเลยกังวลไปซะทุกอย่าง
(พี่คริสฮะ เหม่ออะไรอยู่เหรอ)เสียงปลายสายส่งผ่านผมเข้ามาทำให้ใจที่เหม่อลอยของผมต้องกลับเข้าสู่สภาวะเดิมเช่นเคย
“เปล่าหรอก นี่เซฮุนเราก็คบกันมาเดือนกว่าแล้วนะ”ผมรีบพิมพ์ตอบกลับไป
(แล้วยังไงเหรอฮะ พี่ไม่มีความสุขเหรอ)
“เปล่าๆไม่ใช่อย่างนั้นเลย พี่แค่รู้สึกแปลกๆน่ะ”
(ยังไงน่ะเหรอฮะ)
“พี่รู้สึกเหมือเป็นห่วงอะไรซักอย่างจนบางครั้งก็ดูเหมือนมากเกินไป แบบนี้เขาเรียกว่าอะไรเหรอ”
(คิคิ ความรักไงฮะ)
“แล้วเซฮุนล่ะรักพี่มั้ย”
“อืม จะให้พูดว่ายังไงดีล่ะฮะ”
“..........................”
(ผมว่า...เราเป็นพี่น้องกันดีกว่านะฮะ)พอประโยคนั้นดังออกมาจากเจ้าตัวของเขาผมรู้ตัวเองดีว่าต้องทำใจ แต่ทำไมไม่รู้สึกเจ็บเลยแฮะ
“อืม พี่เข้าใจแล้วล่ะ แต่ทำไมพี่ไม่รู้สึกเจ็บอะไรเลย”
(ฮ่าๆผมรู้ฮะผมรู้ แต่ผมว่าพี่ลองถามใจตัวเองดีกว่า ถ้าพี่ไม่ได้รักผมพี่ก็บอกผมมาตรงๆเลย ผมไม่เสียใจหรอก)
“พี่แค่ลังเลนิดหน่อยน่ะ พี่รู้สึกว่ากำลังสับสนกับอะไรซักอย่างพี่ไม่เข้าใจตัวเองจริงๆ”
(แต่ตอนนี้ผมว่าผมรู้แล้วล่ะฮะ)
“รู้ว่าอะไรเหรอ??”
(ไม่บอกพี่ต้องหาเอง ผมไปล่ะ แม่ให้กินนมนอนแล้ว)ยังไม่ทันที่จะได้พูดอะไรต่อ เซฮุนก็ดันวางสายไปซะแล้ว และปล่อยให้ผมงงกับไอ้ความรู้สึกของตัวเอง
แต่เรื่องนั้นเอาไว้ก่อนตอนนี้ผมอยู่ที่บ้านของชานยอล เนื่องจากต้องมานอนเฝ้าบ้านเป็นเพื่อนมันเพราะพ่อแม่ของผม และพ่อแม่ของมันไปงานแต่งญาติพรุ่งนี้เช้าถึงจะกลับมา ส่วนตอนนี้ผมกำลังจะไปอาบน้ำชำระร่างกายที่ห้องของพี่ชายของชานยอลที่ปกติมันเป็นห้องว่าง เพราะพี่ชายของชานยอลต้องไปทำงานต่างประเทศนานๆทีถึงจะกลับมา ผมจึงต้องใช้ห้องนี้ในการพักผ่อนยามจำเป็นประจำ แต่ผมก็สงสัยอยู่นะ ว่าเป็นเพื่อนกันมาปีกว่า แต่ทำไมชานยอลไม่เคยให้ผมเข้าห้องของมันเลย แอบดูซักหน่อยก็ดีวะ
ผมค่อยแง้มประตูเปิดเข้าไปช้าๆมันก็แค่เป็นห้องปกติของเด็กทั่วไปไม่ได้มีอะไรพิเศษแถมเตียงของมันยังเป็นเตียงคิงส์ไซส์นอนทีได้สี่ห้าคน ไอ้ยอลมึงต้มกูซะเปื่อยเลยนะ แต่ที่น่าแปลกก็คือทำไมมันถึงไม่อยากให้ผมเข้ามาที่ห้องของมันกันนะ จู่ๆสายตาผมก็เหลือบไปเห็นตู้เสื้อผ้าสองตู้ เอ ปกติคนเราต้องมีตู้เสื้อผ้าตู้เดียวนี่นาแต่นี่ทำไมต้องมีสอง หรือว่าอีกตู้จะเป็นที่ที่เอาไว้ทะลุไปดินแดนแห่งนาร์เนีย(เวิ่นไปแล้วท่านเงิงเอ้ย) ผมเห็นตัวหนังสือที่ทำมาจากโฟมยางแปะไว้ที่ตู้แรกว่า “ตู้เสื้อผ้า ปาร์ค ชานยอล” ส่วนอีกตู้แปะไว้ว่า “เป็นความลับ” หึๆนึกเหรอว่าฉลาดอย่างผมจะเปิดตู้เสื้อผ้าของไอ้เอ๋อมันน่ะผมก็ไปเปิดตู้เป็นความลับนั่นสิ
โครม! เสียงอภิมหึมากองกระดาษทับผม
“เชี่ย”ผมอุทานออกมาเบาๆเพราะกลัวไอ้เอ๋อมันจะได้ยิน ผมจงค่อยๆรื้อของที่อยากดูมาที่ละชิ้น อา เริ่มจากไดอารี่เล่มนี้ก่อนก็แล้วกัน
21 มีนาคม 20xx
วันนี้อากาศหนาวมีลมพัดเย็นๆสมแล้วกับที่เป็นฤดูใบไม้ผลิ นายคนนั้นเข้ามาหาผมที่บ้านแต่เช้า แถมว่าจะชวนผมไปสวนสนุกในวันหยุดที่อากาศกำลังดีผมนี้ ผมดีใจจนเนื้อเต้น ทุกครั้งที่เขาจับมือผมไว้ มันช่างรู้สึกอบอุ่นเหลือเกิน ผมหวังว่าซักวันเขาคงจะรู้สึกแบบที่ผมรู้สึกกับเขาบ้างนะ
“หึ ไอ้เอ๋อ ริอาจมีแฟนเหรอวะ ทำไมกูไม่รู้เนี่ย”ผมนั่งทึ้งหัวตัวเองอยู่ซักพัก ก่อนที่จะเปิดผ่านๆหน้าอื่นๆไปเรื่อยจนมาหยุดอยู่ที่หน้าเดือนกรกฎาคม
19 กรกฎาคม 20xx
วันนี้โรงเรียนพาไปทัศนศึกษานอกสถานที่ 3 วันสองคืนที่ทะเลด้วยล่ะ ผมกับเขาคนนั้นนั่งข้างๆกัน เขาใจร้ายมากที่เอาอมยิ้มผมไปกินจนหมดแต่ก็นะ ผมยอมๆให้เขาไปก่อนแล้วกันก็เขาเป็นคนที่ผมรักนี่นา แม้ว่าเขาจะมองผมเป็นแค่เพื่อนคนหนึ่งก็ตาม
วันนั้นผมจำได้แม่นเลย ผมนั่งข้างมันแถมยังเอาอมยิ้มที่มันพกมาไปกินจนหมด หืม?ทำไมมันคล้ายๆเราจังวะ แต่คงไม่ใช่ผมหรอกน่ามันคิดกับผมแค่เพื่อนนี่นา ผมเลยเลิกฟุ้งซ่านแล้วค่อยเปิดอ่านหน้าต่อๆไปเรื่อยๆจนมาหยุดอยู่ที่หน้าที่เป็นวันเกิดของผม เพราะบางทีคนๆนั้นอาจจะเป็นผมก็ได้
6 พฤศจิกายน 20xx
วันนี้เป็นวันเกิดของนายคนนั้น ผมไม่รู้หรอกว่าปีนี้มันจะจัดงานวันเกิดรึเปล่า แต่ที่สำคัญในตอนนี้ก็คือ ผมจะซื้ออะไรเป็นของขวัญวันนี้เกิดให้เขาดีนะ คิคิ แล้วในที่สุดผมก็ตัดสินใจซื้อแหวนเงินธรรมดา ซึ่งมันมีเคล็ดลับเล็กๆน้อยซึ่งถ้าเขารู้มันคงจะดีมากๆนะ ก็คือถ้าเอาแหวนไปแช่ในน้ำอุ่นแหวนมันจะปรากฏตัวสลักที่ผมแอบซ่อนความลับไว้อยู่
พอผมเห็นว่าเป็นอย่างนั้น ผมจึงถอดเอาแหวนสีเงินที่ไอ้ชานยอลเคยซื้อให้ในวันเกิดเมื่อปีที่แล้ว วิ่งลงไปที่ด้านล่างทันที
“ยอล มึงมีน้ำอุ่นมั้ย”
“มึงจะเอาไปทำไมวะ”
“เออน่า มีมั้ย”
“อยู่ในเครื่องกรองน้ำน่ะกดเอาแล้วกัน” พอเห็นดังนั้นผมจึงวิ่งเข้าครัวแล้วกดน้ำอุ่นใส่แก้วอย่างเร่งรีบ แล้วค่อยหย่อนแหวนสีเงินลงไป
5 นาทีผ่านไป...
เมื่อเห็นว่าแหวนเริ่มปรากฏตัวอักษรที่ในวงของมันผมจึงค่อยเอาแหวนออกมาดู มันเป็นข้อความที่เขียนไว้สั้นๆว่า
“กูรักมึงนะ แม้ว่ามึงจะมองกูเป็นแค่เพื่อนก็ตาม”ประโยคนั้นเล่นเอาใจผมหาย คนที่ผมมองเขาเป็นแค่เพื่อน คนที่ผมเป็นห่วงเขาตลอด คนที่คอยดูแลและเข้าใจผมเสมอมา สุดท้ายเขาก็แอบรักผมตลอดมาโดยที่ผมเองก็ไม่รู้อะไรเลยงั้นเหรอ
(จบบันทึกพิเศษ:อู๋ อี้ฟาน)
ประมาณ 5 นาทีเศษๆได้มั้งที่ไอ้คริสมันหายลับเข้าไปในครัวพร้อมกับถามหาน้ำอุ่น แต่ว่ามันจะเอาน้ำอุ่นไปทำไม มันก็ไม่ได้ไม่สบายไม่ใช่เหรอ เอ...แล้วมันจะเอาไปทำไมนะ และแล้วไอ้คริสหรือที่พ่อแม่ผมและพ่อแม่มันเรียกว่าอู๋ฟาน ก็เดินออกมาในสภาพกึ่งอึ้งกึ่งสงสัยอะไรของมันอีกล่ะทีนี้
“ไอ้ยอล”
“มีอะไร”
“มึงแอบชอบกูทำไมมึงไม่บอกกูวะ”ประโยคนั้นเล่นเอาใจผมกระตุกวูบ ใบหน้าแผ่แดงซ่านไปทั่วทั้งใบหน้า นี่มันรู้ได้ยังไงแล้วทำไมเพิ่งมารู้เอาตอนนี้
“เอ่อ....ฮ่าๆๆๆ..มึงอย่ามาอำกูเล่นเลย อย่างกูเนี่ยนะ แอบชอบมึง มึงหลงตัวเองไปรึเปล่า”ผมแถไปอย่างด้านๆเพราะอย่างน้อยมันก็อาจจะหลอกไอ้คริสได้บ้าง
“แล้วแหวนที่มึงให้กูนี่ล่ะ มันหมายความว่ายังไง”ไอ้คริสยื่นแหวนสีเงินที่ผมลงทุนขอเงินค่าขนมล่วงหน้าจากคุณปู่เพื่อมาสั่งทำแหวนให้มันเป็นของขวัญวันเกิดซึ่งมันมีทริคเล็กน้อย มันถึงจะรู้ว่าสิ่งที่ผมเขียนไว้คืออะไรและแน่นอนว่าข้อความในแหวนมันเด่นถลาขึ้นมาแล้วว่าผมแอบชอบมัน หัวใจผมตอนนี้มันหล่นหายไปแล้ว ตอนนี้ไอ้คริสจ้องตาผมเขม็งอย่างต้องการคำตอบส่วนผมเอาแต่ก้มหน้างุดไม่ยอมพูดอะไร ขอร้องเถอะ มึงอย่าทำให้กูต้องอึดอัดใจเลยได้มั้ย
“ว่าไง ทำไมมึงไม่ยอมบอกกู”ถึงถามมาอย่างนั้นผมก็เงียบอยู่ดีนั่นล่ะ และดูเหมือนไอ้คริสจะหมดความอดทนมันกระชากผมให้ลุกขึ้นมาเผชิญหน้ากับมัน
“ไงมึง ไม่คิดจะบอกกูเลยใช่มั้ย”พอคำพูดแค่นั้นล่ะก็เล่นเอาผมน้ำตาไหล กูอึดอัด อึดอัดจนพูดอะไรไม่ออก มึงอย่ามองกูด้วยสายตาแบบนั้นได้มั้ย
“ไอ้ยอล มึงยังเป็นเพื่อนกูอยู่รึเปล่า มีอะไรทำไม่บอกกู”ไอ้คริสตะคอกใส่หน้าผมเต็มๆจนผมหมดอารมณ์ที่จะทนไว้จึงเผยสิ่งที่ไม่ควรพูดออกไป
“เออ ก็นี่ไงที่กูไม่อยากบอกมึง ก็เพราะกูกลัวว่ามึงจะไม่เป็นเพื่อน กลัว กลัวว่ามึงจะไม่รักกู กลัวว่าความสัมพันธ์ที่เราสร้างกันมามันจะพังลงเพราะความคิดที่มันเกินเลยของกู”ตอนนี้ผมไม่รู้แล้วล่ะว่าผมร้องไห้ออกมามากแค่ไหน แต่สิ่งที่ผมรู้คือ ผมได้ปลดปล่อยสิ่งอึดอัดมานับแรมปี ตอนนี้ผมไม่สนแล้วล่ะว่าคริสจะยินดีหรือจะปฏิดสธสิ่งที่ผมมีให้ แต่ผมก็ดีใจที่อย่างน้อยผมก็ได้บอกเขาแล้ว
“...................................”ไอ้คริสเองก็เอาแต่เงียบ เพราะมันเองคงอาจจะไม่คิดว่าผมจะพูดออกมาตรงๆขนาดนี้
“มึงรู้อะไรมั้ย”ในที่สุดมันก็ยอมง้างปากพูดประโยคออกมาจนได้
“.................................”
“กูรู้แล้วล่ะ สิ่งที่สับสนมาตลอดมันคืออะไร”
“.........................”แล้วผมก็เงียบอีก มันบ่นอะไรของมัน
“มึงคือคนที่ทำให้กูสับสนมาตลอด”พอมันพดแค่นั้นล่ะผมก็เลยเงยหน้าขึ้นมามองมันพบว่ามันนั่งใกล้ผมแค่ระยะประชิดจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นของมันที่รดต้นคอผมอยู่
“มึงจะทำอะไรของมึงน่ะ”ผมตกใจเล็กน้อยที่จู่ๆมันก็พลิกให้ผมไปเผชิญหน้ากับมันจนหน้าผมแดงซ่านไปหมดแล้ว
“อยู่นิ่งๆสิ เดี๋ยวกูจะเล่าอะไรให้มึงฟัง”มันสบตาผมนิ่งเหมือนแทบจะหยุดลมหายใจของผม ผมจึงยอมนิ่งฟังมันอย่างสงบ ทั้งๆที่ผมแทบจะอยู่ใต้ร่างอันกำยำของมันอยู่แล้ว
“กูสงสัยมาตลอดเวลาสิ่งที่กูกังวลมันคืออะไรกันแน่”
“..........................”
“แต่ตอนนี้กูว่ากูรู้แล้วล่ะ”
“มึงพูดเชี่ยอะไรของมึงเนี่ย”
“ที่กูเดินไป-กลับพร้อมทุกวัน ทั้งๆที่กูก็ขับรถไปเองได้ ก็เพราะกูเป็นห่วงมึง กูกลัวว่ามึงจะเป็นอะไรไป”
“...................”
“ที่กูไม่กล้าไปขอเบอร์เซฮุนแล้วให้มึงไปขอแทน ไม่ใช่เพราะว่ากูอาย แต่กูแค่อยากให้มึงหึงกูบ้าง”
“..............................”
“ที่กูโวยวายใส่มึงเมื่อตอนเย็นไม่ใช่เพราะว่ากูกลัวว่ามึงจะโดนไอ้รุ่นพี่นั่นหลอก แต่กูหึงมึง”
“.................................”ผมนิ่งเงียบไม่ยอมพูดอะไร ไม่น่าเชื่อเลยว่าคนอย่างไอ้คริสจะยอมพูดอะไรออกมาตรงๆแบบนี้ หัวใจผมค่อยๆเต้นแรงขึ้นทีละนิด ทีละนิด ซึ่งเป็นเวลาเดียวกันกับที่ไอ้คริสค่อยเลื่อนใบหน้าของมันมาใกล้ผมเรื่อยๆ
“สรุปแล้ว.............”
“.......................................”มันเชยคางให้ผมใกล้มันขึ้นเรื่อยตอนนี้ใบหน้าเราสองคนอยู่กันแค่ระยะประชิดรู้สึกได้ถึงลมหายใจร้อนๆของไอ้คริสที่รดแก้มผม แต่ตอนนี้ร่างกายผมได้ไปอยู่ใต้ร่างไอ้คริสเรียบร้อยแล้ว
“กูก็แอบชอบมึงเหมือนกัน” พอมันพูดแค่นั้นผมก็รู้สึกเหมือนตัวเองถูกหวยรางวัลที่หนึ่ง ทั้งๆที่คิดว่าตัวเองจะโดนปฏิเสธมาตลอดโดยที่ผมเองก็ไม่เคยรู้อะไรเหมือนกันว่าคริสเองก็แอบชอบผมมาตลอด มันจูบผมอย่างแผ่วเบาแต่มันเองก็ไม่ได้รุกล้ำอะไรเข้ามา ตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนกับไฟไหม้ปาก มันอ่อนระทวยไปซะหมด จนกระทั่งผมเองก็ไม่รู้ตัวเลยว่าไอ้คริสเอามือมาโอบเอวผมไว้ตอนไหน แถมมือของมันค่อยเริ่มไล่ไปทั่วในเสื้อผมแล้ว
“อื้อออ....เชี่ยมึงทำอะไรของมึงเนี่ย”ผมโวยวายใส่ทันที เมื่อรู้สึกได้ถึงสิ่งที่มันทำที่มันไม่ควร
“เอา มึงก็ชอบกูไม่ใช่เหรอ ถ้าอย่างนั้นมึงกับกูมาคบกัน แล้วคนเป็นแฟนกันก็ต้องเอากันไง”
“เฮ้ย!ไอ้เชี่ย แล้วมึงถามกูรึยัง ว่ากูอยากเป็นแฟนมึงรึเปล่า”
“หรือมึงจะไม่เป็นล่ะ”คำถามของมันเล่นเอาผมลังเล แต่ผมจะตอบออกไปว่ายังไงดีล่ะ
“เออๆเป็นก็เป็นวะ”ในที่สุดผมก็ตัดสินใจพูดออกมา ยอมๆเป็นก็ได้
“นั่นไง สรุปสุดท้ายมึงก็ต้องให้กูเอาอยู่ดี”
“เฮ้ย!ไอ้เชี่ยคริสปล่อยนะเว้ย!อย่าปลดกางเกงกู”ผมรีบปรามมันก่อนที่มันจะถอดกางเกงผมออก
“ทำไมล่ะ หรือมึงอยากให้กูถอดออกก่อน”
“เฮ้ย!ไอ้คริสอย่านะเว้ย!!!!” สุดท้ายแล้วไม่ว่าเขาคนนี้จะมองผมเป็นเพื่อน หรือ แฟน หรือ ใครคนหนึ่งก็ช่าง แต่ยังไง ผู้ชายคนนี้คือคนที่ผมรักที่สุด อู๋ อี้ฟาน
...The End...
Ps.จบแล้วๆๆๆตอนจบหักมุมได้โคตรๆ(ยังไง???)ตอนแรกกะจะให้ตอนจบมันออกมาดราม่ากว่านี้สุดท้ายก็ต้องวกกลับมาแนวเดิมๆประมาณว่าป๊อปไม่ถนัดแนวนี้จริงๆจึงทำได้แค่สุดความสามารถแค่เท่านี้จริงๆครับ ถ้าหากจุดไหนไม่พอใจ ขออภัยด้วยนะครับ
Ps2.เลื่อนวันลาใหม่เป็นวันที่ 2-3-4-5 สิงหานะครับ เพราะต้องไปจันทบุรีกลับมาเที่ยงคืนของวันที่ 5 ส่วนวันที่ 6-7-8 สิงหาป๊อปต้องสอบมิดเทอม ถ้าว่างอีกจะรีบมาลงให้ก่อนไปจันทบุรีนะครับ
Ps3.ฟิคจบแล้วอย่าลืมข้อตกลงของเรา ป๊อปอุตส่าห์แต่ง ขอคอมเม้นยาวๆกำลังใจเยอะๆถ้ากำลังใจดีแล้วเจอกัน(ตอนนี้ขอพิเศษไม่ขอจำกัดจำนวนเม้นแต่ขอยาวๆเยอะ ถ้าเม้นไม่น่าพอใจก็ไม่อัพ Sf เรื่องที่ 4 เน้อ)ตอนนี้ได้พอร์ทแล้วแต่ยังไม่ลงหรอก รอให้เม้นยาวๆเยอะๆซะก่อนแล้วเราเจอกัน
`★APPLE PIE.
ความคิดเห็น