คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : Chapter 6 : รายการโปรด
C h a p t e r 6
ทุกครั้งหลังตื่นนอน
สิ่งแรกที่นารูโตะจะทำคือการเช็คโทรศัพท์ ไม่ว่าจะเป็นเฟซบุค ทวิต หรือไอจี
หลังจากนั้นอาจจะเล่นเกมอีกสามสี่ตาก่อนแล้วค่อยลุกไปทำอย่างอื่น
แต่วันนี้มีอะไรที่น่าสนใจกว่านั้นเยอะ
นารูโตะนอนตะแคงเท้าคางหันหน้าเข้าหาหญิงสาว
จ้องมองใบหน้าขาวเนียนใสที่ยังไม่ตื่นอย่างพินิจพิเคราะห์ ไล่ดูตั้งแต่คิ้ว
ขนตายาวเป็นแพร จมูกที่โค้งมน ริมฝีบางกระจับอมชมพู พวงแก้มขาวนวลที่เมื่อคืนแดงไปทั้งพวงเพราะการกระทำของเขา
พอนึกขึ้นมาก็อดที่จะยิ้มไม่ได้ มือหนาเอื้อมมือลูบไล้ผมยาวสยายที่ปรกลงมาคลุมไหล่
ช้อนช่อผมเงางามขึ้นแตะจมูก สูดดมกลิ่นแชมพูผสมกลิ่นกาย ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ที่เขาเอาแต่มองหน้าฮินาตะ
รู้แต่เพียงว่าอยากหยุดเวลานี้เอาไว้ อยากให้เธอเป็นคนแรกที่เจอในทุกเช้า
และอยากเห็นเป็นคนสุดท้ายของทุกคืน
“อืม...” เสียงหวานครางเบาๆ
เพราะถูกมือหนาเกลี่ยแก้มนิ่มๆ อย่างเอาแต่ใจ นารูโตะไม่ได้ชักมือกลับแต่อย่างใดเมื่ออีกฝ่ายเริ่มขยับตัว
ยังคงหยอกล้อกับใบหน้าของเธอต่อ จงใจปลุกเธอให้หลุดจากห้วงนิทรา
ได้เวลาตื่นแล้วครับสาวน้อย
“อรุณสวัสดิ์”
ใบหน้าเรียวคมพร้อมรอยยิ้มเป็นสิ่งแรกที่ฮินาตะเห็นในวันนี้ สัมผัสอุ่นๆ
จากวงแขนที่กำลังกอดร่างเล็กอย่างหลวมๆ ทำให้ตาของเธอสว่างฉับพลัน
ฮินาตะเอนตัวลุกขึ้นทันทีแต่ไม่ลืมที่จะดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดเรือนกายเอาไว้
ก่อนจะมองอีกฝ่ายด้วยสายตาขุ่นเคือง
แต่พอได้สบตากับสายตาที่ยิ้มแย้มไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไรก็ยิ่งรู้สึกหงุดหงิด
“มองหน้าแบบนี้แสดงว่าคิดถึงฉันล่ะสิ”
...และเธอก็ไม่อยากจะเสียเวลากับคำพูดกวนอารมณ์อย่างนั้น
ฮินาตะนั่งหันหลังก่อนจะหยิบเสื้อผ้าขึ้นมาสวมใส่อย่างเร่งรีบเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายต้องมองอยู่แน่ๆ
เมื่อใส่เสื้อผ้าอย่างลวกๆ เธอก็ลุกขึ้น มุ่งตรงไปที่ประตู
แต่ระหว่างที่เดินผ่านปลายเตียงร่างสูงก็รีบพุ่งตัวเข้ามาดึงข้อมือของเธอไว้ซะก่อน
“จะไปไหน”
“กลับห้องค่ะ” ฮินาตะไม่ได้สะบัดฝ่ามือนั่นออก เธอยืนนิ่งและตอบคำตอบโดยที่ไม่ได้มองอีกฝ่าย
เหตุการณ์จากเมื่อคืนทำให้เธอจำขึ้นใจเลยว่าดิ้นหรือขัดขืนไปก็เท่านั้น
คนเอาแต่ใจอย่างเขาออกแรงหนีเท่าไหร่ก็เสียแรงเปล่า
“ตอนนี้เธอยังกลับไม่ได้”
“แล้วตอนไหนฉันถึงจะกลับได้คะ”
“ทำข้าวให้ฉันกินหน่อยสิ หิวจะตายแล้วเนี่ย” น้ำเสียงที่ดูออดอ้อนเหมือนเด็กขอกินขนมทำให้ฮินาตะเผลอหันมามอง
แต่ก็ต้องรีบเบือนหน้าหนีทันทีเพราะดันเห็นภาพเกือบเปลือย เกือบเปลือยที่ว่าคือท่อนบนไม่มีอะไรปิดอยู่เลย
และต้องขอบคุณผ้าห่มที่ช่วยปกคลุมท่อนล่างไม่ให้บางสิ่งบางอย่างโผล่กายออกมา ตื่นตั้งนานแล้วทำไมถึงไม่ไปใส่เสื้อผ้าซักที
“ฉันจะกลับห้อง”
“ก็บอกว่าทำข้าวให้กินก่อนไง”
“คุณก็ทำเองสิ”
“จะทำหรือไม่ทำ”
“ไม่ค่… ว๊าย!” ชั่วพริบตา
ฮินาตะก็ถูกดึงให้ล้มตัวลงเตียงก่อนจะถูกร่างเปลือยคร่อมทับ
“ฉันบอกเธอแล้วไงว่าฉันหิวมาก
เธอจะไม่ทำข้าวให้ฉันกินก็ได้นะ
อย่างไงตอนนี้ฉันก็มีอาหารที่พร้อมกินได้ตลอดเวลาอยู่แล้ว อีกอย่าง...” เสียงทุ้มหยุดพูดชั่วครู่ ใบหน้าเรียวคมค่อยๆ ก้มลงมากระซิบข้างหู “แค่ห้ารอบเมื่อคืน ไม่ทำให้ฉันหมดแรงหรอกนะ”
ฮินาตะมองแววตาและรอยยิ้มที่แสนเจ้าเล่ห์นั่น ยิ่งสภาพของเขาที่เปลือยทุกสัดส่วนพร้อมจะสู้รบได้ตลอดเวลาแบบนี้แล้ว
ไม่ต้องเสียเวลาให้คิดสักวินาเลยเลยว่าเธอควรเลือกทางไหน
“เข้าใจแล้วค่ะ”
“เข้าใจว่าเธอจะเป็นอาหารให้ฉันกินสินะ”
“ฉันจะทำให้คุณทานต่างหาก!”
นารูโตะหัวเราะร่าพอได้ยินเสียงหวานขึ้นเสียง เขาลุกขึ้นยืนในขณะเดียวกันหญิงสาวก็เอนตัวนั่งก่อนจะหันหน้าไปทางอื่น
นี่เขารู้ตัวบ้างมั้ยว่าตัวเองไม่ได้ใส่อะไรเลย
“ถ้าคุณไม่ใส่เสื้อผ้าซักที
ฉันจะไม่ทำให้คุณทานนะ” ฮินาตะหลับตาพูดก่อนจะรีบย้ายตัวออกมาจากห้องอันตรายโดยมีเสียงว่า
“คร้าบ~” พร้อมหัวเราะชอบอกชอบใจดังไล่หลังออกมา
เขานี่มันโรคจิตชัดๆ
ถึงคนโรคจิตจะบอกว่าให้ทำอะไรให้ทานก็เถอะ
แต่เธอจะทำอะไรได้อย่างไงในเมื่อตู้เย็นมีแต่เหล้าเบียร์ และในครัวก็มีแต่บะหมี่ถ้วยเต็มไปหมด
อยากจะรู้นักว่าในปีนึงเขาต้องเข้าโรงพยาบาลรักษาอวัยวะภายในสักกี่รอบ
“ทำอะไรให้ฉันกินอ่ะ” กำลังจะถามอยู่พอดี ตัวปัญหาก็เดินเข้ามาในครัว
ฮินาตะหันไปจะเอ่ยปากถามแต่ต้องเปลี่ยนเป็นรับหมุนตัวกลับมาที่เดิม
นี่น่ะหรอ
ที่เรียกว่าใส่เสื้อผ้า
“ตกลงเธอทำอะไรให้ฉันกิน” นารูโตะยืนพิงเคาเตอร์ก่อนจะชะโงกหน้ามาถาม แบบนั้นหญิงสาวเลยหันหน้าไปอีกทาง
“ฉันบอกคุณแล้วไงคะ
ว่าให้ใส่เสื้อผ้าก่อน”
“ก็ใส่แล้วนี่ไง” ถอยห่างออกหนึ่งก้าว
ยืนตัวตรงให้ดูชุดที่สวมใส่
ใส่บ๊อคเซอร์จิ๋วสีส้มสะท้อนแสงตัวเดียวเนี่ยนะ
ตกลงเขาเข้าใจคำว่า ‘เสื้อผ้า’ ของเธอมั้ย
เสื้อกับกางเกงน่ะ ที่เขาใส่นั่นแทบจะเรียกได้ว่าเป็น ‘ชุดชั้นใน’
แบบผู้ชายเลยก็ว่าได้ ซึ่งเกือบจะเปลื่อยไม่ต่างอะไรจากเมื่อกี้เลยซักนิด
“ไปใส่เสื้อก่อนเถอะค่ะ” ถึงเธอจะเห็นมาหมดแล้วก็ตาม
แต่ใครมันจะไปชินกัน เธอเป็นผู้หญิงนะ ช่วยเกรงใจกันหน่อยได้มั้ย
“อะไรกัน
เมื่อคืนเธอเห็นยิ่งกว่านี้อีก เลิกอายได้แล้วมั้ง ฉันยังไม่อายเลย” ปรกติเวลาอยู่คนเดียวเขาก็ใส่แค่นี้ตลอด แล้วนี่ก็ห้องตัวเอง ตอนนี้ในห้องก็มีแต่เขาและเธอ
ไม่จำเป็นต้องใส่ชุดสุภาพเหมือนคนแปลกหน้า แล้วเธอก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกลที่ไหน
แนบแน่นยิ่งกว่าเหล็กที่โดนหล่อหลอมให้เป็นอันนึงอันเดียวกันซะอีก
“ว่าไง ทำอะไรให้ฉันกิน” นารูโตะเปลี่ยนประเด็น เพราะตอนนี้ท้องของเขาเริ่มส่งเสียงประท้วงดังระงม
“บะหมี่ถ้วย” ตอบไปก็ข่มใจไป ในเมื่ออีกคนยืนยันว่าจะไม่เปลี่ยนชุด
งั้นเธอก็คงต้องพยายามไม่สนใจกับอะไรที่เป็นเนื้อหนังกำยำแบบนั้น
แค่ไม่มองก็เท่านั้นเอง ไม่เห็นจะยากตรงไหน... แต่อากาศในนี้ร้อนจังเนอะ
“โห่ เอาอย่างอื่นดิ
ของแค่นั้นฉันทำเองก็ได้”
เขาต้องการกวนประสาทเธอใช่มั้ยเนี่ย
“ฉันทำอย่างอื่นไม่ได้หรอกค่ะ
เพราะไม่มีวัตถุดิบ”
“เออจริง
ลืมเลยว่าที่ห้องมีแต่เบียร์กับบะหมี่ถ้วย งั้นเราออกไปซื้อวัตถุดิบมาทำอาหารกันเถอะ
ฉันไปเปลี่ยนชุดก่อนนะ”
“เดี๋ยวค่ะ” ใช้เวลาไม่กี่วินาทีประมวลผลทุกอย่างในสมองก่อนจะส่งเสียงร้องห้ามไม่ให้ร่างสูงไปเปลี่ยนชุด
“หือ?”
“ไม่เป็นไรค่ะ ใช้ของที่ห้องฉันก็ได้” ฮินาตะเสนอตัวเลือกใหม่ที่คนเกือบเปลือยก็พยัคหน้าเห็นด้วย
ใครมันจะไปอยากเดินซื้อของกับคนที่ตัวเองไม่อยากอยู่ด้วยกัน
หลังจากที่รู้ว่านารูโตะเป็นคนโรคจิตแล้ว
เขาเองยังเป็นคนพิการอีกด้วย นั่นก็เพราะเขาไม่มีหูอย่างไงล่ะ
ทั้งที่เธอก็พูดไปแล้วว่าเธอจะไปเอาวัตถุดิบที่ห้องของเธอเอง
แล้วค่อยเอามาทำอาหารที่ห้องของเขา แต่เขาก็ไม่ได้ฟังเธอเลย ทั้งที่เธอก็พูดดัง
ชัดถ้อยชัดคำว่าเดี๋ยวกลับมา แล้วดูสิเนี่ย ไม่เดินตามมาเปล่า
ยังถือวิสาสะเดินเข้าไปในห้องเธอทั้งที่ไม่ได้รับอนุญาตด้วยซ้ำ
ไปโรงพยาบาลเช็คอวัยวะภายในไม่พอ
อย่าลืมเช็คหูบ้างนะว่ายังใช้การได้อยู่หรือเปล่า
“ห้องเธอสะอาดน่าอยู่จังแฮะ”
เจ้าของบ๊อกเซอร์สีส้มเดินสำรวจทั่วห้อง “ของมีแค่นี้หรอ”
“ก็เพิ่งเข้ามาอยู่นี่คะ” เหนื่อยจะพูดกับคนที่ไม่มีหู
ฮินาตะเลยเดินเข้าครัว ปล่อยให้อีกคนอยากจะดูอะไรก็ดูไป เพราะของสำคัญส่วนใหญ่ก็อยู่แต่ในห้องนอนเธอทั้งนั้น
“ห้องนอนเธอน่ารักจัง”
อะไรนะ!?
ฮินาตะรีบวกกลับจากโซนครัว ก้าวขายาวๆ
เพื่อไปให้หาเจ้าของเสียงทุ้มที่ตะโกณดังมาจากอีกฝากหนึ่ง
“คุณเข้ามาในห้องฉันทำไมเนี่ย
ออกมาเดี๋ยวนี้เลยนะ” เหมือนว่านารูโตะยังไม่ได้สำรวจอะไรมากมาย
เพราะตอนที่เธอเข้ามา เขาแค่ยืนอยู่ที่ปลายเตียงเฉยๆ
ฮินาตะคว้าแขนหนา
ลากออกมาจากพื้นที่ส่วนตัว แล้วกดร่างสูงให้นั่งอยู่ที่โต๊ะรับประทานอาหาร
“นั่นมันห้องนอนฉัน คุณจะเข้าไปได้อย่างไง เสียมารยาท!”
“เอ้า! ทำไมฉันถึงเข้าไม่ได้อ่ะ ทีห้องนอนฉัน
ฉันยังไม่ให้เธอเข้าได้เลย แล้วก็ไม่ได้แค่เข้าไปเฉยๆ ด้วย ทำอะไรตั้งหลายอย่า…”
“หยุดค่ะ! ไม่ต้องพูดแล้ว” ร้องห้ามก่อนที่ร่างสูงจะถึงเหตุการณ์บางอย่าง
ถึงเขาจะหยุดพูดแต่สายตาและสีหน้ายิ้มชอบใจเหมือนกับกำลังสนุกที่ได้แกล้งเธอ
“ไม่พูดก็ได้ครับ ^^”
โรคจิต พิการไร้หู ไม่มีมารยาท
ชอบกวนประสาท ทำไมเธอต้องมาเจอคนแบบนี้ด้วยนะ จะบ้าตาย
“นั่งตรงนี้ ห้ามลุกไปไหนจนกลัวฉันจะทำอาหารเสร็จ
ถ้าคุณเดินเผ่นผ่านอีกล่ะก็ ฉันเอาตะหลิวตีคุณแน่” คว้าตะหลิวที่แขวนอยู่ข้างผนังมาถือไว้
ทำท่าทางประกอบคำพูด แสดงให้รู้ว่าเธอตีเขาจริงๆ
แต่แทนที่คนโรคจิตจะสลดกลับตัวสั่นแทน ไม่ใช่ตัวสั่นเพราะกลัวนะ
แต่ตัวสั่นเพราะกลั้นหัวเราะไว้ต่างหาก
“คร้าบผม ยอมให้ตีเลย ขอเน้นๆ ตรงนี้เลยนะ” ใช้มือตบที่หน้าอกด้านซ้ายเบาๆ
พร้อมส่งรอยยิ้มแฝงนัยแบบที่หญิงสาวก็รู้ว่าหมายความว่าอะไร
แม้พยายามไม่สนใจคำพูดของคนกวนประสาท
แต่หัวใจของเธอดันเต้นแรงเพราะรอยยิ้มบ้าๆ นั่น ฮินาตะรีบเดินไปเปิดตู้เย็นดูว่ามื้อนี้จะทำอะไรได้บ้าง
เพื่อสลัดกับคำพูดเมื่อกี้ให้หลุดออกไป
“ฉันทำข้าวผัดนะ กินมั้ยคะ” หันมาถามคนที่กำลังเคาะนิ้วลงบนโต๊ะเป็นจังหวะเพลงอย่างอารมณ์ดี
ถามก่อนเพื่อความปลอดภัย หากเขาไม่ชอบกินขึ้นมาจะได้ไม่เสียของ
“เธอทำอะไรฉันก็กินหมดแหละ”
แล้วตอนที่จะต้มบะหมี่ถ้วยให้กิน ดันไม่กินนะ
“แต่ไม่เอาผัก ฉันไม่ชอบกินผัก”
“ผักมีประโยชน์มากเลยนะ” ร่างเล็กหยิบวัตถุดิบทั้งหมดที่จะใช้ออกมา
แล้วเริ่มจัดการทำอาหาร
“ก็เพราะมีประโยชน์ไง ฉันถึงไม่ชอบกิน”
“ตรรกะอะไรล่ะนั่น” หญิงสาวอดที่จะขยับปากแอบบ่นอุบอิบไม่ได้
ถ้านารูโตะบอกว่าเขาอายุห้าขวบ เธอจะปักใจเชื่อไม่เถียงเลยจริงๆ
“อ้อ แต่ฉันชอบกินของมีประโยชน์อยู่อย่างนึงนะ
ที่หนึ่งในใจเลย”
“อะไรคะ”
“นม”
ฉึก! เกือบหั่นโดนนิ้วตัวเองแล้วมั้ยล่ะ
เธอไม่รู้ว่าตอนที่พูดเขาทำสีหน้าแบบไหน เพราะเธอยืนหันหลังให้เขาอยู่
และก็ไม่อยากจะรู้ด้วย รีบทำให้มันเสร็จๆ ดีกว่า
หลังจากนั้นหญิงสาวก็ไม่เอ่ยปากพูดคุยกับร่างสูงอีกเลย
แม้ว่านารูโตะจะพยายามชวนเธอคุยโน่นนี่ แต่เพื่อความปลอดภัยในการทำอาหาร
ฮินาตะเลยเลือกที่จะเงียบ
“ฉันบอกว่าไม่เอาผักไง” เมื่อหญิงสาวทำอาหารเสร็จแล้วตักใส่จานเอามาเสิร์ฟให้เขา
นารูโตะก็สัมผัมได้ถึงปริมาณของผักที่เยอะจนคิดว่านี่เป็นข้าวผัดผักซะมากกว่าข้าวผัดหมูนะ
ร่างสูงก้มมองจานตัวเองก่อนจะเงยหน้ามองคนทำอาหารที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
“ผักมีประโยชน์มากกว่าบะหมี่ถ้วยเยอะเลยค่ะ”
ฮินาตะไม่ได้เป็นห่วงสุขภาพคนโตแต่ตัวเลยสักนิด
แค่อยากจะเอาคืนเขาบ้างเท่านั้นเอง
“แต่ฉันไม่ชอบ” สายตาที่ก้มมองวัตถุเขียวๆ ด้วยความไม่พิสมัยแบบนั้น
เขานี่มันเด็กห้าขวบชัดๆ
“ไม่ชอบก็ต้องทาน”
“อ้าว แล้วของเธออ่ะ” ก่ะจะเทียบว่าปริมาณอาหารเท่ากันมั้ย
แต่พอมองไปก็ไม่เห็นจานข้าวของอีกคน
“ฉันไม่หิวค่ะ” บอกว่าไม่อยากกินถึงจะถูก
“ตัวก็เล็ก ยังจะอดมื้อกินมื้ออีก”
“อย่าเขี่ยทิ้งนะ” ว่าแล้ว เด็กชอบเขี่ยผักทิ้งจริงๆ
ด้วย
ฮินาตะเดินอ้อมโต๊ะมายืนข้างๆ
ร่างสูงก่อนจะแย่งช้อนส้อมจากอีกฝ่ายมาแล้วตักผักที่ถูกเขี่ยใส่กระดาษทิชชูกลับขึ้นมาใส่จาน
“ก็บอกแล้วไงคะว่าต้องกินให้หมด”
ฮินาตะวางช้อนส้อมลงบนจานตามเดิน
โดยที่เธอไม่รู้เลยว่าคนเจ้าเล่ห์ใช้โอกาสนี้ในการเอาคืน
ฟุบ!
นารูโตะเกี่ยวเอวบางให้นั่งลงบนตัก ถึงหญิงสาวจะดิ้นหนี
แต่ถ้าได้เข้ามาอยู่ในวงแขนหนาแล้วล่ะก็ เธอไม่มีทางหลุดหนีไปได้ง่ายๆ แน่ นอกจากเขาจะยอมปล่อยเธอไปซะเอง
“นี่คุณจะทำอะไรคะ” ฮินาตะพยายามดึงแขนหนาให้ออกจากตัว แต่ก็ตามเดิม ยิ่งพยายามงัดออก
แรงกอดก็ยิ่งเพิ่มขึ้น
“นั่งเฉยๆ ฉันไม่ทำอะไรเธอหรอกน่า”
เสียงทุ้มเอ่ยอย่างร่าเริง เขารู้หรอกว่าที่เธอใส่ผักเยอะๆ
ก็เพราะอยากจะแกล้งเขา แล้วเขาผิดตรงไหนที่อยากจะแกล้งเธอบ้าง
หญิงสาวนั่งนิ่งตามคำสั่ง
ใบหน้าโค้งมนเริ่มหงิกตามอารมณ์ เห็นแบบนั่นคนใต้ร่างจึงเผลอยิ้มกว้าง
“ป้อนข้าวให้ฉันหน่อยสิ แล้วฉันถึงจะกินผัก”
เสียงทุ้มว่าพลางพยัคหน้าไปทางจานข้าว
“งั้นไม่ต้องทานผักก็ได้แล้วค่ะ” คำตอบเล่นเอาคนฟังยิ้มกว้างกว่าเดิม
ว่าแล้วเธอต้องตอบแบบนี้
“ไม่ตักผักให้ก็ได้
เพราะฉันก็ไม่ชอบ แต่ว่าเธอก็ต้องป้อนข้าวให้ฉันอยู่ดี”
“ถ้าไม่ป้อนก็ไม่ปล่อยใช่มั้ยคะ”
“เยส” จงใจกระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้น
ในเมื่อหนีไม่ได้
หญิงสาวเลยหยิบช้อนตักข้าวคำใหญ่ที่มีปริมาณผักจนเต็มช้อนใส่ปากเด็กในร่างโตอย่างไม่เต็มใจเท่าไหร่
นารูโตะไม่ชอบผักเลยสักนิด
เพราะความขมของมันที่ไม่ว่าจะใช้อะไรช่วยปรุงเพิ่มก็ไม่ช่วยให้อร่อยขึ้นสักนิด
แต่ว่าวันนี้รสชาติของผักแม้จะยังมีความขมอยู่ แต่อาหารที่หญิงสาวเป็นคนทำให้ไม่พอ
ยังป้อนให้เขากินอีก พูดได้คำเดียวว่าโคตรหวาน
“อาอ่อย” (อร่อย)
ไหนบอกว่าไม่ชอบผักไง เคี้ยวไปยิ้มไปนี่คืออะไร
รู้สึกเหมือนถูกปั่นหัวอยู่คนเดียว
ฮินาตะเลยป้อนคำต่อไปให้อีกโดยทิ้งระยะเว้นช่วงแค่นิดเดียว
ป้อนติดต่อกันจนตอนนี้แก้มนารูโตะได้ป้องเป็นลูกเทนนิสเพราะแก้มทั้งสองข้างเต็มไปด้วยข้าว
หมู และผัก
ใบหน้าเรียวคมได้แปรเปลี่ยนเป็นกลมมนจนหญิงสาวต้องพยายามกลั้นหัวเราะจนตัวสั่น
“หือ? อีอาไอ”
(มีอะไร)
แต่พอใบหน้ากลมมนด้วยแก้มลูกเทนนิสทั้งสองข้างหันหน้ามาหาแล้วเอียงคอน้อยๆ
ด้วยความสงสัยที่อยู่ๆ เธอก็หยุดป้อนแล้วใช้มือปิดปากไม่ให้เผลอหลุดขำเป็นอันต้องปลดปล่อยเสียงหัวเราะออกมาจนตัวโยน
นารูโตะขมวดคิ้วด้วยความงงงวย แต่เมื่อได้เห็นรอยยิ้มพร้อมเสียงหัวเราะก็อดที่จะยิ้มตามไม่ได้
(ทั้งที่มีข้าวอยู่เต็มปาก)
นารูโตะค่อยๆ กลืนอาหารลงท้องก่อนจะเอาคืนโดยเป็นฝ่ายป้อนอีกคนบ้าง
ฮินาตะรีบใช้มือปิดปากเพราะอาหารที่มีอยู่เต็มปาก ถลึงตาใส่นารูโตะ แย้งช้อนคืนแล้วตักผักล้วนๆ
ป้อนคนที่กำลังยิ้มขำ เด็กในร่างผู้ใหญ่หน้าบู้บี้ทันทีเมื่อในปากมีแต่รสชาติขมจากผักเต็มไปหมด
อยากจะแกล้งคืนอีกแต่คำที่คับแน่นไปด้วยสารอาหารเมื่อกี้ดันเป็นคำสุดท้ายพอดี
“อึก!”
ร่างสูงกลืนคำสุดท้ายด้วยสีหน้าที่แหยสุดๆ ก่อนจะปล่อยร่างเล็ก หลังจากนั้นรีบตรงไปที่ตู้เย็น
หยิบน้ำเทใส่แก้วแล้วดื่มเพื่อดับความขมจากผักเมื่อกี้
ฮินาตะใช้มือปิดปากเพื่อปิดเสียงหัวเราะ
เม้มปากพยายามทำใบหน้าที่นิ่งไว้ตามเดิมก่อนที่อีกคนจะหันมาเห็น
“ทานหมดแล้วก็กลับห้องสิคะ” พอเขากลับไป
เธอจะได้ทำตามใจตัวเองสักที
“ยังไม่กลับ เอามือถือเธอมาก่อน”
นารูโตะเดินมาหา แบมือยืนออกมาข้างหน้า
“เอาไปทำอะไรคะ”
“เถอะน่า”
“บอกมาก่อนสิ” แน่นอนว่าเธอไม่ไว้ใจเขาเลยสักนิด
อย่าบอกนะว่าจะแอบเช็คโทรศัพท์เธอ เช็คห้องนอนยังไม่พออีกหรอ โรคจิตเกินไปแล้วนะ
“จะขอเบอร์หน่อย” ร่างสูงพูดเสียงเบาหวิว รู้สึกประหม่ากับประโยคที่เพิ่งเอ่ยออกไป
ก็มันนับครั้งได้เลยนะที่เขาจะเป็นคนเอ่ยปากของเบอร์ผู้หญิงก่อน
ปรกติแล้วจะมีแต่คนมาขอเบอร์ ขอไลน์จากเขาก่อนทั้งนั้น
ถ้าไม่พิเศษจริงเขาไม่มีทางที่จะเป็นคนขอก่อนหรอก
ฮินาตะกำลังจะอ้าปากพูดว่าไม่ให้
แต่จากประสบการณ์ที่ได้พูดคุยกันมาแล้ว ไม่มีทางที่เขาจะฟังเธอแน่นอน ก็เขามันมนุษย์ไร้หูนี่นะ
หญิงสาวเดินไปที่โซนโซฟาหน้าทีวีก่อนกลับมาพร้อมมือถือ
“บอกเบอร์คุณมาดีกว่าค่ะ
เดี๋ยวฉันเมมเอง” หญิงสาวใส่รหัสปลดล็อคหน้าจอมือถือ
แต่ยังไม่ทันได้กดอะไรต่อ วัตถุสี่เหลี่ยมก็ถูกคว้าแย่งไป
“เอ๊ะ!?”
ร่างสูงเมมเบอร์ก่อนจะกดโทรออก รอสัญญาณเตือนว่าโทรติดก็กดวางแล้วยืนให้ฮินาตะ
“ฉันเมมเบอร์ให้แล้วนะ” หญิงสาวเอื้อมมือจะคว้า คนเจ้าเล่ห์ก็ชักมือกลับ “ห้ามเปลี่ยนชื่อที่ฉันเมมเด็ดขาด”
“เห?”
“เข้าใจมั้ย?”
ฮินาตะมองมือถือตัวเองที่อยู่ในมือหนาสลับกับมองใบหน้าเขา
เธอเลือกที่จะปฎิเสธได้หรือไง “เข้าใจแล้วค่ะ”
ในที่สุดมือถือก็กลับมาอยู่ในกับฮินาตะ หญิงสาวเดินไปส่งแขกที่หน้าประตู
ถึงจะไม่อยากจะมาส่งก็ตามทีเถอะ แต่ว่ามันเป็นมารยาทที่ดีของเจ้าบ้าน
“สองทุ่มเดี๋ยวฉันมารับนะ
แต่งตัวรอด้วย” เปิดประตูแล้วยังมิวายจะหันกลับมาสั่งอีกนะ
“คะ?”
“ถ้าเบี้ยวนัดฉันล่ะก็ เธอเจอดีแน่”
ปั้ง
หลังจากที่ตัวอันตรายได้ออกจากห้องนี้ไป
หญิงสาวก็ย้ายร่างมาทิ้งที่โซฟา เอนกายนอนราบไปกับเบาะนุ่ม รู้สึกร่างกายเพลียไปหมด
ระหว่างที่กำลังจะนอนพักผ่อนเอาแรง จู่ๆ ก็นึกบางอย่างขึ้นได้ รีบหยิบมือถือมาดู
กดเข้าไปในรายชื่อโทรออกล่าสุดทันที
เมื่อหน้าจอปรากฏรายชื่อขึ้นมา
หญิงสาวถึงกับตาถลน เอนตัวขึ้นนั่ง เรี่ยวแรงที่หายไปกลับมาเพราะความโมโห
บ้า! บ้าไปแล้ว ใครใช้ให้ตั้งชื่อแบบนี้
เขานี้มันโรคจิตชัดๆ ถ้าหากว่าชื่อนี้ขึ้นตอนเวลาโทรเข้าโทรออก แล้วคนอื่นมาเห็น
คนพวกนั้นจะมองเธอว่าอย่างไง
ฮินาตะแทบไม่ใช้เวลาในการคิดว่าจะเปลี่ยนชื่อดีหรือไม่ นี่มันมือถือเธอ เธอจะตั้งชื่อว่าอะไรก็ได้
มันสิทธิ์ของเธอ เขาไม่มีสิทธิ์มาก้าวก่าย
ก่นด่าทอในใจไปพร้อมๆ
กับเปลี่ยนชื่อใหม่ที่ตัวเองพอใจ
‘คนโรคจิต’ คำนี้ล่ะเหมาะกับเขามากที่สุดแล้ว
ส่วนคำนั้นอีกร้อยปีเขาก็ไม่มีทางได้เป็น
‘My Husband’
นารูโตะเดินกลับห้องตัวเองพร้อมใบหน้ายิ้มแย้มแสนสดใสยิ่งกว่าพระอาทิตย์ในเทเลทับบี้
ตรงดิ่งเข้าห้องนอน กระโดดใส่เตียงพร้อมคว้ามือถือบนโต๊ะข้างหัวเตียงมาดู
กดเข้าไปในสาย Miss call
ตั้งชื่อเสร็จสรรพก่อนจะจัดเก็บไว้ในรายการโปรด
มองดูรายชื่อนั่นแล้วยิ้มหัวเราะคนเดียวเหมือนคนบ้า โดนด่าว่าบ้าสิบรอบก็ไม่โกรธ
ก็บ้าจริง บ้ารักไง
รายการโปรด
‘My Wife’
Hello everybody
หายไปไหนมา?
หายไปสอบคร่า
ตอนนี้สอบเสร็จแล้ว กรี๊ดสิคะกรี๊ด
ปล.ในไกเด็นบักโตะหล่อมาก สูงขึ้นมาก ล่ำขึ้นมาก บึกขึ้นมาก กรี๊ดดดดด #อิแม่ใจบ่ดี
ใครยังไม่อ่าน
อ่านด่วนคร่า แล้วมาประสานเสียงกรี๊ดกัน
ความคิดเห็น