ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Naruto] ตัณหารัก

    ลำดับตอนที่ #6 : Chapter 5 : หวง [hot] **อ่าน TALK ก่อน**

    • อัปเดตล่าสุด 8 พ.ค. 58











    C h a p t e r 5















                ขาเรียวเล็กก้าวยาวๆ รีบเคลื่อนย้ายร่างมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าชายหนุ่ม

               

     

     

                เขาชื่อว่า ฮิวงะ เนจิ เป็นพี่ชายที่อยู่ข้างบ้าน ทั้งสองรู้จักกันตั้งแต่เด็ก เนจิอายุมากกว่าเธอสองปี ตอนนี้เขาเรียนอยู่ปีสี่ คณะเศรษฐศาสตร์ ใบหน้าของเนจิมักจะถูกแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้ม เธอชอบมองรอยยิ้มนั้น เป็นรอยยิ้มที่แสนใจดี และทุกครั้งที่ได้เห็น มันทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นที่หัวใจเสมอ

     

     

     

                “ไม่ได้เจอกันตั้งนานเนจิเอ่ยพร้อมรอยยิ้มบาง

     

     

     

                “สองเดือนได้มั้งคะ ตั้งแต่ที่พี่เนจิไปต่างประเทศ

     

     

     

                “ปิดเทอมทั้งทีก็อยากจะพักผ่อนสมองนิดหน่อยน่ะ

     

     

     

                ฮินาตะมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะหลุบสายตาลงต่ำเมื่อนึกถึงเรื่องบางอย่าง

     

     

     

                “เที่ยวกับแฟนคงจะสนุกสินะคะน้ำเสียงแผ่วเบาจนคล้ายเสียงกระซิบ

     

     

     

                “แฟน? หมายถึงใครหรอว่าพลางขมวดคิ้ว

     

     

     

                “ก็ผู้หญิงที่ไปกับพี่เนจิไงคะ

     

     

     

                “ใช่แฟนพี่ที่ไหนล่ะ ลูกพี่ลูกน้องต่างหาก เขาจะไปอังกฤษพอดี เลยเดินทางไปด้วยกันเฉยๆน่ะเนจินึกขำกับความคิดของฮินาตะ เพราะแบบนี้หรือเปล่าเธอเลยไม่รับโทรศัพท์จากเขาเลยช่วงที่เขาไปเที่ยวอังกฤษ

     

     

     

                “จริงหรอคะ!” ฮินาตะตะโกนด้วยความดีใจ นี่เธอเข้าใจผิดมาโดยตลอดเลยงั้นหรอ พอรู้แบบนี้แล้ว ก็รู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก

     

     

     

                “จริงสิ พี่ยังไม่มีแฟนซะหน่อย

     

     

     

                คำตอบของอีกฝ่าย ทำให้ร่างเล็กเผลอขยับร่างกายทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการมาโดยตลอด

     

     

     

                เนจิตกใจนิดหน่อยที่อยู่ๆ ฮินาตะก็กอดเขา แต่ก็เพียงชั่วครู่เท่านั้นก่อนมุมปากทั้งสองจะยกขึ้นกลายเป็นรอยยิ้มพร้อมกับใช้มือทั้งสองข้างโอบกอดอย่างเบามือ ฮินาตะติดเขาแจตั้งแต่เด็ก ไม่ว่าเขาจะเดินไปที่ไหน ฮินาตะมักจะเดินตามเขาไปทุกที่เสมอ ทุกครั้งที่เธอหกล้ม เนจิจะหันกลับมายื้นมือให้เธอลุกขึ้น คนตัวเล็กจ้องมองเขาผ่านม่านน้ำตาและโผเข้ากอด แม้ว่าตอนนี้เธอจะโตขึ้น แต่ในสายตาเขา เธอยังเป็นเด็กตัวเล็กที่เขาต้องคอยดูแลและปกป้อง

     

     

     

                เนจิดันฮินาตะออก มองใบหน้าหญิงสาวที่ตอนนี้แก้มทั้งสองข้างแต้มด้วยสีแดงระเรื่อ

     

     

     

                “หายงอนพี่แล้วใช่มั้ยว่าพลางลูบยกมือหนาขึ้นวางบนศีรษะอย่างเอ็นดู

     

     

     

                “ไม่ได้งอนนะคะ...แค่โกรธเฉยๆ

     

     

     

                “โอเค ไม่ได้งอนก็ไม่ได้งอน เย็นนี้ว่างหรือเปล่า ไปกินข้าวด้วยกันมั้ย

     

     

     

                “ไปค่ะฮินาตะตอบตกลงทันทีพร้อมยิ้มกว้าง วันนี้เป็นอีกวันที่เธอมีความสุขมากที่สุด

     

     

     

                ปรี้นนนนนนนนนนนนนนนน!!!

     

     

     

                เสียงแตรรถยนต์ดังสนั่นไปทั่วท้องถนน ผู้คนแถวนั้นที่เดินผ่านไปมาหันไปมองเจ้าของเสียงนั่นด้วยสายตาตำหนิที่เสียมารยาท รวมทั้งเนจิและฮินาตะ

     

     

     

                รถสปอร์ตคันหรูสีดำสนิทเทียบจอดอยู่ข้างริมฟุตบาตอีกฝั่งหนึ่งของถนน หลังคารถถูกเปิดออกเผยให้เห็นใบหน้าของคนขับอย่างเด่นชัด และเจ้าของรถยนต์คันนั้นก็ดันเป็นคนที่ฮินาตะรู้จักซะด้วย แถมเขายังจ้องมองมายังเธอด้วยสายตาแข็งกราว

     

     

     

                ฮินาตะรับรู้ถึงอารมณ์ของสายตานั้นทันทีที่ได้สบตา เธอรีบคว้ามือแล้วดึงให้เนจิเดินตามเธอมา

     

     

     

                “รีบไปกันเถอะค่ะ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                หลังจากที่ขึ้นรถยุโรปสีบรอนซ์และขับออกมาจากมหาลัยได้สักพัก ทั้งสองก็สนทนาพูดคุยเรื่องราวระหว่างที่ทั้งคู่ไม่ได้เจอกัน

     

     

     

                “ฮินาตะรู้จักคนเมื่อกี้หรือเปล่าร่างสูงรู้สึกถึงบรรยากาศผิดปรกติจากโดยรอบจึงเอ่ยถามหญิงสาว

     

     

     

                “หมายถึงใครหรอคะว่าพลางหันมอง

     

     

     

                “คนที่บีบแตรเสียงดังๆน่ะ

     

     

     

                ฮินาตะชะงักไปนิดนึงก่อนจะตอบ

     

     

     

                “...ไม่รู้จักค่ะ

     

     

     

                “แน่หรอเนจิหันมาสบตาแล้วกลับไปมองเส้นทางเหมือนเดิม

     

     

     

                “ทำไมคะอดสงสัยจนเผลอขมวดคิ้วไม่ได้

     

     

     

                “ก็เขาขับรถตามมาน่ะสิร่างสูงเหลือบมองกระจกหลัง

     

     

     

                พอได้ยินแบบนั้นฮินาตะรีบเอี้ยวดูด้านหลัง แล้วก็จริงอย่างที่เนจิว่า รถสปอร์ตสีดำที่เธอเห็นก่อนหน้านี้กำลังตามรถพวกมา แล้วดูเหมือนว่าพยายามเร่งความเร็วเพื่อให้เข้ามาใกล้มากขึ้น แม้ว่าหลังคารถจะปิดลงแล้ว แต่ลักษณะรถแบบนั้นไม่ผิดแน่นอน

     

     

     

                นารูโตะ!

     

     

     

                “หนีได้มั้ยคะร่างเล็กหันกลับพร้อมเอ่ยขอร้อง

     

     

     

                “จับเข็มขัดไว้แน่นๆล่ะ

     

     

     

                ฮินาตะเตรียมพร้อมทันที เนจิตบเกียร์ก่อนจะเหยียบคันเร่ง เบียงซ้ายแซงคันข้างหน้า ก่อนจะเข้าเลนส์ขวาเพื่อแซงอีกคัน นารูโตะรู้ทันทีว่าอีกฝ่ายกำลังขับหนีจึงยิ่งเพิ่มความเร็วเพื่อไล่ตามอีกฝ่ายให้ทัน

     

     

     

                โชคดีนักที่ตอนนี้บนถนนคราคลั่งไปด้วยยานพาหนะหลายชนิด แต่การจราจรก็ไม่ได้ติดขัดอะไรมากนัก เนจิใช้โอกาสนี้ให้เป็นประโยชน์โดยการซอกแซกไปมา ใช้รถยนต์คันอื่นป้องกันไม่ให้ฝ่ายที่ตามมาอยู่ในระยะประชิด เหลือบมองกระจกหลังอีกครั้ง วิธีนี้ได้ผล ตอนนี้มีรถยนต์หลายคันอยู่คั้นกลางระหว่างทั้งคู่ หมอนั่นคงไม่มีทางตามมาทันได้แล้วล่ะ

     

     

     

                ปรี้นนน!! ปรี้นนน!!

     

     

     

                เนจิขมวดคิ้วทันทีเมื่อมองผ่านกระจกหลังแล้วเห็นว่าคันที่บีบแตรคือคันที่เขากำลังพยายามหนี รถสปอร์ตบีบแตรกระหน่ำและพยายามขับเบียดคันข้างหน้าโดยไม่สนใจเสียงแตรที่ตอบกลับมาของคันอื่นที่ตนพยายามจะเบียดแซง โดยเสียงเหล่านั้นอาจจะแปลได้ประมาณว่า พ่อมึงตายรถหรูยังคงไม่ละความพยายาม เร่งเครื่องเสียงดังและถ้าหากคันข้างหน้าไม่หลบให้ เขาชนจริงๆ แน่ คันอื่นจึงยอมหลีกทาง เบี่ยงรถชิดขอบทางจนเกือบตกถนน พอรถสปอร์ตขับผ่านก็ลดกระจกลงและตะโกนให้พรอย่างงามๆ

     

     

     

                “รีบไปหาพ่อมึงหรอ!”

     

     

     

                 แต่คนอย่างนารูโตะรึจะแคร์

     

     

     

                “เรื่องของกู

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                ดูจากการไล่ล่าขนาดนี้ ท่าทางจะไม่ได้รู้จักกันธรรมดาซะแล้ว

     

     

     

                “ตกลงเขาเป็นใครหรอเนจิเอ่ยถามพลางหันมาหาคนนั่งเบาะข้างๆ ก่อนจะชะงักไปชั่วครู่ เมื่อเห็นว่าฮินาตะมีสีหน้าที่ซีดลงอย่างเห็นได้ชัด ฮินาตะ เธอโอเคมั้ย?”

     

     

     

                “ไม่เป็นไรค่ะ แค่เมารถนิดหน่อยแม้ว่าเธอจะยิ้มแต่สีหน้าของเธอดูไม่ดีเอาซะเลย

     

     

     

                เขาลืมไปได้อย่างไงว่าเธอมีโรคประจำตัว ถ้าขืนยังขับรถซอกแซกไปมาอย่างนี้ อาการของเธอต้องแย่ลงแน่ๆ

     

     

     

                “แวะพักก่อนมั้ย

     

     

     

                “ไม่นะคะ ถ้าพักตอนนี้เขาต้องตามทันแน่ๆ ฉันไม่อยากเจอเขา พี่เนจิขับต่อเถอะค่ะ ฉันไม่เป็นอะไรหรอก

     

     

     

                ถึงอยากจะรู้ว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่ แต่ตอนนี้เขาต้องหนีรถนั่นให้ได้ซะก่อน

     

     

     

                เนจิลดกระจกลงเพื่อถ่ายเทอากาศ ก่อนพยายามมองหาทางหนีทีไล่ เหลือบมองรถคันหลังผ่านกระจกด้านข้าง ระยะห่างขนาดนี้ยังคงพอหนีได้ทัน

     

     

     

                “ทนอีกนิดนึงนะเนจิเพิ่มระดับความเร็วอีกครั้ง ก่อนจะใช้รถบรรทุกขนาดใหญ่เป็นที่กำบัง หลังจากนั้นเลี้ยวรถเข้าซอย

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                ทั้งคู่มาถึงร้านอาหารได้อย่างปลอดภัยโดยไม่มีใครตามมา เนจิลงจากรถ รีบวิ่งอ้อมมาดูฮินาตะที่ตอนนี้สีหน้ายังดูไม่ค่อยดีนัก

     

     

     

                “ไหวมั้ย

     

     

     

                “ไหวค่ะร่างเล็กตอบเสียงหวานพร้อมรอยยิ้ม หลังจากนั้นทั้งคู่ก็เข้าไปในร้าน

     

     

     

                ร้านอาหารตั้งอยู่ในสวนร่มรื่นจึงทำให้บรรยากาศสดชื่น พอได้มานั่งพัก ทำให้อาการเมารถดีขึ้นมาก

     

     

     

                “เดี๋ยวนี้เสน่ห์แรงนะเนจิเอ่ยปากพูดก่อนหลังจากที่ได้สั่งเมณูอาหารไปแล้ว

     

     

     

                “เสน่ห์แรงอะไรล่ะคะ

     

     

     

                “แฟนหรอ

     

     

     

                “แค่ก แค่กประโยคนั้นทำให้ฮินาตะถึงกับสำลักน้ำ รีบหยิบกระดาษทิชชูมาเช็ดปาก ก่อนจะส่งสายตาคาดโทษให้อีกฝ่าย มะ ไม่ใช่

     

     

     

                “งั้นกิ๊ก

     

     

     

                “ก็ไม่ใช่อีกนั้นแหละ

     

     

     

                “อย่าบอกนะว่า...

     

     

     

                “แค่คนรู้จักเฉยๆค่ะ

     

     

     

                “หืม? คนรู้จักเสียงทุ้มลากเสียงยานคานล้อเลียนประหนึ่งว่าไม่ใช่แค่นั้นแน่ๆคนรู้จักงั้นหรอ ตามติดบ้าพลังอย่างกับตามภรรยากลับบ้านงั้นแหละ

     

     

     

                ตามภรรยา!?

     

     

     

                “ถ้าพี่เนจิยังไม่เลิกพูดเรื่องนี้ ฉันกลับแล้วนะคะไม่ว่าเปล่า ฮินาตะลุกขึ้นคว้ากระเป๋า ถ้าเขายังไม่เลิกพูด เธอกลับจริงๆ แน่

     

     

     

                “เฮ้ย ล้อเล่นๆ พี่ล้อเล่นเฉยๆร่างสูงรีบเอื้อมมือมาจับแขนเล็กทันที ก่อนจะดึงเบาๆให้นั่งลง ไม่แกล้งแล้ว อย่าโกรธพี่นะ

     

     

     

                ร่างเล็กนั่งลงตาม แม้หน้าตาจะบูดบึ้งเพราะเขาแกล้งเธอ แต่ในใจตอนนี้เธอกำลังยิ้มอยู่ ยิ้มให้กับท่าทางที่เขากำลังง้อเธอเหมือนเด็ก

     

     

     

                “ถ้าพี่เนจิพูดอีก ฉันกลับจริงๆ นะ

     

     

     

                “ครับ ไม่พูดแล้วครับ

     

     

     

                แล้วเธอก็หลุดยิ้มขำออกมาจนได้ ท่าทางเด็กแต่ร่างโตแบบนั้นไม่เข้ากับเขาเลย

     

     

     

                เมื่อหญิงสาวหัวเราะ ชายหนุ่มจึงหัวเราะตาม โกรธง่ายแต่หายเร็ว นิสัยเธอยังคงเหมือนเดิม

     

     

     

                “ไม่ต้องมาแซวเลย ถ้าหวงฉัน บอกกันดีๆ ก็ได้ค่ะคราวนี้เธอเป็นฝ่ายหยอกบ้าง แต่เธอก็แค่พูดไปแบบนั้นเอง ไม่ได้หวังว่าอีกฝ่ายจะคิดอะไรกับเธอหรอก เพราะเธอรู้แก่ใจตัวเองดี

     

     

     

                “หวงสิ ทำไมจะไม่หวงล่ะ

     

     

     

                “...

     

     

     

                “แล้วก็หวงมากด้วย

     

                   

     

     

                   

     

     

     

     

     

     

     

     

                    ใครจะว่าเธอบ้าก็ช่าง เพราะตอนนี้เธอหุบยิ้มไม่ได้จริงๆ ตั้งแต่ที่ลงมาจากรถยุโรปสีบรอนซ์ เดินเข้าคอนโด ขึ้นลิฟต์ จนถึงตอนนี้ที่เธอยืนอยู่หน้าห้องตัวเอง เธอก็เอาแต่ยิ้มมาตลอดทาง

               

     

     

                ‘หวงคำเดียวสั้นๆ แม้ว่าจะไม่ใช่คำวิเศษวิโสอะไรมากนัก แต่มันก็ทำให้อาหารมื้อนั่นเป็นมื้อที่วิเศษที่สุด เธอตกหลุมรักเขาตั้งแต่เด็ก แต่เขามองเธอเป็นแค่น้องสาวมาโดยตลอด นี่เป็นครั้งแรกที่เนจิพูดออกมาอย่างชัดเจน ความหวังที่เธอพยายามลบมันทิ้ง ตอนนี้ได้เริ่มก่อตัวใหม่ขึ้นมา อาจจะเป็นความหวังลมๆ แล้งๆ อย่างเคย แต่ว่ามันก็เป็นความหวังที่ทำให้เธอมีความสุขมากที่สุดในตอนนี้

     

     

     

                ดูมีความสุขจังเลยนะเสียงเย็นเยียบดังขึ้นข้างกาย ร่างเล็กสะดุ้งจนเผลอทำกระเป๋าสะพายข้างตก หันขวับมองก่อนก้าวขาถอยห่าง

     

     

     

                นารูโตะยืนกอดอกพิงผนัง สวมใส่ชุดนักศึกษา ชายเสื้อสีขาวถูกดึงให้หลุดจากกางเกง กระดุมเสื้อถูกปลดเกือบหมด เผยให้เห็นแผ่งอกกว้าง  ใบหน้าแดงระเรื่อที่ไม่ได้เกิดจากฤทธิ์ไข้แต่เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์

     

     

     

                ฮินาตะก้มลงเก็บกระเป๋าก่อนจะรีบกดรหัสปลดล็อคประตูห้อง แต่ยังไม่ทันจะได้กดรหัสตัวแรก ร่างของเธอก็ถูกอุ้มด้วยมือหนา กลิ่นแอลกอฮอล์ผสมกับกลิ่นกายลอยเข้ามาเตะจมูก

     

     

     

                จะ จะทำอะไร ปล่อยฉันนะ!” เหวี่ยงกำปั้นทุบบนไหล่กว้าง แม้ว่าจะทุบแรงแค่ไหนแต่สีหน้าของร่างสูงก็ยังคงเรียบนิ่งเฉย ราวกับไม่รู้สึกเจ็บอะไรเลย

     

     

     

                นารูโตะอุ้มหญิงสาวผ่านห้องนั่งเล่น โต๊ะหน้าทีวีเต็มไปด้วยกระป๋องเบียร์เปล่าประมาณห้าหกกระป๋อง ตั้งแต่ที่เขาคลาดกับรถยุโรปของชายหนุ่มผมยาวสีดำที่ไปกับฮินาตะ นารูโตะก็กลับมาที่ห้อง นั่งรอโดยมีดื่มน้ำเย็นๆ ห้าหกกระป๋องที่ว่าเป็นเพื่อน แม้น้ำจะเย็นแค่ไหน แต่อารมณ์ของเขาก็ไม่ได้เย็นลงตามเลย

     

     

     

                ปล่อยฉันนะ ฉันจะกลับห้องฮินาตะยังคงไม่ลดความพยายามที่จะดิ้นและทุบตี ถึงแม้ว่าผลลัพธ์ของมันจะเป็นศูนย์ก็ตาม

     

     

     

                ร่างสูงผลักประตูเข้ามาในห้องนอนก่อนจะกึ่งวางกึ่งโยนร่างบางลงบนเตียง เมื่อหลุดออกจากวงแขน ฮินาตะก็รีบยันเตียงเพื่อจะลุกหนีออกจากที่นอนนุ่ม แต่ว่าความเร็วของเธอแพ้นารูโตะอย่างสิ้นเชิง

     

     

     

                กรี๊ดดด!

     

     

     

                เพียงแค่เสี้ยววิ นารูโตะดันตัวเองขึ้นมาคร่อมทับฮินาตะ ขึงข้อมือเล็กทั้งสองข้างไว้กับเตียงสีขาว ปรายตามองใบหน้าเรียวสวยด้วยแววตาคมเฉียบ

     

     

     

                มันเป็นใคร

     

     

     

                ร่างเล็กไม่สนใจแม้แต่จะตอบคำถาม เธอพยายามดึงข้อมือตัวเองให้หลุดจากมือหนาที่พันธนาการร่างกายของเธอเอาไว้ แต่ยิ่งดิ้นเท่าไหร่ แรงบีบก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น แม้ว่าเธอมองไม่เห็นแต่ก็รู้ได้เลยว่ามือของเธอตอนนี้ต้องซีดเผือก

     

     

     

                ฉันถามว่ามันเป็นใครเปล่งเสียงทุ้มออกมาอย่างช้าๆ ตั้งแต่ได้เห็นหญิงสาวเอาแต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ที่น่าประตู อารมณ์ของเขาก็ยิ่งครุกกรุ่นเป็นทวีคูณ

     

     

     

                ในเมื่อหมดหนทางหนี ก็มีแต่ต้องเผชิญหน้าตรงๆ เท่านั้น ฮินาตะตวัดสายตามองดวงตาสีฟ้าน้ำทะเล ข่มใจความกลัวไม่ให้เผลอสั่นออกมา

     

     

     

                “คนสำคัญของฉัน

     

     

     

                อ้อ หมอนั่นสินะเสียงทุ้มแค่นหัวเราะในลำคอ นึกย้อนกลับไปในคืนแรกที่เขาได้เจอเธอ ในวันนั้นเธอเมามาก จนถึงขั้นกับมองเขาเป็นคนรัก ที่แท้คนรักของเธอก็หน้าตาเป็นแบบนี้นี่เอง หึ! คงมีความสุขมากเลยสิ

     

     

     

                “ใช่ค่ะ มีความสุข มากเน้นคำท้ายประโยค จงใจโอ้อวดว่าเธอมีความสุขมากแค่ไหน

     

     

     

                สงสัยเธอจะลืมจริงๆร่างสูงขบกราบแน่น เปล่งเสียงเข้มเล็ดลอดไรฟัน

     

     

     

              ลืมอะไร

     

     

     

                “ลืมว่าเธอเป็น เมียฉันใบหน้าคมก้มลงมา ปลายจมูกทั้งคู่อยู่ห่างกันไม่กี่เซน ดวงตาแข็งกร้าวมากกว่าเมื่อกี้อย่างเห็นได้ชัด

     

     

     

                ฉะ ฉันไม่ใช่เมียคุณร่างเล็กออกแรงขัดขืนอีกครั้งเมื่อเริ่มรู้สึกถึงลางไม่ดีบางอย่าง ครั้งนี้ทั้งพยายามดึงข้อมือให้หลุดจากมือหนา และพยายามขยับขาให้หลุดจากลำตัวคนที่ทับอยู่

     

     

     

                แต่ก็อีกตามเคย อย่าว่าแต่จะหนีออกมาได้ แค่ขยับ เธอยังทำไม่ได้เลย

     

     

     

                งั้นฉันจะทำให้ดู

     

     

     

                “อย่านะ ปล่อ...

     

     

     

                ริมฝีปากร้อนกดจูบลงมาบนริมฝีปากบางเฉียบได้รูป คนใต้ร่างพยายามออกแรงดิ้นสุดแรง แต่ยิ่งดิ้นเท่าไหร่ อีกฝ่ายก็รุกเร้าเพิ่มทวีคูณขึ้น ลิ้นร้อนเกี่ยวตวัดไปมาทั่วโพรงปาก รสจูบร้อนแรงเหมือนกับเครื่องมือคร่าสติ ริมฝีปากร้อนยังคงดูดกลื่นต่อไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เสียงหวานอู้อี้ดังในลำคอ ส่งเสียงประท้วงเพราะการจูบได้ดำเนินมาอย่างยาวนาน นานจนเธอเริ่มหายใจไม่ออก โชคดีที่ร่างสูงเห็นใจ ยอมถอดจูบออกมาแม้จะรู้สึกเสียดาย

     

     

     

                ร่างเล็กหอบถี่ พยายามสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด แต่ยังไม่ทันได้เริ่มตั้งตัวอีกครั้ง ริมฝีปากร้อนก็เลื่อนไปจู่โจมที่ด้านข้างศีรษะ ใช้ลิ้นร้อนตวัดเลียและขมเม้มที่ใบหูขาว จนผู้ถูกกระทำเผลอสะดุ้งโหยงพร้อมส่งเสียงคราง

     

     

     

                อย่า!” เปล่งเสียงร้องห้ามแต่กลับกลายเป็นเสียงกระเซ้าที่เพิ่มความกระหายให้กลับอีกฝ่าย ฉะ ฉันจำได้แล้ว อ๊ะ!”

     

     

     

                “จำอะไรได้แม้จะต่อบทสนทนา แต่ยังคงทรมานร่างเล็กอยู่ที่ตำแหน่งเดิม

     

     

     

                ระ เรื่องคืนนั้นฮินาตะพยายามตอบโดยที่ไม่ส่งเสียงครางออกมา พูดจบก็รีบเม้มปากเก็บเสียงไว้ในลำคอทันที

     

     

     

                เธอไม่เคยลืม หรือจะให้พูดตรงๆ เลยก็คือ เธอจำมันได้ทุกวินาที

     

     

     

                จริงหรอมุมปากยกยิ้มขึ้นมาอย่างพอใจ

     

     

     

                ฉันจำได้แล้วก็... หยุดสิเสียงหวานหอมหายใจถี่ ส่งสายตาอ้อนวอนขอร้องให้อีกฝ่ายปล่อยเธอไป

     

     

     

                นารูโตะหยัดตัวขึ้นมามองใบหน้าเรียวมล มอบรอยยิ้มเหยียดลึกให้กับถ่อยคำของเธอ

     

     

     

                ใครบอกว่าถ้าเธอจำได้แล้วฉันจะหยุด จำได้แล้วก็ดี…” มุมปากลดระดับลงเป็นเส้นขนาน สีหน้าเรียบนิ่งแต่ดวงตาคมเฉียบ จ้องลึกเข้าไปในนัยน์ตาสีขาวนวล เธอจะได้รู้ว่าเธอเป็นของใคร

     

     


     

     

    *** CUT ***

    ฉากต่อจากนี้ตัดดีกว่าเนาะ เดี๋ยวโดนแบน



     


















     

               .
               .
               .
               .
               .

     

     

                ด้วยความเหนื่อยจากการสู้รบเป็นเวลาหลายชั่วโมง เปลือกตาก็ค่อยๆ ปิดลง แม้ว่าเธออยากจะลุกเดินออกไปจากห้องนี้ แต่ร่างกายของเธอรู้สึกอ่อนเพลียมากจนเข้าสู่ห้วงนินทราทั้งที่ยังอยู่ในวงแขนของนารูโตะ

     

     

     

                นารูโตะปัดเส้นผมที่ร่วงลงมาคลอเคลียแก้มเนียน พวงแก้มของฮินาตะเป็นสีแดงระเรื่อ เม็ดเหงื่อเกาะพราวทั่วใบหน้าและทั่วร่างกาย ตอนแรกเขาว่าจะหยุดพักหายใจอีกสักหน่อย แต่พอได้เห็นใบหน้าของเธอที่หลับพริ้มอย่างไร้เดียงสา ก็อดที่จรดปลายจมูกลงที่แก้มนุ่มไม่ได้ พอได้กลิ่นกายที่หอมรัญจวน สิ่งที่เพิ่งจะถูกระบายออกไปกลับตั้งผงาดขึ้นอีกครั้ง

     

     

     

                ท่าทางคืนนี้เธอคงไม่ได้หลับง่ายๆ ซะแล้ว






































     

     

     

     

     

    ชี้แจงเรื่องขอฉากตัดนะคะ

    ฉากนี้เป็นฉากที่เพิ่มเติมหรือลงรายละเอียดเนื้อหาบางช่วงมากขึ้น

    คือจะอ่านก็ไม่ได้ ไม่อ่านก็ได้ เพราะทุกคนคงเข้าใจอยู่แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น

    อาจจะเรียกว่าเป็นฉากพิเศษที่เพิ่มมาเท่านั้น

    เพราะฉะนั้นแล้ว ไรท์ขอยกฉากพิเศษนี้ให้กับคนที่พิเศษเท่านั้น

    คือคนที่ comment ให้กับทุกบทนะคะ หรือ 80 % ของจำนวนบท

    (ตอนนี้มีทั้งหมด 6 บท อย่างน้อยต้องเมนต์ 4 บท)

     

    ถ้าใครเมนต์น้อยกว่าสี่บท ไรท์ขอไม่ส่งฉากตัดให้
    หากใครเมนต์น้อยกว่าสี่บทรบกวนช่วยเมนต์ให้กำลังใจไรท์หน่อยนะคะ แค่คำสองคำก็ได้ค่ะ

     

    ใครที่ต้องการฉากตัด รบกวนให้เมล์ไว้ด้วยนะคะ สามารถขอได้ตลอดเลยค่ะ

    ไรท์จะเข้ามาส่งให้ตอนประมาณช่วง 4-6 โมงเย็น

     

    1 เม้นต์ = 1 กำลังใจ

    ขอบคุณมากค่ะที่ติดตามและเข้ามาอ่านกันนะคะ





    © themy butter
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×