คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Chapter 3 : ย้าย
C h a p t e r 3
เลิกเรียนคลาสสุดท้าย ฮินาตะกำลังเดินออกจากห้องพร้อมกลุ่มเพื่อน แต่ขณะนั้น ได้มีเพื่อนคณะเดียวกัน วิ่งมาหาเธอ
“ฮินาตะๆ มีคนรอเธออยู่ที่ข้างล่างตึกแน่ะ”
“ใครหรอ”
“นารูโตะ”
หัวใจกระตุกวูบ เมื่อได้ยินชื่อบุคคลที่ตัวเองไม่อยากเจอมากที่สุด มือไม้สั่นแต่พยายามเก็บอาการด้วยการกำมือแน่น
“ฉันว่าเธอรีบไปดีกว่านะ เพราะดูเหมือนว่าเขามารอเธอตั้งแต่ต้นคาบแล้ว”
นาฬิกาข้อมือบ่งบอกว่าตอนนี้เป็นเวลา 16.20 น. นี่เขามารอเธอสามชั่วโมงเลยหรอ บ้าไปแล้ว
ระหว่างที่กำลังตกใจปนสับสนอยู่นั่น ฮินาตะก็สัมผัสได้ถึงสายตาหลายคู่ที่จ้องมายังเธอ เมื่อหันมาสบตาเพื่อนสาวสามคน พบว่าตัวเองกำลังถูกจ้องเขม็ง และรู้เลยว่าเหตุการณ์ต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น
“ฮิ-นา-ตะ” เทนเทน
“เล่ามา” อิโนะ
“ให้หมด” ซากุระ
“มะ...ไม่มีอะไรหรอกจ๊ะ” ผู้ที่ตกเป็นเป้าสายตายกมือขึ้นระดับหน้าอก ก่อนจะเบือนหน้าหนีและใช้สมองคิดหาวิธีแก้ตัวอย่างรวดเร็ว แต่คนอย่างเธอ จะหาข้อแก้ตัวดีๆ ได้ซะที่ไหน
“แบบนี้เนี่ยนะไม่มี ไม่มีอะไรได้อย่างไง” เทนเทน
“เธอไปรู้จักนารูโตะตอนไหน” อิโนะ
“ทำไมหมอนั่นต้องมารอเธอด้วย แล้วรอตั้งสามชั่วโมง สามชั่วโมงเชี่ยวนะ!” ซากุระ
เม็ดเหงื่อเริ่มผุดขึ้นที่ขมับ สายตาเลิ่กลั่ก คำพูดติดขัด เหมือนมีน้ำลายก้อนใหญ่คาอยู่ที่ลำคอ เพราะยังคิดหาคำพูดที่จะอธิบายให้เพื่อนสนิทฟังไม่ได้ คนที่นารูโตะฝากมาบอกก็ไปตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว
ขืนชักช้า มีหวังความลับเธอแตกแน่ๆ
“ไม่มีอะไรจริงๆ เดี๋ยวฉันไปหาเขาก่อนนะ พรุ่งนี้เจอกันใหม่นะจ๊ะ” พูดเร็วจนลิ้นแทบพันกัน เคลื่อนตัวย้ายหนีออกมาก่อนที่เพื่อนคนใดคนหนึ่งจะคว้าตัวทันและรีบวิ่งออกจากห้องเรียนโดยไม่สนใจเสียงเรียกของเพื่อนๆ
เมื่อเห็นว่าเพื่อนตัวเองไม่ได้ตามมาจึงชอละฝีเท้า ก้าวลงบันได ในหัวพลางคิดหาเหตุผลว่าเขามาหาเธอทำไม แต่ไม่ว่าจะคิดกี่ตลบ ก็หาคำตอบไม่เจอ
เมื่อเลี้ยวตัวพ้นทางลงตึก ก็ต้องผงะ ก่อนจะรีบวิ่งกลับไปที่เดิม แนบลำตัวติดกับผนัง สายตาสั่นไหว พยายามตั้งสติและโผล่ศรีษะออกมาพอให้สายตาได้มองเห็น
ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง ผู้มีหน้าตาหล่อเหลา คมคายในฉบับตะวันตก ผมสีเหลืองสว่างยิ่งทำให้ดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลเด่นเป็นประกาย แผ่นหลังผิงกำแผง มือเรียวหนาเลื่อนหน้าจอโทรศัพท์สุดหรูไปมา แต่แล้วเขาก็หยุดชะงัก ก่อนจะ..
ฮินาตะผุบตัวเข้าชิดผนัง ก่อนที่นารูโตะจะหันมามอง เสียงหัวใจเต้นโครมครามเพราะความตระหนก นี่เธอจ้องเขาขนาดทำให้เขารู้สึกตัวได้เลยหรอ เกือบไปแล้ว!
ร่างบางเลือกที่จะเดินไปอีกทาง แม้ว่าจะต้องอ้อมตึกหลายตึก ทำให้ระยะทางเพิ่มขึ้นหลายกิโลกว่าจะออกจากมหาลัยได้ก็ตาม แต่ให้ทำไงล่ะ ในเมื่อเธอไม่อยากเจอเขา ถึงแม้ว่ามีคำถามเต็มหัวไปหมดว่าเขาไม่หาเธอทำไม แต่รู้ไปก็เท่านั้น รู้แล้วมันช่วยให้อะไรๆ กลับมาเป็นเหมือนเดิมมั้ยล่ะ
เช้าวันต่อมาเป็นเช้าที่ฮินาตะไม่อยากมาเรียนมากที่สุดตั้งแต่เรียนมหาลัยมาสองปี เพราะเช้านี้ต้องเป็นเช้าที่วุ่นวายมากที่สุดแน่ๆ แล้วก็จริงอย่างที่เธอคิด เพราะเธอได้ยินเสียงคนเรียกชื่อตัวเองดังไกลจากสามกิโลเมตร ไม่ใช่ใครที่ไหน คนนั้นคือเพื่อนสนิทของเธอที่ชื่อว่าอิโนะ อิโนะตะโกนโวกเวกโวยวายโดยไม่สนใจมนุษย์รอบกาย ก่อนจะตรงติ่งวิ่งมาตะครุบ และถามคำถามมากมายใส่เธอ ฮินาตะไม่ตกใจกับท่าทีของสาวผมเหลืองอ่อนคนนี้เท่าไหร่ เพราะการที่เป็นเพื่อนกันมาสองปีก็พอที่จะรู้นิสัยของแต่ละคน
หลังจากที่อิโนะกำลังจับตัวฮินาตะเขย่าไปมา ซากุระและเทนเทนก็เข้ามาสบทบ เหมือนฝันซ้ำ เพราะอีกสองคนก็ถามคำถามเดียวกันกับอิโนะ แน่สิ เมื่อคืนเธอเล่นปิดมือถือ ไม่เล่นเฟส ไม่เล่นไลน์ ขังตัวเองอยู่ในยุคหินที่ปราศจากระบบโชเชี่ยวทั้งหลาย เพื่อหลีกหนีคำถามมากมาย แต่วันนี้ที่เธอไม่หนี เพราะไม่รู้จะหนีไปทางไหน อีกอย่างเธอก็เลือกที่จะตอบคำถาม แก้ความสงสัยของเพื่อนเธอทั้งหมด
เพียงแต่...
“สรุปคือ เธอเจอนารูโตะที่ผับวันนั้นหรอ” เทนเทน
“จ่ะ”
“แล้วก็คุยด้วยกันนิดหน่อย” ซากุระ
“จ่ะ”
“แล้วก็แยกย้ายกันกลับบ้าน” อิโนะ
“จ่ะ”
“อ่ออออ มันเป็นแบบนี้นี่เอง” ทั้งสามคน
...เพียงแต่เธอเล่าไม่หมดเท่านั้นเอง
แม้จะไขข้อสงสัยเรื่องที่เธอไปรู้จักนารูโตะเมื่อไหร่ได้กระจ่างแล้ว และดูท่าทีว่าไม่มีเพื่อนคนไหนถามเหตุการณ์นี้ต่อ ก็รู้สึกโล่งใจไปเปราะนึง แต่มันยังไม่หมด
“ตกลงนารูโตะมารอเธอทำไมหรอ” ซากุระเปิดประเด็นใหม่
“อะ...เอ่อ”
อีกครั้งที่ฮินาตะเป็นจุดสายตาของทุกคน เพื่อนสาวทั้งสามรอคำตอบด้วยความอยากรู้
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันจ่ะ”
“อ้าว!”
“พะ พอดีว่าตอนที่ฉันลงไป เขาก็ไม่อยู่แล้ว” โกหกจนได้สินะ
ถ้าเธอบอกว่าเธอไม่ยอมไปพบเขา สามสาวต้องยิ่งสงสัยไปอีกแน่ๆ ว่าทำไมเธอต้องหนี ซึ่งเหตุผลที่เธอหนี เป็นเหตุผลที่เธอไม่อยากบอกให้เพื่อนๆ ของเธอรู้ที่สุด
“อะไรเนี่ย รอตั้งสามสี่ชั่วโมง รออีกหน่อยจะเป็นอะไรไป” ซากุระกอดอกทำหน้าเซ็ง
“แล้ว...”
ปั้ง!
เสียงปิดประตูห้องเรียนจากอาจารย์ผู้สอนที่ขึ้นชื่อว่าโหดและตรงเวลาที่สุด แม้เลยเวลาแค่วินาทีเดียวก็ถือว่าสาย ทำการล็อคประตูห้องก่อนจะเดินกลับมาที่โต๊ะเพื่อเช็คชื่อนักศึกษา ทำให้อิโนะต้องกลืนคำถามนั่นเข้าไปในท้อง ถือว่าเป็นโชคช่วยสำหรับฮินาตะเลยล่ะ
สองวันมานี้ การใช้ชีวิตของสาวนัยน์ตาไข่มุกแทบจะเปลี่ยนไปจากเดิมสุดขั้ว เพราะเหมือนว่าเธอไปฆ่าใครตาย แล้วต้องหลบการตามล่าจากตำรวจ ไม่ว่าจะเดินไปทางไหน เธอต้องคอยมองหาใครบางคนอยู่ตลอดเวลา ที่จริงเธอก็คิดว่าคนคนนั้นคงไม่มาหาเธออีก แต่ที่ไหนได้ เมื่อสองวันก่อนเธอเจอเขา รออยู่ใต้ตึก แต่โชคดีที่เธอเห็นเขาก่อน เธอจึงแกล้งลากเพื่อนอีกสามคนไปอีกทาง อีกวันในขณะที่เธอกำลังเดินอยู่ข้างถนน สายตาพลันไปเห็นชายคนนั้นเดินอยู่อีกฝั่ง หนำซ้ำดูท่าเขากำลังจะเดินข้ามถนนมาหาเธอ โชคดีที่มีรถขับผ่านมา เธอจึงใช้จังหวะนั้นใส่เกียร์หมาวิ่งหนีไป
และล่าสุดเมื่อตอนกลางวัน เธอเจอเขากำลังทานข้าวกับกลุ่มเพื่อนที่โรงอาหารใต้ตึกคณะของเธอ มันตลกไปหรือเปล่า ทั้งที่คณะวิศวะกับคณะบริหารอยู่ห่างไกลเกินสิบกิโล แต่ทำไมหลายวันมานี้เธอเจอเขาบ่อยยิ่งกว่าเพื่อนในคณะตัวเองซะอีก
ฮินาตะรีบเดินไปบอกเพื่อนสามสาวที่กำลังเข้าห้องน้ำอยู่ทันทีว่าคนในโรงอาหารเยอะมาก และชวนออกไปกินข้าวข้างนอก อยากจะร้องไชโยดังๆ เมื่อทุกคนตกลงเพราะเทนเทนอยากไปร้านที่อยู่นอกมหาลัยพอดี
วันหยุดเสาร์อาทิตย์นี้ ร่างบางวางแพลนไว้ว่าจะหยุดพักผ่อนอยู่บ้าน เพราะรู้สึกเหนื่อยล้ากับการระแวงหน้าระแวงหลังมาตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่แล้วเธอก็ต้องเปลี่ยนแผนจากการนอนดูทีวีอยู่บ้านทั้งวัน เป็นการย้ายเข้าสู่ที่อยู่ใหม่
คุณป้าของเธอย้ายที่ทำงานไปอยู่ต่างประเทศ และได้โทรมาหาแม่ของฮินาตะ ต้องการให้ฮินาตะไปอยู่ที่ห้องคอนโด เนื่องจากเห็นว่าคอนโดอยู่ใกล้กับมหาลัยของเธอ เพราะทุกวันนี้ฮินาตะต้องเทียวไปกลับระหว่างมหาลัยกับที่บ้าน หากวันไหนมีเรียนช่วงเช้า ฮินาตะต้องแหกขี้ตาตื่นตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง ที่จริงพ่อแม่ของเธอก็อยากจะให้ลูกพักที่ใกล้ๆกับมหาลัย แต่ด้วยราคาหอพักที่แสนแพง ทำให้ฮินาตะเลือกที่ยอมตื่นเช้า เพราะเธอก็เป็นคนที่ชอบตื่นเช้าอยู่ และเมื่อมีพี่สาวของแม่เธอจะให้เธอไปอยู่โดยฟรีๆ มีหรือที่จะปฏิเสธ เหตุนี้แม่ของเธอจึงตกลงทันทีที่จะให้ฮินาตะไปอยู่ดูแลห้องให้แทน
ข้อมือบางปาดเม็ดเหงื่อที่ก่อตัวบริเวณหน้าผาก ก่อนจะยกลังสุดท้ายขึ้นวางบนชั้นวางของ
ฮินาตะกวาดสายตามองทั่วห้องที่เธอเพิ่งจะย้ายของเข้ามาเมื่อสามชั่วโมงที่แล้ว รอยยิ้มบางปรากฏขึ้นเมื่อของทุกอย่างที่เธอนำมาถูกจัดไว้เป็นสัดส่วนอย่างเป็นระบบเรียบร้อย คุณป้าบอกให้เธอนำแค่เสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัวมาก็พอ เพราะมีเฟอร์นิเจอร์ครบทุกอย่าง ทำให้เธอไม่ต้องขนย้ายอะไรมามาก อีกทั้งห้องนี้สะอาดอยู่แล้ว เพราะป้าของเธอได้ให้แม่บ้านมาทำความสะอาดให้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว
Rrrrrrr
“ค่ะ คุณแม่” มือบางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหู มืออีกข้างเลื่อนประตูบานเลื่อนออก ก่อนจะเดินมาที่ระเบียงเพื่อยืนรับลมเย็นๆ สายตาทอดยาวมองวิวทิวทัศน์ แสงอาทิตย์สีส้มอมแดงที่กำลังจะตกดินสาดสองผ่านตึกต่างๆ
“เก็บของเสร็จหรือยังลูก”
“เสร็จแล้วค่ะ”
“แล้วเอาขนมที่แม่ไว้ในตู้เย็นไปให้ห้องข้างๆหรือยัง”
“อุ้ย! ยังค่ะ ลืมเลย”
“ให้ไวเลยนะเรา ย้ายมาอยู่ใหม่แบบนี้ ต้องไปทำความรู้จักกับข้างห้องไว้นะ เรายิ่งอยู่คนเดียวด้วย ยามเดือดร้อน จะได้ช่วยเหลือกันได้ รีบเอาไปให้เดี๋ยวนี้เลยนะ”
หมุนตัวกลับเข้าห้อง ตรงดิ่งไปที่ตู้เย็น ก่อนจะหยิบกล่องขนมที่ห่ออย่างดีออกมาสองกล่อง แม่ของเธอเป็นคนทำคุกกี้และบรรจงห่อเอง ไม่แปลกอะไรที่แม่ของเธอจะโกรธ เพราะก่อนที่ท่านจะกลับ ก็ย้ำแล้วย้ำอีกว่าอย่าลืมเอาไปให้ห้องข้างๆ
ห้องทางซ้ายก่อนละกัน
กดกริ่ง ยืนรอซักพักแต่ก็ไม่มีคนมา กดอีกครั้ง ยังไร้ซึ่งเสียงตอบกลับ
คงไม่มีคนอยู่ล่ะมั้ง
เดินมาหาห้องที่อยู่ติดทางขวา เอื้อมมือไปกดกริ่งสัญญาณ ไม่นานนักที่ใต้ประตูก็มีเงาดำๆ เกิดขึ้น เจ้าของห้องคงเดินมาส่องตาแมวที่ประตูดูว่าใครมาหา
ทำไมเธอ (หรือเขา) ไม่เปิดประตูซักทีนะ
ทั้งที่ยังมีเงาอยู่ใต้ประตูบ่งบอกว่าเจ้าของห้องยังยืนอยู่ที่เดิม หรือว่าเธอจะดูน่ากลัวจนเธอคนนั้น (หรือเขา) คิดว่าเธอเป็นคนไม่ดี
ฮินาตะจึงเอือมมือกดกริ่งอีกครั้ง และระบายยิ้มออกมาด้วยความเป็นมิตร หวังว่าเพื่อนข้างห้องคนนี้จะยอมเปิดประตูและออกมาทำความรู้จักกับเธอนะ
แกร๊ก!
ได้ผล ในที่สุดประตูก็เปิดออก
“สวัสดีค่ะ ฉันเพิ่งจะ...” ฮินาตะยืนยิ้มรอจนตาปิด และเอ่ยคำทักทายด้วยเสียงที่สดใส แต่แล้วรอยยิ้มนั่นก็หายไป เปลือกตาที่โค้งเป็นสระอิค่อยๆ เปิดออกจนเต็มดวงตา สายตาหยุดนิ่งที่ใบหน้าของเพื่อนข้างห้องคนนี้ เรี่ยวแรงที่มีพลันหายไปดื้อๆ มือไม้อ่อนจนกล่องคุกกี้ตกลงพื้นดังตุบ
ไม่ทันที่สมองจะสั่งการให้เธอวิ่ง ร่างบางถูกแรงกระชากดึงเข้ามาในห้อง ประตูที่เพิ่งเปิดออกได้ปิดลงและตามมาด้วยเสียงล็อค ฮินาตะเอื้อมมือหมายจะเปิดประตูอีกครั้งเพื่อหนี แต่แขนนั้นก็ถูกรวบไว้ด้วยมือหนาทั้งสองข้างพร้อมกับดันร่างบางให้หลังชิดติดผนัง ไร้ซึ่งหนทางหนี
“ปล่อยฉันนะ!” สะบัดแขนแรงจนสุดกำลัง แต่กลับไม่สะทกสะเทือนคนร่างหนาที่อยู่ตรงหน้าได้เลย
“คิดว่าฉันจะปล่อยเธอหรอ ฉันไปหาเธอตั้งหลายครั้ง ทำไมเธอถึงไม่มาหาฉัน” เสียงทุ้มต่ำเปล่งออกมาจากลำคอ ดวงตาสีฟ้าจ้องมองติดตามใบหน้าหวานโดยไม่ละสายตาจากเธอสักวิ อาทิตย์ที่แล้วเขาไปดักรอเจอเธอทุกวัน เพราะมีบางอย่างที่เขาต้องการจะรู้ แต่เจ้าตัวดันเล่นตลก ไม่ยอมมาพบเขา แถมยังหนีทุกครั้งที่เจอกัน และไม่คิดเลยว่าอยู่ๆเธอจะมายืนอยู่หน้าประตูห้อง ถึงจะอยากรู้ว่าเธอมาที่นี่ทำไมก็เถอะ แต่ช่างมัน เพราะมีบางอย่างที่ต้องเคลียร์กันก่อน
“ทะ ทำไมฉันจะต้องไปหาคุณด้วย” น้ำเสียงสั่นไหว มือไม้ยังสั่นไม่หยุดเพราะความกลัว คาดไม่ถึงเลยว่าคนที่เธอหนีมาตลอดหลายวันมานี้ จะมาอยู่ใกล้ๆ ติดกับห้องของเธอ นี่ฟ้าจะแกล้งเธอไปถึงไหนกัน
“เธอก็รู้เหตุผลนั่นดีนี่” นารูโตะยิ้มมุมปาก สายตายียวนดูเจ้าเล่ห์ เหตุผลที่เขาหมายถึงคือเหตุการณ์ที่เขาไม่เคยลืม นึกถึงทีไรก็พลานจะให้อารมณ์ตื่นขึ้นมาทุกที
“ไม่ ฉันไม่รู้ ปล่อยนะ!” สาวร่างบางดิ้นขลุกขลักหวังจะให้หลุดพ้นจากพันธนาการมือหนาทั้งสองข้าง แต่ยิ่งดิ้นเท่าไหร่ ร่างหนาก็ยิ่งใช้ร่างกายบดเบียดจนรู้สึกว่าทุกสัดส่วนแนบชิ้นจนแทบไม่เหลือช่องว่าง
“แน่ใจหรอว่าไม่รู้” ร่างบางขนลุกเกรียวเมื่อได้ยินเสียงกระซิบและลมหายใจแผ่วๆ ดังขึ้นข้างหู
“ฉะ ฉันไม่รู้จักคุณ แล้วฉันจะไปหาคุณทำไม”
ไม่ว่ากับใคร เธอก็โกหกไม่เนียนทุกที
“หึ นี่แกล้งความจำเสื่อมหรือไง” เสียงต่ำคำรามที่ดังออกมา บ่งบอกเลยว่าเขาไม่เชื่อเธอ
“ฉันไม่ได้ความจำเสื่อม”
“ไม่รู้จักฉันจริงหรอ”
“ใช่” แม้จะตอบกลับเสียงแข็ง และเพิ่มความมั่นใจว่าเธอพูดจริงๆ ด้วยการใช้สายตาแข็งกร้าว แต่สุดท้ายเธอก็พ่ายแพ้และเบือนหน้าหนีดวงตาสีฟ้าที่จ้องมองมาเหมือนหมาป่าที่จ้องจะเขมือเหยื่อ
“หึ” เสียงหัวเราะต่ำในลำคอที่เปล่งดังขึ้นมา ทำให้หญิงสาวที่อยู่ภายใต้อกกำยำ รู้สึกเสียวหวาบ ร่างทั้งร่างสั่นเทาด้วยความกลัว พร้อมกับจังหวะเต้นของตัวใจที่แทบจะทะลุออกนอกอก เหมือนกับเป็นลางร้ายบอกว่ากำลังจะมีบางอย่างเกิดขึ้น
“งั้นเรามาทบทวนความจำกันหน่อยดีมั้ย”
__________________
จบไปอีกตอนนึงแล้ว ขอโทษนะคะที่มาช้า ต่อไปจะพยายามอัพให้เร็วกว่านี้ ขอโทษจริงๆค่ะ
PS. Comment pls.
ความคิดเห็น