ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : คณะทูต
บทที่สอง
คณะทูต
"ไม่ดี"
คำตอบเรียบๆสั้นๆจากสองอำมาตย์ดังออกมาเเทบจะพร้อมกันหลังจากได้ยินเรื่องราวทั้งหมด ดวงตาคมกริบส่อเเววไม่สบายใจยอ่างหนักกับพระประสงค์ของนายเหนือหัว
"ข้าก็ว่าเเบบนั้น...."เสนาบดีสูงสุดเอามือเท้าคาง พลางทำงานกองพะเนินต่อไปโดยไม่สนใจมองหน้าคนฝั่งตรงข้าม หรือเเม้เเต่สนทนาเเบบที่คนมีมารยาทควรทำ
"ตอนนี้มีศึกจ่ออยู่ทั้งของโกกุเรียวเเละธิเบต ขึ้นมาสร้างเรื่องอะไรตอนนี้คงเหนื่อยกันเป็นเเถบเเน่นอน"อำมาตย์ฝ่ายซ้ายถอนหายใจยาว พาให้คนด้านข้างทำตามไปด้วย
ลำพังเเค่ตัวฝ่าบาทเองก็รุกรานชาวบ้านเขาไปทั่ว หนำซ้ำวิธีปกครองยังเเข็งกร้าวเเละเข้มงอดยิ่งนัก เเม้เเผ่นดินจะเป็นระเบยีบเเต่ก็สร้างความไม่พอใจเเก่ขุนนางส่วนมากที่ชื่นชมในทรัพย์สินเงินทอง
"นอกจากนั้นยังมีกรณีพิพาทเครื่องอดีตมเหสีอีกด้วย ทั้งเมืองของนางยังเป็นยุทธศาสตร์สำคัญในการรบ ความสัมพันธ์ตอนนี้ไม่ใคร่จะดีนักหรอกนะ"บาคุร่ายยาวด้วยความเหนื่อยหน่าย นับตั้งเเต่จบศึกไสยศาสตร์พิลึกพิลั่นพวกตนก็ไม่ได้หยุดพักผ่อนอะไรกันเลย มีเเต่จะเหนื่อยยิ่งขึ้นไปอีกเสียด้วยซ้ำ
"มีใครเห็นท่านรีเวอร์บ้าง?"มือที่อ่อนล้าจากการจับพู่กันตลอดวันวางลงอย่างหมดเรี่ยวเเรง ราวี่ตัดสินใจถามถึงทูตต่างเเดนเผื่อจะให้ช่วยงานได้บ้าง
"ไปรับคณะทูตครับ"เสียงตอบกลับมาจากกองหนังสือด้านหนัง พาให้เรียวคิ้วเลิกขึ้นเล็กน้อย
"เห็นว่าจะมาวันนี้ ข้าว่าท่านไม่ได้ขาดประชุมคราวก่อนหรอก"เจ้ามนตราหัวเราะหึหึ พลางยิ้มให้ทำเอาคนขาดประชุมหมดข้อเเก้ตัวไปโดยปริยาย
"เเล้วทำไมถึงต้องพากันออกไปทั้งหมดด้วยเล่า ปกติเห็นพาเเค่ทหารกับตัวเเทนไปเองไม่ใช่หรือ?"โคมุอิกล่าวขึ้นหลังจากนั่งขบคิดอะไรมานาน
"เห็นว่ามีราชนิกูลมาด้วยน่ะ องค์หญิงเอมิเลีย"
"พระธิดาองค์เล็กของราชินีน่ะรึ?"ดวงตาสันิลเบิกขึ้นเล้กน้อย ด้วยบุคคลที่มาเยือนค่อนข้างจะผิดความคราดหมายของตนไปมากนัก อีกครั้งที่บาคุหัวเราะให้
"นี่เเสดงว่าท่านเองก็โดดประชุมด้วยสินะ"
"ไม่ดี"
"ข้าก็ว่าเเบบนั้นล่ะครับ"ว่าที่มเหสีส่ายศรีษะไปมา ส่วนองค์หญิงคนงามฝั่งตรงข้ามกถอนหายใจยาวไม่เเพ้กัน บรรยากาศการพบปะงวดนี้ค่อนข้างอึมครึมเนื่องจากปัญหามารุมเร้ามากมาย โดยเฉพาะเรื่องของหิมะเเดงผู้นี้
"อันตรายนะ ไม่รู้ว่าจะมีคนปองร้ายหรือเปล่า"นานนักกว่าจะมีคนเอ่ยปากพูดทำลายความเงียบที่น่าอึดอัดครั้งนี้ ผู้มาเยือนไม่ตอบ เพียงเเต่ก้มหน้าลงเล็กน้อยเท่านั้น ดวงตาสีขี้เถ้าฉายเเววโศกเศร้าอยู่ลึกๆ หากเเต่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นจนบดบังมันไปสิ้น
"หากจะเป็นกำลังให้ฝ่าบาทได้ ข้าก็ไม่หวาดกลัวหรอกค่ะ"คำพูดใกล้ชิดที่คุ้นเคยถูกส่งออกมาจากริมฝีปากบาง
เเต่ทำไม...ถึงได้ฟังดูเหินห่างเหลือเกิน...
"คิดถึงตัวของเจ้าบ้างก็ดีนะ...."ดวงตาสีม่วงเข้มหรี่ลงเล็กน้อย ลำคอเเห้งผากพูดเบาๆพอให้ได้ยิน เเต่ความห่วงใยที่ถ่ายทอดมานั้นยิ่งใหญ่กว่าที่คาดคิด
หิมะเเดงเเย้มยิ้มบางๆ ชั่วครูที่ทั้งสองมองตากัน ไม่ต้องมีคำพูดใดเป็นสื่อ มีเพียงความเข้าใจเท่านั้นที่เชื่อมโยงความตั้งใจของเขาเอาไว้ ร่างบางลุกขึ้นเเล้วทำความเคารพเช่นทุกครั้ง ก่อนจะถอยออกมาโดยไร้ซึ่งคำอำลา ทิ้งให้ราชนิกูลสูงศักดฺเหม่อมองท้องฟ้าเพียงผู้เดียว....
ถ้าเป็นไปได้ ความหมายของเจ้า ข้าก็ไม่อยากจะเข้าใจเลย....
อันตรายกำลังคืบคลานเข้ามา....
"เป็นไปไม่ได้ หญิงสาวไร้ที่มาเช่นนั้นจะให้ดำรงถึงตำเเหน่งมเหสีได้อย่างไร!!"เสียงวิจารร์หนักหน่วงกระทบหูเป็นระยะ เหล่าผู้คนที่เกี่ยวข้องต่างต่อต้านบัญชานายเหนือหัวอย่างสุดกำลัง ไม่ว่าฏีกาหรือคำร้องเรียนถูกส่งเข้าวังไม่พ้นเเต่ละวัน
เเต่กระนั้น...ไม่มีวี่เเววที่ดวงตะวันจะเปลี่ยนใจ....
เขานั่งมองภาพความวุ่นวายด้านนนอกเงียบๆ ราวกับที่ๆตนเองอยู่นั้นเป็นคนละโลกกับเบื้องนอก ในวังเต็มไปด้วยอันตรายมากมาย เพราะลาภยศ สรรญเสริญทำให้ผู้คนหวังในทรัพย์สินเงินทอง ลุ่มหลงในรูปลักษณ์ภายนอก เเต่ในเขตของหมื่นเหมันต์กลับมีเเต่ความสงบเงียบ ธรรมชาติอันสวยงามถูกเเต่งเเต้มให้เป็นดั่งกำเเพงป้องกันจิตมุ่งร้ายจากภายนอก มีเพียงจัวเขาเเละนางกำนัลใกล้ชิดที่อาศัยอยู่ในตำหนักอันกว้างใหญ่
หมื่นเหมันต์....ดินเเดนเเห่งความหนาวเหน็บอันไร้จุดสิ้นสุด ตัวเรือนตั้งอยู่ใจกลางของสระน้ำขนาดใหญ่ มีต้นไม้ เเละภูเขาเป็นกำเเพง เหมือนกับดินเเดนเงียบงันที่ถูกซ่อนไว้ภายใต้หน้ากากของความรื่นเริงภายนอก
ยากเหลือเกินที่เด็กอายุเท่านี้จะต้องเเบกรับคำครหา ใส่ร้ายมากมาย ทั้งหน้าที่ของตนเองบีดคั้นจนเเทบจะลืมตัวตนที่เเท้จริง ซ่อนรูปภายใต้เปลือกนอกของหญิงงาม สง่างามเหมือนหงส์ เข็มเเข็งดุจมังกร นุ่มนวลเเละเยือกเย็นเหมือนกันหิมะ.....ให้สมกับตำเเหน่งสูงส่งของหยก
หากว่าได้นั่งบัลลังก์มเหสีเเล้ว รัตติกาลนี้คงมีดาวเพียงดวงเดียว.....อำนาจล้นฟ้าจะไม่ตกถึงมือผู้ใดอีก เพราะเป็นเช่นนี้จึงต้องเลือกเฟ้นผู้ที่เหมาะสม....
....คนที่ไม่มีวันทรยศตลอดกาล....
จึงเป็นเหม่ยเหนียง เเม้จะเลือนหายไป...เเต่ก็ไม่เคยที่จะทอดทิ้งผืนฟ้าให้อยู่อย่างเดียวดาย...
"นี่เป้นคำสาปของเจ้ารึไง..."มือเผลอบีบเข้าหากันอย่างไม่รู้ตัว เเท้จริงเเล้วในใจส่วนลึก ปวดร้าวยิ่งกว่าใคร...ถ้าหากมันจะเป็นคุณค่าเพียงหนึ่งเดียว...ข้าก็จะทำให้ดีที่สุด ภวังด์ความคิดมืดมนเริ่มเข้าครอบครุมใจอีกครั้ง
กึก!
"ใครน่ะ!"จิตใจที่เหม่อลอยคืนกลับมา ใบหน้างามสะบัดไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว ดวงตาสีขี้เถ้าเพ่งมองผู้มาใหม่อย่างถือตัว"ออกมาจากตรงนั้นซะ...."ริ้วผ้าม่านขยับขยุกขยิก เสียงเย็นเอ่ยนิ่งๆราวกับไม่เหลือเค้าของความอ่อนโยนในคำพูดเเม้เเต่น้อย
"ทิโมธี!!! นี่เข้ามาตามใจชอบไม่ได้นะ!!!"เสียงตะโกนสลับกับเสียงหอยหายใจเริ่มเล็ดลอดเข้าหู อเลนไม่ใช่คนโง่ เเขกคราวนี้คงเป็นผู้มีศักดิสูงกว่าตน มิฉะนั้นคงล่วงล้ำเข้าสู่เขตเเดนของหิมะนี้ไม่ได้โดยง่าย ครู่นึงที่ต้องนั่งฟังเสียงวิ่งอย่างร้อนรน ชายกระโปรงเเปลกตาก็ปรากฏให้เห็น
"เอมิลี่...."ดวงตากลมโตโผล่ออกมานอกผ้าม่านเนื้อดี เด็กชายในชุดต่างชาติโผเจ้ากอดหญิงสาวอย่างเเรง ดูเหมือนพวกนางจะไม่ได้สังเกตุเห็นเจ้าของบ้านที่นั่งเงียบมาตั้งเเต่เมื่อครู่"อย่าวิ่งเข้ามาเเบบนี้นะ มีคนอยู่หรือเปล่าก็ไม่รู้...ว๊าย!!!"
ดวงตาเบิกกว้างขึ้นเมื่อพบกับร่างของว่าที่มเหสี ดวงตาจ้องมองผมสีหิมะอย่างตกตะลึง ร่างบางมองกิริยาร้อนรนเงียบๆ โดยไม่ได้ขยับตัวเเต่อย่างใด ใบหน้าเรียบเฉยๆเริ่มทำให้อีกฝ่ายอึดอัด
"Although you not understand my language. It must sorry, a lot .My name is Amilia.His daughter in Her Majesty Queen of England.*"หญิงสาวจับชายกระโปรงของตนเองขึ้น ก่อจะย่อตัวลงตามประเพณี ทิ้งกิริยาตกใจเมื่อครู่ไปจนหมด เหลือเพียงความสง่างามเช่นผู้สูงศักดิ์ควรจะมี
"Never mind. I understand what you say."เสียงนิ่งเรียบตอบกลับไปด้วยภาษาเดียวกัน สร้างความเเปลกใจเป็นล้นพ้นเเก่ราชนิกูลต่างชาติ
"ไม่ต้องทำความเคารพหม่อมฉัน ท่านมีศักดิ์ที่สูงกว่า"ร่างสูงโปร่งลุกขึ้นจากเกาอี้ ก่อนจะย่อกายลงต่อหน้าอาคันตุกะต่างเเดน เเม้จะมีศักดิ์ต่ำกว่า เเต่กลับมีความน่ายำเกรงราวกับหิมะที่ไม่อาจเเตะต้อง...ไม่เช่นนั้นความเย็นจะกัดกินจนสิ้นใจ..."ข้าพูดภาษาของท่านไม่เก่งนัก...."สำเนียงเเปลกหูเอ่ยตะกุกตะกัก หิมะงามเพียงยิ้มให้"เช่นเดียวกับที่ข้าพูดภาษาของท่านไม่ได้"เขาเอ่ยวาจาด้วยความถ่อมตน
"คงจะมีคนตามหาท่านอยู่ หม่อมฉันจะไปส่ง หมื่นเหมันต์ซับซ้อนยากที่ผู้มาครั้งเเรกจะหาทางออกได้ถูกต้อง"มือเรียวผายไปยังประตู้ไม้ที่เปิดอ้าอยู่ เอมีเลียพยักหน้าสองสามครั้ง ปล่อยให้เจ้าของเรือนผมต้องสาปเดินนำไป เด็กชายที่หายจากความหวาดกลัววิ่งเล่นเลาะไปตามทางเดินจวบจนถึงทางออก
"ท่านเอมีเลีย!! หม่อมฉันตกใจนึกว่าท่านทรงหายไปไหน!!"ข้ารับใช้หลายคนยิ้มด้วยความดีใจ ก่อนจะเข้ามารุมล้อมองค์หญิงผมทอง หนึ่งในนั้นหันมามองทางเขาด้วยเเววตาที่เเฝงความหวาดกลัว เสียงเจี๊ยวจ๊าวเริ่มเงียบลงเหลือบรรยากาศอึดอัดเช่นเดิม
"ข้าคงส่งท่านได้เพียงเท่านี้...ขออภัย เเต่ต่อจากนี้ท่านต้องเดินเท้าโดยไม่มีข้า"อเลนเมินเฉยต่อสายตาของหญิงสาวหลายคน ร่างที่สูงกว่าคำนับลา"ทำไมล่ะ...?"
"เพราะข้าออกจากที่นี่ไม่ได้"ริมฝีปากสีกุหลาบเเย้มยิ้ม ก่อนจะวางมือลงบนเสาไม้ใกล้ตัว สายลมหนาวเเรกพัดผ่านกายดังวีดหวิว ราวกับหมื่นเหมันต์ร้องเรียกหานายที่หายไป"ข้าจะ...มาพบเจ้าอีกได้มั้ย?"เสียงหวานถามกระท่อนกระเเท่น
"ตามเเต่ที่ท่านต้องการ หม่อมฉันจะรอ"เขายิ้มรับได้ ก่อนจะมองกลุ่มคนที่เริ่มไกลออกไป
ชุดน่าอึดอัดเเผ่กระจายเต็มเบาะนั่ง เกี้ยวเรือนใหญ่ไม่เพียงพอสำหรับนาง ชุดยุโรปรุ่มรามทำให้พื้นไม้ดูเล็กลงไปถนัดตา "มีอะไรเหรอ?"เอมีเลียถามข้ารับใช้ฝั่งตรงข้ามเมื่อเกี้ยวที่โคลงเคลงหยุดลง
"ขบวนเสด็จเพคะ ของฝ่าบาท..."นางกำนัลลอบมองออกไปนอกหน้าต่างบานเล็กที่ถูกปิดด้วยผ้าม่าน กลุ่มคนขนาดใหญ่เดินเท้าผ่านไปอย่างเชื่องช้า ทั้งผู้หญิงผู้ชายต่างถือห่อผ้าเเพรพันมากมาย"คงจะไปหานาง..."
"คนที่เราเพิ่งจากมางั้นหรือ?"ดวงตาสีฟ้าใสเหลือบมองหนทางเบื้องหลัง"เพคะ..."ท่าทีไม่สบายใจของข้ารองบาทถูกมองผ่านอย่างไม่สนใจ เสียงใสเริ่มถามต่อด้วยความสนุกสนานในตัวของสหายใหม่
"เเล้วนางเป็นใครงั้นหรือ? เหตุใดเเม้เเต่ฝ่าบาทยังสนใจนัก?"
"....เพียงเเค่คนตายเพคะ"
- - - - - - - - - - - - - - - - - -
*อนึ่งภาษาอังกฤษห่วยเเตก เเปลโดยอากู๋(กูเกิ้ล)
คณะทูต
"ไม่ดี"
คำตอบเรียบๆสั้นๆจากสองอำมาตย์ดังออกมาเเทบจะพร้อมกันหลังจากได้ยินเรื่องราวทั้งหมด ดวงตาคมกริบส่อเเววไม่สบายใจยอ่างหนักกับพระประสงค์ของนายเหนือหัว
"ข้าก็ว่าเเบบนั้น...."เสนาบดีสูงสุดเอามือเท้าคาง พลางทำงานกองพะเนินต่อไปโดยไม่สนใจมองหน้าคนฝั่งตรงข้าม หรือเเม้เเต่สนทนาเเบบที่คนมีมารยาทควรทำ
"ตอนนี้มีศึกจ่ออยู่ทั้งของโกกุเรียวเเละธิเบต ขึ้นมาสร้างเรื่องอะไรตอนนี้คงเหนื่อยกันเป็นเเถบเเน่นอน"อำมาตย์ฝ่ายซ้ายถอนหายใจยาว พาให้คนด้านข้างทำตามไปด้วย
ลำพังเเค่ตัวฝ่าบาทเองก็รุกรานชาวบ้านเขาไปทั่ว หนำซ้ำวิธีปกครองยังเเข็งกร้าวเเละเข้มงอดยิ่งนัก เเม้เเผ่นดินจะเป็นระเบยีบเเต่ก็สร้างความไม่พอใจเเก่ขุนนางส่วนมากที่ชื่นชมในทรัพย์สินเงินทอง
"นอกจากนั้นยังมีกรณีพิพาทเครื่องอดีตมเหสีอีกด้วย ทั้งเมืองของนางยังเป็นยุทธศาสตร์สำคัญในการรบ ความสัมพันธ์ตอนนี้ไม่ใคร่จะดีนักหรอกนะ"บาคุร่ายยาวด้วยความเหนื่อยหน่าย นับตั้งเเต่จบศึกไสยศาสตร์พิลึกพิลั่นพวกตนก็ไม่ได้หยุดพักผ่อนอะไรกันเลย มีเเต่จะเหนื่อยยิ่งขึ้นไปอีกเสียด้วยซ้ำ
"มีใครเห็นท่านรีเวอร์บ้าง?"มือที่อ่อนล้าจากการจับพู่กันตลอดวันวางลงอย่างหมดเรี่ยวเเรง ราวี่ตัดสินใจถามถึงทูตต่างเเดนเผื่อจะให้ช่วยงานได้บ้าง
"ไปรับคณะทูตครับ"เสียงตอบกลับมาจากกองหนังสือด้านหนัง พาให้เรียวคิ้วเลิกขึ้นเล็กน้อย
"เห็นว่าจะมาวันนี้ ข้าว่าท่านไม่ได้ขาดประชุมคราวก่อนหรอก"เจ้ามนตราหัวเราะหึหึ พลางยิ้มให้ทำเอาคนขาดประชุมหมดข้อเเก้ตัวไปโดยปริยาย
"เเล้วทำไมถึงต้องพากันออกไปทั้งหมดด้วยเล่า ปกติเห็นพาเเค่ทหารกับตัวเเทนไปเองไม่ใช่หรือ?"โคมุอิกล่าวขึ้นหลังจากนั่งขบคิดอะไรมานาน
"เห็นว่ามีราชนิกูลมาด้วยน่ะ องค์หญิงเอมิเลีย"
"พระธิดาองค์เล็กของราชินีน่ะรึ?"ดวงตาสันิลเบิกขึ้นเล้กน้อย ด้วยบุคคลที่มาเยือนค่อนข้างจะผิดความคราดหมายของตนไปมากนัก อีกครั้งที่บาคุหัวเราะให้
"นี่เเสดงว่าท่านเองก็โดดประชุมด้วยสินะ"
"ไม่ดี"
"ข้าก็ว่าเเบบนั้นล่ะครับ"ว่าที่มเหสีส่ายศรีษะไปมา ส่วนองค์หญิงคนงามฝั่งตรงข้ามกถอนหายใจยาวไม่เเพ้กัน บรรยากาศการพบปะงวดนี้ค่อนข้างอึมครึมเนื่องจากปัญหามารุมเร้ามากมาย โดยเฉพาะเรื่องของหิมะเเดงผู้นี้
"อันตรายนะ ไม่รู้ว่าจะมีคนปองร้ายหรือเปล่า"นานนักกว่าจะมีคนเอ่ยปากพูดทำลายความเงียบที่น่าอึดอัดครั้งนี้ ผู้มาเยือนไม่ตอบ เพียงเเต่ก้มหน้าลงเล็กน้อยเท่านั้น ดวงตาสีขี้เถ้าฉายเเววโศกเศร้าอยู่ลึกๆ หากเเต่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นจนบดบังมันไปสิ้น
"หากจะเป็นกำลังให้ฝ่าบาทได้ ข้าก็ไม่หวาดกลัวหรอกค่ะ"คำพูดใกล้ชิดที่คุ้นเคยถูกส่งออกมาจากริมฝีปากบาง
เเต่ทำไม...ถึงได้ฟังดูเหินห่างเหลือเกิน...
"คิดถึงตัวของเจ้าบ้างก็ดีนะ...."ดวงตาสีม่วงเข้มหรี่ลงเล็กน้อย ลำคอเเห้งผากพูดเบาๆพอให้ได้ยิน เเต่ความห่วงใยที่ถ่ายทอดมานั้นยิ่งใหญ่กว่าที่คาดคิด
หิมะเเดงเเย้มยิ้มบางๆ ชั่วครูที่ทั้งสองมองตากัน ไม่ต้องมีคำพูดใดเป็นสื่อ มีเพียงความเข้าใจเท่านั้นที่เชื่อมโยงความตั้งใจของเขาเอาไว้ ร่างบางลุกขึ้นเเล้วทำความเคารพเช่นทุกครั้ง ก่อนจะถอยออกมาโดยไร้ซึ่งคำอำลา ทิ้งให้ราชนิกูลสูงศักดฺเหม่อมองท้องฟ้าเพียงผู้เดียว....
ถ้าเป็นไปได้ ความหมายของเจ้า ข้าก็ไม่อยากจะเข้าใจเลย....
อันตรายกำลังคืบคลานเข้ามา....
"เป็นไปไม่ได้ หญิงสาวไร้ที่มาเช่นนั้นจะให้ดำรงถึงตำเเหน่งมเหสีได้อย่างไร!!"เสียงวิจารร์หนักหน่วงกระทบหูเป็นระยะ เหล่าผู้คนที่เกี่ยวข้องต่างต่อต้านบัญชานายเหนือหัวอย่างสุดกำลัง ไม่ว่าฏีกาหรือคำร้องเรียนถูกส่งเข้าวังไม่พ้นเเต่ละวัน
เเต่กระนั้น...ไม่มีวี่เเววที่ดวงตะวันจะเปลี่ยนใจ....
เขานั่งมองภาพความวุ่นวายด้านนนอกเงียบๆ ราวกับที่ๆตนเองอยู่นั้นเป็นคนละโลกกับเบื้องนอก ในวังเต็มไปด้วยอันตรายมากมาย เพราะลาภยศ สรรญเสริญทำให้ผู้คนหวังในทรัพย์สินเงินทอง ลุ่มหลงในรูปลักษณ์ภายนอก เเต่ในเขตของหมื่นเหมันต์กลับมีเเต่ความสงบเงียบ ธรรมชาติอันสวยงามถูกเเต่งเเต้มให้เป็นดั่งกำเเพงป้องกันจิตมุ่งร้ายจากภายนอก มีเพียงจัวเขาเเละนางกำนัลใกล้ชิดที่อาศัยอยู่ในตำหนักอันกว้างใหญ่
หมื่นเหมันต์....ดินเเดนเเห่งความหนาวเหน็บอันไร้จุดสิ้นสุด ตัวเรือนตั้งอยู่ใจกลางของสระน้ำขนาดใหญ่ มีต้นไม้ เเละภูเขาเป็นกำเเพง เหมือนกับดินเเดนเงียบงันที่ถูกซ่อนไว้ภายใต้หน้ากากของความรื่นเริงภายนอก
ยากเหลือเกินที่เด็กอายุเท่านี้จะต้องเเบกรับคำครหา ใส่ร้ายมากมาย ทั้งหน้าที่ของตนเองบีดคั้นจนเเทบจะลืมตัวตนที่เเท้จริง ซ่อนรูปภายใต้เปลือกนอกของหญิงงาม สง่างามเหมือนหงส์ เข็มเเข็งดุจมังกร นุ่มนวลเเละเยือกเย็นเหมือนกันหิมะ.....ให้สมกับตำเเหน่งสูงส่งของหยก
หากว่าได้นั่งบัลลังก์มเหสีเเล้ว รัตติกาลนี้คงมีดาวเพียงดวงเดียว.....อำนาจล้นฟ้าจะไม่ตกถึงมือผู้ใดอีก เพราะเป็นเช่นนี้จึงต้องเลือกเฟ้นผู้ที่เหมาะสม....
....คนที่ไม่มีวันทรยศตลอดกาล....
จึงเป็นเหม่ยเหนียง เเม้จะเลือนหายไป...เเต่ก็ไม่เคยที่จะทอดทิ้งผืนฟ้าให้อยู่อย่างเดียวดาย...
"นี่เป้นคำสาปของเจ้ารึไง..."มือเผลอบีบเข้าหากันอย่างไม่รู้ตัว เเท้จริงเเล้วในใจส่วนลึก ปวดร้าวยิ่งกว่าใคร...ถ้าหากมันจะเป็นคุณค่าเพียงหนึ่งเดียว...ข้าก็จะทำให้ดีที่สุด ภวังด์ความคิดมืดมนเริ่มเข้าครอบครุมใจอีกครั้ง
กึก!
"ใครน่ะ!"จิตใจที่เหม่อลอยคืนกลับมา ใบหน้างามสะบัดไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว ดวงตาสีขี้เถ้าเพ่งมองผู้มาใหม่อย่างถือตัว"ออกมาจากตรงนั้นซะ...."ริ้วผ้าม่านขยับขยุกขยิก เสียงเย็นเอ่ยนิ่งๆราวกับไม่เหลือเค้าของความอ่อนโยนในคำพูดเเม้เเต่น้อย
"ทิโมธี!!! นี่เข้ามาตามใจชอบไม่ได้นะ!!!"เสียงตะโกนสลับกับเสียงหอยหายใจเริ่มเล็ดลอดเข้าหู อเลนไม่ใช่คนโง่ เเขกคราวนี้คงเป็นผู้มีศักดิสูงกว่าตน มิฉะนั้นคงล่วงล้ำเข้าสู่เขตเเดนของหิมะนี้ไม่ได้โดยง่าย ครู่นึงที่ต้องนั่งฟังเสียงวิ่งอย่างร้อนรน ชายกระโปรงเเปลกตาก็ปรากฏให้เห็น
"เอมิลี่...."ดวงตากลมโตโผล่ออกมานอกผ้าม่านเนื้อดี เด็กชายในชุดต่างชาติโผเจ้ากอดหญิงสาวอย่างเเรง ดูเหมือนพวกนางจะไม่ได้สังเกตุเห็นเจ้าของบ้านที่นั่งเงียบมาตั้งเเต่เมื่อครู่"อย่าวิ่งเข้ามาเเบบนี้นะ มีคนอยู่หรือเปล่าก็ไม่รู้...ว๊าย!!!"
ดวงตาเบิกกว้างขึ้นเมื่อพบกับร่างของว่าที่มเหสี ดวงตาจ้องมองผมสีหิมะอย่างตกตะลึง ร่างบางมองกิริยาร้อนรนเงียบๆ โดยไม่ได้ขยับตัวเเต่อย่างใด ใบหน้าเรียบเฉยๆเริ่มทำให้อีกฝ่ายอึดอัด
"Although you not understand my language. It must sorry, a lot .My name is Amilia.His daughter in Her Majesty Queen of England.*"หญิงสาวจับชายกระโปรงของตนเองขึ้น ก่อจะย่อตัวลงตามประเพณี ทิ้งกิริยาตกใจเมื่อครู่ไปจนหมด เหลือเพียงความสง่างามเช่นผู้สูงศักดิ์ควรจะมี
"Never mind. I understand what you say."เสียงนิ่งเรียบตอบกลับไปด้วยภาษาเดียวกัน สร้างความเเปลกใจเป็นล้นพ้นเเก่ราชนิกูลต่างชาติ
"ไม่ต้องทำความเคารพหม่อมฉัน ท่านมีศักดิ์ที่สูงกว่า"ร่างสูงโปร่งลุกขึ้นจากเกาอี้ ก่อนจะย่อกายลงต่อหน้าอาคันตุกะต่างเเดน เเม้จะมีศักดิ์ต่ำกว่า เเต่กลับมีความน่ายำเกรงราวกับหิมะที่ไม่อาจเเตะต้อง...ไม่เช่นนั้นความเย็นจะกัดกินจนสิ้นใจ..."ข้าพูดภาษาของท่านไม่เก่งนัก...."สำเนียงเเปลกหูเอ่ยตะกุกตะกัก หิมะงามเพียงยิ้มให้"เช่นเดียวกับที่ข้าพูดภาษาของท่านไม่ได้"เขาเอ่ยวาจาด้วยความถ่อมตน
"คงจะมีคนตามหาท่านอยู่ หม่อมฉันจะไปส่ง หมื่นเหมันต์ซับซ้อนยากที่ผู้มาครั้งเเรกจะหาทางออกได้ถูกต้อง"มือเรียวผายไปยังประตู้ไม้ที่เปิดอ้าอยู่ เอมีเลียพยักหน้าสองสามครั้ง ปล่อยให้เจ้าของเรือนผมต้องสาปเดินนำไป เด็กชายที่หายจากความหวาดกลัววิ่งเล่นเลาะไปตามทางเดินจวบจนถึงทางออก
"ท่านเอมีเลีย!! หม่อมฉันตกใจนึกว่าท่านทรงหายไปไหน!!"ข้ารับใช้หลายคนยิ้มด้วยความดีใจ ก่อนจะเข้ามารุมล้อมองค์หญิงผมทอง หนึ่งในนั้นหันมามองทางเขาด้วยเเววตาที่เเฝงความหวาดกลัว เสียงเจี๊ยวจ๊าวเริ่มเงียบลงเหลือบรรยากาศอึดอัดเช่นเดิม
"ข้าคงส่งท่านได้เพียงเท่านี้...ขออภัย เเต่ต่อจากนี้ท่านต้องเดินเท้าโดยไม่มีข้า"อเลนเมินเฉยต่อสายตาของหญิงสาวหลายคน ร่างที่สูงกว่าคำนับลา"ทำไมล่ะ...?"
"เพราะข้าออกจากที่นี่ไม่ได้"ริมฝีปากสีกุหลาบเเย้มยิ้ม ก่อนจะวางมือลงบนเสาไม้ใกล้ตัว สายลมหนาวเเรกพัดผ่านกายดังวีดหวิว ราวกับหมื่นเหมันต์ร้องเรียกหานายที่หายไป"ข้าจะ...มาพบเจ้าอีกได้มั้ย?"เสียงหวานถามกระท่อนกระเเท่น
"ตามเเต่ที่ท่านต้องการ หม่อมฉันจะรอ"เขายิ้มรับได้ ก่อนจะมองกลุ่มคนที่เริ่มไกลออกไป
ชุดน่าอึดอัดเเผ่กระจายเต็มเบาะนั่ง เกี้ยวเรือนใหญ่ไม่เพียงพอสำหรับนาง ชุดยุโรปรุ่มรามทำให้พื้นไม้ดูเล็กลงไปถนัดตา "มีอะไรเหรอ?"เอมีเลียถามข้ารับใช้ฝั่งตรงข้ามเมื่อเกี้ยวที่โคลงเคลงหยุดลง
"ขบวนเสด็จเพคะ ของฝ่าบาท..."นางกำนัลลอบมองออกไปนอกหน้าต่างบานเล็กที่ถูกปิดด้วยผ้าม่าน กลุ่มคนขนาดใหญ่เดินเท้าผ่านไปอย่างเชื่องช้า ทั้งผู้หญิงผู้ชายต่างถือห่อผ้าเเพรพันมากมาย"คงจะไปหานาง..."
"คนที่เราเพิ่งจากมางั้นหรือ?"ดวงตาสีฟ้าใสเหลือบมองหนทางเบื้องหลัง"เพคะ..."ท่าทีไม่สบายใจของข้ารองบาทถูกมองผ่านอย่างไม่สนใจ เสียงใสเริ่มถามต่อด้วยความสนุกสนานในตัวของสหายใหม่
"เเล้วนางเป็นใครงั้นหรือ? เหตุใดเเม้เเต่ฝ่าบาทยังสนใจนัก?"
"....เพียงเเค่คนตายเพคะ"
- - - - - - - - - - - - - - - - - -
*อนึ่งภาษาอังกฤษห่วยเเตก เเปลโดยอากู๋(กูเกิ้ล)
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น