ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    D.Gray-Man[Fiction]-:-Sound of the legend-:- I I

    ลำดับตอนที่ #1 : ดอกไม้งาม

    • อัปเดตล่าสุด 27 มี.ค. 52



    ผู้ใดมิด้อ่านภาคเเรกกรุณากลับไปอ่านก่อน ส่วนคนที่อ่านเเล้วก็เอนจอยต่อไป- -

    มีการปรับปรุงคำพูดให้เข้ากับยุดสมัยเล็กน้อยน่อ อาจจะเห็นว่าภาคก่อนฟิลมั่วๆเพราะคำบรรยายเหมือนขี่ม้าผ่าเวลาไปๆมาๆ

    http://writer.dek-d.com/aimsior/writer/view.php?id=401975
    ----------------------------------------------------------------------------------------------


    บทที่ 1
    ดอกไม้งาม



    สายลมเย็นๆพัดผ่านกาย ชายผ้าพลิ้วบางปลิวระพื้นเต็มไปหมด สตรีหลายนางคุยเล่นกันอย่างสุกสนานดูเเล้วช่างเป็นสถานที่ที่มีชีวิตชีวา สถาปัตยกรรมงดงามเลอค่าถูกสร้างอย่างอลังการ ไม่ว่าใครก็ล้วนอยากสัมผัสสักครา เเต่กระนั้นก็ยังมีร่างหนึ่งปลีกตัวออกไปอยู่อย่างสงบ โดยไม่สนใจกับสิ่งของยั่วตาตรงหน้า


    ดวงตาเหม่อมองออกไปยังท้องฟ้าด้านนนอก กลีบดอกไม้ที่ร่วงโรยลอยละล่องไปในสายลมชวนมอง จนไม่รับรู้ว่ามีใครคนนึงกำลังมา

    "ชินรึยัง?"เสียงเเหบห้าว เเต่เเฝงไปด้วยความอ่อนโยนเอ่ยถามเงียบ ร่างที่นั่งอยู่เพียงเเค่ยิ้มบางๆเเล้วหันกลับมา ไม่ได้เเปลกใจเเต่อย่างใด

    "กับเเขนหรือกับที่นี่ล่ะเจ้าคะ?"นวลนางยิ้มให้ ก่อนจะผายมือภายใต้เเขนเสื้อยาวกรุยกรายเป็นเชิงอณุญาติ

    "ก็เเล้วเเต่ ข้าหมายถึงกับตัวเองน่ะ"ชายหนุ่มทรดตัวนั่งลงตรงข้ามกับเจ้าของสถานที่

    "ท่านเข้ามาได้ยังไง?"ถ้วยชาขลิบทองถูกวางลงตรงหน้าด้วยกิริยาเเช่มช้อยสมเป็นกุลสตรี คนด้านหน้าหัวเราะหึหึก่อนจะตอบกลับไป

    "หยก"

    "ข้าก็คิดอยู่เเล้ว ทำไมเสนาบดีขี้หลีอย่างท่านไม่ไปหาผู้หญิงเเต่กลับมาหาข้าเเทนล่ะครับ?"ดวงตาสีขี้เถ้าช้อนมองขึ้นไป คำลงท้ายถูกเปลี่ยนให้เหมาะสมกับตนยิ่งขึ้น ทำเอาเสนาบดีขี้หลีสำลักเล็กน้อย

    "จะบ้าเหรอ ขืนทำเเบบนั้นเจ้ายูมันคงเอาดาบเฉาะหัวพอดี"...เอาเข้าเถอะ ข้าก็เห็นท่านเหล่อยู่เรื่อยๆนั่นเเหล่ะ ร่างบางคิดในใจ

    "เเล้วมานี่มีธุระอะไรล่ะครับ?"เขาพูดตัดบท

    "ยูให้มาตาม เห็นว่ามีธุระ"ดวงตาคู่งามหรี่ลงเล็กน้อย...ฝ่าบาทน่ะเหรอ?

    "เข้าใจเเล้ว มิรันด้าช่วยเอาพิณไปเก็บทีนะครับ"มือเรียวยกพิณให้สาวใช้ข้างตัว ก่อนจะลุกยืนขึ้นพร้อมกันเสนาบดีหนุ่ม


    ร่างสองร่างเดินออกมาท่ามกลางสายตามากมายที่จับจ้องว่าจะชินก็ชินเเล้ว ด้วยสีผมอันเเปลกประหลาดทำให้ถูกครหาอยู่เรื่อยๆ เกือบหนึ่งปีเเล้วที่มาอยู่ที่นี่ ทำให้หลายๆอย่างในตัวเขาเปลี่ยนไปมากจริงๆ

    "นั่นน่ะเหรอเหม่ยเหนียง?"เสียงพูดคุยเบาๆยังดังเข้าโสตอยู่เป็นระยะ เเต่เด็กหนุ่มก็เลือกที่จะไม่สนใจ

    "ใช่ อู่จ้าวไง ผู้หญิงที่เคยนั่งบัลลังก์พระมเหสีน่ะ"

    "ก็นางนั่นเเหล่ะทำให้พระมเหสีโดนปลด"

    "ต๊าย ใช้ไสยศาสตร์รึเปล่าก็ไม่รู้ เส้นผมของนางน่ากลัวจริงๆ"

    "ว่าไปนางขึ้นชื่อว่าเหม่ยเหนียงเชียวนะ ข้าล่ะยังไม่เคยเห็นใกล้เลยท่าจะสวยมาก"

    "ก็เห็นว่ามีหยกเบิกฟ้าอยู่ด้วยนี่"

    "อะไรนะ พระมเหสียังไม่มีเลยนี่เนอะ"

    หญิงสาวหลายกลุ่มพูดกันอย่่างสนุกสนาน เป็นปรกติเช่นทุกวัน สำหรับคนที่ถูกรังเกียจมาชั่วชีวิตอย่างเขาเเล้วไม่ได้เป็นปัญหาเเต่อย่างใด ต่อให้ถูกเรียนว่าเหม่ยเหนียงมันก็เริ่มชินชาเสียเเล้ว

    "โอ้โหสาวๆนี่เจี๊ยวจ๊าวจริงๆ ไม่กลัวโดนบั่นคอกันรึไงนะ?"ราวี่พึมพำเบาๆ พลางกวาดสายตามองไปทั่ว

    "มันเป็นเรื่องปกติของตำหนักในครับ"เจ้าของนามเอ่ยตอบเบาพอๆกัน

    "เจ้าไม่โกรธบ้างเหรอ?เเผ่นหลังเบื้องหน้าเริ่มห่างมากขึ้น ขาเรียวก้าวฉับๆอย่างคล่องเเคล่วต่างกับสตรีทั่วไป คำถามทำให้เจ้าตัวชะงักได้เล็กน้อย ใบหน้าเกลี้ยงเกลาหันมาตอบด้านสีหน้าเรียบเฉย

    "ข้าไม่คิดจะฟังคำพูดของคนไร้สมองหรอกครับ"







    "หึหึ งั้นเรอะ? เจ้านั่นมีวิวัฒนาการขึ้นนี่"เสียงทุ้มเรียบหัสเราะในลำคอพลางมองเพื่อนรักอย่างสะใจ

    "ขอโทษทีเถอะ เเบบนี้มันไม่เรียกว่าพัฒนาการหรอกนะ"หมวกเสนาบดีถูกโยนเเหมะลงกับโต๊ะอย่างอารมณ์เสีย ดวงตาหรี่จ้องคนตรงหน้าเเบบที่คงไม่มีใครกล้าทำ

    "คิดว่าข้าขลุกอยู่ที่ตำหนักในมาเกือบปีได้อะไรมากบ้างละครับ?"อู่จ้าวหรืออเลน เด็กหนุ่มที่ถูกขายเเลกค่าเหล้าของอาจารย์สุดที่รักหัวเราะเงียบๆ

    "สวยขึ้นมั้ง?"ราวี่หยอกกลับไป สักพักก็ได้ขนมชิ้นหนึ่งประเคนกลับมาให้

    "ตลกมาก"ร่างสูงปัดเศษขนมออกจากหัวเอง นัยตาค้อนเป็นความหมายว่า 'เจ้าอยู่หมื่นเหมันต์ไม่ใช่เรอะ'

    "ข้าเป็นผู้ชายครับ"ถึงดูภายนอกจะไม่ใช่เเละไม่ใกล้เคียงเลยก็เถอะ

    "มีอะไรรีบว่ามาเถอะยู ข้ายังมีงานนะ"ชายหนุ่มเลิกที่จะเถียงกับคนอยู่ตำหนักในหันมาเค้นเอาเรื่องกับนายเหนือหัวเเทน

    "ก็ไม่มีอะไร เผอิญกะว่าจะตั้งเจ้าเป็นมเหสีเท่านั้นเเหล่ะ"เจ้าของผมสีรัตติกาลสะบัดพู่กันอย่างสบายอารมณ์

    "มีปัญหาอะไรมั้ย?"

    เงียบ......







    "มีมากๆเลยล่ะท่าน!!!"สองเสียงโวยวายขึ้นมาพร้อมกัน คนสร้างปัยหาเพียงเเค่เอานิ้วอุดหูด้วยสีหน้าเรียบเฉยเท่านั้น

    "เจ้าจะบ้าเหรอยู คิดว่าพวกขุนนางจะยอมเหรอ!"

    "ไม่ยอมเเน่ พวกนันอยากใฃได้ใครมาเป็นเส้นสายเพิ่มอำนาจให้ตัวเอง ตอนนี้จะเเต่งกับใครมันก็เสี่ยงทั้งนั้นนั่นเเหล่ะ"ดวงตาคมกริบสบกันนัยตาสีมรกต ราวกับจะถ่ายทอดความคิดต่างๆให้รู้

    "หรือเจ้าจะให้ข้าเเต่งกับรินารี่?"ลีกงจู้เป็นอีกคนที่ไม่มีปัญหาหากว่าจะเเต่ง เเต่ยูคงไม่ยอม รู้ๆกันอยู่ว่าสองคนนี้รู้จักกันมาตั้งเเต่เล็กรักกันเหมือนพี่น้อง เพื่อนสนิท ไม่มีทางที่ยูจะยอม

    "เเต่ยังไงก็เป็นอเลนไม่ได้ ลองคิดดูสิว่ามันจะอันตรายเเค่ไหน?"คนข้างตัวยังนั่งเงียบราวกับตกลงสู่ห้วงภวังด์ลึก นัยตาต้องสาปนิ่งสงบไม่ได้เหลียวมองใคร ไม่เเตกตื่นกับสิ่งที่เจ้าชีวิตได้พูดออกมา

    "หากว่าเป็นเจ้าน่าจะทำได้ใช่ไหม?"คันดะไม่สนใจคำโวยวายของราวี่เเต่หันมาถามเจ้าตัวเองตรงๆ

    "หากว่าเป็นเหม่ยเหนียงล่ะก็?"

    ใช่....ข้าก็อยู่ในฐานะนี้ไม่ใช่เหรอ?

    ข้าเป้นเจ้า....







    "น่าเเปลกที่ท่านขึ้นเรือมาด้วยตนเอง"สำเนียงต่างถิ่นดังขึ้นในความมืดของมุมห้อง เเสงเทียนสลัวๆตัดกับท้องฟ้ายามราตรีด้านนนอก

    "ไม่เป็นไรหรอก ตอนนี้เเผ่นดินอุดมสมบูรณ์กำลังรอเราอยุ่ อีกทั้งบัลลังก์ของควีนก็ยังว่าง..."น้ำสีม่วงเเดงในเเก้วๆกระฉอกไปมาตามหารโคลงเคลงของเรือ

    "หมายความว่า..."

    "ให้ดัชเชสเอมิลี่ขึ้นเป้นควีน เเล้วก็ตีให้เเตกซะ ก็เท่านั้นเอง.."เเผ่นดินตะวันออกที่มากไปด้วยทรัพย์สมบัติ จะต้องเป็นของจักรวรรดิเรา!

    ---------------------------------------------------------------------------------------

    เอมิลี่เป็นตัวละครในตอนที่ 170 ขึ้นไป ใครไม่ได้ติดตามสปอยล์ก็หาอ่านซะนะ


    สุดท้ายนี้ เรื่องนี้ใช้อัศเจรีย์น้อยดีจริงๆ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×