คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : ความรู้สึกที่ไม่มีชื่อเรียก 100%
ตื้ดดดดดด
ตื้ดดดดดดดดด
มือจองกุกควานหาโทรศัพท์มือถือในช่วงเช้ามืดของวันรุ่งขึ้น เห็นเบอร์ที่ไม่ค่อยคุ้นโชว์บนหน้าจอคิ้วหนาก็ขมวดขึ้นก่อนกดรับสาย
“จองกุก”
น้ำเสียงเย็นๆนิ่งๆอย่างนี้เขาก็รับรู้ได้ทันทีว่าปลายสายเป็นใคร
“ไงพี่”
“บังกะโลตรงทางแยกที่เดิม ตอนนี้ไอ้นัมจุนมารอละ”
จองกุกตอบตกลง ขาแข็งแรงของเขาก็ก้าวลงจากเตียงไปอาบน้ำแต่งตัวอย่างรีบเร่ง
04.30 น.
จองกุกแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยก็เดินกลับมาที่เตียง มือเรียวยาวก้มหยิบผ้าห่มไปคลุมให้ร่างบางๆบนเตียง
ก่อนหน้านี้เจ้าตัวถีบมันออกแล้วนอนขดตัว ปากบ่นหนาวๆอยู่ไม่หยุด เขาก็ตัดความรำคาญด้วยการพับมันเป็นสองชั้นแล้วห่มให้ใหม่อีกที
“อือ”
จีมินสะบัดหน้าหนีเมื่อจองกุกใช้นิ้วมือแตะไล่วนเล่นรอบใบหน้า
พอมือแกร่งกำลังจะวนกลับอีกรอบ จีมินก็หยิบผ้าห่มขึ้นมาคลุมศีรษะไว้ทั้งที่เปลือกตายังปิดสนิท
ตาคมแอบชำเลืองมองที่ข้อเท้าที่เป็นแผล เห็นว่าแผลจีมินเริ่มแห้งหน่อยๆก็โล่งใจ เขาจึงค่อยๆดึงผ้าห่มลงร่นลงให้มันคลุมอยู่แค่ระดับคอของจีมิน
“ไว้กลับมาต่ออีกนะ”
เขาอมยิ้มน้อยๆเมื่อมองไปที่จีมิน แต่ก่อนจะออกไปก็ไม่ลืมที่จะปิดไฟในห้องให้ด้วย
ขายาวๆของเขาต้องรีบก้าวไวๆ เมื่อพบว่าเบอร์เดิมโทรตามเขาด้วยน้ำเสียงติดหงุดหงิด
เขาหยิบกุญแจรถที่วางอยู่หน้าทีวีตั้งแต่เมื่อวานขึ้นมาถือ และล็อคห้องเอาไว้แน่นหนาดีแล้วก็เดินเข้าลิฟท์ไป
จองกุกไม่รู้ว่าแทฮยองเอารถเขาไปจอดไว้ไหนของลานจอดรถชั้นใต้ดิน จึงต้องกดรีโมทเพื่อมองหาแสงที่กะพริบขึ้นมา พอเห็นแล้วก็ตรงไปแล้วยัดตัวเองลงไปนั่งตำแหน่งคนขับ
เอี้ยวตัวไปคลำๆหาของใต้เบาะข้างคนขับ เมื่อเช็คดูจนมั่นใจแล้วว่ายังอยู่ครบและพร้อมใช้งานก็ยัดลงไปเก็บที่เดิม และรีบมุ่งหน้าไปยังสถานที่ที่ได้ตกลงกันไว้
กางเกงยีนส์ดำกับเสื้อสีเดียวกันบนร่างกายของเขา มันดูเหมาะกับสถานที่แห่งนี้ยิ่งนัก
เมื่อมองไปรอบๆแทบจะสังเกตไม่ได้เลยว่ามีบ้านหลังนี้ซุกซ่อนอยู่ แม้ว่าภายนอกบ้านมืดเกือบสนิทแต่ข้างในนั้นสว่างไสวยิ่งนัก
“ไหนอ่ะพี่”
จองกุกเอ่ยถามนัมจุน
“นั่งก่อนสิ”
นัมจุนบอกแล้วเทน้ำเย็นใส่แก้วให้ เมื่อเห็นสีหน้าน้องชายหัวแก้วหัวแหวนของเขาที่กำลังแสดงอารมณ์ขุ่นๆ
“ไม่หิว”
จองกุกตอบห้วนๆ ไม่ยอมดื่มมัน
เขานั่งลงบนกล่องไม้เก่าๆที่อยู่ติดกันพร้อมมองสำรวจไปรอบๆ
คราวก่อนที่นัดกันไว้จองกุกลังเลไม่ยอมไปด้วย ก็เลยเป็นผลพวงให้เกิดเหตุการณ์ต่างๆนาๆ ต้องพากันหนีหัวซุกหัวซุน
หากแต่วันนี้จอน
จองกุกจึงต้องมาจัดการมันด้วยตัวเอง
“มึงคนเดิมกลับมาแล้วหรอ”
แววตาแข็งกร้าวไม่ยอมหลบตาไปไหน ไม่มีท่าทีลังเลต่างจากวันนั้น
ทำให้นัมจุนมองจองกุกแล้วก็ยิ้มให้กับความใจร้อนของน้องชาย
ด้วยความที่โตมาด้วยกันสองพี่น้องคลานตามกันมา แค่มองตาจองกุก นัมจุนก็รู้ได้ทันทีว่าจองกุกคิดอะไร
“เฮ้ ทางนี้”
น้ำเสียงโทนต่ำเรียกพวกเขาให้หันไปมอง
นั่น มิน ยุนกิ
นักฆ่ามือฉมังที่ไว้ใจได้
เป็นเพื่อนสนิทกับนัมจุนพี่ชายของเขาเอง
“มีอะไรจะให้ดู”
ยุนกิบอกแบบนั้น จองกุกก็ยกยิ้มที่มุมปากอย่างพอใจ
ภาพถ่ายจำนวนมากถูกวางลงตรงหน้า
จองกุกเปิดรูปภาพที่ซ้อนกันออกทีละรูปเรื่อยๆ ตามที่ยุนกิตั้งใจเรียงลำดับเหตุการณ์มาให้อย่างดี
เพียงแค่ตวัดสายตาลงไปมองคนในรูปครั้งแรก
เขาก็แทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองเลย
“นี่มันอะไรกัน”
จองกุกเงยหน้าขึ้นมองยุนกิที่แสดงใบหน้าเรียบเฉย
“ชัดขนาดนี้ ต้องมีคำอธิบายด้วย?” ยุนกิเลิกคิ้วขึ้นถามกวนๆ
“ไม่ผิดคนหรอก”
นัมจุนบอกระหว่างที่มือก็เปิดดูรูปไปพลางๆ
จองกุกจึงเสยผมขึ้นช้าๆแล้วหลับตาลงอย่างใช้ความคิด ค่อยๆผ่อนลมหายใจหนักๆออกมา
“คืนนี้ตามแผนไปเลยสิ”
นัมจุนออกความเห็นเพราะเขารู้พิกัดคนๆนั้นดีว่าไปไหนกับใคร ทำอะไร ที่ไหนบ้าง
“ดี....รีบลงมือคืนนี้เลย”
จองกุกลืมตาขึ้นมา พยักหน้าให้ยุนกิที่นั่งมองอยู่ก่อนแล้วยุนกิก็พยักหน้ารับ
จากนั้นทั้งสามคนก็ช่วยกันระดมสมอง เพื่อวางแผนการให้รัดกุมกว่าเดิมสำหรับคืนนี้
พอยุนกิฟังเข้าใจแล้วก็ลุกไปเตรียมสิ่งของที่จำเป็นใช้งาน นัมจุนก็รับหน้าที่โทรหาแทฮยองให้มาสมทบด้วย
ส่วนเจโฮปคงต้องหางานถนัดให้ทำนั่นก็คือไปอยู่เป็นเพื่อนจีมินก่อน
เพราะเวลานี้จีมินดูจะถูกชะตากับเจโฮปมากที่สุด
แทฮยองก้มดูนาฬิกาข้อมือแล้วสะกิดแขนจองกุก ตอนนี้หน้าปัดโชว์เวลาบ่ายสองให้เห็น
“ป่านนี้จีมินคงหิวข้าวแย่”
แทฮยองพูดขึ้นเมื่อมองไปที่เพื่อนสนิท
ส่วนจองกุกก็ทำหน้าตาปกติไม่ได้รู้ร้อนรู้หนาวอะไร
“ไม่ต้องห่วงหรอกเจโฮปซื้อข้าวไปให้แล้ว จีมินมีเพื่อนแล้วคงสนุกน่าดู....โทรไปเมื่อกี้เล่นไรกันไม่รู้เสียงดังเชียว”
นัมจุนบอกเมื่อกดวางสายและเดินกลับมานั่งพอดี ใครบางคนได้ยินแบบนั้นก็หูผึ่งทันที
เขาดีดตัวลุกขึ้นยืนแล้วหยิบกุญแจรถเดินออกไปเร็วๆ โดยบอกนัมจุนว่าลืมของต้องกลับไปเอา
“เจอกันตอนเย็น”
จองกุกเดินหันหลังแล้วโบกมือให้พี่ชายกับเพื่อนสนิททีนึง แทฮยองก็หันมองหน้านัมจุนแล้วยิ้มออกมาอย่างรู้กัน
ที่จริงเจโฮปแค่แวะเอาข้าวขึ้นไปให้จีมินและกลับออกมา ตอนเย็นๆถึงจะเข้าไปใหม่อีกทีเพราะรายนั้นนัดสาวเอาไว้
นัมจุนแค่อยากเห็นพฤติกรรมจองกุกก็เท่านั้น เพราะประโยคเมื่อกี้ตรงส่วนหลังๆ เขาเติมมันเอาเองต่างหากล่ะ
คาดไม่ถึงว่าจองกุกจะเชื่อด้วย
.
.
.
มือยาวสแกนคีย์การ์ดและผลักประตูเข้าไป กวาดสายตามองหาคนในห้องไม่เห็นก็ตรงดิ่งไปที่ห้องนอน
เขาหมุนลูกบิดสองสามครั้ง และพบว่ามันถูกล็อคเอาไว้อย่างแน่นหนา
หูของเขาได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักปนกับเสียงทีวี จองกุกเคาะประตูเรียกแล้วเผลอกำหมัดแน่น
ปึงๆๆๆ
ผ่านไปเกือบนาทีคนข้างในยังไม่ออกมาเปิด เขาจึงทุบประตูเรียกเป็นการใหญ่
จีมินเดินมาที่ประตูแต่ยังไม่เปิดออกซะทีเดียว ตัวเล็กๆยืดขึ้นส่องตาแมวดูให้แน่ใจอีกทีว่าเป็นใคร
เมื่อเห็นคนที่ยืนอยู่ข้างนอกเก๊กหน้าใส่ด้วยแววตาที่เดาไม่ออก จีมินก็ค่อยๆปลดล็อคประตูออกให้
แกร๊กกก
ร่างสูงโปร่งของเขาผลักจีมินที่ยืนบังประตูออกแล้วพุ่งตัวเข้าไปในห้องทันที
สายตาคมไล่มองรอบห้องไม่เจอใครอีก จึงค่อยๆไล่สายตากลับมาหาจีมินที่ยืนงงและไม่ค่อยเข้าใจเขาในขณะนี้
จองกุกเดินกลับเข้าไปในห้องน้ำก็ไม่เห็นมีใครจึงกลับออกมา จะมีก็แต่เสียงทีวีที่ถูกเปิดทิ้งไว้กับคนๆนึงที่เขาคุ้นตาเป็นอย่างดี
เมื่อเขารู้ตัวว่าโดนนัมจุนแกล้งเข้าให้แล้วก็นอนลงไปที่เตียง แล้วเอามือตีหน้าผากตัวเองย้ำๆ
สถานการณ์มันคล้ายกับตอนที่เขาแกล้งจีมินยังไงไม่รู้ แต่ก็ยอมรับว่าหัวร้อนพอสมควร
“แดกข้าวยัง”
เสียงเข้มถามจีมินทั้งที่หลับตาอยู่
“ไม่ได้แดก กูค่อยๆรับประทานทีละคำ…..อย่าง..สุ..ภาพ”
จีมินเน้นเสียงในท้ายประโยค ตาก็จ้องไปยังจองกุกที่กำลังจะลุกขึ้นนั่ง ขาเรียวจึงรีบเดินเลี่ยงไปนั่งที่โซฟาเพื่อดูทีวี
“แล้วกินหมดยัง”
ตาคมจ้องมองตามร่างบางของจีมิน ที่นั่งขัดสมาธิลงไปที่โซฟาอย่างไม่อยากจะสนใจเขา
“หมดแล้ว”
จีมินก็ตอบมาแค่นั้นโดยไม่ได้หันมองเขา มือเล็กๆก็กดรีโมทเปลี่ยนช่องไปด้วย
“งั้นมึงลุกเลย”
ร่างสูงพาตัวเองไปที่โซฟาแล้วดึงมือจีมินให้ลุกตาม ตัวเล็กๆนั่นจึงได้เดินตามเขามาเงียบๆไม่ได้บ่นอะไรอย่างที่คิดไว้
เมื่อมาถึงห้องครัวเขาก็สั่งจีมินให้ทำอาหารให้กิน ส่วนตัวเองก็นั่งกดโทรศัพท์รออยู่ที่โต๊ะอาหาร
จีมินกวาดสายตามองไปรอบๆห้องครัวก็ไม่มีอะไรพอจะทำอาหารได้เลย มีแค่ขวดซอสกับเครื่องปรุงสองสามอย่างและแก้วไวน์ห้อยอยู่ข้างบน
ห้องครัวสะอาดสะอ้านดี แต่โล่งมากเหมือนคอนโดที่ยังไม่มีคนย้ายมาอยู่
“ไม่มีวัตถุดิบอะไรเหลือเลย มีแค่น้ำเปล่า
จะกินมั้ย?” ปากเล็กๆเอ่ยถาม
เนื่องจากในตอนเช้าจีมินไปเปิดตู้เย็นดูแล้ว ในนั้นมันไม่มีอะไรเลยนอกจากน้ำเปล่าสามขวด
ท้องร้องและทนหิวตั้งหลายชั่วโมง เพราะเมื่อวานไม่ได้กินอะไรเข้าไป กระทั่งเจโฮปซื้อข้าวมาให้นี่แหละถึงได้กิน
"ไม่มีอะไรให้กินเลยงั้นหรอ"
เขาเงยหน้าขึ้นมาแล้วลุกเดินมาหา เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเจโฮปไม่ได้มาพักที่นี่นานแล้ว เพราะเพื่อนของเขาเผื่อมันไว้นอนแค่ตอนเมาและขับรถกลับบ้านไม่ไหว
“อะ ออก..ออกไปก่อน”
จีมินเดินถอยหลังไปจนชนขอบอ่างล้างจาน ตัวเกร็งไม่กล้าขยับตัวเมื่อจองกุกค่อยๆโน้มใบหน้าลงมาหา
มือเล็กยกขึ้นกันไว้ระหว่างช่วงอก เพื่อไม่ให้ร่างกายได้ใกล้กันมากไป
จีมินรู้สึกหายใจไม่ทั่วปอด เพราะสายตาที่มองมานั้นไม่ได้โกรธแต่ก็ไม่ได้บ่งบอกว่ารู้สึกแบบไหน มันแค่ดูแปลกไปนิดหน่อยเวลาที่ต้องใกล้กันอย่างนี้
“เสื้อที่มึงใส่อยู่อ่ะกูคุ้นมาก”
จองกุกพูดเบาๆ
“ก็ไม่มีเสื้อผ้าใส่แล้วไง ที่กูมีอยู่มึงก็ทำขาดไปแล้ว”
จีมินเงยหน้าขึ้นมามอง จองกุกจึงไล่สายตาสำรวจใบหน้าจีมินเห็นขอบตายังบวมอยู่นิดๆ
“กูยังไม่ได้อนุญาตให้ใส่ เพราะงั้น..ถอดออกมา”
จองกุกพยายามจะแทรกตัวเข้าไปมากกว่านี้
มือเล็กๆก็ผลักออกอีกรอบ
“มึงจะบ้ารึไง”
จีมินพูดแล้วก็เอามือปิดตรงหน้าอกตัวเองไว้
“กูเห็นมาทั้งตัวละ เพิ่งมาอาย”
เขาพูดข่มไปเท่านั้น
ความจริงคือเห็นผิวขาวๆชัดๆแค่ช่วงบนก็เมื่อคืนนี้เอง
“ใครจะหน้าด้านเหมือนมึง” จีมินขืนตัวออกไปทางซ้ายทีขวาที
“กูจะพาออกไปซื้อของกินกับเสื้อผ้าใหม่ สนมั้ย?”
ใบหน้าหวานเงยขึ้นมาช้าๆเมื่อรู้ว่าเขาจะพาออกไปข้างนอก
ตั้งแต่มาอยู่กับจองกุกก็ไม่เคยได้ออกไปไหนมาไหนเลย
หมายถึงการออกไปเดินกรีดกรายช้อปปิ้ง ซื้อข้าวซื้อของแบบคนปกติทั่วไป จะได้ออกไปบ้างก็แค่ตอนที่ต้องหนีไปหาที่ซ่อนที่อื่นเมื่อถูกรุกรานพื้นที่
“ไปได้จริงๆหรอ”
รอยยิ้มบางๆก็ผุดขึ้นแสดงออกว่าดีใจอย่างชัดเจน
“จริง"
เขาย้ำให้ฟังชัดๆ สายตาที่เต็มไปด้วยความหวังของจีมินยิ่งเปล่งประกาย
"แลกกับข้อเจ็ด”
จบประโยคนี้รอยยิ้มของจีมินก็หายไปทันที และรอยยิ้มเดียวกันนั้นได้ไปปรากฏอยู่บนใบหน้าจองกุกแทน
“คิดไว้แล้วว่าต้องเป็นแบบนี้”
จีมินหน้าบึ้งและผลักจองกุกออก เพราะจีมินจำได้ดีถึงข้อตกลงระหว่างตนเองและจองกุก
วันนั้นที่เซ็นต์สัญญากันได้ไล่อ่านอย่างละเอียดแล้วพบว่ามีทั้งหมดเจ็ดข้อ ข้อสุดท้ายเนี่ยพีคมากและโคตรจะจำได้ขึ้นใจ
“กูจ่ายเป็นเงินสดก้อนแรกพร้อมโบนัส ไม่เอาก็คือโง่ดักดานละ”
พอเห็นท่าทีของร่างเล็กที่กำลังใช้ความคิดและทำตัวไม่ค่อยถูก จองกุกจึงแกล้งขยับเข้ามาอีกจนตัวชิดกัน
มือหนาวางลงข้างลำตัวจีมิน ใช้แขนสองข้างกันไว้ไม่ให้หนีไปไหน
“ว่าไง”
น้ำเสียงนุ่มกระซิบข้างหูจีมินเบาๆ ได้ยินแบบนั้นคนฟังถึงกับไปไม่เป็น
“ไม่เอาข้อเจ็ดได้มั้ย”
เอ่ยถามเขาด้วยน้ำเสียงอ่อนๆจนดูเหมือนอ้อนวอน
“ไม่ได้”
น้ำเสียงนุ่มๆของเขาทำให้จีมินลนลานนิดๆจนเขาจับพิรุธได้
มือเล็กยกดันไว้เพื่อห้ามปราม และมันไปสัมผัสกับหน้าท้องของจองกุกเข้าพอดี จีมินก็รับรู้ได้ทันทีว่าภายในนั้นมีแต่กล้ามเนื้อ ร่างเล็กจึงรีบชักมือออกแล้วมุดหน้าลงไปไม่สบตา
“หึ ..นี่มึงเขินหรอ”
น้ำเสียงทะเล้นๆติดล้อเล่นของเขาเอ่ยถาม จีมินก็ส่ายหัวไปมาเป็นการปฏิเสธ แต่ใบหน้าหวานยิ่งก้มหนีเขาลงไปอีก
จองกุกเลยถอยหลังออกมามองดีๆ ทิ้งให้จีมินยืนแช่แข็งอยู่ที่เดิม
“ซื่อบื้อจังเลยนะ”
จองกุกหัวเราะดังขึ้น
ก่อนหมุนตัวเดินกลับเข้าห้องไป
“จิ๊”
จีมินนึกโมโหตัวเองที่ดันเผลอไปหลงคารมจองกุก แค่เขาแค่แกล้งพูดเพราะๆด้วยก็จะหลงเขาแล้ว และจีมินก็ทุบลงไปที่ซิงค์ล้างจานแรงๆครั้งหนึ่งอย่างระบายอารมณ์
“โอ๊ยย”
มือเล็กชักขึ้นมาเมื่อรู้ว่ามือตัวเองเจ็บก็ยิ่งโกรธหนักเข้าไปอีก
ให้ตายเถอะจีมินรู้สึกแปลกๆกับเสียงของนุ่มๆของจองกุก บ้าไปแล้ว
.
.
ร่างสูงนั่งลงบนโซฟาหยิบมือถือขึ้นมาเมื่อมันสั่นมาพักนึงแล้ว เขากดรับสายแล้วก็ตอบกลับไปนานหลายนาทีก็กดวางสายไป
พอดูนาฬิกาอีกทีก็เห็นว่ามันใกล้จะสี่โมงเย็นแล้ว จึงเดินดุ่มๆออกไปเรียกจีมินอย่างเร่งรีบ ซึ่งพบว่าเจ้าของร่างเล็กนั้นนอนเล่นอยู่ที่โซฟาข้างนอก
พอมาถึงเขาก็ใช้มือสะกิดแขนเล็กไปครั้งเดียว จีมินก็หันขวับมามองอย่างเคืองๆแล้วชักแขนออกห่าง
“ลุกมาเร็วๆ จะพาไปซื้อของ”
“ไม่เอาไม่ไป”
จีมินตอบและมองนิ่งๆ ไม่ได้ลุกขึ้นนั่งหรือขยับตัว
"ไม่ไปจริงหรอ"
มือหนาควักเอาเงินออกมาปึกนึงแล้วตีไปที่ปากจีมิน
ปากเล็กๆรู้สึกเจ็บ
แต่เป็นความเจ็บที่น่ายินดีจึงเผยยิ้มน้อยๆออกมาอีกจนได้
“ไปก็ได้ สงสารมึงหรอกเห็นยืนนาน”
มือเล็กกำเงินแน่นแล้วรีบวิ่งไปเอากระเป๋าสะพายกลับออกมา แล้ววิ่งแซงหน้าจองกุกที่เดินใกล้ถึงประตูเพื่อเปิดมันออกไปก่อน
พอลงลิฟต์มาก็เดินตามเขาต้อยๆไปขึ้นรถอย่างว่าว่าย
ใบหน้าเปื้อนยิ้มนั้นมองออกไปข้างหน้าและเกาะกระจกข้างสลับกันไป
ยิ่งเวลาที่เขาขับผ่านบริเวณที่มีร้านอาหารเยอะๆจีมินก็ยิ่งมองไม่วางตา
“หูวว มีแต่ของน่ากินเต็มไปหมดอ่ะ ดูนั่นสิ ร้านโน้นก็มีอีก โน่นๆอันโน้นน่ากินกว่า จอดเลยๆ”
มือเล็กๆชี้ไปยังร้านโน้นร้านนี้ไม่หยุด เขาอยากจะขำออกมาจริงๆแต่ต้องทำทีเป็นไม่ใส่ใจ
“มึงเอาซักร้าน เวลาของกูไม่มีเหลือให้มึงมากขนาดนั้น”
เขาเหลือบมองนาฬิกาบ่อยๆเพราะพลาดงานคืนนี้ไม่ได้
จึงบอกจีมินออกไปตามจริง
“งั้นหรอ นึกว่าจะได้ออกมาเที่ยวนานๆซะอีก”
จีมินเผลอทำหน้ามุ่ยใส่เขา เหมือนผิดหวังเล็กน้อย จองกุกมองแวปเดียวแล้วถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย
“ตกลงมึงเป็นเมียหรือเป็นลูกกู??”
เขาถามพร้อมหมุนพวงมาลัยกลับไปยูเทิร์นอีกรอบ เพื่อไปจอดยังร้านที่จีมินชี้มือบอก เพราะเขาจอดไม่ทันและขับเลยมาไกลพอสมควร
“ไม่ได้เป็นเมียหรอก กูเป็นคนทำงานเพื่อเงิน”
จีมินหันไปบอกจองกุก เขาก็พยักหน้าเห็นด้วยกับการทำงานเพื่อเงิน
ขนาดว่าจีมินโกรธเขาเวลาเขาโมโหใส่บ่อยๆ ต่อให้โกรธให้ตายยังไง พอเอาเงินมาล่อหน่อยก็ได้การละ
“แล้วถ้าจบงาน มึงจะคิดถึงคนให้เงินป่ะ”
เขาถามต่อขณะที่มองตรงไปข้างหน้า
“หมายถึงใคร” ร่างเล็กถามกลับ
“หมายถึงกูสิ”
“ไม่คิด แค่นี้ก็เกลียดขี้หน้ามาก
จนอึดอัดจะตายอยู่แล้ว” จีมินตอบเร็วๆแบบไม่ได้คิดเยอะ
“เออ!!”
จองกุกขึ้นเสียงใส่ จีมินก็สะดุ้งตัวหน่อยๆแล้วมองค้อนใส่เขา
"มาตะคอกทำไมเล่า" จีมินเสียงแข็งใส่คืน
"ถามแบบนี้หรือว่ามึง....ตกหลุมรักกูหรอ"
ใบหน้าของจีมินยิ้มล้อเลียน
จองกุกจึงจอดรถแล้วปลดเข็มขัดนิรภัยออก ชะโงกหน้าไปใกล้จีมิน
"ถามตัวมึงเองก่อน" เขาดีดหน้าผากจีมินแล้วผละออก
"โอ๊ย ... ไม่มีใครเขาชอบคนเ-ี้ยหรอก"
มือเล็กยกขึ้นลูบหน้าผากตัวเองป้อยๆ
"แล้วให้ท่ากูบ่อยๆนี่ ไม่ใช่อยากจะอยู่ยาวกับคนเ-ี้ยหรอ"
"รู้มั้ยกูภาวนาให้ครบสามเดือนเร็วๆ จะได้ไปจากชีวิตมึงซักที แล้วก็ไม่ต้องติดต่อกันอีกตามตกลง"
"ทำให้ได้เหมือนพูด" จองกุกจ้องหน้าแล้วบอกเสียงเรียบ
จีมินปลดเข็มขัดแล้วสะบัดหน้าหนี เปิดประตูลงไปก่อน
ไว้ผ่านคืนนี้ไปก่อนเถอะ คนปากเก่งจะได้กลืนคำพูดตัวเอง
Talk
ตอนที่ 10 เสร็จแล้วเหมือนกัน
แต่รอแก้คำผิดก่อนนะ จะมาอัพๆๆๆๆอีก
เรายุ่งนิดหน่อย พอเห็นมีคนทวงเข้ามาก็นิ่งนอนใจไม่ได้จริงๆ 55555
ความคิดเห็น