ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กุกมินคนเลว #kookmin จบแล้ว

    ลำดับตอนที่ #8 : สัมผัสร่างกาย 100%

    • อัปเดตล่าสุด 22 เม.ย. 63


    TB






    JIMIN  PART 



     07.00 น.




    นาฬิกาปลุกดังขึ้นรอบที่ห้าเห็นจะได้  ป่านนี้เจ้าของมันหายไปไหนก็ไม่รู้  


    ผมตื่นตั้งแต่นาฬิกาดังรอบแรก หลังจากนั้นก็นอนฟังมันก็ปลุกทุกสิบนาที  ตอนนี้ทนไม่ไหวเลยลุกมาจับโทรศัพท์ของจองกุกเพื่อปิดเสียงนี้ไปซะ


    เหอะ  แค่นี้ก็เรียบร้อย.


    เดี๋ยวก่อนนนนนนนน ทำไมโน๊ตตั้งปลุกมันเป็นแบบนี้ล่ะ


    'ปลุกคนอ้วน' 


    "อะไรเนี้ย กูบอบบางขนาดนี้ยังมาเรียกอ้วน" 


    มือของผมกำโทรศัพท์แน่นต้องการจะบีบให้แตกเป็นเสี่ยงๆ ถ้าด่าในใจแบบนี้มันไม่ได้ยินหรอก ต้องรอให้เจอหน้าก่อนถึงจะสะใจ   


    ไปอาบน้ำดีกว่า ฮึบ


    ตัวบางๆของผมในเสื้อสีขาวตัวใหญ่ของจองกุก ดูเทอะทะมากในยามที่ลุกขึ้นยืนข้างเตียง 


    ผมแน่ใจว่าจองกุกต้องสวมเสื้อตัวนี้ให้ โดยการแทะโลมร่างกายไปด้วยแน่ๆ 


    เปลืองตัวชะมัด


    แก้มผมคงแดงเป็นมะเขือเทศแน่หากส่องกระจกดูตอนนี้  ไม่เคยชินเลยกับการแต่งงานมาอยู่กินกับจองกุก    ก็เอ่อ...นั่นแหละ 



    เมื่อจัดการธุระส่วนตัวเสร็จก็ออกมานั่งรับลมบริเวณข้างระเบียง  พ่นลมหายใจออกไปกับหลายๆเรื่องที่เพิ่งผ่านมาเมื่อวาน 


    ยานรกนั่นมันคือยาปลุกเซ็กส์สินะ  ถึงได้ทำให้ผมเสียสติได้มากขนาดนั้น 


    จะว่าไปยังจำได้ติดตาเลยแฮะ ถึงตอนนั้นจะไม่ค่อยมีสติเท่าไหร่แต่ก็พอจะรู้ตัวว่าทำอะไรไป 


    ขนาดจังหวะการหายใจผมยังควบคุมไม่ได้เลย  ผมต้องโดนจองกุกล้ออีกแน่ๆ




    แต่ถ้ามาคิดๆดูดีๆในหนึ่งวันผมต้องเจอกับอะไรบ้างก็ไม่รู้ 


    แล้วคนอายุเท่าผม ตอนนี้พวกเขาใช้ชีวิตแบบไหนและทำอะไรอยู่ 


    ทำไมผมถึงมาทนกับคนอย่างจองกุก ไม่รู้ชีวิตต้องตายวันตายพรุ่ง


    เมื่อคืนพระเจ้าท่านอาจจะแค่เห็นใจผม แล้วถ้าเกิดวันนึงโชคดีนั้นมันไม่ใช่ของผมล่ะ 



    -  ทำไมไม่ยอมทิ้งเงินก้อนนี้ไปแลกกับอิสระในชีวิตตนเอง   


    หาทางหนีไปซะจีมิน ตอนที่ยังมีโอกาสก็รีบถอยออกไปสิ



    นีคือสิ่งที่ผมคิดหลังจากผ่านเหตุการณ์น่าสะพรึงกลัวมาหมาดๆ



    เฮ้ออออออ 


    เบรคก่อนผมเหนื่อยแล้วอ่ะ


    ผมหลับตาพริ้มลงทิ้งตัวลงบนเตียงผ้าใบอย่างใช้ความคิด และอยากจะทำอะไรซักอย่างก่อนที่มันจะถลำลึกลงไปมากกว่านี้ 


    ผมจะตัดสินใจพูดเรื่องนี้กับจองกุกดีมั้ยนะ


    ถึงโดนจองกุกด่าว่าใจเสาะ ไม่รักษาคำพูด คนขี้ขลาด หรืออะไรทำนองนั้นที่เขาจะสรรหามาด่าได้ทั้งหมดก็เถอะ



    ผมกวาดสายตามองไปรอบๆ และดีดตัวลุกขึ้นยืนเกาะระเบียง ขาก็เดินวนไปวนมารอบๆบริเวณหน้าบ้าน จนกระทั่งได้ยินเสียง....


    "บ้านกูไม่ใช่สวนสนุก เดินวนอยู่นั่น" 


    กางเกงยีนส์ เสื้อยืดสีขาว รองเท้าแตะโดยรวมก็ถือดูดีอยู่นะ  แต่ปากไม่ค่อยดีเลยอ่ะน่าเสียดายจัง


    ถ้าเป็นปกติทุกครั้งผมจะต้องเปิดปากตะโกนใส่ไปแล้ว  แต่วันนี้แค่มองคิ้วขมวดอยู่อย่างนั้น ยอมรับว่าคิดมาก



    "เหอะ เมื่อคืนจริงๆกูน่าจะอัดคลิปไว้ให้มึงดูตัวเอง ปาร์ค จีมินคนเมื่อคืนอ่ะโคตรอ่อยกู" 


    ผมรู้ว่าจองกุกพยายามทำให้ผมโมโหและด่ากลับ


    "ใครกันแน่ เตรียมพร้อมเหมือนกันนะมึง ซื้อหลายกล่องเชียว" 


    ผมอดพูดไม่ได้จริงๆ 


    เมื่อคืนจองกุกแวะซื้อของที่มินิมาร์ท มันได้ถุงยางอนามัยมาแหละ  ผมเพิ่งเห็นที่หัวเตียงเมื่อเช้าตอนตื่นนอน


    "กูไว้ใช้กับเด็กกู ไม่ใช่มึง" 


    ก็ดีเหมือนกัน   จะได้ไม่ต้องมาลามปามวอแวร่างกายกู


    "ไปตรวจโรคบ้างนะ เป็นผู้ป่วยยังเอ่ย" 


    ผมยิ้มให้บางๆให้ แล้วก็จะแซะให้มันจนมุมถึงที่สุด


    "กวนตีนละ  อยากแดกตีนแทนข้าวว่างั้น" 


     "ถ้าไม่ได้เป็นก็อย่าโกรธสิ.....รู้จักป้องกันน๊า   จะได้ไม่เป็นภาระลูกหลาน" 


     ผมยังต้องการยั่วโมโหมันคืน 



     หน้าจองกุกตอนนี้แม่งโคตรอารมณ์ขึ้น โกรธกูล่ะสิ ฮ่าๆๆๆ



    แกร๊กกกก   แกร๊กกกก


    จองกุกละสายตาจากผม มองไปรอบๆ   เมื่อจู่ๆก็ได้ยินเสียงคนคุยกันดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ


    มันคว้ามือผมที่ยืนมองอยู่เข้าไปในบ้าน  ล็อคประตูและปิดม่านด้วยความรวดเร็ว


    "จอง."  


    "ชู่ววส์"


    ผมกลืนน้ำลายลงคอช้าๆ ปากที่กำลังจะเอ่ยบอกก็ปิดลง สุดท้ายก็ต้องปิดปากเงียบไปเมื่อจองกุกเอ่ยห้าม


    เรื่องนี้มันน่าซีเรียสกว่าพ่อแม่ไม่ให้เป็นลูกอีกนะเว้ย



    จองกุกแหวกม่านเล็กน้อยเพื่อดูผู้คนด้านนอก  เหมือนจะเริ่มเดินมาใกล้ระเบียงด้านหน้าแล้ว 


    ปืนสั้นสีดำเงาก็ถูกหยิบออกมาจากกระเป๋ากางเกงยีนส์สีซีดที่จองกุกสวมอยู่   มันยัดลูกกระสุนลงไปเพื่อให้พร้อมใช้งาน



    จองกุกขยับปากพูดแบบไม่มีเสียงถามว่ามือถืออยู่ไหน  ผมก็นึกได้ว่ามันปลุกตอนเช้าเลยรีบไปหยิบมันในห้องนอนมายื่นให้


    มันรีบกดส่งข้อความหาใครสักคน ผมเองยืนมองอยู่ข้างๆอย่างกังวล  แค่กลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นแบบเมื่อวานอีก นึกขึ้นมาแล้วก็อดที่จะใจหายไม่ได้ 


    ทำไมรู้สึกขี้ขลาดกับเรื่องนี้ขึ้นมาอีกแล้วก็ไม่รู้ 


    จองกุกพิมพ์ไปไปหลายประโยค กระทั่งลดมือถือลงและยัดใส่กระเป๋ากางเกง  หยิบกุญแจรถและของมีค่าใส่กระเป๋าเล็กๆใบนึงไว้ใต้เตียง



    จากนั้นก็ชี้มือไปที่หลังบ้านเป็นเชิงบอกให้ผมวิ่งไปทางนั้น


    เอาอีกแล้วหรอวะ!!!! ต้องหนีอีกแล้วหรอ 


    เฮ้ยยนาย เราไม่ตลกนะ



    ใบหน้าของผมเริ่มเบะปากเหมือนคนจะร้องไห้ แค่พักร่างไม่ถึงวันก็ต้องหนีใครอีกแล้วก็ไม่รู้  จะรอดไม่รอดก็มาลุ้นกันอีกที



    เมื่อเห็นว่าผมช้ามันจึงดึงแขนให้วิ่งตาม เท้าของจองกุกถีบกรงเหล็กหลังบ้านออกอย่างแรง  ผลักตัวผมออกไปก่อนตามหลังมาแล้วใช้กุญแจปิดล็อคมันไว้เหมือนเดิม 


    พอวิ่งออกไปตรงหาดทรายข้างๆตัวบ้าน  ผมก็เจอพุ่มไม้ใหญ่เป็นแนวยาวสูงท่วมศีรษะซึ่งมันมีดอกไม้ประดับอย่างสวยงาม


    "โห   สวยจัง"


    ตาของผมมองมันแล้วก็อดจะชื่นชมไม่ได้ว่าสวยมาก  ไม่น่าเชื่อว่าจองกุกจะมีอะไรสวยๆงามๆแบบนี้ด้วย 


    ผมหลงใหลมันจนเผลอหยุดนิ่งมองดูมัน


    "จะหาที่ตายในสวนดอกไม้รึไง" 


    จองกุกดึงออกจากภวังค์ด้วยคำพูดร้ายๆอีกแล้วล่ะ


    ผมไม่ตอบอะไร และไม่ถามอะไรนอกจากเดินสลับวิ่งตามไปเงียบๆ 


    เขาเรียกหนีตามผู้ชายมั้ยนะแบบนี้   อ้อ ไม่น่าใช่


    ผมคิดว่าระยะทางมันห่างออกมามากแล้ว คงไม่มีคนตามมาแล้วล่ะ ขาก็เริ่มล้าและไม่อยากออกแรงเดิน  


    มือก็ต้องคอยปาดเหงื่อข้างแก้มออกเรื่อยๆ ร้อนก็ร้อน


    'ไปเถอะ ไม่ไปแล้ว'


    ผมเลือกทิ้งตัวลงนั่งกับพื้นทราย ทอดสายตามองจองกุกที่เดินห่างออกไปเรื่อยๆ 


    ตั้งใจจะข่มรึเปล่าไม่รู้ ขาก็ยาวแถมเดินเร็วแบบนั้น ใครจะไปตามทัน



    ผมนั่งลงซักพักแล้ว จองกุกก็น่าจะเริ่มเอะใจเมื่อไม่ได้ยินเสียงคนเดินตามมามันจึงหันกลับมามอง 


    เป็นไงล่ะ ถึงกับเอามือกุมขมับเมื่อเห็นผมที่นั่งจุ้มปุ้กมองอยู่ 


    ผมไม่ยอมขยับตัวไปไหนจองกุกเลยจิ๊ปากอย่างหัวเสีย และวิ่งกลับมานั่งหันหลังลงตรงหน้าเป็นเชิงบอกให้รีบขึ้นไปบนหลัง 



    ถ้าผมขี่หลังก็มาทวงบุญคุณอีกแหละ ผมไม่ขึ้นไปหรอก เชอะ


    "เฮ้ย!!!! รีบๆ" 


    ทำอีกละ มันทำหน้าดุใส่ผมอีกละ


    ผมค่อยๆเอามือคล้องคอจองกุกทางด้านหลังอย่างเก้ๆกังๆ จนมันหันมาดุด้วยสายตาจากนั้นเจ้าตัวก็ลุกขึ้นยืนแล้วรีบเดิน 


    โห่ววว สบายจังเลย  รู้แบบนี้ผมน่าจะขี่หลังมันตั้งนาน 


    แต่ไม่ชอบที่เนื้อตัวเบียดกันแบบนี้เลย มันแปลกๆ


    "ภาระกูตลอด" 


    จองกุกบ่นไปพร้อมกับหอบหายใจเหนื่อยๆ ไปด้วย 


    "ก็เดินไม่ไหวอ่ะ ที่จริงกูยอมตายละ ทิ้งกูลงตรงนี้ได้เลย" 


    "หึ.....น่ารำคาญ    กูน่าจะปล่อยให้ตายอยู่ตรงนั้น" 










    ผมเบะปากใส่ทันทีแต่มันมองไม่เห็นหรอก  พอเดินไปจู่ๆจองกุกก็สะบัดหน้าไปมาสองสามที 


    "โอ๊ะ" 


    ผมก้มลงมองใกล้ๆดูว่าเกิดอะไรขึ้น  มันก็เอียงแก้มมาหา


    "อย่าอยู่เฉยสิเช็ดให้หน่อย กูแสบตาข้างซ้าย" 


    จองกุกหยุดเดินแล้วมันก็หลับตาข้างซ้ายไว้   แต่ผมคิดว่าหน้าเรามันใกล้กันมากจึงยืดคอให้ออกห่าง 


    "ทำไมกูต้องเช็ดให้ล่ะ" 


    ผมพยายามจะลงจากหลังจองกุกให้มันเช็ดเหงื่อเอาเอง  แต่มันไม่ยอมปล่อยขาลง


    "เลิกเล่น กูแสบมากละเนี่ย" 


    แสดงได้ดีนะเนี่ย  ทำหน้าตาหน้าสงสารจังขอมอบโล่ให้


    พอดีผมไม่มีผ้าเช็ดหน้าหรือผ้าอะไรสะอาดๆให้หรอก มันไม่เหมาะกับคนสกปรกแบบนี้ ผมเลยเอาชายแขนเสื้อตัวเองเช็ดออกให้ 


    เช็ดเสร็จมันกะพริบตาสองสามทีแล้วเงียบไป  จากนั้นก็เดินต่อสองสามก้าว ทำท่าจะหยุดเดินอีกละ 


    คือนึกจะหยุดก็หยุด 


    "กุว่ามึงชิวไปนะ ตอนแรกบอกรีบวิ่งๆอย่างกับแข่งมาราธอน"


    "เช็ดตรงหน้าผากด้วยสิ เหงื่อมันไหลลงมาอีกละเนี่ย" 


    "จิ๊" ผมหงุดหงิดเป็นเหมือนกันนะ 


    คือเราไม่ใช่แฟนกันไง ซับเหงื่อให้มันก็ไม่ฟิน 


    คนมันเกลียดขี้หน้ากันเข้าใจมั้ย ??



    สุดท้ายก็ต้องเช็ดเหงื่อตรงผมตรงหน้าออกให้จนหมด  เช็ดแต่ละทีต้องเลิกเสื้อขึ้นมาโชว์แขนขาวๆจนเสื้อเปียกหมดละ



    "อย่ามาบ่น กูเหงื่อท่วมตัวเพราะคนอ้วนอย่างมึงเลย"


    "มึงนั่นแหละต้องรับผิดชอบ ไม่งั้นกูก็ไม่ต้องลำบากหนีมากับมึงแบบนี้หรอก" 


    ผมตอบสวนไปไม่ทันคิด  จองกุกเงียบไปเกือบสิบวิ  มันไม่พูดอะไรต่อจนผมต้องคิดใหม่ว่าพูดอะไรไป


    "กุแค่จะบอกว่า..ถ้ามึงเหนื่อยก็ปล่อยกูลง"    ผมรีบแก้ตัวไป 


    แล้วผมจะรู้สึกผิดกับคำพูดตัวเองทำไมกัน  งงตัวเองสุดๆ


    "พูดช้าไป กูแบกมาไกลละเนี่ย!!!" 


    จองกุกหันมาดุด้วยน้ำเสียงติดโมโหเต็มที  ผมบ่นด่าในใจไม่นานก็พบว่ามันแบกผมไปจนใกล้ถึงถนนที่เชื่อมเข้ามาทางทะเล 


    นี่ต้องแข็งแรงขนาดไหนที่เดินแบกคนบนหลัง แล้วยังต้องเดินฝ่าหาดทรายมาไกลอีกต่างหาก


     เอ้า ปรบมือให้  


    แค่ครั้งนึงพอละ เดี๋ยวมันเหลิง


    "กูเจ็บนะเว้ย"


    จองกุกวางผมลงบนกองใบไม้แบบไม่เบามือ จนร่างเล็กของผมไปกองกับพื้น ผมก็โวยวายใส่แล้วพยุงตัวขึ้นนั่งดีๆ 


    ส่วนมันนั่งลงเอาหลังพิงต้นไม้  ชันเข่าขึ้นข้างนึงแล้วหลับตาลงนิ่งๆ


    ตัวผมก็เบาๆอย่างกับปุยนุ่น ทำเป็นหอบหายใจเสียงดังต่อเนื่องอะไรขนาดนั้น  อย่ามาเว่อร์


    "จองกุก....กูหิวน้ำ" 


    ผมบอกเบาๆ มันก็ลืมตาช้าๆ ค่อยๆหันหน้ามามองผม


    "ขยับมานี่สิ"  


    คิดอะไรไม่ดีอยู่ล่ะสิ   ไม่เข้าใกล้ไม่ไว้ใจ 


    ผมส่ายหน้าสองสามที


    "กูกำลังปวดฉี่พอดี" 


    ว่าละไงไอ้คนทุเรศ มึงทำใบหน้าเปื้อนยิ้มเชียว 


    ผมกลอกตาขึ้นบน อดที่จะทำหน้าบึ้งใส่ไม่ได้


    ต่อมาจองกุกก็ควักมือถือออกมากดๆอะไรซักอย่าง สีหน้าดูจริงจังขึ้นจากนั้นก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง  มันเดินนำแล้วเรียกผมให้ตามไป   ส่วนผมก็อยู่นิ่งไม่ได้เดินตามไป 


    "กูไม่แบกแล้วนะ ไม่อยากเดินก็ตายอยู่นั่น  ช่างแม่งละ" 


    เออเดินไปเองก็ได้วะ


    ออกแรงเดินนิดหน่อยก็ถึงถนนละดีจัง  เท้าผมก็หยุดนิ่งเมื่อเห็นรถยนต์สีขาวเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ถึงพวกเราแล้ว


    "มึง  เขาจะมาดีรึป่าวอ่ะ"


    ผมรีบวิ่งไปหลบหลังจองกุกโดยอัตโนมัติ  ผมแอบดมเสื้อจองกุกที่มีเหงื่อชื้นเต็มไปหมด น่าแปลกที่มันหอมอ่อนๆกำลังดีเหมือนแป้งเด็กเลย 



    พอรถคันนั้นขับมาจอดตรงหน้าพอดีจองกุกหันมองผมนิดๆ ก่อนจะรีบเดินไปเปิดประตูรถด้านหลังคนขับแล้วเรียกให้ขึ้นรถ 


    "อ้าววววว ไม่น่าล่ะมึงถึงได้ยืนรอสบายใจเฉิบ" 


    ผมเข้าไปก่อนแล้วมันก็ทิ้งตัวเองตามลงมา  จากนั้นรถก็เคลื่อนตัวออกไปทันที พอหันไปมองคนขับก็ใจชื้นขึ้นมาเลยทันที 


    "เฮ้ย เจโฮปมาได้ไง"   


    ผมทักขึ้นเมื่อเจโฮปที่กำลังขับรถอยู่หันมายิ้มให้ 


    ผมเจอเจโฮปครั้งแรกเมื่อวันแต่งงานนั่นแหละ ถึงเขาจะเป็นเพื่อนสนิทจองกุกแต่เขาต่างจากจองกุกมาก 


    ทั้งดูจริงใจดี ยิ้มง่าย เป็นมิตรและก็ตลกด้วย  วันนั้นเขาคอยช่วยเหลือและแนะนำผมหลายอย่างเลย แถมพูดคุยกันถูกคอ 


    เริ่มจะสนิทกันนิดๆแล้วล่ะ


    "หวัดดีคนสวย เดินป่ากับจองกุกเป็นไงสนุกมั้ย ฮ่าๆๆ โคตรอยากแซวเลยว่ะข้าวใหม่ปลามัน" 


    เจโฮปพูดแล้วยิ้มให้ในกระจก ทำให้ผมถึงกับหันมามองจองกุกที่นั่งข้างๆ 


    "สนุกก็เชี่ย ตัวหนักชิบหาย แดกไรเยอะแยะ"  จองกุกพูดขึ้น 


    ผมได้ยินแบบนั้นก็สะบัดหน้าหนีไปนั่งเกาะกระจกอีกฝั่ง  เจโฮปถึงกับหัวเราะออกมา


    "มึงก็ว่าเขาซะ จีมินไม่เห็นอ้วนเลยอ่ะ ตัวเล็กๆออกจะน่ารัก" 


    ได้ยินแบบนี้ผมก็หูผึ่งแล้วยกนิ้วให้


    ส่วนจองกุกส่ายหัวไม่เห็นด้วย  เจโฮปจึงรีบคุยเรื่องอื่นเบี่ยงเบนประเด็น เดี๋ยวได้ตีกันซะก่อน

     
    "เออ......แล้วนี่มึงจะไปคอนโดไหนของกูวะ" 


    เจโฮปมองกระจกส่องหลังแล้วถามจองกุก


    "คอนโดที่ไม่มีสาวๆของมึงน่ะแหละ" 


    "กูโสด กูจะนอนไหนกับใครก็ได้นี่หว่า" 


    เจโฮปยักไหล่แล้วพูดต่อ  "คนมีเมียอย่างมึงไม่เข้าใจหรอก"


    "มีแล้วยังไงต่อ"  จองกุกยักไหล่ใส่คืน


    "ถ้าไม่เกรงใจจีมินกูจะถามเลย    คืนนั้นที่โทรหากูเนี่ย.....มึงรุนแรงหรอวะ"   เจโฮปพูดขำๆ 


    "มึงถามแล้วเถอะ    ไอ้หอกหัก" 


    จองกุกด่าไปทั้งที่เจโฮปหัวเราะร่า  ผมเลยหันมามองเจโฮปสลับกับจองกุกไปมา


    อยากบอกเขาว่าเฮ้ย ยังๆๆ ยังไม่ได้อะไรๆกันเลยนะ ที่จริงเกลียดกันไรงี้ 


    น่าโมโหชะมัดพูดอะไรไปไม่ได้


    "ยังว่ะ ว่าจะขอวาร์ปที่คอนโดมึงอีกทีเนี่ยแหละ" 


    เชี่ยยยย พูดอะไรของมึงเนี่ยจอนจองกุก อยากจะเบ่งตัวเองว่างั้น


    "เฮ้ยย!!! กูไม่เชื่อหรอก มึงเนี่ยนะจองกุกจะปล่อยรอด เพื่อนกูไม่ช่ายแบบนี้  ม่ายยยยเลย" 


    เจโฮปกำลังล้อเลียนจองกุกด้วยท่าทางแปลกๆจนผมต้องหันมอง 


    เอิ่ม เฮลโหล กูยังอยู่ตรงนี้นะมีคนเห็นมั้ย 


    ปกติมึงคุยเรื่องแบบนี้กันหรอวะ 


    ผมอดยิ้มให้กับท่าทีตลกๆของเจโฮปไม่ได้ จึงขำออกมาเบาๆ 


    พอหันไปสบเข้ากับสายตาของจองกุกพอดี จึงต้องหันหน้าหนีไปเหมือนเดิม




    30 นาทีต่อมา



    คอนโด JH 



    "สำหรับจีมินและจองกุก ห้อง VIP เก็บเสียงขั้นเทพนี้ เหมาะสำหรับปั๊มลูกกันได้สะดวก...........หวังว่าจะมีหลานให้เร็วๆนี้นะ เชิญครับ"


    เจโฮปผายมือเชิญเราเข้าไป ผมมองหน้าจองกุกอย่างเลิ่กลั่ก  ต่างจากจองกุกที่นิ่งมากๆ และใช้มือดันหลังผมเข้าไป 


    จากนั้นมันก็เดินตามเข้ามาก่อนจะไล่ให้ไปนั่งที่โซฟา เพราะเจโฮปก็ตามเข้ามาเพื่อจะคุยด้วย


    "ขอบใจ  ฝากมึงจัดการให้ด้วย  อีกสามสี่วันกูต้องได้กลับไปอยู่บ้าน"


    "ได้ๆ กูบอกนัมจุนกับพี่ซอกจินแล้ว สองคนนั้นจัดการเรื่องบ้านใหญ่มึงอยู่.......เขาบอกเดี๋ยวยุนกิจะเข้าไปเคลียร์บ้านพักตากอากาศให้  

    แบบที่ไม่มีหมาตัวไหนกล้าไปรบกวนเลย เชื่อมือยุนกิเถอะ" 


    เจโฮปยิ้มให้เป็นเชิงว่าไม่ต้องห่วง


    "แบบนั้นก็ดี   เออ..แล้วรถกูอยู่ไหน"


    "รถมึงจะตามมาจอดหน้าคอนโด......อีกประมาณสี่สิบนาที"


    "โอเค" 


    จองกุกพยักหน้าให้ก่อนจะโบกมือไล่เจโฮปออกไป 


    "ใช้งานกูเสร็จไล่เลย แหม่" 


    เจโฮปเดินไปถึงประตูแล้วหันมาเบะปากใส่จองกุก  ผมได้ยินหมดแหละที่เขาคุยกัน แต่ไม่ค่อยอยากสนใจเท่าไหร่ เพราะเริ่มง่วงมากอยากนอนลงบนโซฟานุ่มๆ 


    แต่เพราะเนื้อตัวผมมันเหนียวเหนอะไปหมดเลยไม่กล้านั่งบนโซฟาด้วยซ้ำ


    สุดท้ายผมก็นั่งหลับอยู่ตรงพื้นข้างโซฟานี่แหละ แค่ขอพักสายตาก่อน




          - End part  Jimin -




    ตอนนี้ร่างบอบบางกำลังหลับสนิทอยู่ตรงนั้น เขาจึงเดินเข้าไปสำรวจห้องนอนแล้วกลับออกมาอีกครั้ง จากนั้นก็นั่งลงโซฟาอีกตัวข้างๆกัน 


    เขาทำเพียงนั่งมองจีมินอยู่อย่างนั้น สายตาเจ้ากรรมดันมองไปที่ข้อเท้าเล็กเพราะจีมินใช้ผ้าเช็ดหน้าพันเอาไว้  เลือดสีจางๆก็ไหลซึมออกมาจนเปื้อนผ้าสีขาว 


    "ทำไมไม่รู้จักบอกบ้างวะ" 


    จองกุกส่ายหัวช้าๆให้จีมินที่หลับอยู่  จะว่าไปจีมินก็ดื้อเงียบมากกว่าที่เขาคิด  ขนาดเจ็บยังไม่ยอมพูด


    ถ้าจำไม่ผิดเขาคิดว่าจีมินต้องโดนกรงเหล็กบาดข้อเท้าแน่ๆ  เขาสังเกตได้ว่าจีมินจับข้อเท้าบ่อยๆตอนอยู่บนรถ 


    ได้ยินเสียงโอ้ยเบาๆแต่เจ้าตัวไม่แสดงท่าทีอะไร จึงไม่คิดว่าจะมีบาดแผลแบบนี้ 


    ครั้นจะจับข้อเท้าดึงเข้าหาตัวเพื่อล้างแผลให้  อีกคนก็เอาแต่ถดตัวหนี 


    "ขนาดหลับยังดื้อด้านอีกนะ"


    จองกุกลงไปคร่อมตัวจีมินไว้ในท่านั่ง เพราะเขาเพิ่งนึกเรื่องดีๆได้  เมื่ออีกคนงัวเงียลืมตาขึ้นมาก็ทำสีหน้าตกใจเล็กน้อยก่อนจะเปลี่ยนเป็นปกติ


    "ลุกไป  จองกุก"


    "ไม่บอกล่ะว่าขาเจ็บ" 


    พอโดนคร่อมตัวแบบนี้ จีมินขยับหนีไม่ได้จึงยอมนอนนิ่งฟังจองกุกก่อน


    "มึงอย่ามาทำเป็นเก่งนะจีมิน"


    มือแกร่งทั้งสองข้างของจองกุกที่วางขนาบข้างตัว  จีมินก็ทำสีหน้ากังวลอย่างไม่รู้ตัว จนกระทั่งจองกุกเรียกสติด้วยการโน้มหน้าลงไปใกล้มากขึ้น 


    คราวนี้จีมินรีบยกมือขึ้นมาดันหน้าจองกุกไว้ 


    "ออกไปนะ" 


    จีมินพูดบอกเบาๆ ส่วนจองกุกนิ่งอยู่แบบนั้นเหมือนจงใจ



    แกร๊ก



    จองกุกหันไปมองที่ประตูทันที เป็นจังหวะที่คนอารมณ์ดีนักหนาคล้ายๆกับเจโฮปเดินเข้ามา 


    "โอ้ว.  โทษทีเพื่อน กูไม่ควรเสือกเรื่องผัวเมียตอนนี้" 


    แทฮยองวางกุญแจลงที่โต๊ะหน้าทีวี   แล้วยิ้มให้จองกุกที่คร่อมตัวจีมินอยู่ 


    "ลุกไปสิ" 


    จีมินอายจนไม่รู่จะทำยังไง จึงได้ยกมือเล็กๆขึ้นมาปิดหน้าไว้  ได้แต่เอ่ยไล่จองกุกอีกครั้ง 


    ดูก็รู้ว่าเขาแกล้ง  


    จองกุกยอมผละออกมาแล้วลอบยิ้ม เพราะมันคือเรื่องดีที่เพื่อนเขาเข้าใจแบบนั้น ไม่งั้นคงโดนล้อว่าแต่งเมียมาบูชา 


    ถึงจะแค่แต่งหลอกๆก็เถอะ ศักดิ์ศรีมันค้ำคอ


    "ล็อคประตูให้แล้วนะ ตามสบาย วู้วว" 


    เสียงแทฮยองตะโกนมาก่อนจะล็อคประตูให้ทั้งสอง


    จบเกมส์วันนี้แล้วล่ะ ต่างคนต่างอยู่



    จองกุกลุกขึ้นเดินไปทิ้งตัวลงนอนแผ่หลาที่โซฟาเพราะความเหนื่อย   เขาหันมองจีมินเล็กน้อยก่อนจะหันกลับไปถอนหายใจเบาๆครั้งนึง 


    หลังจากนั้นเขาก็เผลอหลับไปด้วยความเมื่อยล้า จนลืมไปว่าก่อนหน้านี้เขาตั้งใจจะทำอะไรให้จีมิน  



    "มึงไม่ให้เกียรติกูจริงๆจองกุก" 


    จีมินมองดูเขาไม่นานนัก ก็รีบพยุงตัวลุกขึ้นเดินหนีออกไประเบียง 





    19.30 น. 





    จองกุกงัวเงียตื่นขึ้นมาเข้าห้องน้ำแล้วเขามองหาจีมินว่าเจ้าตัวไปอยู่ไหน 


    เดินหาในห้องนอนก็ไม่มี กระทั่งเห็นระเบียงข้างนอกเปิดไฟไว้ได้จึงเดินตามออกไป


    "มึงมานั่งอ่อยใคร"   


    จีมินหันมามองมองเขาแล้วเบือนหน้าออกไป มือแกร่งจับที่ระเบียงแล้วใช้สายตามองทอดออกไปข้างหน้าเหมือนจีมิน 


    ก่อนจะหมุนตัวกลับแล้วเอนหลังกับเหล็กกั้นอย่างต้องการผ่อนคลาย เอาสายตาคมทอดกลับมามองที่จีมิน 



    ซ่าาาาาาาาาาา


    จีมินยังคงนั่งนิ่งแม้ฝนจะปรอยลงมาและเริ่มสาดกระเซ็นเข้าหา  ถ้าไม่มีจองกุกยืนบังอยู่คงเปียกไปถึงตาตุ่มแล้ว


    "นั่งโง่อยู่ได้ เข้าไปดิ" 


    จองกุกเริ่มเปียกเพราะเม็ดฝนที่ใหญ่ขึ้น จึงได้บอกอีกคนเข้าไปข้างใน


    "ปล่อยกูนั่งตรงนี้เถอะ" 


    จีมินเหมือนคนไม่ค่อยมีสติ ที่เอาแต่มองไปข้างหน้า ไม่สนใจเขาแม้แต่น้อย


    "เออ มึงชอบแบบนี้ใช่มั้ย" 


    มือแกร่งเลื่อนประตูปิดเข้าไปล็อคกลอนจากข้างใน ทิ้งให้จีมินนั่งตากฝนสมใจ



    เปรี้ยงงงงงงงงงงง 


    ซ่าสสสสสสสสส


    ร่างเล็กสะดุ้งเมื่อฝนไม่ได้ตกอย่างเดียว แต่ฟ้าดันร้องโครมครามไปทั่ว 


    จีมินไม่ได้ชอบแบบนี้ซะหน่อย 


    มือเล็กรีบเลื่อนประตูหวังจะเปิดมันเข้าไป 


    "จองกุก ไม่เอาแบบนี้ จองกุก  จองกุก" 


    เสียงใสเจื้อยแจ้วเรียกเขาอยู่ข้างนอกไม่หยุด จองกุกคิดว่ามันน่ารำคาญจึงเดินมาปิดผ้าม่าน 


    เขาทำเพียงแค่นยิ้มให้เท่านั้นแต่ไม่เปิดประตูให้



    เปรี้ยงงงงงงงงงงงงงงง



    เปรี้ยงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง



    จีมินเอามือปิดหู  นั่งลงตรงหน้าประตูอย่างหมดหวัง 


    ถึงจะชอบฝนตกปรอยๆ แต่จีมินไม่ได้ชอบเสียงฟ้าร้อง


    "ไม่นะ"


    ร่างเล็กคิดว่าฟ้าจะผ่าลงมาที่ตัวเองทุกครั้งที่เห็นฟ้าแลป  ตาเล็กๆจึงรีบหลับลงทุกครั้งที่มองไปบนฟ้า 


    น้ำตาที่ไหลออกมาอย่างตั้งใจท่ามกลางสายฝนที่แรงขึ้นเรื่อยๆ คนข้างในคงไม่ได้ยินอะไร 


    ถึงจะตะโกนขอให้เปิดประตูก็ตามที


    "เปิดให้กูหน่อยยย"


    มือเล็กกอดเข่าตัวเอง  และร้องไห้อยู่อย่างนั้นจนสะอึกสะอื้น  


    ครั้นจะกอดตัวเองได้ไม่นาน เสียงฟ้าร้องก็ทำให้ตกใจจนต้องเอามือมาปิดหูไว้เรื่อยๆ 



    ปึกๆๆๆๆ



    มือเล็กทุบกระจกอยู่บ่อยครั้งแต่ไม่เห็นแม้เงาของคนข้างใน ร่างกายก็เปียกโชกไปด้วยน้ำฝนที่สาดกระเซ็นเข้ามาจนแสบผิวไปหมด 


    กายบางๆกำลังเหน็บหนาวเพราะตากฝนเป็นเวลานาน   ป่านนี้จองกุกคงนอนหลับสบายอยู่


    "กูกลัวนะ   เปิดประตู.....ฮึก"


    ร่างเล็กสะอื้นตัวโยน ทั้งที่สัญญากับตัวเองแล้วแท้ๆว่าจะไม่ร้องไห้อีก 


    จีมินเกลียดอะไรแบบนี้ที่สุดและในครั้งนี้ก็คิดว่า จองกุกใจร้ายมากๆ 


    พอร้องไห้ออกมาจนเหนื่อยจีมินเลยผล็อยหลับไป



    แกร๊กกกกก



    ประตูถูกเลื่อนออกโดยคนที่อยู่ข้างใน 


    สายตาคมไล่มองร่างเล็กที่นั่งหลับอยู่ 


    ขอบตา ปาก จมูกแดงไปหมด ไม่รู้ว่าหนาวหรือร้องไห้หนักกันแน่  เท้าของเขาเลยยื่นมาเตะเบาๆเพื่อเป็นการถามไถ่


    "หมดฤทธิ์แล้วรึไง" 


    "............"


    เขาไม่ถามต่อและตัดสินใจอุ้มร่างเล็กที่เปียกชุ่มเข้าไปข้างใน  


    วางจีมินลงในอ่างอาบน้ำก่อนจะเปิดน้ำอุ่นให้  พอร่างกายโดนแช่น้ำอุ่นทำให้จีมินรู้สึกตัวและลืมตาขึ้นช้าๆ


    เมื่อเห็นใบหน้าจองกุกอยู่ห่างเพียงไม่กี่คืบ จีมินเลยต้องถดตัวหนีแทบจะทันที


    "มึงจะทำอะไร"


    ร่างสูงไม่ตอบและลุกขึ้นยืน  เขาวางผ้าเช็ดตัวไว้ข้างๆและกำชับให้จีมินรีบอาบน้ำเร็วๆ 


    "อย่าให้กูต้องเข้ามาตาม"


    พอพ้นสายตาคม ร่างเล็กก็ทิ้งตัวลงไปในอ่างน้ำ 


    ปล่อยให้น้ำท่วมตัวและไม่ยอมโผล่ศีรษะขึ้นมา แทบจะขาดอากาศหายใจ 



    จีมินคิดว่าตัวเอง...อาจจะกำลังอยากตายอยู่ก็ได้

    .

    .

    .

    นานสองนานจีมินก็ไม่โผล่ออกมาซักที 


    ไม่ได้ละ....เขาต้องไปตาม


    ขายาวก้าวตรงไปยังห้องน้ำได้ก็กระชากตัวจีมินขึ้นมาจนเจ้าตัวตกใจ 


    "ฆ่าตัวตายด้วยวิธีนี้ไม่ดีมั้ง" 


    จองกุกดูนิ่งมากและพูดด้วยน้ำเสียงหนักๆ สายตาจองกุกที่มองมาในตอนนี้ดูน่ากลัวกว่าทุกครั้ง


    "ทำกูโมโหจนได้"


    แรงกระชากที่สามารถทำให้จีมินมานั่งที่ขอบอ่างได้ เป็นเพราะจองกุกกำลังโกรธ


    แคว่ก



    "โอ๊ยย"


    เขากระชากเสื้อที่อยู่บนร่างเล็กจนมันขาดและหลุดลุ่ยออกมาไม่มีชิ้นดี 


    มันเสียดสีร่างกายขาวๆจนจีมินรู้สึกเจ็บ 


    มือเล็กเลยยกขึ้นมาเพื่อปิดบังร่างกายตัวเองไว้ เมื่อจองกุกเขวี้ยงเสื้อตัวนั้นไปที่พื้นแล้ว



    จีมินเอามือปิดหน้าและหุบขานั่งอย่างคุดคู้ เพราะรู้สึกว่ามันน่าอายชะมัดที่ถูกเปลื้องเสื้อต่อหน้าจองกุก


    "กูบอกให้อาบน้ำดีๆไม่ชอบ" 


    ร่างเล็กหันหลังให้เพราะพยายามปกปิดร่างกายที่ไม่มีเสื้อ 


    "ฮึก....ฮือ" 


    จีมินส่งเสียงออกมาเพราะเนื้อตัวส่วนบนที่ไร้การปกปิด ในขณะที่แสงไฟสว่างจ้าทำให้มองเห็นอะไรต่อมิอะไรชัดเจน  ยิ่งทำให้จีมินอายจนอยากมุดน้ำหนีสายตาจองกุก


    "ห้ามมองกู  ฮึก...อย่ามองนะ.....หยุดสิ"


    มือหยาบจับเข้าที่สะโพกเพื่อจะดึงกางเกงจีมินลงไปอีก ร่างเล็กก็ขืนตัวไว้ทั้งที่ร้องไห้ไม่หยุด


    "พอแล้ว ฮึก....อย่าทำแบบนี้   ฮือ" 


    จีมินกำลังขอร้องเขาด้วยเสียงสั่นเครือ  พร้อมกับเสียงสะอื้นหนักและกำลังตัดพ้อเขาด้วยสายตา


    โดยที่สายตาคู่นี้นั้นอ้อนวอนขอความเห็นใจจากเขาอยู่ไม่น้อย


    "อย่าอวดเก่งกับกูอีก"    


    จองกุกแค่นเสียงพูดแล้วก็ผละตัวเองออกมายืนห่างจากจีมินนิดหน่อย 


    ผลั่ก


    เขาผลักศีรษะจีมินไปทีนึงแต่ไม่ได้รุนแรงอะไรมากนัก เพราะปาร์ค จีมิน ทำเขาใจอ่อนจนได้  



    "โธ่เว้ยย!!" 


    เขาก็หงุดหงิดตัวเองเหมือนกัน   เลยปาผ้าเช็ดตัวใส่จีมินแล้วเดินออกไปเลย 




    22.30 น. 




    ผ่านหลายชั่วโมงกว่าจะได้นอน   แต่ตอนนี้จีมินได้อยู่ในชุดนอนของจองกุกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว 


    ร่างเล็กนั้นเหนื่อยล้าทั้งร่างกายและจิตใจ ส่วนขาที่เจ็บก็ยังไม่ได้ทำแผล แต่จีมินไม่มีแม้แต่แรงจะขยับตัวแล้วจริงๆ 


    เปลือกตาที่ปิดลงอย่างอ่อนล้าบนเตียงนอนเดียวกันกับเขา  ทั้งที่รู้สึกได้ทั้งหมดถึงการขยับตัวนอนหรือนั่งของคนข้างๆ 


    นั่นก็ไม่ได้ทำให้จีมินอยากลืมตามามองเลยด้วยซ้ำ 


    ก็แค่อยากหลับหนีจองกุกไป




    หมับบบ



    เท้าเล็กชักหนีแทบจะทันที ตอนที่กำลังจะหลับตาลงแต่ดันเห็นจองกุกเดินกลับมานั่งบนเตียงพร้อมกล่องใบหนึ่งในมือ


    "อยู่นิ่งๆ กูจะเตือนแค่ครั้งเดียว" 


    เขาว่าจริงจังอีกที จีมินก็เลยจำใจยอมอยู่นิ่งให้เขาจับเข้าที่ข้อเท้าเล็ก  จองกุกก็กระชากเข้าหาตัวเร็วๆและยกขึ้นวางพาดบนหัวเข่าตัวเองไว้ให้ทำแผลได้ถนัดมือ


    พอเห็นจีมินอยู่เฉยเขาก็หยิบกล่องปฐมพยาบาลมาวางข้างๆตัว แล้วจัดการล้างแผลให้จีมินก่อนเป็นอันดับแรก


    "โอ๊ย  อันนี้มันแสบ....เอาออกไปเลยนะ"


    ขาเรียวขยับทุกครั้งที่เขาแตะแอลกอฮอล์ลงไปที่แผล  


    "เมื่อกี๊กูบอกมึงว่าไงนะ"


    สายตานิ่งๆส่งมาดุทำให้จีมินพยายามอยู่นิ่งให้ได้  แต่เป็นเพราะมันแสบมากเกิน จีมินจึงกัดริมฝีปากเพื่อไม่ให้ส่งเสียงออกไปให้เขารำคาญ 


    "ฮือ ก็มันแสบมากนี่นา"


    เขาเช็ดแอลกอฮอล์วนรอบๆแผลอีกครั้งจีมินก็หลุดเสียงออกมานิดนึง จองกุกจึงเงยหน้าขึ้นไปมองแบบทั้งขู่ทั้งปลอบในเวลาเดียวกัน


    "อดทนหน่อย อย่าสำออย" 


    เขาเห็นอีกคนซุกหน้าลงไปร้องไห้กับหมอน เหมือนไม่อยากให้เขาได้ยินเสียง  พอมองแล้วเขาก็แอบสงสารอยู่นิดหน่อย


    "สภาพมึงดูไม่ได้เลย" 


    เขาพูดแล้วทายาลงไปซ้ำรอบนึงและก็กดสำลีให้ลึกลงไป เพื่อให้ยาฆ่าเชื้อได้ซึมลงแผลจนหมด


    จีมินเผลอตอนขยับตัวออกจนเสื้อนอนเลิกขึ้นมา ทำให้เขาได้ลอบสังเกตดูรอยแดงที่สะโพกของอีกคน  


    มันคงเป็นเพราะเขาฉีกเสื้อจีมินขาดนั่นแหละ  


    "เงยหน้าขึ้นมาซะ"


    ผ่านไปพักนึงจองกุกก็ปล่อยข้อเท้าเล็กเป็นอิสระ และเขาก็เก็บอุปกรณ์ในกล่องแล้วหายไปในห้องน้ำ 


    พอกลับออกมาก็ปิดไฟรอบห้อง เหลือไว้แค่โคมไฟหัวเตียง


    ร่างสูงทิ้งตัวนอนข้างๆจีมินที่ยังซุกหน้ากับหมอนใบเดิมที่กอดอยู่ แม้จะเลิกร้องไห้ไปแล้วก็ยังเหลือเสียงสะอื้นน้อยๆที่ค่อยๆเบาลง


    "ชอบร้องไห้จังวะ" 


    มือหยาบแตะลงที่สะโพกเล็กจากด้านหลัง ดึงเข้าหาตัวแบบเร็วๆจนอีกคนไม่ทันตั้งตัว   ร่างจีมินก็เบียดเสียดกับร่างกายจองกุกจนรู้สึกว่าหัวใจตัวเองกำลังเต้นแรงมาก 


    เขากอดแน่นจนจีมินหยุดนิ่งเพื่อกัดริมฝีปากตัวเองไว้ 


    ร่างเล็กไม่กล้าขยับตัวจึงได้แต่นอนเกร็งอยู่แบบนั้น


    "มึงกลัวอะไรเนี่ย นอนดีๆสิ"


    ริมฝีปากเล็กที่ถูกกัดโดยเจ้าของมันค่อยๆคลายออก  เพราะจองกุกคลายอ้อมกอดลงให้นอนสบายขึ้น แต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยมือออก



    ตอนนี้จีมินแน่ใจแล้วว่าตัวเองตัดสินใจได้แล้วและไม่ลังเลเลยซักนิด 


    เมื่อก่อนคิดว่ายังไหวตลอดแต่ที่จริงแค่โกหกตัวเอง   พอผ่านทุกข์ผ่านร้อนกันมาพอสมควร   ก็รู้เลยว่าไม่สามารถจะอยู่ร่วมกับจอน จองกุกได้เลย


    "จองกุก...ฮึก...กูมีเรื่องอยากบอก" 


    จีมินบอกเขาทั้งที่ยังสะอื้นอยู่น้อยๆ 


    "เงียบดิ๊" 


    เสียงของจองกุกที่ออกคำสั่งไม่ได้จริงจัง   จีมินเลยสูดจมูกทำใจกล้าพูดไป


    "กูคิดว่าเรา-" 


    "เฮ้ย  กูบอกให้เงียบ!!!" 


    จีมินสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อจองกุกโวยวายใส่ 


    พอนึกถึงเวลาเขาโกรธมันก็น่ากลัวอยู่จีมินจึงยอมเงียบไป


    นานนับสิบนาทีเสียงสะอื้นก็ค่อยๆเบาลง เพราะร่างบางเหนื่อยอ่อนและง่วงนอนมาก 


    ตาเล็กปิดลงพร้อมประโยคที่ต้องกลืนกลับลงไป แล้วสุดท้ายก็ยังไม่ได้พูดออกมาเหมือนเคย 



    พอตกดึกมาลมหายใจแผ่วบางของคนข้างๆเริ่มสม่ำเสมอ ทำให้จองกุกลืมตาขึ้นมามองอีกหน 


    แน่ใจว่าหลับสนิทแล้วจองกุกก็เงยหน้าขึ้นมา จ้องมองใบหน้าเล็กอยู่ใกล้ๆ  แค่แสงรำไรลอดผ่านม่านกั้นเข้ามา ยังสามารถมองเห็นน้ำตาบนแก้มของจีมินได้ชัด 



    "กูอ่อนโยนด้วยขนาดนี้มึงยังไม่รู้เลย...มึงแม่งโง่" 


    พูดจบก็ยิ้มบางๆออกมาในความมืด 


    เขาก็รู้ดีว่าจีมินคิดจะบอกอะไรกับเขา เพียงแต่ตอนนี้เขาเริ่มที่จะเห็นแก่ตัวขึ้นมาแค่นั้นเอง


    เรื่องอะไรเขาจะปล่อยไปง่ายๆล่ะ 


    "หนีกูไปมันหมายถึงนรกเลยนะ อยากลองมั้ยปาร์คจีมิน" 


    มือแกร่งไล้ใบหน้าเรียวเบาๆ ขณะที่เขาบอกอีกคนคงไม่ได้ยินมัน 



    งั้นไว้ตื่นเช้ามาค่อยคิดบัญชีอีกทีละกันนะ



    ข้อหาทำให้หงุดหงิดใจชิบหาย









    Talk



      มาอัพตอนดึกๆแหละ เผื่อมีคนรออ่าน อันนี้เราตั้งใจเขียนมากเลยนะ


      แก้ไปหลายรอบกว่าจะตัดสินใจเอามาอัพลงให้อ่าน
       

      ช่วยมอบความรักให้ฟิคเรื่องนี้เยอะๆนะ 

     
      ขอบคุณสำหรับคนที่รอ รวมถึงคอมเม้นต์น่ารักๆ และคนกดหัวใจ
     

     ที่ทำให้เราอยากมาอัพต่อ 

    จุ๊ฟ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×