คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : ไม่ไหวก็บอกไม่ไหว 100%
เมื่อคืนจีมินร้องไห้หนักแถมยังเปรยๆว่าไม่อยากทนอยู่กับเขา แล้วถ้าจีมินทำอะไรแบบไร้สมองขึ้นมาจะยุ่งกันไปใหญ่
อย่างน้อยเขาค้นพบจุดอ่อนอีกข้อหนึ่งของจีมินแล้วล่ะ
แค่เขาพูดดีทำดีด้วยหน่อยก็ลืมโกรธละ
“นี่…มึง”
จีมินส่งเมนูอาหารคืนมาให้ มือหนารับมาแล้วเงยหน้าขึ้นมาบอก
“จะกินอะไรก็สั่ง”
เขามองอย่างไม่เข้าใจเมื่อเห็นว่าจีมินไล่ดูเมนูมาตั้งนานสองนาน
แต่ยังไม่ได้สั่งอาหารหรือเครื่องดื่มอะไรเลย
มือเล็กสองข้างที่วางอยู่บนโต๊ะยกขึ้นมาป้องปากเล็กไว้
ค่อยๆยืดตัวออกไปเพราะนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกันกับจองกุก ปากเล็กๆเอ่ยบอกเขาเบาๆ
“ย้ายร้านเถอะ”
ได้ยินแล้วก็หมุนคอสำรวจอีกรอบ เผื่อว่าจีมินอาจจะเจอคนรู้จัก
พอเห็นว่าโต๊ะข้างกันมีแค่ครอบครัวหนึ่งพ่อแม่ลูก
กับคู่รักอีกสองคนนั่งอยู่ ซึ่งก็ไม่ได้น่าสนใจเท่าไหร่นัก
“อะไรอีก”
จองกุกเอนหลังติดพนักพิงถามสีหน้านิ่ง
“มันแพงไป” จีมินป้องปากพูดกระซิบเบาๆ
เขาถึงกับหลุดขำออกมานิดนึง
มือหนาก็คว้าเอาเมนูมาไล่ดูอีกรอบแล้วเลือกที่ตัวเองอยากกิน
จากนั้นก็ส่งไปให้พนักงานที่ยืนรออยู่แล้ว
“ครับ”
จองกุกตอบกลับไปเมื่อพนักงานทวนรายการอาหารครบและถูกต้อง
จีมินจึงทำได้เพียงนั่งทำตาปริบๆมองดูเฉยๆ
ผ่านไปเกือบสิบนาทีระหว่างที่กำลังรออาหารมาเสิร์ฟ
สองคนก็ยังไม่ได้คุยอะไรกัน จองกุกก็หยิบมือถือขึ้นมาเล่นคั่นเวลา
ส่วนจีมินไม่มีมือถือใช้แล้วก็หันมองเพดาน มองฝ้าผนัง ซึมซับศิลปะการตกแต่งที่สวยงามและหรูหราของร้านไปพลางๆ
แล้วก็ไล่มองคนอื่นๆรอบบริเวณนั้น
เพราะไม่อยากสบตากับจองกุก
.
.
.
พอพนักงานทยอยนำอาหารมาเสิร์ฟจนครบทุกเมนู ร่างบางถึงกับตื่นเต้นมากจนเอาแต่มองค้าง
เพราะอาหารตรงหน้ามันดูดีกว่าในรูปเยอะเลย หรืออาจจะเป็นเพราะจีมินกำลังหิวด้วยส่วนหนึ่ง
“มึงถือคติที่ว่า...ให้ผัวกินก่อนหรอ”
จองกุกยัดข้าวเข้าปากไปคำนึงแล้ว
เห็นอีกคนยังนั่งนิ่งมองอยู่ก็พูดขึ้น
จีมินได้ยินก็รีบหันมองซ้ายขวากลัวคนอื่นได้ยินสรรพนามที่จองกุกเอ่ย
เมื่อมั่นใจว่าคนอื่นๆไม่ได้สนใจและคงไม่มีใครได้ยิน ก็ส่งสายตามองค้อนใส่เขาแล้วรีบหยิบช้อนขึ้นมาตักข้าวเข้าปาก
ปากเล็กเคี้ยวอาหารอย่างพินิจพิจารณา
จากนั้นแววตาของจีมินก็ดูเปล่งประกายให้กับมันมากจนคนมองต้องส่ายหัว
“อร่อยมากอ่ะ สุดๆเลยมึง”
จีมินเงยหน้าพูดไปทันทีที่ลิ้นรับรสชาติทำงานเต็มที่ หน้าตาจิ้มลิ้มก็ดูฟินและมีความสุขมาก
“เฉยๆ”
จองกุกตอบพร้อมตักข้าวเข้าปากช้าๆเหมือนไม่ค่อยหิว
“มึงกินบ่อยก็เฉยๆสิ ว่าแต่มึง…ได้กินดีแบบนี้มาตั้งแต่เกิดเลยสินะ”
เขาวางแก้วน้ำลงหลังจากดื่มมันเสร็จก็พยักหน้าให้
อยู่ดีๆร่างเล็กก็รู้สึกอิจฉาชีวิตจองกุกขึ้นมาหน่อยๆ ที่เขาได้เกิดมาบนกองเงินกองทอง ไม่เห็นต้องลำบากหาเช้ากินค่ำเหมือนตัวเอง
จีมินวางมือสองข้างลงบนโต๊ะกินข้าวบอกตัวเองให้เลิกคิดก่อน
เพราะนี่ไม่ใช่เวลามาดราม่า แต่ควรจะรีบตักตวงมันและกินๆๆๆๆๆเข้าไปซะ
“อย่ายัดเข้าไปเยอะ มึงอ้วน”
จองกุกจงใจพูดให้ได้ยินชัดๆคนฟังก็เบะปากใส่
"ตบปากเลยนะ กูไม่ได้อ้วน"
จีมินประชดเขาด้วยการตักข้าวเข้าปากไปเร็วๆติดต่อกันหลายๆคำ
ข้าวก็เต็มปากจนเคี้ยวไม่ไหวจึงหยุดไว้ก่อน
เมื่อพะอืดพะอมมากเต็มทีแล้วจึงพ่นลมหายใจออกเบาๆ รู้สึกว่าข้าวกำลังติดคอก็ทำท่าเหมือนอยากอ้วกออกมา
“คายออกมากูตีนะ”
จองกุกยกหลังมือขึ้นมาขู่
มือเล็กรีบคว้าแก้วน้ำมาอย่างเร็ว ดูดน้ำเข้าไปจนแก้มทั้งสองข้างพองออกมาอย่างน่ารัก
เขาจ้องมองไม่ละสายตา แล้วก็หันหน้าออกไปขำอย่างห้ามตัวเองไม่ได้
“ฮ่าฮ่า”
จองกุกขำออกมาเบาๆ จีมินก็หน้าบึ้งใส่มากกว่าเดิม
ปากก็ค่อยๆเคี้ยวข้าวและกลืนลงไปทีละน้อย
นี่คือครั้งแรกที่ได้เห็นจองกุกหัวเราะออกมาให้เห็น จีมินเลยเผลอคิดเหมือนกันว่ารอยยิ้มนั้นมันมีเสน่ห์จริงๆ
แค่ยิ้มกับเสียงหัวเราะบ้าๆนี่ก็ทำใจสั่นเหมือนกัน
จีมินก้มหน้าหนีจองกุกไปเพราะรู้สึกแปลกๆ เพราะที่ผ่านมาต่างคนต่างกินข้าวแยกกันมาตลอด ยังไม่เคยมานั่งทานข้าวกันเป็นตุป็นตะสองต่อสองแบบนี้
สถานการณ์มันอย่างกับออกเดตครั้งแรก
อารมณ์แบบเพิ่งเคยเจอกันเลยไม่ค่อยคุยอะไรกันเท่าไหร่
น่าแปลกที่ในบางช่วงแม้ว่าต่างคนต่างเงียบและตั้งใจกินไป แต่กลับไม่ได้รู้สึกอึดอัดใจอะไรเลย
จองกุกเองก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ ตาคมได้ลอบมองนาฬิกาอยู่เป็นระยะแต่ก็ไม่อยากเร่งจีมินมากไป
นานๆทีเขาจะได้พาออกมาเปิดหูเปิดตาบ้างก็เลยให้เวลามากหน่อย
ตื้ดๆ
เขาดื่มน้ำเสร็จก็หยิบมือถือขึ้นมาเช็คเมื่อมีข้อความส่งเข้ามา พอพิมพ์ตอบไปเร็วๆแล้วก็วางมือถือลงข้างๆ
จีมินก็วางช้อนลงและดื่มน้ำตามเมื่อตัวเองก็กินอิ่มพอดี
ไม่นานพนักงานก็นำบิลใส่ถาดมายื่นให้อย่างสุภาพ
ตาคมไล่มองรายการอาหารที่สั่งและยอดจ่ายสุทธิ มือเรียวยาวของเขาก็หยิบแบล็คการ์ดออกมาวาง พนักงานก็ยิ้มให้ก่อนโค้งศีรษะแล้วเดินกลับไป
“กูจ่ายเองได้นะ เอ่อ…แค่ส่วนของกู ไว้หารคนละครึ่ง”
จีมินเปิดกระเป๋าดูเงินในนั้นก็เงยหน้ามาบอกเขา
“มึงได้จ่ายแน่”
พนักงานคนเดิมเดินเอาการ์ดมาคืนให้พอดีพร้อมใบเสร็จรับเงิน เขาหยิบแบล็คการ์ดยัดเข้ากระเป๋าเสื้อ และหยิบเงินสดออกมาวางให้อีกห้าร้อยบาท
พนักงานคนนั้นก็ไหว้ขอบคุณ โค้งศีรษะให้จองกุกและจีมินอีกสองครั้งติด จีมินก็ก้มศีรษะและส่งยิ้มให้คืน
จองกุกลุกเดินออกไปก่อนแล้วจีมินจึงรีบลุกตามไป
มือนั้นไม่ลืมที่จะหยิบเอาใบเสร็จติดมือออกมาด้วย
พอมาถึงรถจีมินเปิดประตูเข้าไปนั่งในรถ
ดึงเข็มขัดมาคาดไว้แล้วมองดูบิลราคาอาหารในมือก็ตาโตอีกรอบสอง
ได้แต่หันมองจองกุกที่ปิดประตูเข้ามาพอดี และเขายังคงทำสีหน้าปกติ
“สามหมื่นห้าได้ไงวะ แถวบ้านกูเขาขายไม่เกินสี่ห้าสิบหรอก ไอ้ที่เป็นจานๆอ่ะ”
จองกุกหยิบมือถือออกมากดเข้าไปที่เครื่องคิดเลข ยื่นหน้าไปดูจำนวนที่เขาจ่ายไปทุกบาททุกสตางค์ในมือจีมิน
‘สามหมื่นห้าพันห้าร้อยหกสิบบาทถ้วน’
“กินไม่หมดกูปรับสองเท่าเป็นเงินเจ็ดหมื่นหนึ่งพันกว่าบาท บวกกับเงินที่ต้องหารกับกูคนละหมื่นเจ็ด”
เขายื่นค่าใช้จ่ายที่จีมินต้องชดใช้ไปให้ดูใกล้ๆ
นั่นมันแปดหมื่นแปดพันเก้าร้อยบาทเลยนะ
“กูใจดีลดให้ เหลือเก้าหมื่นพอ”
“พ่องสิ”
ปากเล็กสบถออกมา มือหนาก็ยกขึ้นตีเข้าที่ปากนั่นแรงๆ จีมินรู้สึกเจ็บก็เม้มปากแน่น
“มึงทำเกินไปมั้ย มึงมันขี้โกง แบล็คการ์ดของปลอมรึไง รู้ว่ากูไม่มีเงินยังจะมาทวงอีก..หน้าด้านสุดๆ ไม่มีไม่หนีไม่จ่ายเว้ย”
“จะยอมจ่ายเป็นเงิน หรือ ร่างกายมึง”
ตาคมจ้องร่างกายจีมินอย่างจาบจ้วง ไล่มองตั้งแต่บนลงล่างช้าๆ
จีมินทนให้เขามองไม่ไหวก็เปิดกระเป๋าเอาเงินออกมา ดึงแบงค์พันบาทออกมาเก็บไว้หมื่นนึง
ส่วนที่เหลืออีกเก้าหมื่นก็ฟาดไปที่ไหล่คนข้างๆแรงๆด้วยความโมโห
“เออ…อยากได้นักก็เอาไปเลย ..เอาไป๊!!”
จองกุกโยนเงินไปที่คอนโซลหน้ารถ เหยียบคันเร่งขับออกไปทันทีแล้วยกยิ้ม
เพิ่งจะได้เงินก้อนแรกจากจองกุกแค่แสนเดียว ทั้งที่อยู่กันมาพักใหญ่แล้ว
ยังไม่ทันได้อุ่นใจข้ามคืนก็ต้องจ่ายคืนไปให้เขาซะแล้ว
.
.
.
หลังจากจ่ายเงินแล้วร่างเล็กนั่งนิ่งๆอย่างใช้ความคิด รู้สึกว่าโดนเอาเปรียบเกินไปเพราะมันไม่คุ้มกับสิ่งที่ต้องเจอเลยซักนิดเดียว
“เสื้อผ้าก็ยังไม่ได้ซื้อเลย”
จีมินบ่นกับตัวเองเบาๆ เมื่อนับเงินอยู่หลายรอบก็ยังเหลือแค่หมื่นเดียวเท่าเดิม
เสื้อตัวใหญ่บนร่างกายก็เป็นของจองกุกทั้งนั้น ใจนี้ก็ชักจะรู้สึกรังเกียจเขาจนอยากถอดเสื้อทิ้งอีกแล้ว
ร่างบางคิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่ดีๆก็ดันไปนึกเรื่องเมื่อคืนอีกจนได้ นึกแล้วก็แค้นเขาขึ้นมาทันที
โชคดีแค่ไหนที่จีมินไม่ป่วยเพราะตากฝน
ขาที่เป็นแผลก็ทำให้กังวลว่าจะมีไข้ขึ้นเหมือนกัน
นับว่าโชคดีมากที่ไม่ได้เป็นอะไรในตอนนี้
“เรื่องเมื่อคืน…กูยังเคืองมึงมากอยู่นะ”
ปากเล็กขยับน้อยๆเหมือนบ่น เขาก็ฟังต่อไม่ได้พูดสวนขึ้นมา
“กูไม่ชอบมีแผลเป็นแต่ขากูก็มีแผลเป็น กูกลัวเสียงฟ้าร้องแต่กูต้องทนฟังเสียงฟ้าร้อง กูเบื่อที่จะหนีอะไรบางอย่างแต่กูก็ต้องหนีเพื่อเอาชีวิตรอด”
เมื่อเห็นเขายังมองนิ่งไม่ได้แสดงความรู้สึกใดๆออกมา
จีมินก็สูดลมหายใจเข้าไปเรียกความกล้าให้ตัวเองเพื่อพูดต่อให้จบ
“กูเกลียดมึง…กูก็ต้องทนอยู่กับมึงด้วยมั้ย” เสียงหวานเอ่ยบอก
“กูว่ากูไม่ไหวแล้วว่ะ เราควรทำอะไรสักอย่าง”
ใจก็เต้นตุ้มๆต่อมๆเวลาที่มองคนข้างๆ
ท่าทีใจเย็นของจองกุกกลับทำให้จีมินร้อนใจซะเอง
ในที่สุดจีมินก็ได้พูดมันออกมาแล้ว แถมยังพูดคำที่เขาไม่ค่อยชอบด้วยล่ะ
และนั่นก็หมายถึงสิ่งที่เขาเคยเพียรพยายามทำไปทั้งหมด กลายเป็นสิ่งที่ไร้ความหมาย
เอี๊ยดดด
จองกุกเงียบไปสักพักก็หักพวงมาลัยเลี้ยวเข้าข้างทางและเบรคกระทันหัน
หัวจีมินกระแทกเข้ากับคอนโซลรถอย่างจัง ตาเล็กก็หันไปมองเสี้ยวหน้าของเขาแวปนึงแล้วหันกลับมาอย่างเคืองๆ
“ลงไป”
จีมินต้องขมวดคิ้วแล้วหันไปมองใหม่
“กูบอกให้ลงไป!!!!” ร่างสูงตะคอกใส่
จีมินก็งงหน่อยๆ เมื่อจู่ๆก็โดนไล่ลงจากรถด้วยสีหน้ารำคาญของเขา
“เหอะ”
จีมินแค่นหัวเราะในลำคอแล้วปลดเข็มขัดนิรภัยออก
หยิบกระเป๋าสะพายคล้องคอไว้
มือเล็กกำลังจะเปิดประตูออกไป
ก็หันมาบอกเขาก่อน
“ขอบใจสำหรับอาหารมื้อแรกที่จ่ายด้วยเงินกู
ส่วนเงินที่เหลือกูตัดสินใจไม่เอาเพื่อแลกกับอิสระในชีวิต หวังว่าจะไม่มีอะไรติดค้างกันอีก งั้นบอกลามึงตรงนี้เลยละกัน”
จองกุกกัดฟันแน่นตอนที่จีมินพูดจบ เขากระชากแขนเข้ามาบิดข้อมือเล็กและกำแน่นมากจนขึ้นรอยแดง
“มึงมันก็ดีแต่เอาเปรียบกู….พอกันทีไอ้เชี่ย”
เขากุมใบหน้าเล็กไว้แล้วบดเบียดริมฝีปากลงไปแรงๆ
ไม่สนมือเล็กที่ต่อต้านและคอยผลักไสออก
ขยี้ปากเล็กๆและกัดอยู่หลายครั้งจนรู้สึกว่ามีเลือดไหลออกมานิดๆ
แล้วกระชากคอเสื้อให้ร่นต่ำลงไป ก่อนก้มลงไปดูดเม้มที่บริเวณเนินหน้าอก
“โอ๊ย!!!” ร่างบางรู้สึกเจ็บจึงร้องออกมา
ใบหน้าคมจึงผละออกมามองหน้าชัดๆ มือเล็กที่กำลังจะฟาดเข้าที่ใบหน้าคมของเขาก็ถูกจับไว้
“ลำบากใจมากก็ไปซะ อย่าให้กูตามเจอ”
จีมินนิ่งฟังเขาจึงก้มไปกระซิบเบาๆข้างหู
“เพราะถ้ากูเจอ…...กูฆ่ามึงแน่”
จมูกโด่งลากผ่านมาที่แก้มเนียน
จากนั้นผลักจีมินแรงๆจนร่างกระแทกประตูรถ
“โอ๊ย…กูขอให้มึงตกนรกไปเลย ไอ้คนเลว”
ร่างเล็กรีบตั้งสติ มือเล็กจัดเสื้อผ้าดีๆแล้วเปิดประตูรถออกไป
จองกุกกัดฟันกำพวงมาลัยแน่น
สายตามองตรงไปข้างหน้าไม่หันมองจีมิน
“จอนจองกุก ไปตายซะ!!!”
จีมินตะโกนใส่เขาแล้วปิดประตูรถดังปัง
จองกุกเหยียบคันเร่งมิดเข็มไมล์
ไม่แม้แต่จะปลายตามองคนข้างหลัง
ตอนแรกแค่จะแกล้งเล่นเฉยๆ แล้วเขาไม่ได้คิดจะเอาเงินคืนหรอก ไม่ได้คิดว่ามันจะเลยเถิดแบบนี้ด้วย
ตัวเขาเองก็พยายามมากแล้วที่จะใจเย็นขึ้นและคอยทำดีด้วย
แต่จีมินทำเขาฟิวส์ขาดจนได้
สุดท้ายพังไม่เป็นท่า
พังแบบไม่มีชิ้นดี
ถ้าเกิดว่าจะให้เขาเป็นฝ่ายรั้งไว้เขาไม่ทำแน่ๆ
ความโกรธที่ก่อตัวในใจเขาอยู่ตอนนี้
สัญญาได้เลยว่าเมื่อเจอ ปาร์ค จีมินอีกครั้ง
จองกุกอยากจะฆ่าให้ตายและฉีกเป็นชิ้นๆด้วยตัวของเขาเอง
19.00
น.
คอนโด TAEHYUNG
พอปิดตู้เย็นแล้วแทฮยองก็โยนเบียร์เย็นๆไปให้จองกุกกระป๋องนึง
แล้วก็เหลือไว้ที่ตัวเองอีกกระป๋องนึง
“มึงมาไงวะเนี่ย แล้วจีมินอยู่ไหน”
จองกุกเอนหลังกับพนักโซฟาไม่ได้ตอบอะไรไป แทฮยองดื่มเข้าไปนิดหน่อยแล้วพูดต่อ
“หรือว่าเมื่อวานจีมินท้องแล้ว มึงเลยไม่ให้ออกไปไหน”
จองกุกหงุดหงิดนิดหน่อยที่มีคนถามถึงจีมิน จึงยกเท้าถีบเพื่อนไปทีนึง
“ท้องพ่อง
ทะเลาะกัน” จองกุกกระดกเบียร์เข้าปากไปอึกใหญ่
“ทะเลาะท่าไหนวะ กูเห็นคร่อมตัวจีมินอยู่ ฮ่าๆๆๆ”
จองกุกสบถด่าคำหยาบไป
และเปลี่ยนน้ำเสียงจริงจังพูดกับแทฮยอง
“มึงจำจูยองได้มั้ย” เขาจ้องหน้าเพื่อนสนิทแล้วถามไปด้วย
“อือ ทำไมวะ”
แทฮยองค่อยๆลดกระป๋องเบียร์ลงจากปาก วางลงที่โต๊ะด้านหน้าแรงๆทีนึง แล้วตั้งใจฟังมากขึ้น
จูยอง อดีตคนรักเก่าของเขาตั้งแต่ตอนที่เรียนเมืองนอกด้วยกัน
ตอนนั้นคบหากันได้แค่ห้าเดือน
ก็พบว่าจูยองคนนี้ได้ไปมีความสัมพันธ์กับ
วี
หรือ คิมแทฮยองเพื่อนรักของเขาคนนี้แหละ
ทุกคนรู้ดีว่าสามปีที่แล้วมันเกิดอะไรขึ้นระหว่างจองกุกกับแทฮยองบ้าง
นั่นเป็นเพราะความรักบังตาและมารยาร้อยเล่มเกวียนของจูยอง
สาเหตุเพียงเพราะเธอแอบรักแทฮยองมานาน แต่ฝ่ายนั้นไม่ได้สนใจเธอเลย
เธอจึงหาวิธีเข้าใกล้แทฮยองด้วยการคบเพื่อนสนิทของแทฮยอง ซึ่งก็คือ จองกุก
ตั้งแต่นั้นมาเธอก็พยายามทำให้แทฮยองเห็นอกเห็นใจเพื่อที่จะได้พูดคุยกับเขาบ่อยๆ
ขณะจูยองคบหากับจองกุกอยู่นั้น เธอก็ชอบไปร้องไห้คร่ำครวญ ตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จใส่ความจองกุกว่าเขาทำร้ายร่างกาย
ด้วยรอยแผลฟกช้ำที่แขนและขามากมายทำให้มีส่วนน่าเชื่อ
ทั้งที่รอยพวกนั้นเธอเป็นคนสร้างมันขึ้นมาเองกับมือ
เธอแกล้งทำตัวน่าสงสารจนแทฮยองตกหลุมพราง
แล้วในคืนนั้นเธอได้วางแผนให้แทฮยองออกไปดื่มด้วยกันสองคน
แล้วเช้าถัดมาจองกุกก็มาเห็นเข้า
เพราะเขามาตามหาเธอทั้งคืนไม่รู้ว่าหายไปไหน
กระทั่งในที่สุดก็พบว่า
เธอได้อยู่บนเตียงนอนสภาพเปลือยเปล่ากับเพื่อนสนิทของตัวเอง
เขาสองคนทะเลาะกันใหญ่โต ต่างคนต่างซัดหมัดใส่กันไม่ยั้งเลยเจ็บตัวด้วยกันทั้งคู่
ประกาศจะตัดขาดสัมพันธ์สิ้นสุดความเป็นเพื่อนกัน
ผ่านไปเกือบสัปดาห์
หลังจากต่างคนต่างสงบสติอารมณ์ได้ เจโฮปกับนัมจุนก็บังคับทั้งสองคนมาจับเข่าคุยกันข้ามวันข้ามคืน
จองกุกตัดสินใจเล่าให้ฟังจนหมดเปลือกถึงเรื่องที่จูยองทำ
แทฮยองเองก็ได้แชร์ความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนั้นเหมือนกัน
พอทำความเข้าใจกันแล้วก็กอดคอหัวเราะให้กันเมื่อพบว่าถูกหลอกทั้งสองฝ่าย
“มึงยังโกรธใช่มั้ย กูนึกขึ้นมายังเคืองไม่หายเลยว่ะ”
“เคืองกู?” จองกุกถามคืน
“เคืองจูยองดิวะ มึงหาเรื่องทะเลาะกับกูอีกหรอเนี่ย” แทฮยองพูดขำๆ
“ถ้าวันนั้นมีใครสักคนระหว่างมึงกับกู เลือกที่จะไปกับจูยอง คงไม่ได้มานั่งหัวโด่คุยกันอยู่นี่หรอก”
เขาพยักหน้าเห็นด้วยกับแทฮยอง ต่างพากันโล่งใจที่ยังเป็นเพื่อนกันอยู่
“แล้วยอมรับมั้ยว่ามึงทำ” จองกุกแกล้งถามเล่นๆ
“ไม่ดิ…. ให้รับได้ไง วันนั้นกูโดนมอมจนแทบไม่ได้สติเลยนะเว้ย”
พอแทฮยองพูดจบก็มีบางอย่างแวปเข้ามาที่สมองของจองกุก
“ก่อนกูจะไปบ้านพักตากอากาศ จีมินก็โดนมอมยาเหมือนมึง”
แทฮยองอ้าปากค้างเพราะรู้ดีว่ายานั่นคือยาอะไร
และพอจะจับต้นชนปลายได้ว่าเป็นฝีมือใคร
พอคะยั้นคะยอให้จองกุกเล่าต่อ เพราะอยากรู้ว่าจีมินเป็นยังไงบ้างในวันนั้น จองกุกก็บอกไปแค่ว่าปลอดภัยดี
“ไม่บอกก็ไม่บอก งั้นมึงก็ช่วยถนอมจีมินหน่อยละกัน”
เมื่อเพื่อนไม่ยอมเล่าอะไร
แทฮยองจึงละความพยายาม
“แต่มึงช่วยบอกกูหน่อยไม่ได้หรอ ว่าคนๆนั้นคือใครกัน”
แทฮยองเปลี่ยนเรื่องถาม เพราะเมื่อตอนกลางวันที่ไปวางแผนกับพวกยุนกิและนัมจุน
เขารู้แค่หน้าที่ที่ตัวเองต้องทำ และยังไม่รู้เลยว่าคนๆนั้นเป็นใคร
“กูบอกไปแล้ว” จองกุกหันมาตอบและเสหน้าหนีไปมองที่อื่น
“เฮ้ย… เดี๋ยวนะ…อย่าบอกนะว่าคือจูยอง”
แทฮยองเชื่อมโยงเรื่องราวเอาเองแล้วก็เก็ทในทันที
ก็อกๆๆๆๆๆ
“เฮลโหลววว” เจโฮปเปิดประตูเข้ามาทักทายเพื่อนสองคน
“ช้าจังวะ แวะหาคนไหนอีกเนี่ย”
แทฮยองถามพร้อมกับจ้องเจโฮปที่เดินมานั่งข้างๆเขา
“เปล่าๆกูแวะไปหายุนกิ พี่แกบ่นหิวเหล้า ส่วนมึงใช้งานพี่เขาแบบนั้นจ่ายค่าเหล้าให้ยุนกิเลย”
มือเจโฮปนั้นก็ชี้เข้าหาใบหน้าจองกุกแบบเล่นๆ
“กูจ่ายเยอะกว่านั้นอีก รอให้เสร็จงานก่อน”
พอเจโฮปรอฟังอยู่จองกุกก็เริ่มเล่าแผนการให้ฟังอย่างละเอียด
หลังจากนั้นก็มาช่วยระดมสมองกันอีกที
ทั้งสามคนนั่งคุยกันอยู่แบบนั้นนานนับสองชั่วโมง ก็เอาเป็นว่าเข้าใจกันหมดแล้วก็แยกย้ายไป
“ฟังแล้วปวดหัวว่ะ กูรีบไปอยู่เป็นเพื่อนจีมินดีกว่า” เจโฮปพูดเสียงดังและลุกขึ้นบิดขี้เกียจไปด้วย
จองกุกทำทีเป็นไม่ได้ยินที่เจโฮปพูดและลุกเดินหนีออกไป
เขาไม่บอกเจโฮปหรอกว่าจีมินไม่ได้อยู่ที่นั่นแล้ว
เดี๋ยวไปถึงก็คงโวยวายเองแหละ
22.00
น.
จองกุกเสียเวลาออกไปรับนัมจุนเลยทำให้มาถึงช้ากว่าเพื่อน
เมื่อมาถึงที่หมายพอดีก็เห็นรถหรูสีดำเงาของแทฮยองเคลื่อนเข้ามาจอดอยู่ข้างๆกันแล้ว
คราวแล้วที่ออกไปด้วยกันกับนัมจุนคือครั้งที่เกิดเหตุการณ์ที่บ้าน
เขากลัวว่าจะช่วยจีมินไม่ทันเลยสั่งนัมจุนเหยียบคันเร่งเกือบสุด
แต่พอขากลับพี่ชายเขาไม่ระวังเลยทำรถพังจนต้องเข้าอู่นานเกือบสามสัปดาห์
นั่นเป็นเหตุผลที่ต้องออกไปรับนัมจุนด้วย
“ว่าไงนะ”
นัมจุนกดรับสายเจโฮปปุ๊ปก็ต้องตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน เจโฮปบอกว่ากลับไปหาจีมินที่ห้องตั้งนานแต่ไม่เจอใคร
“จองกุก จีมินหายไปไหน” หันมาถามและจ้องน้องชายตัวเอง
“จะไปรู้หรอ”
จองกุกไม่ตอบคำถาม แต่พอนัมจุนคาดคั้นมากๆอย่างต้องการจับผิด เขาก็ยอมเปรยชื่อร้านอาหารออกมาแต่ยังไม่ยอมบอกพิกัด
นัมจุนเลยสั่งให้เจโฮปขับรถไปตามจีมินแถวๆนั้น
“ไม่ต้องไปตามหรอก เก่งนักก็ปล่อยให้มันไป ช่างแม่งสิ”
เขาบอกพี่ชายอย่างหงุดหงิดใจที่ต้องพูดเรื่องนี้กัน
“ฟังนะจองกุก….เมื่อก่อนกูเคยคิดว่ามึงโตพอที่จะดูแลใครอีกคนได้แล้ว ยิ่งคนๆนั้นคือจีมินกูยิ่งมั่นใจ………โอเค..ตอนนี้กูน่าจะคิดผิดไป”
จองกุกจิ๊ปากที่โดนตำหนิ
แถมนัมจุนกับเพื่อนของเขายังชอบแสดงความเป็นห่วงจีมินจนออกนอกหน้า
เขาเงียบไปนัมจุนจึงเปิดประตูรถลงไปก่อน
เพราะแทฮยองกับยุนกิลงจากรถมาเคาะกระจกพวกเขาแล้ว
“ไม่ลงมาซักทีอ่ะพี่” แทฮยองถาม
นัมจุนจับแขนแทฮยองให้เดินเข้าไปข้างในก่อน แล้วเลือกนั่งโต๊ะที่อยู่หัวมุม เพราะมันค่อนข้างมืดและพรางตัวได้ดี
พอนั่งกันครบทุกคนก็สั่งเครื่องดื่มมากิน
ทำทุกอย่างให้ปกติที่สุด
“พี่....จะบอกได้รึยังว่ามีเรื่องอะไร”
แทฮยองยังเซ้าซี้อยากรู้เรื่องที่ถามก่อนหน้า
นัมจุนจึงพูดบอกเบาๆบอกว่าจีมินหายไปเพราะจองกุก
ยุนกิก็ฟังนิ่งๆแล้วพยักหน้ารับรู้
แทฮยองทำตาโตแล้วถามว่าควรล้มเลิกแผนการก่อน แล้วกลับไปช่วยกันตามหาตัวจีมินดีมั้ย
พอเห็นว่านัมจุนคิดหนักทุกคนจึงช่วยกันหาทางออก
เพราะคืนนี้เขาจำเป็นต้องลงมือกันแล้ว
ยุนกิเสนอว่าให้แทฮยองออกไปช่วยเจโฮปหาอีกแรงดีกว่า
อย่างน้อยที่นี่ก็ยังมียุนกิกับนัมจุนยังไงก็รับมือได้ถ้าจะต้องลงไม้ลงมือ
ทุกคนก็เห็นดีเห็นงามตามกัน
ยกเว้นก็แต่......จองกุก
“มึงไม่ห่วงเมียมึงเลยหรอวะ”
แทฮยองถามเพื่อนตัวดีที่ยกเหล้าราคาแพงขึ้นมาจิบไม่ตอบอะไร ด้วยความเฉยชาเกินไปทำให้แทฮยองถึงกับต้องส่ายหัวช้าๆหยิบกุญแจรถเดินออกไป
ส่วนนัมจุนก็ต้องคอยโทรถามเจโฮปเรื่อยๆถึงความคืบหน้า
“ยังไม่เจอพี่ ตอนนี้มันมืดแล้วด้วยไม่รู้ว่าจีมินไปอยู่ที่ไหน
โทรศัพท์มือถือจีมินก็ไม่มี ตามจีพีเอสไปก็ไม่ได้”เจโฮปตอบกลับมา
ความคิดเห็น