คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Adrenaline 3 - 100%
- 3 -
เข้า .. ไม่เข้า .. เข้า .. ไม่เข้า .. เข้า .. ไม่เข้า ..
………
โอ้ย! ทำไมผมต้องมาเจอเรื่องน่าลำบากใจอะไรแบบนี้ด้วยเนี่ย!?
ตอนนี้ผมหยุดยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องเอซึ่งเป็นห้องของคุณอีเกิ้ลอะไรนั่นตั้งแต่สิบนาทีที่แล้ว แต่จนถึงตอนนี้ผมยังลังเลอยู่เลยว่าควรจะเข้าไปดีหรือควรจะปล่อยเรื่องให้มันผ่านไปดี
หลังจากคุณอีเกิ้ลพูดแบบนั้นในห้องประชุมต่อหน้าทุกคนเขาก็เดินกลับออกไปพร้อมกับพรรคพวกของเขาราวกับกลีบเมฆ
แต่หลังจากนั้นประธานก็รีบประกาศปิดงานด้วยความรวดเร็วก่อนจะพาผมลงจากเวทีทันที
‘ต่อจากนี้คุณต้องระวังตัวไว้ด้วยนะครับ คุณอีเกิ้ลไม่ใช่คนที่คุณจะต่อกรด้วยได้ง่ายๆ เขามีอำนาจอยู่รอบตัวแถมชอบใช้กำลังและศัตรูเขาก็ไม่ใช่น้อยๆด้วย … ถึงแม้ว่าผมจะไม่จะไม่เคยเห็นเขาเข้ามาวุ่นวายกับบ้านอาร์เธน่าเลยก็เถอะ จู่ๆเขาก็มาแบบนี้ผมว่าคุณอีเกิ้ลต้องมีจุดประสงค์ที่อันตรายแน่ๆ’
‘แล้วผมต้องทำยังไงครับ? ผมไม่ควรไปหาตามที่เขาบอกใช่มั้ย?’
‘เอ่อ … แต่ผมว่าครั้งนี้คุณควรไปก่อนดีกว่าครับ มันคงไม่ดีแน่ๆถ้าไปทำอะไรขัดใจเขาเข้า’
และเหตุการณ์มันก็เป็นแบบนี้แหละครับ ... ผมนี่หาshipไม่เจอเลย
ผมควรจะทำยังไงดี? ถ้าเกิดเขาให้ผมทำอะไรแปลกๆต่อหน้าทุกคนในห้องหล่ะ? แต่ถ้าไม่มีบัตรนักเรียนผมต้องโดนทำโทษทุกครั้งที่เจอครูปกครองแน่ๆ มันอาจจะเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีกับคนอื่นและตำแหน่งนักเรียนทุนที่ผมอุส่าห์สอบชิงทุนแย่งคนเป็นพันๆอาจจะสั่นคลอนก็เป็นได้
อยากจะบ้าตาย! ทำไมเขาต้องทำให้เรื่องมันยุ่งวุ่นวายด้วยนะ
“หาวิธีสิงประตูอยู่หรอ?” ผมสะดุ้งตัวก่อนจะรีบหันมองตามต้นเสียงจากทางด้านหลังด้วยความตกใจ
ผมยืนมองชายตรงหน้าด้วยแววตาอึ้งปนทึ่ง เป็นครั้งแรกเลยที่เห็นผู้ชายที่หล่อมากขนาดนี้ ผมสีเทาหม่นใบหน้าเรียวได้รูปตัดกับดวงตาที่เรียบนิ่งเหมือนง่วงตลอดเวลาแต่กลับดูหล่อมากจนผมอยากจะเอาหน้าของตัวเองไปบี้กับประตูซะเดี๋ยวนี้เลย
ผมจำได้ว่าคนคนนี้ก็คงเป็นหนึ่งในกลุ่มที่ชื่อว่าริปเปอร์เหมือนกันเพราะตอนคุณอีเกิ้ลมาที่ห้องประชุมผมก็เห็นคนนี้เดินตามหลังมาด้วย
“เอ่อ … ขอโทษครับ ผมคงบังทางเข้าคุณ” ผมก้มหัวขอโทษก่อนจะขยับตัวหลีกทางให้อีกคนด้วยความเกรงใจ
ถ้าเขาเป็นหนึ่งในริปเปอร์ผมคิดว่าเขาก็คงมีอิทธิพลมากอยู่เหมือนกัน ขืนทำอะไรที่ไม่น่าพอใจกับเขาเข้าผมอาจจะซวยโดนกระทงที่สองได้
“มาหาไอ้เจบีหรอ?”
“ครับ?” ผมเงยหน้ามองคนตรงหน้าอย่างงงๆ เจบี? คุณอีเกิ้ลหน่ะหรอ?
ครืดดด …
“เจบี .. เด็กมึงมาแล้ว”
เดี๋ยวๆ เด็กงั้นหรอ!?
ยังไม่ทันจะได้ตั้งตัว คุณหัวเทาก็ลากผมเข้ามาในห้องเรียนก่อนจะตะโกนเรียกใครบางคนดังสนั่นจนนักเรียนทุกคนเงยหน้าจากสมุดบนโต๊ะมองมายังหน้าห้องเป็นจุดเดียวรวมทั้งอาจารย์หน้าห้องที่กำลังเขียนอะไรบางอย่างอยู่บนกระดานด้วย
ถามจริง พวกริปเปอร์นี่เคยมีคำว่าเกรงใจอยู่บนหัวบ้างมั้ยเนี่ย!?
“ทำไมพวกมึงมาด้วยกันวะ?”
“บังเอิญ … เขาหาวิธีสิงประตูหน้าห้องไม่ได้กูเลยพาเขาเข้ามา”
คุณอีเกิ้ลหรือคุณเจบีขมวดคิ้วงงกับคำพูดของเพื่อนตัวเองนิดหน่อยก่อนจะกวักมือเรียกผมให้เดินมาหาเขาด้วยท่าทางชิลๆ
ชิลมากครับ ดูจากท่านั่งที่เอาขายาวๆมาพาดบนโต๊ะขนาดนั้น
ด้วยความที่โต๊ะของคุณเจบีอยู่ด้านหลังสุดของห้องระหว่างเดินผ่านโต๊ะนักเรียนแต่ละคนที่เอาแต่มองมา ผมได้แต่ก้มหน้าก้มตาเดินอย่างเดียว ถูกเรียกว่าเป็นเด็กของคุณอีเกิ้ลบ้านั่นก็น่าอายอยู่พอตัวแล้ว
แถมต้องมาเจอแบบนี้อีก …
“นั่งดิ”
คุณเจบีพูดขึ้นก่อนจะขยับเท้าบนพื้นนิดหน่อยโดยสายตาก็หลุบลงเพื่อเป็นการส่งสัญญาณอะไรบางอย่าง
“นี่คุณคงไม่ …”
“อื้อ นั่งพื้นสิ พอดีไม่มีเก้าอี้หน่ะ”
ไอ้คนคนนี้!!!
ผมพยายามหลับตาข่มอารมณ์โมโห ในใจก็คิดวนไปวนมา
‘แค่มาเอาบัตรนักเรียนเท่านั้นจินยอง … ถ้าได้แล้วก็จะรีบไปทันที’
“คุณเรียกมาจะให้ผมช่วยอะไรหรอครับ?” ผมพยายามใจดีสู้เสือโดยการยอมนั่งลงกับพื้นต่อหน้าสายตาสิบๆคู่ในห้องที่ยังคงมองมาเป็นระยะด้วยรอยยิ้มที่คิดว่าจริงใจที่สุดตั้งแต่เกิดมา
“แกะนี่ให้หน่อยดิ” คุณเจบียื่นอมยิ้มอันนึงมาให้ ผมรับมันมาอย่างงงๆ แค่แกะให้เนี่ยนะ? ทำเองไม่เป็นรึไง?
ถึงจะบ่นในใจยังไงมือผมก็จัดการแกะพลาสติกห่อออกอย่างง่ายดายก่อนจะยื่นให้อีกคนกลับ
“แต๊งกิ้ว” ร่างหนาพูดแค่นั้นก่อนจะก้มหน้าก้มตากดโทรศัพท์เครื่องหรูของตัวเองพลางหัวเราะคิกคักอยู่คนเดียว นี่เปิดตัวมาอย่างยิ่งใหญ่เพื่อบอกให้ผมมานั่งดูเขาหัวเราะแบบนี้เนี่ยนะ? มันใช่เรื่องมั้ย?
“นี่คุณ … ถ้าจะให้ผมมาทำเรื่องไร้สาระแบบนี้ก็รีบๆเอาบัตรนักเรียนผมคืนมาได้แล้ว ผมจะกลับไปเรียน”
“นายนี่ขี้บ่นหวะ รอแปปไม่ได้ไง? ฉันยังนึกไม่ออก”
“ผมก็มีงานมีการทำนะคุณ”
เจบีลดโทรศัพท์บนมือลงก่อนจะหันมามองหน้าผมด้วยสายตาเรียบนิ่ง แย่ละ … ดูเหมือนว่าผมจะทำให้อารมณ์เขาขุ่นมัวขึ้นมาแล้วนะ
“ฉันก็มีงานให้นายทำเหมือนกัน” ทันทีที่พูดจบคุณเจบีก็ควักกระเป๋าตังก่อนจะหยิบบัตรเครดิตสีดำดูหรูหราโยนใส่ผมอย่างไม่นึกเสียดายแล้วหันไปสนใจโทรศัพท์ของตัวเองต่อ
“ไปซื้อกาแฟมาให้ฉัน”
ผมมองการ์ดบนมือก่อนจะเงยหน้ามองคนด้านหน้า “แค่นี้อะนะครับ?”
“อื้อ … แต่วันนี้ฉันไม่อยากกินกาแฟในโรงเรียน ขอเป็นกาแฟร้านxxxที่อยู่ย่านxxx ถ้านั่งรถเมย์ก็คงใช้เวลาประมาณสองชั่วโมงไปกลับก็สี่ชั่วโมง งั้นนั่งแท็กซี่ไปแล้วกันจะได้เร็วๆ ค่ารถใช้บัตรของฉันได้นะไม่ต้องเกรงใจ”
เจบีส่งยิ้มกว้างจนตาหยีสวนทางกับคำพูดที่เคลือบไปด้วยยาพิษ นักเรียนบริเวณนั้นต่างหัวเราะครืนกันอย่างสนุกสนานทำเหมือนผมเป็นดั่งตัวตลกตัวนึง
ผมกำบัตรในมือแน่น ความโกรธเริ่มทวีคูณมากขึ้นเรื่อยๆ
นี่มันจะมากเกินไปแล้วนะครับ!
ถึงแม้ผมจะเป็นคนเอื้อเฝื้อเผื่อแผ่ต่อมนุษย์ด้วยกันมากแค่ไหน … แต่การที่ผู้คนเห็นผมเป็นตัวตลกคอยแต่กลั่นแกล้งกดขี่ขนาดนี้ผมก็ยอมไม่ได้เหมือนกัน
ผมมองการ์ดของคุณเจบีบนมือก่อนจะนึกแผนอะไรบางอย่างที่เหมาะเจาะออกพอดี รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าโดยที่คนบนเก้าอี้ไม่คิดจะสังเกตเห็นเลยซักนิดเพราะมัวแต่พิมพ์ข้อความส่งหาใครบางคนอยู่
อย่างที่เขาว่ากันว่าคนที่ไม่เคยโกรธ … แต่ถ้าได้โกรธแล้วจะน่ากลัวกว่าคนอื่นหลายเท่า
เราจะได้เห็นดีกันแน่ครับคุณเจบี J
40%
ผมเดินถือหูกระดาษที่มีแก้วกาแฟร้อนๆอยู่สองแก้วที่เพิ่งไปซื้อมาที่ร้านคาเฟ่ใกล้โรงเรียนด้วยความร่าเริงบนฟุตบาทริมถนนที่ไม่ค่อยมีรถผ่านไปมามากนัก เงยหน้ามองท้องฟ้าที่เริ่มจะเป็นสีส้มเข้มด้วยใจที่รู้สึกปลอดโปร่งอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เวลาผ่านไปขนาดนี้แล้วหรอเนี่ย วันวันนึงผ่านไปเร็วเหมือนกันนะครับว่ามั้ย?
แต่การทำความดีนี่มันทำให้จิตใจสงบมากๆเลยนะครับ!
ถึงแม้จะไม่ได้กาแฟจากร้านที่คุณเจบีต้องการแต่ก็คงไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง เพราะเขาก็แค่แกล้งเพื่อความสะใจเพียงเท่านั้น ยังไงซะการแก้แค้นก็ได้รับการชำระไปแล้วเรียบร้อย
โชคดีที่ผมออกข้างนอกเขตโรงเรียนได้เพราะตำแหน่งประธานที่เพิ่งได้รับมา ไม่งั้นได้โดนจับทำทัณฑ์บนแน่ๆ โรงเรียนที่นี่เป็นเหมือนโรงเรียนประจำก็ว่าได้ มีหอพักของแต่ละบ้านเตรียมไว้ภายในเสร็จสรรพ จะสามารถกลับบ้านได้ก็แค่ตอนปิดเทอมเท่านั้น มันก็เป็นเรื่องราวที่ดีเพราะอย่างว่า โรงเรียนที่นี่แสนแพงแต่สิ่งอำนวยความสะดวกครบถ้วนโดยไม่ต้องออกไปนอกรั้วโรงเรียนเลย
ถ้าไม่เบื่อไปซะก่อนหน่ะนะ ….
ผมหยุดยืนอยู่หน้าประตูรั้วสูงสง่าของโรงเรียนซึ่งมองผ่านรั้วเห็นนักเรียนด้านในจากไกลๆกำลังเดินกันพอดูหนาตาอยู่บ้างเพราะเวลานี้ก็เป็นมื้อเย็นแล้ว ว่าแล้วท้องของผมก็ส่งเสียงเรียกร้องออกมาบ้าง ยังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่ออกมาเลยแฮะไว้ค่อยกลับไปทำอะไรกินที่ห้องแล้วกัน
แหม … ก็คนไม่มีตังอย่างผมไม่มีปัญญาไปกินอาหารราคาแพงกับคนอื่นเขาหรอกครับ
ปึก!
“โอะ ขอโทษครับ” ก้าวขาเข้ารั้วเล็กด้านข้างแค่ก้าวเดียวก็ชนใครบางคนเข้าให้ ผมก้มหัวขอโทษให้คู่กรณีทันทีด้วยความเคยชิน คอยเตือนตัวเองอยู่เสมอว่าต้องคอยอ้อมน้อมถ่อมตนเข้าไว้ถ้ายังอยากเรียนจบอย่างสงบสุข
“หายไปนานขนาดนี้ยังมีชีวิตรอดกลับมาอีกหรอ?” เสียงคุ้นเคยที่คิดว่าเพิ่งได้ยินครั้งสุดท้ายเมื่อตอนเช้าเรียกให้ผมเงยหน้าขึ้นมองบุคคลตรงหน้า
คุณเจบี!
“ก็คุณให้ไปไกลขนาดนั้นผมก็ต้องใช้เวลานานสิครับ … แล้วนี่คุณจะไปไหน? เขาไม่ให้นักเรียนออกนอกเขตโรงเรียนไม่ใช่หรอ?”
ผมขมวดคิ้วมองร่างสูงอย่างจับผิด เป็นไปไม่ได้ที่จะมาเดินเล่นแน่นอนเพราะบริเวณโรงเรียนกับหน้ารั้วมันห่างไกลอยู่พอสมควร การที่จะมาอยู่แถวนี้ได้ก็มีเหตุผลที่จะออกไปอย่างเดียวนี่แหละ
“ไม่ใช่เรื่องของนาย เอาการ์ดฉันคืนมาแล้วไปได้แล้วไป”
“เอาบัตรนักเรียนผมมาก่อนสิ” ผมแบมือยื่นใส่คนตรงหน้า คุณเจบีจิ๊ปากด้วยความขัดใจพลางล้วงกระเป๋ากางเกงด้านหลังของตัวเองก่อนจะวางบัตรคุ้นตาลงบนมือผม
“อย่าลีลามากได้มั้ย? นายกำลังทำฉันโมโห” พอเขาพูดเท่านั้นแหละครับ ผมรีบยื่นบัตรสีดำให้อีกคนทันทีโดยไม่ต้องถามย้ำอีก
คุณเจบีเก็บบัตรของตัวเองเข้ากระเป๋ากางเกงก่อนจะดันตัวผมให้เข้าไปในรั้วโรงเรียนแล้วจัดการปิดประตูรั้วเองโดยที่ผมยังมึนงงกับการกระทำของเขาอยู่
“ไปได้แล้วไป แถวนี้มันอันตราย”
“เอ๊ะ? จะอันตรายได้ยังไงครับก็นี่มันเขตโรงเรียนนี่”
“มันกำลังจะอันตรายตอนนี้แหละ”
หมายความว่ายังไง? …
“คนนี้แหละที่กระทืบผมวันนั้น!!” จู่ๆก็มีเสียงตะโกนจากด้านหนึ่งดังขึ้น ผมชะเง้อมองต้นทางก็พบใครไม่รู้เดินกันเป็นกลุ่มประมาณสี่ห้าคน ทันใดนั้นกลุ่มที่เดินมาต่างก็วิ่งกรูกันเข้ามาหาคุณเจบีอย่างกับทีมนักวิ่งเข้าสิง
คุณเจบีสบถคำหยาบออกมาเบาๆก่อนจะเริ่มออกตัววิ่งหนีไปอีกทางซึ่งผมก็ไม่สามารถมองเห็นเขาแล้วเนื่องจากกำแพงสีขาวบดบังอยู่
“คุณเจบี! มันอันตรายนะ!!” ผมตะโกนเตือนเสียงดังพลางพยายามชะเง้อคอมองออกไปนอกรั้วด้วยความเป็นห่วง ระหว่างนั้นชายกลุ่มนั้นก็วิ่งผ่านหน้าไปซึ่งผมเห็นพวกเขามีอาวุธพวกไม้หน้าสามพกติดตัวอยู่ด้วย
แย่แล้ว! คุณเจบีตัวเปล่าแบบนั้นจะไปสู้อะไรเขาได้เล่า!!
ผมดิ่นเร้าอยู่หน้ารั้วเพราะไม่รู้จะทำยังไง ตัวผมเองก็ต่อยตีใครไม่เป็นซะด้วยไปแล้วก็คงเป็นตัวเกะกะเปล่าๆ แต่จะให้ไปแจ้งอาจารย์ฝ่ายปกครองก็คงใช้เวลานานเกินไป ป่านั้นคุณเจบีอาจจะเจ็บหนักจนถูกหามส่งเข้าโรงพยาบาลก็เป็นได้แถมคุณเจบีอาจจะเดือดร้อนด้วยถ้าโดนอาจารย์รู้เรื่องเข้าว่ามีเรื่องชกต่อยกัน
โอ๊ย เอาไงดี เอาไงดี!!!
.
.
.
เอาวะ! อย่างน้อยเราก็พอวิ่งเร็วอยู่บ้างแหละหน่า
เมื่อตัดสินใจได้ผมก็ไม่รีรอจัดการเปิดประตูรั้วแล้ววิ่งตามคนอื่นไปด้วยความรวดเร็วถึงแม้ว่าในมือจะถือกาแฟไว้อยู่ก็ตาม ทิ้งไม่ได้หรอกครับเสียดายถึงจะไม่ใช่เงินผมก็เถอะแต่แก้วนึงตั้งหมื่นวอนแหน่ะทิ้งๆขว้างๆแบบนี้มันขัดต่อนิสัยผม
ผมวิ่งไปตามทางฟุตบาทเรื่อยๆสายตาพลางกวาดมองคนที่ตามหาอยู่ไปด้วย แต่กลับไม่มีแม้แต่ร่อยรอยอะไรเลยซักอย่างผู้คนยังคงเดินสวนกันไปมาเหมือนชีวิตประจำวันปกติ
หรือว่าผมจะหลงทาง? แต่มันก็ไม่มีทางให้เลี้ยวเลยซักทางนี่นา …
ปึก!
“โอะ” จู่ๆผมก็โดนใครไม่รู้ที่วิ่งสวนทางมากระแทกไหล่เข้าให้อย่างจังจนทรงตัวไม่อยู่และกำลังจะเซล้มลง แต่โชคดีที่ชั่วครู่คนคนนั้นดึงแขนไว้ได้ทันเสียก่อน
“ย๊า! ฉันบอกให้นายเข้าโรงเรียนไปไง ทำไมไม่ฟังที่พูดวะ!?” ผมสะดุ้งอีกครั้งเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ของวันก่อนจะเงยหน้าทำตาโตจ้องไปที่คุณเจบีที่กำลังหัวฟัดหัวเหวี่ยงอย่างสุดๆ
“ก็ผมเป็นห่วงคุณ” ผมตอบออกไปตามที่ตัวเองรู้สึก คุณเจบีชะงักปากที่กำลังจะด่าทอผมอีกครั้งชั่วขณะ ผมสังเกตเห็นแววตาของเขาเปลี่ยนไปเป็นความอ่อนโยนอยู่แว๊บนึงก่อนจะกลับกลายเป็นดวงตาที่ว่างเปล่าเหมือนเดิม
“เห็นฉันอ่อนขนาดนั้นเลยรึไง? นายไม่รู้จักอีเกิ้ลแห่งริปเปอร์หรอ?”
“ไม่รู้จักนะครับ” คุณเจบีกรอกตาขึ้นด้านบนก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เหมือนปลงชีวิต
อ่าว ก็ไม่รู้จักจริงๆนี่นา วันวันนึงผมอยู่แต่กับตำราหนังสือเรียนและงานต่างๆของตัวเองและของเพื่อนขนาดเท่ากองภูเขาคงไม่มีเวลามารู้จักอะไรแบบนี้หรออก แถมยองแจเพื่อนของผมก็ไม่ได้พูดถึงพวกริปเปอร์เหมือนคนอื่นเลยซักครั้ง
“ช่างมันเหอะ เอาเป็นว่ารีบเข้าโรงเรียนก่อน” คุณเจบีคว้าแขนก่อนจะดึงให้เดินกลับไปยังทางเดิมที่เคยวิ่งมาโดยที่มีผมตามอยู่ติดๆ
“เฮ้ยมึงหน่ะ! ทำน้องกูแล้วจะหนีแบบนี้รึไง?” หนึ่งในกลุ่มพวกที่ตามล่าคุณเจบีตะโกนเสียงดังจากด้านหน้าจนผมต้องกระตุกชายเสื้อของคุณเจบีแรงๆเพื่อเตือนภัย หันหลังกลับไปดูก็พบว่ามีคนในกลุ่มของพวกนั้นอีกสองคนก็ดักอยู่ที่ด้านหลังเหมือนกัน
แบบนี้ก็ไม่มีทางหนีแล้วอะดิ!
“พวกมึงนี่สงสัยต้องโดนกู” คุณเจบีพูดเบาๆพลางทำท่าจะเดินไปหาคนพวกนั้นแต่ก็ต้องชะงักเพราะโดนผมฉุดรั้งเอาไว้เสียก่อน
“คุณ! ไม่เอานะมันอันตราย เขามีกันตั้งหลายคนคุณสู้ไม่ได้หรอก”
“ให้ตายดิ นอกจากพวกมันแล้วนายยังเป็นอีกคนที่หยามหน้าฉัน” ผมไม่เข้าใจที่คุณเจบีพูดหรอกว่ามันหมายความว่าไง แต่ตอนนี้นักเลงพวกนั้นเดินเขามาใกล้จนล้อมรอบเราสองคนได้สำเร็จ
“หนีเป็นหมาเชียวนะมึง .. ไง จะกราบตีนขอโทษพวกกูตอนนี้ก็ยังทันนะ” คุณเจบีหัวเราะในลำคอพลางมองหนึ่งในนักเลงตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาดูถูก
“ก่อนจะให้กูกราบตีน รอให้มึงเลิกเลียขาหัวหน้ามึงก่อนดีกว่ามั้ง”
“ปากดีนักนะมึง” ดูท่าคำพูดของคุณเจบีจะทำให้นักเลงนั้นเกรี้ยวหนักกว่าเดิมก่อนจะค่อยๆก้าวเท้าเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ผมไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อนก็ได้แต่กลัวจนต้องหลบเข้าที่แผ่นหลังกว้างของคุณเจบีแทน
“นี่มึงเป็นใคร”
“โอ๊ย!” นักเลงด้านหลังของผมทักขึ้นก่อนจะเอื้อมมือมาจับแขนไว้แน่นจนเจ็บที่ต้นแขนไปหมด เจบีรีบหันมาปัดมือนักเลงคนนั้นทิ้งก่อนจะยกเท้าขึ้นเตะเข้าที่ท้องน้อยซ้ำจนเขาล้มลงไปนอนขดอยู่กับพื้น
“อย่าแตะต้องเด็กกู”
คำพูดของเขาทำให้ผมเงยหน้ามองคุณเจบีอีกครั้ง แววตาของเขาที่มองพวกนั้นดูดุดันขึ้นกว่าเดิมเมื่อตะกี้มากจนผมเองยังรู้สึกขนลุก
“อ่าวเฮ้ยมึง... !” นักเลงพวกนั้นอึ้งไปเล็กน้อยเมื่อเห็นเพื่อนตัวเองนอนแน่นิ่งไปเพียงแค่เตะลูกเดียว ระหว่างที่ทุกคนกำลังสับสนและพยุงคนที่ล้มนั้นเจบีก็ดันผมให้ชิดกับกำแพงด้านข้างก่อนจะจับหมุนตัวให้หันไปมองที่กำแพงแทน
“อย่าเพิ่งหันมาจนกว่าฉันจะเรียกหล่ะ”
“คุณ .. จะสู้กับพวกนั้นจริงๆหรอ? มันมีอาวุธด้วยนะ”
“นี่นายเห็นฉันกระจอกจริงๆหรอห๊ะ?” คุณเจบีขมวดคิ้วยุ่งด้วยความหงุดหงิดทำให้ผมต้องรีบหันกลับไปมองที่กำแพงอย่างเดิม
ร่างสูงเลื่อนสายตาลงตรงมือบางสังเกตเห็นแก้วกาแฟที่คนตัวเล็กกว่าถือมาด้วยก่อนจะนึกอะไรดีๆออก
“กาแฟนี่ยังร้อนอยู่ปะ?”
“ห … ห๊ะ?”
“ฉันถามว่าไอ้ที่นายถืออยู่มันยังร้อนอยู่มั้ย?” เจบีกระซิบถามเบาๆพลางเหล่มองศัตรูตัวเองที่ย่างก้าวเข้ามาใกล้จนอีกไม่กี่วินาทีนี้คงได้เปิดศึกแน่
“ก … ก็ร้อนอยู่นะครับ”
“หึ” ทันใดนั้นร่างหนาก็คว้าแก้วกาแฟบนมืออีกคนก่อนจะสาดเข้าที่ใบหน้าของนักเลงคนนึงเต็มๆ
“อ๊ากก!! ตากู!!!” คนนั้นแหกปากร้องเสียงดังและเมื่อเขาเผลอเจบีจึงจัดการเตะก้านคอแค่ทีเดียวนักเลงคนแรกก็ล้มลงสลบเหมือดไปทันที
นักเลงที่เหลือวิ่งกรูเข้าไปตะรุมบอนเจบีที่ยืนอยู่คนเดียว บริเวณนั้นได้ยินแต่เสียงรถยนต์ขับผ่านไปมาและเสียงต่อยตีดังไม่ขาดสาย ผู้คนแถวนั้นที่เดินกำลังจะเดินผ่านก็ถึงกับถอยกรูดแล้วใช้เส้นทางอื่นแทนจนแทบจะไม่เหลือใครอยู่บริเวณนี้เลย
ผลั่ก!
ตุ่บ!
ผั่วะ!
.
.
.
เวลาผ่านไปซักพักจนตอนนี้ร่างสูงยืนหอบหนักในมือถือไม้หน้าสามของนักเลงที่เพิ่งจะสลบไปเป็นคนที่สาม เจบีย่างขุมเข้ามาใกล้นักเลงคนสุดท้ายที่นอนโอดครวญอยู่ตรงพื้นด้วยสายตาโหดเหี้ยมของนักเลงเก่าอย่างเขา
“ด … เดี๋ยว .. ผมขอโทษๆ”
“กูเบื่อที่จะฟังคำขอโทษจากพวกมึง ไปขอโทษพ่อมึงในความฝันไป!!!”
ผั๊วะ!!
มือหนาปล่อยไม้หน้าสามที่เปรอะรอยเลือดทิ้งก่อนจะหันไปมองร่างของคนคนนึงซึ่งกำลังนั่งขดจนเล็กนิดเดียว มองผ่านๆก็รู้ว่าเขากลัวมากแค่ไหนเมื่อดูจากตัวที่กำลังสั่นคลอนด้วยความกลัวและมือที่อุดหูแน่นไม่ปล่อยขนาดนั้น
เจบีเดินเข้าไปใกล้ก่อนจะยื่นมือหวังจะแตะที่ไหล่บางเพื่อเรียกแต่ก็ต้องชะงักค้างไว้เมื่อเห็นว่ามือตัวเองนั้นก็เปื้อนรอยเลือดอยู่เช่นกัน
…..
ร่างสูงกำมือตัวเองแน่นก่อนจะเก็บมือข้างนั้นกลับไปอย่างเดิม
“ลุกได้แล้ว”
“นะโมตัสสะ ภะคะว … ไม่ใช่สิ! นั่นมันบทสวดของแบมแบม ฮื่อ นึกไม่ออกแล้วนะ”
“เฮ้ย! ลุกได้แล้ว!”
เฮือก!
ผมสะดุ้งตัวอย่างแรงเมื่อกำลังคิดบทสวดอยู่ดีๆก็มีคนตะโกนใส่หูเสียงดังก่อนจะหันไปด้านข้างที่มีใบหน้าของคุณเจบียื่นอยู่ตรงหน้าด้วยความตกใจ และเหมือนว่าผมจะหันเร็วไปจึงทำให้จมูกผมเฉียดใกล้จมูกอีกคนจนเกือบจะชนกันอยู่แล้ว
คุณเจบีทำหน้าตกใจพลางผละตัวออกมาอัตโนมัติก่อนจะรีบลูบหน้าตัวเองเพื่อปรับสีหน้าตัวเองโดยเร็ว
“คุณเป็นอะไรรึป่าว? … มีแผลด้วยนี่!!” ผมรีบลุกขึ้นดูอาการของอีกคนทันทีเมื่อเห็นแผลสดบนใบหน้าของเขาแต่ก็ถูกปฏิเสธด้วยการปัดมือผมออกไปอย่างไร้เยื้อใย
“แค่นี้ไม่ตายหรอกถ้าเทียบกับพวกมัน”
เมื่อผมชะเง้อไปมองด้านหลังของคุณเจบีก็ถึงกับเบิกตากว้างมือปิดปากตัวเองด้วยความตกใจเมื่อจากที่เห็นฉากสุดท้ายคือคุณเจบีที่กำลังจะถูกพวกนักเลงนั้นรุม แต่ตอนนี้คนพวกนั้นกลับลงไปนอนกองกันคนละทิศคนละทางกันหมดแต่ละคนต่างนอนจมกองเลือดอย่างหมดสภาพ ยังดีที่ไม่มีใครกระเด็นไปตรงถนนไม่งั้นผมคงสลบตามพวกเขาไปแน่ๆ
“นี่คุณ … ทั้งหมดนี่ ….”
“กลับหอได้แล้วไป” คุณเจบีพูดตัดบทเท่านั้นก่อนจะเดินนำไป ผมเหลือบมองกลุ่มร่างไร้วิญญาณอีกครั้งก่อนจะเริ่มออกตัววิ่งตามอีกคนทันที
“คุณเจบีรอผมด้วย!”
--------------------------------------------
#ADNL9494
ความคิดเห็น