ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Adrenaline 1994 - #bnior

    ลำดับตอนที่ #4 : Adrenaline 3 - 100%

    • อัปเดตล่าสุด 19 ส.ค. 58


    - 3 -




              เข้า .. ไม่เข้า .. เข้า .. ไม่เข้า .. เข้า .. ไม่เข้า ..

     

               ………

     

              โอ้ย! ทำไมผมต้องมาเจอเรื่องน่าลำบากใจอะไรแบบนี้ด้วยเนี่ย!?

     
     

              ตอนนี้ผมหยุดยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องเอซึ่งเป็นห้องของคุณอีเกิ้ลอะไรนั่นตั้งแต่สิบนาทีที่แล้ว แต่จนถึงตอนนี้ผมยังลังเลอยู่เลยว่าควรจะเข้าไปดีหรือควรจะปล่อยเรื่องให้มันผ่านไปดี

     

              หลังจากคุณอีเกิ้ลพูดแบบนั้นในห้องประชุมต่อหน้าทุกคนเขาก็เดินกลับออกไปพร้อมกับพรรคพวกของเขาราวกับกลีบเมฆ

     

              แต่หลังจากนั้นประธานก็รีบประกาศปิดงานด้วยความรวดเร็วก่อนจะพาผมลงจากเวทีทันที

     


     

               ‘ต่อจากนี้คุณต้องระวังตัวไว้ด้วยนะครับ คุณอีเกิ้ลไม่ใช่คนที่คุณจะต่อกรด้วยได้ง่ายๆ เขามีอำนาจอยู่รอบตัวแถมชอบใช้กำลังและศัตรูเขาก็ไม่ใช่น้อยๆด้วย ถึงแม้ว่าผมจะไม่จะไม่เคยเห็นเขาเข้ามาวุ่นวายกับบ้านอาร์เธน่าเลยก็เถอะ จู่ๆเขาก็มาแบบนี้ผมว่าคุณอีเกิ้ลต้องมีจุดประสงค์ที่อันตรายแน่ๆ

     

               แล้วผมต้องทำยังไงครับ? ผมไม่ควรไปหาตามที่เขาบอกใช่มั้ย?

     

               เอ่อ แต่ผมว่าครั้งนี้คุณควรไปก่อนดีกว่าครับ มันคงไม่ดีแน่ๆถ้าไปทำอะไรขัดใจเขาเข้า




     

              และเหตุการณ์มันก็เป็นแบบนี้แหละครับ ... ผมนี่หาshipไม่เจอเลย


     

              ผมควรจะทำยังไงดี? ถ้าเกิดเขาให้ผมทำอะไรแปลกๆต่อหน้าทุกคนในห้องหล่ะ? แต่ถ้าไม่มีบัตรนักเรียนผมต้องโดนทำโทษทุกครั้งที่เจอครูปกครองแน่ๆ มันอาจจะเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีกับคนอื่นและตำแหน่งนักเรียนทุนที่ผมอุส่าห์สอบชิงทุนแย่งคนเป็นพันๆอาจจะสั่นคลอนก็เป็นได้

     

              อยากจะบ้าตาย! ทำไมเขาต้องทำให้เรื่องมันยุ่งวุ่นวายด้วยนะ

     

     

               หาวิธีสิงประตูอยู่หรอ?” ผมสะดุ้งตัวก่อนจะรีบหันมองตามต้นเสียงจากทางด้านหลังด้วยความตกใจ

     

              ผมยืนมองชายตรงหน้าด้วยแววตาอึ้งปนทึ่ง เป็นครั้งแรกเลยที่เห็นผู้ชายที่หล่อมากขนาดนี้ ผมสีเทาหม่นใบหน้าเรียวได้รูปตัดกับดวงตาที่เรียบนิ่งเหมือนง่วงตลอดเวลาแต่กลับดูหล่อมากจนผมอยากจะเอาหน้าของตัวเองไปบี้กับประตูซะเดี๋ยวนี้เลย

     

              ผมจำได้ว่าคนคนนี้ก็คงเป็นหนึ่งในกลุ่มที่ชื่อว่าริปเปอร์เหมือนกันเพราะตอนคุณอีเกิ้ลมาที่ห้องประชุมผมก็เห็นคนนี้เดินตามหลังมาด้วย

     
     

               เอ่อ ขอโทษครับ ผมคงบังทางเข้าคุณ” ผมก้มหัวขอโทษก่อนจะขยับตัวหลีกทางให้อีกคนด้วยความเกรงใจ

     

              ถ้าเขาเป็นหนึ่งในริปเปอร์ผมคิดว่าเขาก็คงมีอิทธิพลมากอยู่เหมือนกัน ขืนทำอะไรที่ไม่น่าพอใจกับเขาเข้าผมอาจจะซวยโดนกระทงที่สองได้

     
     

               มาหาไอ้เจบีหรอ?

     

               ครับ?” ผมเงยหน้ามองคนตรงหน้าอย่างงงๆ เจบี? คุณอีเกิ้ลหน่ะหรอ?

     

     

              ครืดดด …

     

               เจบี .. เด็กมึงมาแล้ว

     

              เดี๋ยวๆ เด็กงั้นหรอ!?

     

              ยังไม่ทันจะได้ตั้งตัว คุณหัวเทาก็ลากผมเข้ามาในห้องเรียนก่อนจะตะโกนเรียกใครบางคนดังสนั่นจนนักเรียนทุกคนเงยหน้าจากสมุดบนโต๊ะมองมายังหน้าห้องเป็นจุดเดียวรวมทั้งอาจารย์หน้าห้องที่กำลังเขียนอะไรบางอย่างอยู่บนกระดานด้วย

     

              ถามจริง พวกริปเปอร์นี่เคยมีคำว่าเกรงใจอยู่บนหัวบ้างมั้ยเนี่ย!?

     

     

               ทำไมพวกมึงมาด้วยกันวะ?

     

               บังเอิญ เขาหาวิธีสิงประตูหน้าห้องไม่ได้กูเลยพาเขาเข้ามา

     

              คุณอีเกิ้ลหรือคุณเจบีขมวดคิ้วงงกับคำพูดของเพื่อนตัวเองนิดหน่อยก่อนจะกวักมือเรียกผมให้เดินมาหาเขาด้วยท่าทางชิลๆ

     

              ชิลมากครับ ดูจากท่านั่งที่เอาขายาวๆมาพาดบนโต๊ะขนาดนั้น

     

     

              ด้วยความที่โต๊ะของคุณเจบีอยู่ด้านหลังสุดของห้องระหว่างเดินผ่านโต๊ะนักเรียนแต่ละคนที่เอาแต่มองมา ผมได้แต่ก้มหน้าก้มตาเดินอย่างเดียว ถูกเรียกว่าเป็นเด็กของคุณอีเกิ้ลบ้านั่นก็น่าอายอยู่พอตัวแล้ว

     

              แถมต้องมาเจอแบบนี้อีก

     

               นั่งดิ

     

              คุณเจบีพูดขึ้นก่อนจะขยับเท้าบนพื้นนิดหน่อยโดยสายตาก็หลุบลงเพื่อเป็นการส่งสัญญาณอะไรบางอย่าง

     

               “นี่คุณคงไม่ …”

     

               อื้อ นั่งพื้นสิ พอดีไม่มีเก้าอี้หน่ะ

     
     

              ไอ้คนคนนี้!!!

     

     

              ผมพยายามหลับตาข่มอารมณ์โมโห ในใจก็คิดวนไปวนมา

     

               แค่มาเอาบัตรนักเรียนเท่านั้นจินยอง ถ้าได้แล้วก็จะรีบไปทันที

     
     

               คุณเรียกมาจะให้ผมช่วยอะไรหรอครับ?” ผมพยายามใจดีสู้เสือโดยการยอมนั่งลงกับพื้นต่อหน้าสายตาสิบๆคู่ในห้องที่ยังคงมองมาเป็นระยะด้วยรอยยิ้มที่คิดว่าจริงใจที่สุดตั้งแต่เกิดมา

     

               แกะนี่ให้หน่อยดิ” คุณเจบียื่นอมยิ้มอันนึงมาให้ ผมรับมันมาอย่างงงๆ แค่แกะให้เนี่ยนะ? ทำเองไม่เป็นรึไง?

     

              ถึงจะบ่นในใจยังไงมือผมก็จัดการแกะพลาสติกห่อออกอย่างง่ายดายก่อนจะยื่นให้อีกคนกลับ

     

               “แต๊งกิ้ว” ร่างหนาพูดแค่นั้นก่อนจะก้มหน้าก้มตากดโทรศัพท์เครื่องหรูของตัวเองพลางหัวเราะคิกคักอยู่คนเดียว นี่เปิดตัวมาอย่างยิ่งใหญ่เพื่อบอกให้ผมมานั่งดูเขาหัวเราะแบบนี้เนี่ยนะ? มันใช่เรื่องมั้ย?


     

               นี่คุณ ถ้าจะให้ผมมาทำเรื่องไร้สาระแบบนี้ก็รีบๆเอาบัตรนักเรียนผมคืนมาได้แล้ว ผมจะกลับไปเรียน

     

               “นายนี่ขี้บ่นหวะ รอแปปไม่ได้ไง? ฉันยังนึกไม่ออก”

     

               ผมก็มีงานมีการทำนะคุณ

     

     

              เจบีลดโทรศัพท์บนมือลงก่อนจะหันมามองหน้าผมด้วยสายตาเรียบนิ่ง แย่ละ … ดูเหมือนว่าผมจะทำให้อารมณ์เขาขุ่นมัวขึ้นมาแล้วนะ

     

               “ฉันก็มีงานให้นายทำเหมือนกัน” ทันทีที่พูดจบคุณเจบีก็ควักกระเป๋าตังก่อนจะหยิบบัตรเครดิตสีดำดูหรูหราโยนใส่ผมอย่างไม่นึกเสียดายแล้วหันไปสนใจโทรศัพท์ของตัวเองต่อ

     

               ไปซื้อกาแฟมาให้ฉัน

     

              ผมมองการ์ดบนมือก่อนจะเงยหน้ามองคนด้านหน้า “แค่นี้อะนะครับ?

     
     

               อื้อ แต่วันนี้ฉันไม่อยากกินกาแฟในโรงเรียน ขอเป็นกาแฟร้านxxxที่อยู่ย่านxxx ถ้านั่งรถเมย์ก็คงใช้เวลาประมาณสองชั่วโมงไปกลับก็สี่ชั่วโมง งั้นนั่งแท็กซี่ไปแล้วกันจะได้เร็วๆ ค่ารถใช้บัตรของฉันได้นะไม่ต้องเกรงใจ

     

              เจบีส่งยิ้มกว้างจนตาหยีสวนทางกับคำพูดที่เคลือบไปด้วยยาพิษ นักเรียนบริเวณนั้นต่างหัวเราะครืนกันอย่างสนุกสนานทำเหมือนผมเป็นดั่งตัวตลกตัวนึง

     

     

              ผมกำบัตรในมือแน่น ความโกรธเริ่มทวีคูณมากขึ้นเรื่อยๆ

     

              นี่มันจะมากเกินไปแล้วนะครับ!


     

              ถึงแม้ผมจะเป็นคนเอื้อเฝื้อเผื่อแผ่ต่อมนุษย์ด้วยกันมากแค่ไหน … แต่การที่ผู้คนเห็นผมเป็นตัวตลกคอยแต่กลั่นแกล้งกดขี่ขนาดนี้ผมก็ยอมไม่ได้เหมือนกัน

     
              ผมมองการ์ดของคุณเจบีบนมือก่อนจะนึกแผนอะไรบางอย่างที่เหมาะเจาะออกพอดี รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าโดยที่คนบนเก้าอี้ไม่คิดจะสังเกตเห็นเลยซักนิดเพราะมัวแต่พิมพ์ข้อความส่งหาใครบางคนอยู่


     

              อย่างที่เขาว่ากันว่าคนที่ไม่เคยโกรธ … แต่ถ้าได้โกรธแล้วจะน่ากลัวกว่าคนอื่นหลายเท่า


     

              เราจะได้เห็นดีกันแน่ครับคุณเจบี J



     

    40%



     

              ผมเดินถือหูกระดาษที่มีแก้วกาแฟร้อนๆอยู่สองแก้วที่เพิ่งไปซื้อมาที่ร้านคาเฟ่ใกล้โรงเรียนด้วยความร่าเริงบนฟุตบาทริมถนนที่ไม่ค่อยมีรถผ่านไปมามากนัก เงยหน้ามองท้องฟ้าที่เริ่มจะเป็นสีส้มเข้มด้วยใจที่รู้สึกปลอดโปร่งอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เวลาผ่านไปขนาดนี้แล้วหรอเนี่ย วันวันนึงผ่านไปเร็วเหมือนกันนะครับว่ามั้ย?

     

              แต่การทำความดีนี่มันทำให้จิตใจสงบมากๆเลยนะครับ!

     

              ถึงแม้จะไม่ได้กาแฟจากร้านที่คุณเจบีต้องการแต่ก็คงไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง เพราะเขาก็แค่แกล้งเพื่อความสะใจเพียงเท่านั้น ยังไงซะการแก้แค้นก็ได้รับการชำระไปแล้วเรียบร้อย

     

              โชคดีที่ผมออกข้างนอกเขตโรงเรียนได้เพราะตำแหน่งประธานที่เพิ่งได้รับมา ไม่งั้นได้โดนจับทำทัณฑ์บนแน่ๆ โรงเรียนที่นี่เป็นเหมือนโรงเรียนประจำก็ว่าได้ มีหอพักของแต่ละบ้านเตรียมไว้ภายในเสร็จสรรพ           จะสามารถกลับบ้านได้ก็แค่ตอนปิดเทอมเท่านั้น มันก็เป็นเรื่องราวที่ดีเพราะอย่างว่า โรงเรียนที่นี่แสนแพงแต่สิ่งอำนวยความสะดวกครบถ้วนโดยไม่ต้องออกไปนอกรั้วโรงเรียนเลย

     

              ถ้าไม่เบื่อไปซะก่อนหน่ะนะ ….

     

              ผมหยุดยืนอยู่หน้าประตูรั้วสูงสง่าของโรงเรียนซึ่งมองผ่านรั้วเห็นนักเรียนด้านในจากไกลๆกำลังเดินกันพอดูหนาตาอยู่บ้างเพราะเวลานี้ก็เป็นมื้อเย็นแล้ว ว่าแล้วท้องของผมก็ส่งเสียงเรียกร้องออกมาบ้าง ยังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่ออกมาเลยแฮะไว้ค่อยกลับไปทำอะไรกินที่ห้องแล้วกัน

     

              แหม … ก็คนไม่มีตังอย่างผมไม่มีปัญญาไปกินอาหารราคาแพงกับคนอื่นเขาหรอกครับ

     

              ปึก!

     

               โอะ ขอโทษครับ” ก้าวขาเข้ารั้วเล็กด้านข้างแค่ก้าวเดียวก็ชนใครบางคนเข้าให้ ผมก้มหัวขอโทษให้คู่กรณีทันทีด้วยความเคยชิน คอยเตือนตัวเองอยู่เสมอว่าต้องคอยอ้อมน้อมถ่อมตนเข้าไว้ถ้ายังอยากเรียนจบอย่างสงบสุข

     

               “หายไปนานขนาดนี้ยังมีชีวิตรอดกลับมาอีกหรอ?” เสียงคุ้นเคยที่คิดว่าเพิ่งได้ยินครั้งสุดท้ายเมื่อตอนเช้าเรียกให้ผมเงยหน้าขึ้นมองบุคคลตรงหน้า

     

              คุณเจบี!

     

               ก็คุณให้ไปไกลขนาดนั้นผมก็ต้องใช้เวลานานสิครับ … แล้วนี่คุณจะไปไหน? เขาไม่ให้นักเรียนออกนอกเขตโรงเรียนไม่ใช่หรอ?

     

              ผมขมวดคิ้วมองร่างสูงอย่างจับผิด เป็นไปไม่ได้ที่จะมาเดินเล่นแน่นอนเพราะบริเวณโรงเรียนกับหน้ารั้วมันห่างไกลอยู่พอสมควร การที่จะมาอยู่แถวนี้ได้ก็มีเหตุผลที่จะออกไปอย่างเดียวนี่แหละ

     

               “ไม่ใช่เรื่องของนาย เอาการ์ดฉันคืนมาแล้วไปได้แล้วไป”

     

               “เอาบัตรนักเรียนผมมาก่อนสิ” ผมแบมือยื่นใส่คนตรงหน้า คุณเจบีจิ๊ปากด้วยความขัดใจพลางล้วงกระเป๋ากางเกงด้านหลังของตัวเองก่อนจะวางบัตรคุ้นตาลงบนมือผม

     

               อย่าลีลามากได้มั้ย? นายกำลังทำฉันโมโห” พอเขาพูดเท่านั้นแหละครับ ผมรีบยื่นบัตรสีดำให้อีกคนทันทีโดยไม่ต้องถามย้ำอีก

     

              คุณเจบีเก็บบัตรของตัวเองเข้ากระเป๋ากางเกงก่อนจะดันตัวผมให้เข้าไปในรั้วโรงเรียนแล้วจัดการปิดประตูรั้วเองโดยที่ผมยังมึนงงกับการกระทำของเขาอยู่

     

               “ไปได้แล้วไป แถวนี้มันอันตราย”

     

               “เอ๊ะ? จะอันตรายได้ยังไงครับก็นี่มันเขตโรงเรียนนี่”

     

               มันกำลังจะอันตรายตอนนี้แหละ

     

              หมายความว่ายังไง? 

     

               คนนี้แหละที่กระทืบผมวันนั้น!!” จู่ๆก็มีเสียงตะโกนจากด้านหนึ่งดังขึ้น ผมชะเง้อมองต้นทางก็พบใครไม่รู้เดินกันเป็นกลุ่มประมาณสี่ห้าคน ทันใดนั้นกลุ่มที่เดินมาต่างก็วิ่งกรูกันเข้ามาหาคุณเจบีอย่างกับทีมนักวิ่งเข้าสิง

     

              คุณเจบีสบถคำหยาบออกมาเบาๆก่อนจะเริ่มออกตัววิ่งหนีไปอีกทางซึ่งผมก็ไม่สามารถมองเห็นเขาแล้วเนื่องจากกำแพงสีขาวบดบังอยู่

     

               คุณเจบีมันอันตรายนะ!!” ผมตะโกนเตือนเสียงดังพลางพยายามชะเง้อคอมองออกไปนอกรั้วด้วยความเป็นห่วง ระหว่างนั้นชายกลุ่มนั้นก็วิ่งผ่านหน้าไปซึ่งผมเห็นพวกเขามีอาวุธพวกไม้หน้าสามพกติดตัวอยู่ด้วย

     

              แย่แล้ว! คุณเจบีตัวเปล่าแบบนั้นจะไปสู้อะไรเขาได้เล่า!!

     

              ผมดิ่นเร้าอยู่หน้ารั้วเพราะไม่รู้จะทำยังไง ตัวผมเองก็ต่อยตีใครไม่เป็นซะด้วยไปแล้วก็คงเป็นตัวเกะกะเปล่าๆ แต่จะให้ไปแจ้งอาจารย์ฝ่ายปกครองก็คงใช้เวลานานเกินไป ป่านั้นคุณเจบีอาจจะเจ็บหนักจนถูกหามส่งเข้าโรงพยาบาลก็เป็นได้แถมคุณเจบีอาจจะเดือดร้อนด้วยถ้าโดนอาจารย์รู้เรื่องเข้าว่ามีเรื่องชกต่อยกัน

     

              โอ๊ย เอาไงดี เอาไงดี!!!

     

              .

              .

              .

     

              เอาวะอย่างน้อยเราก็พอวิ่งเร็วอยู่บ้างแหละหน่า

     

              เมื่อตัดสินใจได้ผมก็ไม่รีรอจัดการเปิดประตูรั้วแล้ววิ่งตามคนอื่นไปด้วยความรวดเร็วถึงแม้ว่าในมือจะถือกาแฟไว้อยู่ก็ตาม ทิ้งไม่ได้หรอกครับเสียดายถึงจะไม่ใช่เงินผมก็เถอะแต่แก้วนึงตั้งหมื่นวอนแหน่ะทิ้งๆขว้างๆแบบนี้มันขัดต่อนิสัยผม

     

              ผมวิ่งไปตามทางฟุตบาทเรื่อยๆสายตาพลางกวาดมองคนที่ตามหาอยู่ไปด้วย แต่กลับไม่มีแม้แต่ร่อยรอยอะไรเลยซักอย่างผู้คนยังคงเดินสวนกันไปมาเหมือนชีวิตประจำวันปกติ

     

              หรือว่าผมจะหลงทาง? แต่มันก็ไม่มีทางให้เลี้ยวเลยซักทางนี่นา …

     

              ปึก!

     

               โอะ” จู่ๆผมก็โดนใครไม่รู้ที่วิ่งสวนทางมากระแทกไหล่เข้าให้อย่างจังจนทรงตัวไม่อยู่และกำลังจะเซล้มลง แต่โชคดีที่ชั่วครู่คนคนนั้นดึงแขนไว้ได้ทันเสียก่อน

     

               ย๊าฉันบอกให้นายเข้าโรงเรียนไปไง ทำไมไม่ฟังที่พูดวะ!?” ผมสะดุ้งอีกครั้งเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ของวันก่อนจะเงยหน้าทำตาโตจ้องไปที่คุณเจบีที่กำลังหัวฟัดหัวเหวี่ยงอย่างสุดๆ

     

               “ก็ผมเป็นห่วงคุณ” ผมตอบออกไปตามที่ตัวเองรู้สึก คุณเจบีชะงักปากที่กำลังจะด่าทอผมอีกครั้งชั่วขณะ ผมสังเกตเห็นแววตาของเขาเปลี่ยนไปเป็นความอ่อนโยนอยู่แว๊บนึงก่อนจะกลับกลายเป็นดวงตาที่ว่างเปล่าเหมือนเดิม

     

               เห็นฉันอ่อนขนาดนั้นเลยรึไง? นายไม่รู้จักอีเกิ้ลแห่งริปเปอร์หรอ?

     

               ไม่รู้จักนะครับ” คุณเจบีกรอกตาขึ้นด้านบนก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เหมือนปลงชีวิต

     

              อ่าว ก็ไม่รู้จักจริงๆนี่นา วันวันนึงผมอยู่แต่กับตำราหนังสือเรียนและงานต่างๆของตัวเองและของเพื่อนขนาดเท่ากองภูเขาคงไม่มีเวลามารู้จักอะไรแบบนี้หรออก แถมยองแจเพื่อนของผมก็ไม่ได้พูดถึงพวกริปเปอร์เหมือนคนอื่นเลยซักครั้ง

     

               “ช่างมันเหอะ เอาเป็นว่ารีบเข้าโรงเรียนก่อน” คุณเจบีคว้าแขนก่อนจะดึงให้เดินกลับไปยังทางเดิมที่เคยวิ่งมาโดยที่มีผมตามอยู่ติดๆ

     

               เฮ้ยมึงหน่ะทำน้องกูแล้วจะหนีแบบนี้รึไง?” หนึ่งในกลุ่มพวกที่ตามล่าคุณเจบีตะโกนเสียงดังจากด้านหน้าจนผมต้องกระตุกชายเสื้อของคุณเจบีแรงๆเพื่อเตือนภัย หันหลังกลับไปดูก็พบว่ามีคนในกลุ่มของพวกนั้นอีกสองคนก็ดักอยู่ที่ด้านหลังเหมือนกัน

     

              แบบนี้ก็ไม่มีทางหนีแล้วอะดิ!

     

               “พวกมึงนี่สงสัยต้องโดนกู” คุณเจบีพูดเบาๆพลางทำท่าจะเดินไปหาคนพวกนั้นแต่ก็ต้องชะงักเพราะโดนผมฉุดรั้งเอาไว้เสียก่อน

     

               คุณไม่เอานะมันอันตราย เขามีกันตั้งหลายคนคุณสู้ไม่ได้หรอก

     

               ให้ตายดิ นอกจากพวกมันแล้วนายยังเป็นอีกคนที่หยามหน้าฉัน” ผมไม่เข้าใจที่คุณเจบีพูดหรอกว่ามันหมายความว่าไง แต่ตอนนี้นักเลงพวกนั้นเดินเขามาใกล้จนล้อมรอบเราสองคนได้สำเร็จ

     

               หนีเป็นหมาเชียวนะมึง .. ไง จะกราบตีนขอโทษพวกกูตอนนี้ก็ยังทันนะ” คุณเจบีหัวเราะในลำคอพลางมองหนึ่งในนักเลงตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาดูถูก

     

               ก่อนจะให้กูกราบตีน รอให้มึงเลิกเลียขาหัวหน้ามึงก่อนดีกว่ามั้ง

     

               ปากดีนักนะมึง” ดูท่าคำพูดของคุณเจบีจะทำให้นักเลงนั้นเกรี้ยวหนักกว่าเดิมก่อนจะค่อยๆก้าวเท้าเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ผมไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อนก็ได้แต่กลัวจนต้องหลบเข้าที่แผ่นหลังกว้างของคุณเจบีแทน

     

               นี่มึงเป็นใคร

     

               โอ๊ย!” นักเลงด้านหลังของผมทักขึ้นก่อนจะเอื้อมมือมาจับแขนไว้แน่นจนเจ็บที่ต้นแขนไปหมด เจบีรีบหันมาปัดมือนักเลงคนนั้นทิ้งก่อนจะยกเท้าขึ้นเตะเข้าที่ท้องน้อยซ้ำจนเขาล้มลงไปนอนขดอยู่กับพื้น

     

               “อย่าแตะต้องเด็กกู”

     

              คำพูดของเขาทำให้ผมเงยหน้ามองคุณเจบีอีกครั้ง แววตาของเขาที่มองพวกนั้นดูดุดันขึ้นกว่าเดิมเมื่อตะกี้มากจนผมเองยังรู้สึกขนลุก

     

               “อ่าวเฮ้ยมึง... !” นักเลงพวกนั้นอึ้งไปเล็กน้อยเมื่อเห็นเพื่อนตัวเองนอนแน่นิ่งไปเพียงแค่เตะลูกเดียว ระหว่างที่ทุกคนกำลังสับสนและพยุงคนที่ล้มนั้นเจบีก็ดันผมให้ชิดกับกำแพงด้านข้างก่อนจะจับหมุนตัวให้หันไปมองที่กำแพงแทน

     

               “อย่าเพิ่งหันมาจนกว่าฉันจะเรียกหล่ะ”

     

               คุณ .. จะสู้กับพวกนั้นจริงๆหรอ? มันมีอาวุธด้วยนะ

     

               นี่นายเห็นฉันกระจอกจริงๆหรอห๊ะ?” คุณเจบีขมวดคิ้วยุ่งด้วยความหงุดหงิดทำให้ผมต้องรีบหันกลับไปมองที่กำแพงอย่างเดิม

     

              ร่างสูงเลื่อนสายตาลงตรงมือบางสังเกตเห็นแก้วกาแฟที่คนตัวเล็กกว่าถือมาด้วยก่อนจะนึกอะไรดีๆออก

     

               “กาแฟนี่ยังร้อนอยู่ปะ?”

     

               “ห … ห๊ะ?

     

               ฉันถามว่าไอ้ที่นายถืออยู่มันยังร้อนอยู่มั้ย?” เจบีกระซิบถามเบาๆพลางเหล่มองศัตรูตัวเองที่ย่างก้าวเข้ามาใกล้จนอีกไม่กี่วินาทีนี้คงได้เปิดศึกแน่

     

               ก … ก็ร้อนอยู่นะครับ

     

               หึ” ทันใดนั้นร่างหนาก็คว้าแก้วกาแฟบนมืออีกคนก่อนจะสาดเข้าที่ใบหน้าของนักเลงคนนึงเต็มๆ

     

               อ๊ากก!! ตากู!!!” คนนั้นแหกปากร้องเสียงดังและเมื่อเขาเผลอเจบีจึงจัดการเตะก้านคอแค่ทีเดียวนักเลงคนแรกก็ล้มลงสลบเหมือดไปทันที

     

              นักเลงที่เหลือวิ่งกรูเข้าไปตะรุมบอนเจบีที่ยืนอยู่คนเดียว บริเวณนั้นได้ยินแต่เสียงรถยนต์ขับผ่านไปมาและเสียงต่อยตีดังไม่ขาดสาย ผู้คนแถวนั้นที่เดินกำลังจะเดินผ่านก็ถึงกับถอยกรูดแล้วใช้เส้นทางอื่นแทนจนแทบจะไม่เหลือใครอยู่บริเวณนี้เลย

     

              ผลั่ก!

     

              ตุ่บ!

     

              ผั่วะ!

     

              .

              .

              .

     

              เวลาผ่านไปซักพักจนตอนนี้ร่างสูงยืนหอบหนักในมือถือไม้หน้าสามของนักเลงที่เพิ่งจะสลบไปเป็นคนที่สาม เจบีย่างขุมเข้ามาใกล้นักเลงคนสุดท้ายที่นอนโอดครวญอยู่ตรงพื้นด้วยสายตาโหดเหี้ยมของนักเลงเก่าอย่างเขา

     

               ด … เดี๋ยว .. ผมขอโทษๆ

     

               กูเบื่อที่จะฟังคำขอโทษจากพวกมึง ไปขอโทษพ่อมึงในความฝันไป!!!”

     

              ผั๊วะ!!

     

              มือหนาปล่อยไม้หน้าสามที่เปรอะรอยเลือดทิ้งก่อนจะหันไปมองร่างของคนคนนึงซึ่งกำลังนั่งขดจนเล็กนิดเดียว มองผ่านๆก็รู้ว่าเขากลัวมากแค่ไหนเมื่อดูจากตัวที่กำลังสั่นคลอนด้วยความกลัวและมือที่อุดหูแน่นไม่ปล่อยขนาดนั้น

     

              เจบีเดินเข้าไปใกล้ก่อนจะยื่นมือหวังจะแตะที่ไหล่บางเพื่อเรียกแต่ก็ต้องชะงักค้างไว้เมื่อเห็นว่ามือตัวเองนั้นก็เปื้อนรอยเลือดอยู่เช่นกัน

     

              …..

     

              ร่างสูงกำมือตัวเองแน่นก่อนจะเก็บมือข้างนั้นกลับไปอย่างเดิม

     

               ลุกได้แล้ว

     

               นะโมตัสสะ ภะคะว … ไม่ใช่สินั่นมันบทสวดของแบมแบม ฮื่อ นึกไม่ออกแล้วนะ

     

               เฮ้ยลุกได้แล้ว!”

     

              เฮือก!


     

              ผมสะดุ้งตัวอย่างแรงเมื่อกำลังคิดบทสวดอยู่ดีๆก็มีคนตะโกนใส่หูเสียงดังก่อนจะหันไปด้านข้างที่มีใบหน้าของคุณเจบียื่นอยู่ตรงหน้าด้วยความตกใจ และเหมือนว่าผมจะหันเร็วไปจึงทำให้จมูกผมเฉียดใกล้จมูกอีกคนจนเกือบจะชนกันอยู่แล้ว

     

              คุณเจบีทำหน้าตกใจพลางผละตัวออกมาอัตโนมัติก่อนจะรีบลูบหน้าตัวเองเพื่อปรับสีหน้าตัวเองโดยเร็ว

     

               คุณเป็นอะไรรึป่าว? … มีแผลด้วยนี่!!” ผมรีบลุกขึ้นดูอาการของอีกคนทันทีเมื่อเห็นแผลสดบนใบหน้าของเขาแต่ก็ถูกปฏิเสธด้วยการปัดมือผมออกไปอย่างไร้เยื้อใย

     

               แค่นี้ไม่ตายหรอกถ้าเทียบกับพวกมัน

     

              เมื่อผมชะเง้อไปมองด้านหลังของคุณเจบีก็ถึงกับเบิกตากว้างมือปิดปากตัวเองด้วยความตกใจเมื่อจากที่เห็นฉากสุดท้ายคือคุณเจบีที่กำลังจะถูกพวกนักเลงนั้นรุม แต่ตอนนี้คนพวกนั้นกลับลงไปนอนกองกันคนละทิศคนละทางกันหมดแต่ละคนต่างนอนจมกองเลือดอย่างหมดสภาพ ยังดีที่ไม่มีใครกระเด็นไปตรงถนนไม่งั้นผมคงสลบตามพวกเขาไปแน่ๆ

     

               นี่คุณ … ทั้งหมดนี่ ….”

     

               กลับหอได้แล้วไป” คุณเจบีพูดตัดบทเท่านั้นก่อนจะเดินนำไป ผมเหลือบมองกลุ่มร่างไร้วิญญาณอีกครั้งก่อนจะเริ่มออกตัววิ่งตามอีกคนทันที

     

               คุณเจบีรอผมด้วย!” 

     

     

    --------------------------------------------

    #ADNL9494

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×