คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : มีกันตลอดไป
“พี่โน่ ไอ้กันมันยังไม่มาเลยอ่ะ” คนตัวเล็กพูดกับพี่ชายของตัวเองแต่สายตาไม่ได้หันกลับมามองคู่สนทนาแต่ดันชะเง้อคอยาวหาคนที่ตัวเองพูดถึง
“ก็วันนี้มันมีสอบ เดี๊ยวมันก็มาเองแหละ มึงมาซ้อมเดินแบบกับกุดีกว่าริท” โตโน่บอกน้องชายตัวเองอย่างปลงๆ
“แต่ ถ้าเกิดมันมาไม่ทันหรือป่วยกระทันหันอีกล่ะพี่โน่” คนตัวเล็กยังคงดื้อ
“มันไม่เป็นอะไรหรอกน่า คนอย่างไอ้กันถ้ามันยังไม่ตายมันก็ไม่ทิ้งงานหรอก” เป็นอีกครั้งที่คนโตกว่าต้องปลอบร่างเล็ก เขาอยู่กับมันตลอดและเขาเองก็รู้ว่าไอ้ริทมันรอเวลาที่จะได้ร่วมงานกับไอ้กันมากขนาดไหน
“อืม” ร่างเล็กฟังคำบอกจากพี่ชายก็คลายกังวลบ้าง หลายวันก่อนไอ้กันมันป่วยถึงขนาดต้องเข้ารพ. เขาอุตส่าห์แว่บไปหามันแต่ก็ไม่เจอกันเพราะอีกคนโดนหามไปโรงพยาบาลแล้ว จะไปเยี่ยมไปเฝ้าก็ไม่ได้เพราะตัวเองติดงานต่างจังหวัดตลอด และวันนี้ถึงแม้ตัวเองจะไม่สบายแต่ก็ยังจะมาเพราะอยากเจอหน้าคนที่คิดถึงใจจะขาด
ในที่สุดร่างของคนที่คิดถึงก็เดินเข้ามา ร่างเล็กรีบยิ้มทักทายแต่ยังไม่ทันเรียกอะไร เสียงของอีกคนก็แทรกเข้ามา
“กันรีบมาซ้อมเดินเร็วๆ งานจะเริ่มแล้ว” มัดหมี่เดินเข้ามาคว้าแขนของคนที่ต้องเดินคู่กับตัวเองแล้วลากไปซ้อมอีกทาง ร่างที่โดนลากไม่แม้แต่จะมองมาทางเขาเลยสักนิด ‘กันมันไม่เคยสนใจริทเลยซินะ’ อดคิดน้อยใจอีกคนไม่ได้
คนโก้มองหน้าน้องชายที่ต้องเดินคู่กับตัวเองแล้วต้องส่ายหัวกับท่าทางของร่างเล็ก ปากเริ่มเม้ม ตามองอีกฝ่ายไม่กระพริบแถมยังเหมือนมีน้ำตาคลอๆ ท่าทางแบบนี้แปลว่าเริ่มนอยด์อีกแล้วใช่ไหมเนี่ย?
การเดินแบบผ่านไปด้วยความสนุกสนาน แต่ละคู่ต่างพรีเซ็นต์การเดินแบบและสินค้ากันสุดฤทธิ์ ผมมองร่างของคนผิวเข้มที่ยังคงแอคท่าให้แฟนคลับถ่ายรูป ผมแอบอมยิ้มรู้ว่าไอ้กันมันคิดถึงแฟนคลับมันมาก ตอนนี้มันเล่นแต่ละครเวทีไม่ค่อยได้ออกงานจ้างทำให้ไม่ค่อยเจอแฟนคลับเท่าไหร่ ร่างผิวเข้มของคนเสื้อชมพูเดินกลับมาจะมานั่ง เป็นจังหวะเดียวกับที่ตูมตามซึ่งนั่งข้างๆผมลุกออกไปพอดี ผมตีตรงเก้าอี้เรียกให้อีกคนมานั่งข้างๆ แต่ไอ้คนกากกลับไม่สนใจนั่งห่างออกไปแล้วตูมตามก็กลับมานั่งอีกรอบ
“วันนี้แฟนคลับตูตามมากันเยอะนะ” ผมพูดกับตูมตาม แอบเหล่มองอีกคนที่ยังคงไม่สนใจ มันน่าน้อยใจจิงๆ
“อืมก็เยอะนะ แต่ก็สู้ของอสรพิษไม่ได้หรอก” ตูมตามพูดถล่มตัว
“เออช่าย ทุกบ้านมากันเยอะมากไม่ได้เห็นแบบนี้มานานแล้ว”ไอ้คนกากเข้ามาร่วมวงสนทนา
“บ้านกุมาโครตเยอะเลย”
“บ้านกุก้อมาเยอะเหมือนกัน”
“บ้านกุเยอะกว่า” ไอ้คนตัวเล็กยังเถียง
“บ้านกุต่างหาก ลงไปนับเลยไหม?” แล้วผมกับไอ้กากก็ลุกขึ้นจ้องหน้ากัน ตูมตามซึ่งอยู่ตรงกลางได้แต่ห้ามทัพ
“กุไม่อยากเถียงเมิงแล้วไอ้กาก”แม้จะว่ามันแต่สีหน้าของผมก็รู้สึกเลยว่าตัวเองกำลังมีความสุข
“อะไรวะ ยอมแพ้แล้วอ่ะดิ แล้วมาว่าเขากากอีก” ไอ้คนกากยังเถียงไม่เลิก
โตโน่เดินมาจะนั่งแล้วเห็นที่น้องสองตัวของตัวเองกำลังเถียงกันก็อดขัดขวางไม่ได้ กล้ามีความสุขต่อหน้ากุเชียวเหรอพวกเมิง(เถียงกันนี่น่ะเฮียมีความสุข?) เลยแกล้งจะไปนั่งตักของคนผิวเข้ม ทำเอาคนที่นั่งอยู่สะดุ้งรีบขยับให้พี่ชายตัวเองนั่งข้างๆ แล้วตามประสาคนสนิทเวลาสองคนนี้อยู่ด้วยกัน แค่มองตาก็รู้ใจกันพาเหล่สาวทันที ไม่หันมาสนใจคนที่มองค้อนๆอยู่อีกด้าน
“แล้วต่อไปพบกับหนุ่มอีสานอีกคน ตูมตามครับ” เสียงพี่แฟรงค์ประกาศเรียก พอตูมตามลุก ร่างเล็กก็ขยับไปนั่งข้างๆคนผิวเข้มทันที
“เขยิบมาทำไม?” ไอ้คนกากพูดทันทีที่เห็นร่างเล็ก อาการที่น้อยใจอยู่แล้วยิ่งทำให้มีมากขึ้น
“เอ๊า!!ก็ตรงโน้นไม่มีใครแล้ว” ริทบอกอีกฝ่ายซึ่งยังคงหาเรื่องทะเลาะกับเขาอีก ก่อนจะหันไปเข้าคู่กับพี่โน่มองสาวอีก
ร่างเล็กหน้านิ่งเขยิบเข้าไปใกล้กัน แล้วเอานิ้ววนๆๆที่หลังเรียกความสนใจแต่ไอ้คนโดนวนกลับทำหน้าเฉยไม่รู้สึกอะไร ยิ่งทำให้น้อยใจหนักเข้าไปอีก
อยู่ๆอาเฮียใหญ่ก็นึกไอเดียบรรเจิดให้แฟนคลับประมูลเสื้อเราสามคนแบบรวมบ้าน ซึ่งถือว่าเป็นไอเดียที่ดีเพราะจะได้ไม่มีการมาแบ่งบ้านริท บ้านกัน บ้านโตโน่ มีแต่บ้านอสรพิษ ริทสบตาไอ้คนกากซึ่งก็ยังคุยหัวเราะกับพี่โตโน่จนตัวเองอดใจไม่ไหว ดึงหูของอีกคน คนโดนดึงหูคลำหูตัวเองป้อยๆแต่ก็ยังไม่คิดหันมาสนใจเขา
วันนั้นยอดประมูลที่เสื้อของแก๊งค์อสรพิษทั้งสามคนเป็นยอดประมูลรวมสามแสนบาท ซึ่งเงินทั้งหมดจะเอาไปทำบุญ ทั้งเขากันและพี่โตโน่ก็มีสัมภาษณ์สื่อต่ออีก พอสัมภาษณ์เสร็จไอ้ร่างของคนที่เขาคิดถึงก็หายตัวไปอีก
“ไอ้กันกลับแล้วเหรอพี่โน่”
“เออพุ่งนี้มันมีสอบอีกตัวอ่ะ เลยรีบกลับ ว่าแต่เมิงนี่หวานไม่เกรงใจประชาชีเลยนะ” โตโน่แซวไอ้น้องชายตัวดี ที่วันนี้อาการหนักเก็บอาการไม่ค่อยอยู่ เด๋วกอดบ้างแหละ ถ่ายรูปคู่รูปหัวใจบ้างล่ะ ทะเลาะกันบ้างล่ะ อยู่ติดกันแทบตลอดเวลา
“อะไรพี่โน่อย่ามามั่ว ริททำอะไรเปล่าสักหน่อย” ร่างเล็กเถียง
“แหม ไม่ทำอะไรเลย กุเหนนะตอนสัมภาษณ์กับพี่แจ็คอ่ะ เมิงก็เนียนกอดไอ้กัน ตัวชิดกันตลอด แถมยังช่วยกันรุมกุอีก ไอ้น้องไม่รักดี” ว่าแล้วก็ตีผลั่วะเข้าไปที่หัวของร่างเล็ก
“โอ๊ย พี่โน่เจ็บนะเว้ย!!”
“แต่วันนี้ไอ้กันมันเก็บอาการดีว่ะ ปกติอยู่กับเมิงกุเหนมันรั่วตลอด แต่นี่มันนิ่งมากเลย”อยู่ๆโตโน่ก็ดันพูดเรื่องนี้ขึ้นมา ซึ่งไปสะกิดใจคนที่กำลังนอยด์อยู่เต็มๆ
“มันคงไม่สนใจริทแล้วก็ได้มั้ง” พูดจบร่างเล็กก็เริ่มมีน้ำตา
“เฮ้ยไอ้ริท เมิงอย่าร้องดิวะ ไอ้กันมันอาจแค่ยังไม่หายจากอาการป่วยก็ได้”คนโก้พยายามบอกสาเหตุ แต่ร่างเล็กก็ยังไม่หยุดร้องไห้
“เป็นเพราะมันป่วยหรือเพราะมันอยากห่างกับริทกันแน่?” ร่างเล็กพูดทั้งที่ยังสะอื้นจนตัวโยน โตโน่ได้แต่ปลอบน้องชายตัวเอง เพราะไม่กล้าตอบอะไรกับอีกฝ่าย
ความเฉยชาคือการบอกลาโดยไม่ต้องออกเสียงใด
แค่ชื่อเพลงก็ทำให้คนได้ฟังเนื้อเพลงร้องไห้แล้ว วันนี้เขาไม่มีงานจึงนอนเล่นที่ห้อง ส่วนพี่โตโน่ไปถ่ายละคร พอมีเวลาว่างก็นึกถึงเรื่องของเขากับเพื่อนสนิทสุดๆอีกคน ที่นับวันได้เจอกันน้อยลง แม้จะได้เจอกันแต่ก็ต้องมีคนอยู่ด้วยมากมาย ไม่มีเวลาสองต่อสองแบบเมื่อก่อน
ก๊อกๆ
“คร๊าบบบบบบบบบรอสักครู่นะครับ” ทำไมวันนี้พี่โตโน่กลับเร็วจัง คิดในใจแต่พอเปิดประตูมากลับไม่ใช่ร่างของพี่ชายแต่กลับเป็นไอ้เพื่อนสนิทที่ทำเขาร้องไห้เมื่อวาน
“มาทำไมเมิง ว่างหรือยังไง?” ถามด้วยความน้อยใจ เพราะกันไม่ได้มาหาเขาที่คอนโดนี่มานานแล้ว เพราะกันติดเล่นละครเวที ส่วนตัวเองก็ออกต่างจังหวัดตลอด จะว่าไปนี่เป็นครั้งแรกในรอบกี่เดือนไม่รู้ที่ได้อยู่กันสองต่อสอง
“มาดูแลคนนอยด์” ไอ้คนกากพูดยิ้มๆ
“จะมาดูแลทำไม? เมิงมีเวลาด้วยเหรอ?” คนตัวเล็กพูดเสียงเริ่มสูงท้ายประโยค น้ำตาที่พยายามกลั้นกลับไหลอีกรอบ
“ริทกันขอโทษ” ร่างผิวเข้มพูดเสียงแผ่วเพราะรู้ดีว่าตัวเองผิด พยายามดึงคนตัวเล็กกว่ามากอดไว้ แต่ร่างที่โดนกอดกลับผลักอกกว้างของเขาออก
“อย่ามายุ่ง เมื่อวานมึงยังไม่สนใจกุเลย แล้ววันนี้กุจะเป็นอะไร จะนอยด์อะไรเมิงจะมาสนใจกุทำไม?” ร่างเล็กตะโกนบอกอีกฝ่าย
“กุก็สนใจเมิงนะริท แต่กุมีเหตุผล” กันแก้ตัวแล้วพยายามดึงร่างเล็กมากอดอีกครั้ง จนโอบร่างเล็กเอาไว้ในวงแขนจนได้ คนตัวเล็กกว่าพยายามดิ้นและทุบคนกอดให้ปล่อยแต่อีกคนกลับยิ่งกระชับวงแขนโอบแน่นมากขึ้นจนตัวเองเหนื่อยเลยหยุกหันหน้าชนอกกว้างปล่อยให้น้ำตาไหลกับอกคนตรงหน้า กันลูบหัวทุยๆของอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบา จนอีกฝ่ายหยุดร้องจึงเริ่มเล่าคำเหตุผลของตัวเอง
“เมื่อวานกุดีใจที่ได้เจอเมิงที่งาน กุอยากจะกอดอยากจะอยู่กับเมิงตลอดเวลา แต่กุก็ไม่สามารถทำได้” กันเริ่มพูด คนฟังเงยหน้าสบตาคนเล่า
“แล้วทำไมมึงไม่ทำ?” ถามออกไปเพราะต้องการคำตอบ ในเมื่อมันก็รู้สึกเหมือนกับเขาทำไมมันยังทำท่าทางเฉยชา
“ที่กุทำไม่ได้เพราะกุเป็นห่วงแฟนคลับ” คนเล่ามองหน้าคนฟังที่ตอนนี้คลายอ้อมกอดแล้วยืนมองหน้าเขาอยู่
“แฟนคลับเมิงอ่ะนะ?” ร่างเล็กยังคงงงกับคำตอบไอ้กัน แต่ตัวพ่อส่ายหัวพรืด
“แฟนคลับเมิงกับพี่โตโน่ต่างหาก”
“ห๊ะ แฟนคลับกุกับพี่โน่แล้วเมิงจะห่วงทำไมวะ?” ตัวเล็กที่ตอนนี้หยุดร้องไห้แล้ว เร่งถามอีกฝ่ายอย่างรีบร้อน แต่อีกคนที่เล่าดันเดินหนีเขาไปดื้อๆ
“เด๋วดิไอ้กัน เมิงยังไม่ได้บอกกุเลยนะเมิงห่วงแฟนคลับกุกับพี่โตโน่ทำไม?” คนที่เดินหนีหนีไปนั่งบนโซฟา สายตาคมเหลือบมองคนถามเล็กน้อย
“ก็แฟนคลับเมิงกับพี่โตโน่บางส่วนเขาจิ้นโน่ริท ถ้ากุมัวแต่หวานอยู่กับเมิงตลอดเวลาพวกเขาก็จะเสียใจอ่ะดิ กุไม่อยากทำให้แฟนคลับของเมิงกับพี่โน่ผิดหวัง” ไอ้กันพูดไปแต่ไม่ยักกะมองหน้าผม แถมยังเชิดหน้าทำหน้าบู้ๆเหมือนเด็ก ผมส่ายหัวเบาๆกับความคิดของมัน โคตรเด็กเลย แต่ถึงอย่างนั้นมันก็หวังดีกับผมผมจึงหอมฟอดใหญ่ที่แก้มบุ๋มๆเป็นการให้รางวัล
คนรับรางวัลหันมายิ้มแฉ่ง “หายโกรธกันแล้วใช่ไหมริท?”
“ยัง อีกเรื่องหนึ่งมึงกับพี่โน่หลีสาวต่อหน้ากุทำไม?” ผมยกนิ้วชี้คาดคั้นไอ้คนเจ้าเล่ห์
“กุเปล่าสักหน่อยริท กุแค่หาเรื่องไม่ให้พี่โตโน่มาคุยกับเมิงต่างหาก”ไอ้คนกากพูดตอบกลับมา
“อ้าวไหนเมิงบอกห่วงความรุสึกของแฟนคลับกุกับพี่โน่แล้วทำไมเมิงไม่ให้พี่โน่คุยกับกุวะไอ้กัน?”
“ก้อกุหึงนี่ ต่อให้เป็นพี่โน่ก็เหอะ ถ้ากุไม่ได้หวานกับเมิงกุก้อไม่อยากให้ใครมาหวานกับเมิงเหมือนกัน” คำพูดของไอ้กันเล่นซะผมขำกร๊ากทีเดียว
“555555+ไอ้กันเมิงนี่โครตกากเลยอ่ะ” ไอ้คนโดนชมมองหน้าคนหัวเราะอย่างเหวี่ยงๆ คิดแกล้งเลยดึงร่างเล็กลงมานอนกอดบนโซฟา
“ไอ้กันปล่อยกุ เด๋วใครมาเห็นเข้า” คนโดนกอดพยายามงัดแงะแขนแกร่งของอีกฝ่าย
“ริท”เสียงทุ้มพูดข้างหู ร่างเล็กจึงหยุดดิ้นเพื่อฟังว่าอีกคนจะพูดอะไรต่อ
“ขอโทษสำหรับทุกเรื่อง และขอบคุณที่ยังเป็นห่วงกันไม่ทิ้งกัน ” ยิ่งพูดอ้อมกอดก็ยิ่งกระชับขึ้นเรื่อยๆ
“ขอบคุณที่รักกันนะริท”
คนตัวเล็กพลิกตัวไปอีกด้าน มองหน้าคนพูดก่อนจะจุมพิตที่ริมฝีปากคนพูดเบาๆ
“ขอบคุณที่รักริทเหมือนกัน” กันยิ้มให้กับคนตัวเล็ก แล้วโอบกระชับกอดร่างอีกฝ่ายให้เข้าหาตัวเองมากขึ้น
“เฮ้ยๆๆๆเมื่อวานเมิงยังร้องไห้บอกไอ้กันไม่สนใจอยู่เลยไม่ช่ายเหรอไอ้ริท ทำไมวันนี้มากอดกันกลมบนโซฟาได้วะ?” คนเป็นพี่ชายเข้ามาใหม่เห็นน้องสองคนนอนกอดกันอยู่ก็อดไม่ได้ที่จะแซว เมิงจะหวานอะไรนักหนา กุอิจฉาเว้ย
“เมื่อวานก็เมื่อวานดิพี่โน่ วันนี้ก็คือวันนี้ไม่เกี่ยวกัน”ไอ้คนที่ตอบกับไม่ใช่ไอ้น้องชายที่เขาถามแต่กลับเป็นไอ้น้องชายจอมกากซึ่งเป็นตัวต้นเหตุ
“ไอ้กันเมิงอย่ามากาก ทำน้องกุร้องไห้บ่อยไปแล้วนะเมิง”คนเป็นพี่ชี้หน้าน้องชายตัวแสบ คนโดนชี้หน้าหันไปมองคนที่โดนกล่าวถึงอีกคน ก่อนจะหันมามองหน้าพี่ชาย
“กันขอโทษที่ทำน้องพี่ร้องไห้บ่อยๆต่อจากนี้กันก็ไม่รู้เหมือนกันว่ากันจะทำให้ริทร้องไห้อีกไหม? แต่กันสัญญาไว้ตรงนี้ว่ากันจะรักริทตลอดไป ไม่มีวันเปลี่ยน แม้จะมีเรื่องทำให้ริทเสียใจแค่ไหนกันก็ต้องขอโทษ แต่ขอเพียงอย่างเดียวอย่าเปลี่ยนใจจากกันไปหาใครนะริท” หันไปพูดกับอีกคนที่ตอนนี้น้ำตาเริ่มคลอขึ้นมาอีกแล้ว
โตโน่มองน้องชายทั้งสองคนแล้วถอนหายใจเบาๆ อนาคตเป็นยังไงไม่รู้ แต่เขาก็ได้แต่หวังว่าคงไม่มีอะไรมาขวางมิตรภาพและความรักของพวกมันสองคน โตโน่เดินไปตบไหล่น้องชายผิวเข้มเบาๆก่อนจะดึงน้องชายอีกคนมากอดรวมกันทั้งสามคน
ขอบคุณโชคชะตาให้เราได้มาเจอกัน
ขอบคุณโชคชะตาที่ทำให้เราได้มาเป็นเหมือนพี่น้องกันจริงๆ
ขอบคุณโชคชะตาที่ส่งคนมาให้รักและห่วงใย
และขอบคุณโชคชะตาที่ทำให้เราทั้งสามคนมีวันนี้
วันข้างหน้าไม่มีใครรู้ว่ามันจะเป็นยังไง ขอเพียงตอนนี้เรารักกันและพร้อมจะมีกันและกันตลอดไป
---------------------------------------------------------------------------------------------------------
ขอบอกว่าอันนี้ด้นสดมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ยาวววววววววววมากกกกกกกด้วย5555+
อินเนอร์มันมาตอนเห็นคลิปนี้ แล้วเลยอยากแต่ง บอกตามตรงว่ามั่วมากกกก ใช้จินตนาการมากเกินอ่ะ เพิ่งเคยเขียนฟิคแบบใช้สถานการณ์บังคับแบบนี้เป็นครั้งแรกเล่นซะจบไม่ลงแต่คิดแล้วว่าอยากจบด้วยมิตรภาพของแก๊งค์อสรพิษที่มีให้ต่อกัน ยังไงก็ติชมได้ค่ะ
http://www.youtube.com/watch?v=iB9nsn8ia94&feature=related
ความคิดเห็น