คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่1 ความลับของเพื่อน
ท่ามกลางความวุ่นวายของสถานีขนส่งจังหวัดเชียงรายในช่วงฤดูหนาว ผู้คนมากมายต่างพากันขนข้าวของขึ้นรถบ้าง ลงรถบ้าง นักท่องเที่ยวหลายคนพากันยุ่งอยู่กับข้าวของของตัวเอง แต่ถึงกระนั้นสายตาหลายคู่โดยเฉพาะสาวๆ ก็ยังเผลอหยุดดูวัยรุ่นหน้าหวานร่างสูงโปร่งท่าทางเหมือนหนุ่มน้อยมากกว่าสาวน้อยที่กำลังสนทนากับสตรีร่างท้วมตัวเล็กๆอย่างอดใจไม่ได้
“ไม่เอาน่าแม่ อย่าเพิ่งงอนสิ ก็เมื่อวานไอ้แอร์รุ่นน้องตะวันมันโทรมาขอร้องให้ช่วยถ่ายวีดีโองานแต่งของพี่สาวที่กรุงเทพให้หน่อย เห็นว่าคนที่รับงานเกิดอุบัติเหตุจนข้อมือร้าว หาใครมาถ่ายแทนไม่ทันจริงๆ”คนตัวสูงรีบส่งสายตาอ้อนสุดๆ
“แต่ตะวันก็ไม่สบายเหมือนกันนี่ลูก ฟังเสียงสิแหบยังกับเสียงแตกหนุ่ม นี่ถ้าไม่ติดว่าเป็นลูกสาวแม่ต้องคิดว่าแม่กำลังมาส่งลูกชายอยู่แน่ๆ แล้วงานคราวนี้ปฏิเสธไปไม่ได้เหรอลูกถ้าเกิดไข้ขึ้นสูงอีกจะว่ายังไง”คุณนวลใจผู้เป็นแม่จับเนื้อตัวลูกสาวด้วยความเป็นห่วง
ตะวันรีบส่ายหน้าจนผมสั้นๆสีน้ำตาลยุ่งกว่าเดิม แล้วรีบเข้าไปกอดเอวมารดาที่เริ่มน้ำตาปริ่มๆ“แต่ว่าตะวันรับปากเค้าไปแล้ว ผิดนัดเค้าไม่ดีหรอกเนอะ อีกอย่างไอ้แอร์มันบอกว่างานนี้จ่ายไม่อั้น”
เจอคำตอบแบบนี้คนเป็นแม่ถึงกับต้องถอนหายใจ อย่างหมดหนทางเพราะรู้ดีว่าลูกสาวคนนี้ถ้าพูดเรื่องเงินขึ้นมาทีไร ถึงเอาช้างมาฉุดก็หยุดไม่อยู่ ด้วยความที่ฐานะทางบ้านไม่ค่อยดี แถมมีกันอยู่แค่สองคนแม่ลูก ตะวันจึงรู้จักทำงานพิเศษทุกอย่างเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระมารดาตั้งแต่ยังเด็ก ถึงตอนนี้เรียนจบได้งานทำแล้วก็ยังติดนิสัยรับงานเพิ่มนอกเหนือจากงานประจำอีก
“เราน่ะอ้าปากก็พูดแต่เรื่องเงิน จะเก็บเอาไปทำไมนักหนา ตอนนี้บ้านเราก็ไม่ได้ลำบากเหมือนแต่ก่อนนี่ลูก”
“ก็เก็บเอาไว้ซื้อบ้านให้แม่ไงจ๊ะ ตะวันอยากให้เรามีบ้านเป็นของตัวเองสักที ทุกวันนี้ได้แต่เช่าเค้าอยู่แถมค่าเช่ายังแพงขึ้นทุกปี ตะวันอยากให้แม่อยู่อย่างสบายไม่ต้องลำบากเหมือนเมื่อก่อนอีก”ตะวันพูดด้วยความมุ่งมั่น เพราะนี่เป็นความฝันเพียงหนึ่งเดียวของตะวันตั้งแต่เด็กๆ บ้าน...ที่สักวันตะวันและแม่จะได้มีเป็นของตัวเอง
“แล้วที่สัญญาว่าจะอยู่กินข้าวฝีมือแม่ทั้งอาทิตย์ นี่อะไรอยู่ได้ไม่ถึงสามวันก็จะกลับกรุงเทพอีก”
ตะวันรีบยิ้มหวานทั้งปากและตา ทำให้ใบหน้านั้นดูดีขึ้นอีกจนสาวๆแถวนั้นแทบจะลืมหายใจ
“น่า..นะ คราวหน้าตะวันจะอยู่กินข้าวฝีมือแม่จนอ้วนเลยล่ะ ไม่ไล่ไม่กลับด้วยเอ๊า” เจ้าตัวรีบตีหน้าขึงขัง ทำให้คุณนวลใจอดยิ้มไม่ได้
“ให้มันจริงเถอะ เราน่ะเดี๋ยวมาแป๊บๆก็จะแว่บไปที่อื่นอีก รู้ไหมแม่เป็นห่วง ดูแลตัวเองดีๆนะลูกอย่าลืมกินยาล่ะ แล้วนี่รถเรามาหรือยัง”
คุณนวลใจมองไปรอบๆ ทำให้สาวๆแถวนั้นรีบหลบตากันวูบ เห็นแบบนี้แล้วคนเป็นแม่ก็ชักกลุ้ม มีลูกสาวก็เหมือนกับมีลูกชาย นอกจากนิสัยใจร้อน ชอบทำงานลุยๆแล้ว ความสูงที่ค่อนข้างจะเกินมาตรฐานหญิงไทยไปมาก บวกกับทรงผมสั้นที่เจ้าตัวไม่ค่อยจะสนใจหวี รวมไปถึงการแต่งตัวที่ค่อนข้างไปทางสปอร์ตแมน หลายๆคนเลยเข้าใจผิดคิดว่าตะวันเป็นผู้ชาย แล้วเจ้าตัวยังไม่คิดเปลี่ยนโดยอ้างว่าไม่สะดวกเวลาทำงาน ยิ่งวันนี้ใส่ เสื้อยืดทับด้วยเสื้อกันหนาวตัวโคร่งกางเกงยีนส์ตัวใหญ่ กับรองเท้าผ้าใบเก่าๆ ให้มองยังไงก็เหมือนหนุ่มน้อยมากกว่าสาวน้อย
“เดี๋ยวก็คงมาแล้วล่ะแม่ไม่ต้องห่วงหรอก โอ๊ยแย่แล้ว”อยู่ๆตะวันก็โวยวายเสียงดังเหมือนเพิ่งนึกอะไรได้
“เป็นอะไรไปอีกล่ะ ลืมโทรศัพท์ไว้ที่บ้านอีกเหรอ หรือลืมเอาตั๋วรถมาเรายิ่งขี้ลืมอยู่”คุณนวลใจถามอย่างเป็นห่วง เพราะหลายครั้งที่ตะวันลืมของทิ้งไว้ที่บ้านบ่อยๆเนื่องจากนิสัยชอบวางของไม่เป็นที่ของเจ้าตัว
“ยิ่งกว่านั้นอีก ตะวันลืมซื้อของฝากไปให้ยัยพีช ขืนไม่มีอะไรไปให้ละก็ได้งอนให้ง้อกันสามวันแปดวันเลยล่ะ” พูดเสร็จก็กุมขมับด้วยความกลุ้มใจเมื่อพูดถึงเพื่อนสนิท
พีชหรือพิชญากับตะวันรู้จักกันตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย เพราะเรียนคณะเดียวกัน พีชเป็นสาวสวยหุ่นดี มีดีกรีเป็นถึงดาวคณะ จึงมีแมวมองมาทาบทามให้ไปเดินแบบ และค่อนข้างไปได้ดีกับอาชีพนี้ ส่วนตะวันเมื่อเรียนจบก็มาหางานทำที่กรุงเทพจึงอาศัยคอนโดของพีชไปก่อน หลังจากนั้นไม่นานตะวันก็ได้งานที่บริษัทผลิตรายการสารคดีเล็กๆในตำแหน่งผู้ช่วยตากล้อง และขอย้ายออกจากคอนโดด้วยความเกรงใจแต่พีชก็ไม่ยอมโดยอ้างว่าอยู่กันสองคนประหยัดกว่า ทั้งๆที่ความจริงตะวันพยายามจะช่วยจ่ายค่าเช่าพีชก็ไม่รับ แต่บางครั้งพีชกลับมีอาการงอนหรือโกรธสุดๆกับเรื่องเล็กๆน้อยๆ อย่างเรื่องลืมซื้อของฝาก หรือลืมโทรบอกว่าจะไปค้างข้างนอก
“ตะวันรีบไปซื้อก่อนนะแม่ ตายล่ะตายแน่ๆ รถมาแล้วด้วยทำไงดี”
ขณะนั้นรถวีไอพีเชียงราย-กรุงเทพของบริษัททัวร์ที่ตะวันซื้อตั๋วไว้ก็แล่นเข้ามาจอดเทียบชานชาลา คุณนวลใจมองลูกสาวอย่างอ่อนใจก่อนจะยื่นถุงกระดาษที่มีลวดลายสวยงามแบบทางเหนือที่อยู่ในมือให้
“เอานี่ ไม่ต้องโวยวายไป แม่แวะซื้อไว้ให้ตั้งแต่ตอนเช้าแล้ว คิดว่ายังไงเราก็คงลืม นี่คงไม่ลืมอะไรอีกใช่ไหมลูก”
“ไม่ลืมแล้วจ๊ะ รักแม่ที่ซู๊ดเลย ถึงว่าแม่ถือถุงอะไรตั้งแต่ลงรถแล้วที่แท้ก็ของฝากนี่เอง มามะมาให้จุ๊บหน่อยเร็ว”ตะวันที่เปลี่ยนสีหน้าจากหดหู่กลายเป็นหน้ายิ้มแป้น รีบคว้าของฝากมาดู ก่อนจะจุ๊บแก้มคนเป็นแม่ยังมีน้ำใจซื้อของฝากให้เพื่อนสนิทลูกสาว
“อยู่ด้วยกันก็อย่าทะเลาะกันล่ะ ฝากบอกพีชด้วยนะว่าแม่คิดถึง ว่างๆก็มาเที่ยวที่เชียงรายบ้าง”
ถึงตอนนี้ผู้โดยสารคนอื่นๆพากันทยอยขึ้นเกือบจะหมดแล้ว ตะวันร่ำลาคนเป็นแม่อีกสักครู่ก่อนลากเป้ใบโปรดขึ้นรถ
ขึ้นรถได้สักพักพนักงานสาวก็เริ่มแจกเครื่องดื่มและข้าวกล่อง ตะวันรับข้าวกล่องมาเก็บไว้เพราะไม่ค่อยหิวเท่าไหร่ เนื่องจากอาการป่วยเริ่มจะออกฤทธิ์อีกครั้ง เจ้าตัวจึงเริ่มควานหายาที่ควรจะมีในกระเป๋าแต่หาจนทั่วก็ไม่เจอ กว่าจะนึกได้ว่าลืมไว้ในรถมารดาข้าวของในเป้ก็กระจุยกระจายไม่มีชิ้นดี โชคยังดีที่พนักงานสาวที่แอบมองตะวันอยู่นานแล้วเดินเข้ามาถามจึงได้ยาลดไข้มาสองเม็ด ซึ่งตะวันรับยามากินโดยดีก่อนจะงีบหลับหลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมง
ถึงกรุงเทพฯตะวันก็รีบขึ้นแท็กซี่ตรงดิ่งไปโรงแรมที่จัดงานแต่ง เมื่อไปถึงก็เจอสาวน้อยร่างเล็กหน้าตาน่ารัก แต่งชุดกระโปรงเข้ารูปสีชมพูค่อนข้างหรู ท่าทางเหมือนกำลังรอใครอยู่ที่ล็อบบี้ เมื่อตะวันเดินเข้าไปใกล้สาวน้อยก็หน้าตาสดใสขึ้นทันควัน
“พี่ตะวัน นึกว่าจะมาไม่ทันซะแล้ว รู้ไหมแอร์มารอตั้งนาน บอกให้ขึ้นเครื่องมาก็ไม่ยอมท่าเดียว ค่าตั๋วเครื่องบินจะเท่าไหร่กันเชียว บอกแล้วไงงานนี้พ่อกับแม่แอร์ทุ่มงบไม่อั้น ”
“ใจเย็นๆจ้า นี่พี่ก็รีบมาเร็วที่สุดแล้วนะลงทุนขึ้นแท็กซี่มาเลยเห็นม่ะ ไม่เค้ยไม่เคยนะเนี่ยปกตินั่งแต่รถเมล์ แต่เพื่อน้องแล้วพี่ทุ่มสุดๆ เอาล่ะว่าแต่จะให้พี่เริ่มงานเลยหรือเปล่า”
สาวน้อยที่อารมณ์ดีขึ้นตั้งแต่เจอตะวันแกล้งค้อนน้อยๆ
“ค่ะๆ แหมทุ่มสุดๆ เดี๋ยวอีกครึ่งชั่วโมงงานแต่งของพี่อรก็จะเริ่มแล้ว พี่ตะวันรีบขึ้นไปเปลี่ยนชุดก่อนเถอะ ส่วนกล้องกับเทปคนที่รับงานคนก่อนเค้าให้ยืมฟรีอยู่ที่เดียวกันนั่นแหละ”
“ห๊าเปลี่ยนชุดทำไม่ต้องเปลี่ยน แล้วนี่พี่คงไม่ต้องใส่กระโปรงเหมือนเราใช่ไหม” ตะวันถามอย่าหวาดๆ พลางมองชุดหรูของคนข้างตัว
“ยังไงก็ต้องเปลี่ยนค่ะ เพราะว่างานนี้พวกไฮโซกับนักธุรกิจเพื่อนพ่อกับแม่มากันเพียบ พี่ตะวันแต่งอย่างนี้เดี๋ยวจะดูแปลกๆ แต่ไม่ต้องห่วงนะคะแอร์รู้ว่าพี่ตะวันไม่ค่อยชินกับการใส่กระโปรง แอร์ก็เลยเตรียมสูทเท่ๆให้แล้วล่ะ กะไว้ว่าต้องพอดีตัวแน่ๆ รับรองว่าต้องหล่อที่สุดในงานแน่นอน” สาวน้อยยิ้มหวานให้ตะวัน
ระหว่างขึ้นลิฟท์ แอร์ก็อธิบายถึงกำหนดการงานแต่งแบบคร่าวๆให้ตากล้องจำเป็นที่กำลังคิดภาพตัวเองใส่สูท ก็ยังดี ตะวันคิดต่อในใจยังไงก็คงเข้าท่ากว่าใส่ราตรียาวเดินแบกกล้องไปมาทั่วงาน จำได้ว่าครั้งสุดท้ายที่ใส่ชุดราตรีก็คงจะเป็นตอนที่พีชพาไปร่วมงานแต่งของรุ่นพี่ที่เป็นนางแบบด้วยกัน
วันนั้นตะวันจำได้ว่าเขินมากต้องใส่วิกผมยาวด้วย แต่ก็ยอมไป เพราะวันก่อนหน้านั้นไปค้างที่ทำงานแล้วแบตหมดก็เลยไม่ได้โทรบอกพีช ตอนขอโทษก็ดันหลุดปากไปว่าจะยอมตามใจเพื่อนหนึ่งวันเต็ม ผลก็มาเลยลงเอยด้วยการใส่ชุดที่คิดว่าชาตินี้ทั้งชาติจะไม่ขอใส่อีก กับชุดราตรียาวสีม่วงอ่อนที่ทั้งแหวกทั้งเว้าแค่นั้นยังไม่พอยังต้องใส่ส้นสูงอีกไม่รู้ว่าพวกนางแบบเค้าใส่เดินกันได้ยังไง
อุตส่าห์ประคองตัวได้ทั้งงานสุดท้ายก็ต้องมาข้อเท้าพลิกตอนจะกลับ โชคยังดีที่คุณปกรณ์มาช่วย คิดมาถึงตรงนี้ใบหน้าของตะวันก็มีรอยยิ้มนิดๆเหมือนสาวน้อยที่เริ่มตกอยู่ในห้วงแห่งความรัก
“ทั้งหมดก็จะจบลงที่คู่บ่าวสาวเดินไปทักทายแขกตามโต๊ะต่างๆ พี่ก็แค่เก็บภาพแขกคนสำคัญๆ แล้วก็เสร็จงาน ส่วนเรื่องตัดต่อทางนู้นเค้าจะรับผิดชอบให้เหมือนเดิม ว่าแต่วันนี้เสียงพี่มันแปลกๆนะ แหบๆฟังแล้วดูแมนมากเลย” แอร์เปลี่ยนเรื่องกะทันหันจนตะวันที่กำลังคิดเรื่องอื่นเพลินๆ แทบจะสะดุดขาตัวเอง
“พี่เป็นหวัดนิดหน่อยน่ะ รับรองไม่เสียงานหรอก”ตะวันพูดอย่างไม่ค่อยใส่ใจนัก ถึงจะรู้สึกว่าเริ่มมีไข้หน่อยๆ
“ว่าแต่อย่างนี้งานก็น่าจะเสร็จสัก4ทุ่มใช่เปล่า แล้วเรื่องเงินนี่จะจ่ายเลยไหม แฮะๆ อย่าว่าอย่างโง้นอย่างงี้เลยนะ คือพี่ก็แค่อยากจะถามให้แน่ใจ”ตะวันถามเรื่องที่อยากรู้ที่สุดไปจนได้
“เดี๋ยวพรุ่งนี้แอร์จะโอนเข้าบัญชีพี่ละกัน ยังใช้บัญชีเดิมอยู่ใช่ไหม”สาวน้อยพูดย่างไม่คิดมากเนื่องจากรู้นิสัยกันดี พลางดันหลังตะวันไปเปลี่ยนชุดที่ห้องแต่งตัว เสร็จแล้วก็มานั่งรออยู่ที่เก้าอี้ข้างนอก
ระหว่างที่รอแอร์ก็นึกไปถึงครั้งแรกที่เจอตะวัน รุ่นพี่สุดเท่ที่ช่วยพารุ่นน้องไปส่งที่หอพักตอนที่รถเสีย ครั้งนั้นแอร์ก็ตกหลุมรักเข้าอย่างจัง ถึงแม้ว่าจะมารู้ความจริงทีหลังว่ารุ่นพี่ที่เธอแอบปลื้มเป็นผู้หญิงแท้ๆและไม่เคยมองเธอเป็นอย่างอื่นนอกจากรุ่นน้องก็ยังไม่คิดตัดใจ อย่างเรื่องงานวันนี้เมื่อต้องหาตากล้องคนใหม่ แอร์ก็รีบติดต่อตะวันเป็นคนแรก โชคดีที่ตะวันรับงานนี้ไม่งั้นก็คงหาข้ออ้างเจอกันยาก เพราะตั้งแต่เรียนจบมาได้เจอกันก็ไม่กี่ครั้ง แถมยังมีอุปสรรคชิ้นใหญ่อย่างคนบางคน นึกมาถึงเท่านี้ความคิดของสาวน้อยก็ต้องสะดุด เมื่อตะวันในชุดสูทสีดำที่ดูดีกว่าผู้ชายแท้ๆ เดินออกมาจากห้องแต่งตัว
“พี่ว่ามันแปลกๆยังไงไม่รู้ ใส่ชุดเดิมของพี่ไม่ได้เหรอ”ตะวันทำท่าขยุกขยิกเหมือนคันทั้งตัวก่อนจะยกแก้วน้ำที่บริกรนำมาเสิร์ฟขึ้นดื่ม
“คงไม่ได้หรอกค่ะแอร์เตรียมมาแค่ชุดเดียว ถ้าไม่ใส่คงต้องไปยืมชุดราตรีสีแดงที่ห้องนักร้องแล้วล่ะค่ะ”สาวน้อยแกล้งขู่ ก็แหมออกจะดูดีขนาดนี้มีหรือจะยอมให้เปลี่ยนชุดง่ายๆ
“พูดซะพี่ขนลุกซู่ เอาเถอะชุดนี้ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรหรอก แอร์จะได้ไม่ต้องลำบากไปยืมชุดอะไรนั่นมาให้พี่ใส่ด้วย”พูดเสร็จเจ้าตัวก็รีบไปเช็คอุปกรณ์ที่ค่อนข้างจะพร้อมแล้ว เหลือแต่ปรับอีกนิดหน่อยให้ถนัดมือก็เตรียมทำงานได้
บรรยากาศภายในงานวันนี้ทำเอาคนเงินเดือนน้อยอย่างตะวันรู้สึกเหมือนกับหลุดไปในละคร ตั้งแต่การตกแต่งบริเวณงานอย่างอลังการงานสร้าง เครื่องเพชรหรูหราของบรรดาคุณหญิงคุณนายที่ขนมาประชันกันจนแสบตา และอาหารที่ดูหรูเริ่ดจากเชฟชื่อดัง อืม...อาหาร จะว่าไปแล้วเราก็ยังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่มาถึงนี่เนอะ ว่าแล้วเท้าที่เร็วกว่าความคิดก็พาตะวันไปยืนใกล้ๆอาหารที่ดูคล้ายๆอาหารญี่ปุ่น
“โอ้โฮเฮะ ไอ้นี่ก็น่ากิน ไอ้นั่นก็น่าอร่อย ชิมนิดๆหน่อยๆคงไม่เป็นไรหรอกเนาะ”ตะวันพูดเองเออเองพลางหยิบอาหารที่วางอย่างละลานตาใส่ปาก
ระหว่างที่กำลังยืนกินเพลินๆก็ได้ยินเสียงคุยกันของเพื่อนเจ้าสาวสองคนที่กำลังเดินเข้ามาเดินเข้ามาใกล้
“อุ๊ย...นั่นคุณภูนี่นา”สาวสวยแต่งหน้าเข้มจัด ในชุดเกาะอกที่ค่อนข้างจะล้น รีบสะกิดเพื่อนสาวอีกคนในชุดเว้าหลังสีส้ม ดูชายหนุ่มหน้าตาดีท่าทางเป็นนักธุรกิจที่ยืนอยู่ใกล้เจ้าบ่าว
“ภูไหน”เพื่อนสาวอีกคนที่กำลังจิบไวน์ถามอย่างไม่สนใจ
“คุณภูวิชที่ยืนอยู่ใกล้ๆเจ้าบ่าวนั่นไง อายุแค่ 29 ก็ได้เป็นถึงเจ้าของบริษัทโฆษณาเชียวนะเธอ ครบเครื่องหล่อรวยโสดเนี่ยแหละเทพบุตรในฝัน ”
“คุณสมบัติขั้นเทพขนาดนั้นจะหลุดมาถึงมืออย่างพวกเราเหรอ แล้วถ้าดีอย่างหล่อนว่าจริงแต่ยังโสดอยู่มันน่าสงสัยนะ ฉันว่าถ้าไม่เป็นมีเมียเก็บก็คงเป็นเกย์แหงๆ”
“ไม่มั้งแก อย่าพูดให้ฉันใจเสียสิ เมื่อวานเพิ่งจะเห็นข่าวนักร้องสุดหล่อของฉันเป็นเกย์อยู่หยกๆ โธ่ คนอุตส่าห์ปลื้มมาตั้งนาน”
“สมัยนี้แกก็ต้องทำใจไว้บ้าง ขืนสุ่มสี่สุ่มห้าคว้ามากกเดี๋ยวจะเจอประเภทเกาะเรากิน เพื่อไปเลี้ยงผู้ชายอีกคนอย่างเจ๊ที่เพิ่งเขียนหนังสือแฉชีวิตตัวเองนั่นหรอก”
“นั่นมันก็จริง”เพื่อนอีกคนเริ่มคล้อยตาม
“ว่าแต่คุณภูอะไรเนี่ยเค้ารู้จักกับหล่อนด้วยเหรอ”สาวชุดส้มถามด้วยความสงสัย
“ยังย่ะ แต่ถ้าไม่เป็นเกย์ เร็วๆนี้ต้องรู้จักกับเจ้าแม่ดินระเบิดอย่างฉันแน่นอน”พูดเสร็จก็หัวเราะกันคิกคัก ทำเอาคนที่ไม่ได้ตั้งใจฟังแต่ได้ยินทุกคำอย่างตะวันเริ่มคิดตาม ก็เคยได้ยินมาบ้างนะว่าผู้ชายแท้นั้นหายาก ร้อยเปอร์เซ็นต์จะเหลือของจริงอยู่สักสามสิบ
อืม..ดูๆแล้วคุณภูวิชของสองสาวนี่ก็หน้าตาดีใช่เล่น สูงสมาร์ท หุ่นดีแบบคนออกกำลังกาย แต่สายตาคมกริบแบบนั้นท่าทางจะโหดใช่เล่น ไม่เหมือนคุณปกรณ์ที่ดูท่าทางอ่อนโยน นิสัยก็แสนจะดี เฮ้อถ้าไม่ติดที่จะต้องเจอกันที ก็ต้องแต่งหญิงใส่วิกผมแล้วล่ะก็ตะวันก็คงจะรับรักเค้าตั้งแต่ดินเนอร์คราวก่อน ตะวันที่คิดไปกินไปจนเกือบจะลืมเรื่องงาน ก็ต้องตกใจเมื่อได้ยินพิธีกรประกาศเริ่มงานบนเวที
“ตายละหว่า ลืมถ่ายใครมั่งหรือเปล่าเนี่ย แล้วนั่นพิธีกรสองคนจะรีบพูดไปไหน รอตากล้องไปอยู่ใกล้ๆเวทีก่อนไม่ได้หรือไง”พูดไปก็คว้าซูชิใกล้ๆมือเข้าปากอีกชิ้นก่อนจะวิ่งไปข้างเวที
กว่าจะเก็บภาพครบก็เกือบจะห้าทุ่ม เพราะว่าแขกสำคัญของเจ้าภาพเยอะเหลือเกิน ตะวันที่เหนื่อยจนแทบจะแบกกล้องไม่ไหวรีบเก็บอุปกรณ์ทั้งหมดฝากไว้กับเจ้าหน้าที่ แล้วเตรียมตัวจะกลับ ระหว่างที่กำลังเดินไปขึ้นลิฟท์ แอร์ก็วิ่งกระหืดกระหอบตามมา
“พี่ตะวันรอแอร์ก่อนเดี๋ยวจะขับรถไปส่ง”สาวน้อยรีบพูดทั้งๆที่ยังวิ่งไม่ถึงตัวตะวัน
“จะไปส่งพี่เหรอ โหยสวรรค์ทรงโปรดแท้ๆเลยน้องพี่กะลังคิดอยู่เลยว่าแถวนี้นี่มีรถเมล์สายไหนวิ่งบ้าง”
“โธ่พี่ตะวัน ดึกขนาดนี้ยังจะนั่งรถเมล์อีกน่ากลัวจะตาย”
“แต่พี่ว่าแท็กซี่น่ากลัวกว่าอีก แล้วกว่าจะถึงคอนโดจะต้องจ่ายกี่ร้อยก็ไม่รู้”
“อ๋อ เข้าใจเหตุผลที่แท้จริงแล้วละค่ะ ว่าแต่จะออกไปทั้งชุดนี้เลยเหรอคะ”สาวน้อยมองชุดที่ตะวันใส่อย่างเสียดายนิดๆ ไม่ใช่เสียดายชุดหรอกนะคะพี่ตะวัน แอร์เสียดายที่ไม่ได้ถ่ายรูปเก็บไว้ต่างหากไม่รู้เมื่อไหร่จะได้เห็นพี่ตะวันใส่ชุดแบบนี้อีก
“ชุดนี้”ตะวันพูดเสียงสูงอย่างงงๆก่อนจะมองดูชุดที่ตัวเองใส่
“เออแฮะพี่ลืมไปว่ายืมชุดเรามาใส่ ทำไงดีละเนี่ย”
“ไม่เป็นไรค่ะ ไม่ต้องคืนหรอกแอร์ยกให้เป็นแทนคำขอบคุณที่พี่ตะวันอุตส่าห์มาช่วยงานจนดึก แค่จะถามดูเฉยๆว่าไม่อึดอัดเหรอดูสิเน็คไทก็ไม่ถอดมะเดี๋ยวแอร์ถอดออกให้”พูดจบก็เดินเข้าประชิดตัวทำท่าถอดเน็คไทให้ตะวัน ที่กำลังก้มมองคนที่ตัวเล็กกว่าจัดการกับเน็คไทที่ใส่มาทั้งวัน
“เสร็จแล้วค่ะ”แอร์ที่จัดการกับเน็คไทของตะวันเรียบร้อยแล้วเงยหน้าพร้อมกับยิ้มหวาน ก่อนจะลมหายใจสะดุดเมื่อหน้าของตะวันที่กำลังก้มมามองห่างอยู่แค่ไม่กี่เซ็นต์
“ติ๊ง” จู่ๆลิฟท์ที่รออยู่ตั้งนานก็เปิดออกแอร์รีบผละตัวออกจากตะวันก่อนด้วยสีหน้าที่แดงจัดทำให้คนในลิฟท์เห็นภาพชวนเข้าใจผิด เพราะมองจากในลิฟท์ก็เห็นข้างหลังคนตัวสูงอย่างตะวันกำลังก้มหน้าไปใกล้คนตัวเล็กกว่า คล้ายกับหนุ่มสาวกำลังจูบกัน
“ลิฟท์มาพอดีเลยเข้าไปในลิฟท์กันก่อนดีกว่าค่ะ”
“อ้าว มาแล้วเหรอดีจังจะได้กลับบ้านไปนอนสักที”ตะวันเดินเข้าไปในลิฟท์ ก่อนจะหันมามองสาวน้อยข้างตัวที่พอเข้าลิฟท์ก็เงียบไปซะเฉยๆ แถมยังทำหน้าแดงกว่าเธอที่เป็นหวัดซะอีก คิดดังนั้นก็เลยเอื้อมมือไปจับหน้าผากรุ่นน้องดู
“เอตัวก็ไม่ร้อนนี่นาทำไมหน้าแดงๆล่ะ แล้วจะไปส่งพี่ที่คอนโดไหวไหมนี่”พูดเสร็จก็ต้องงยิ่งกว่าเดิมเมื่อแอร์ทำท่าเหมือนเขินจัดแล้วตีแขนตะวันที่ท่าทางจะไม่เข้าใจสถานการณ์เอาซะเลย
“อ่ะ ว่าแล้วยังจะมาตีพี่อีกแปลกคนจริงๆเลยเรา”ตะวันพูดเสร็จก็เลิกสนใจคนข้างตัวเปลี่ยนไปเหลือบมองสองหนุ่มที่อยู่ในลิฟท์เดียวกันแทน พอเห็นหน้าหนึ่งในสองคนนั่น ใจก็คิดถึงไปถึงคนที่เจอในงานวันนี้วันนี้ เอ...จะว่าไปแล้วอีตาเนี่ยหน้าคุ้นๆแฮะ ใช่แล้วคุณภูวิชสุดหล่อของยัยอกบึ้มคนนั้นนี่นา เห็นออกจากงานตั้งแต่ยังไม่สี่ทุ่มทำไมยังอยู่ที่โรงแรมอีกล่ะ คิดแล้วก็เหลือบไปมองอีกหนึ่งหนุ่มที่ดูขาวกว่าท่าทางออกสาวนิดๆ แล้วก็ต้องอุทานในใจอีกรอบ ฮ่ะฮ้ามากับผู้ชายที่ท่าทางตุ้งติ้งอีกต่างหาก สงสัยข้อสันนิษฐานที่ว่าเป็นเกย์นั่นจะเป็นจริงละมั้งเนี่ย เฮ้อ เสียดายแทนสองสาวนั่นจริงจริ๊ง คิดเสร็จก็ทำท่าส่ายหัวนิดๆเหมือนปลงๆ โดยไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังถูกอีกฝ่ายจับตามมองเช่นกัน
ภูวิชที่เพิ่งกลับออกมาจากงานเลี้ยงอีกงานหนึ่งพร้อมกับเลขาหนุ่ม ต้องถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย เพราะต้องไปร่วมงานเลี้ยงวันเดียวถึงสองงานแถมยังจัดเวลาเดียวกันอีกต่างหาก โชคยังดีที่งานแต่งงานของลูกชายนักธุรกิจใหญ่หนึ่งลูกค้าคนสำคัญของบริษัท กับงานฉลองครบรอบหนึ่งปีนิตยสารวัยรุ่นของปาลิตาเพื่อนสาวคนสนิทจัดที่โรงแรมเดียวกัน ทำให้ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปมา แต่เพราะที่งานแต่งบังเอิญเจอลูกค้ารายใหม่ที่ต้องนัดแนะคุยธุรกิจกันอีกหลายครั้งทำให้เสียเวลานาน เมื่อไปถึงงานเลี้ยงของเพื่อนสาวจึงต้องอยู่เอาใจเจ้าภาพจนเกือบจะโดนลากไปดื่มต่อ กว่าจะออกมาได้ก็ต้องแกล้งทำเป็นให้เลขาคนสนิทมาตามเรื่องงาน
ออกมาจากงานไม่ทันไรก็ได้เห็นภาพหนุ่มสาวจูจี๋กันหน้าลิฟท์ อืม..สงสัยวัฒนธรรมตะวันตกจะทำให้หนุ่มสาวสมัยนี้ใจกล้าหน้าด้านกว่าเดิมแฮะ ภูวิชคิดก่อนจะมองผ่านอย่างไม่สนใจก่อนจะเห็นอาการแปลกๆของตะวันที่เหลือบมองมาทางตัวเขา กับเลขาแล้วพยักหน้าหงึกหงักกับตัวเองเหมือนเข้าใจอะไรสักอย่าง ต่อด้วยทำท่าเหมือนถอนหายใจนี่สิที่ทำให้ภูวิชรู้สึกหงุดหงิดพิกล
“คุณภูจะปล่อยให้มาร์ตี้อยู่คนเดียวจริงๆเหรอฮ้า”เสียงเลขาคนสนิท เรียกภูวิชที่กำลังสงสัยในอาการของคนข้างๆ ให้กลับมาเรื่องงานได้ทันที
“ใช่ หวังว่าคุณจะดูแลทุกอย่างให้เรียบร้อย แต่ถ้าทำไม่ได้...”ภูวิชเว้นไปสักพักก่อนจะหันไปมองเลขาคนสนิทแล้วพูดต่อด้วยสายตาที่เย็นชากว่าเดิม“ฉันจะได้หาคนใหม่มาทำแทน”
คราวนี้ทำให้ศาสตราที่เปลี่ยนชื่อใหม่เป็นมาร์ตี้ถึงกลับต้องกลืนน้ำลายด้วยความหวาดหวั่น ก็ตั้งแต่ที่ทำงานกันมาก็เห็นแล้วว่าภูวิชเป็นคนพูดจริงทำจริงแค่ไหน ทุกเรื่องที่สั่งต้องทำให้สำเร็จตามเวลาที่กำหนด หลายรายแล้วที่ต้องออกจากงานเพราะทำงานไม่ได้ตามที่คุณภูสั่ง
“ได้ฮ่ะได้ ไม่ต้องห่วงทางนี้เลยฮ่ะ มาร์ตี้รับรองว่าทุกอย่างจะต้องเรียบร้อย คุณภูไปเที่ยวให้สบายใจได้เลยนะฮ้า โอ๊ะถึงล็อบบี้แล้ว เดี๋ยวมาร์ตี้จะสั่งให้คนขับรถวนรถมารับข้างหน้าเลยนะฮ้า”พูดจบก็รีบเดินออกไปจากลิฟท์ ทำให้ตะวันที่กำลังแอบมองเพลินๆรีบก้าวเดินตามจนเดินไปชนกับภูวิชที่กำลังจะเดินออกจากประตูลิฟท์เหมือนกัน
“ขอโทษ..”ตะวันที่เพิ่งจะเซจากการชนกันพูด พลางมองคนตัวโตกว่าด้วยความทึ่ง ชนกันแท้ๆแต่คุณภูนี่กลับไม่สะเทือนเลยแฮะ แถมดูใกล้ๆแบบนี้แล้วหน้าตาดีไม่หยอก คิดเสร็จก็ส่งยิ้มให้ภูวิชเพื่อผูกมิตร
“ไม่เป็นไร”ภูวิชมองตะวันด้วยความสนใจขึ้นอีกเล็กน้อย ก่อนจะหันไปพยักหน้าทักทายสาวน้อยที่คิดว่าน่าจะเป็นลูกสาวของเจ้าของงานที่เจอวันนี้ แล้วขอตัวไปขึ้นรถ ในใจก็คิดถึงรอยยิ้มของตะวันที่ได้เห็น ไอ้หนูนี่ยิ้มสวยน่าชวนไปเทสหน้ากล้อง!!
กลับถึงห้องตะวันก็ลากสังขารที่ทั้งเหนื่อยทั้งเพลีย บวกกับอาการไข้ที่เหมือนจะพร้อมใจกันมาหนักกว่าเดิมขึ้นเตียงตัวเองแล้วหลับไปเลย กว่าจะรู้สึกตัวอีกทีก็ปาเข้าไปเกือบสิบโมงเช้า นี่ถ้าท้องไม่ร้องล่ะก็จ้างให้ก็ไม่มีทางตื่นหรอกตะวันบ่นกับตัวเองอย่างเซ็งจัด ก็ตั้งแต่ตื่นมานี่ก็ทั้งหิว ทั้งเมื่อยตัว ปวดหัว เป็นไข้ แถมยังเจ็บคอกว่าเดิมอีก คิดเสร็จก็ตัดใจไปอาบน้ำแต่งตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ โดยไม่ลืมคว้าเสื้อกันหนาวตัวโคร่งที่เป็นตัวโปรดสวมทับไปอีกชั้น ก่อนตัดสินใจจะออกไปหาอะไรกินข้างนอก
“ตั้งแต่กลับมายังไม่เจอยัยพีชเลยนี่นา หายไปไหนของเค้านะ หรือว่าจะไปเดินแบบที่ต่างประเทศอีก” ตะวันพึมพำกับตัวเองอย่างนึกขึ้นได้ เพราะตั้งแต่เมื่อคืนถึงเช้าวันนี้ยังไม่เจอแม้แต่เงาของเพื่อนร่วมห้องเลย
“ดีเหมือนกัน ไม่งั้นแม่เจ้าประคุณคงบนจนหูชาที่กลับมาไม่บอกล่วงหน้าอีก”บ่นกับตัวเองอย่างไม่จริงจังนัก กับอาการแปลกๆของเพื่อนสนิทในช่วงหลายเดือนมานี้ ที่มักจะบอกให้ตะวันโทรรายงานตัวทุกครั้งว่าอยู่ที่ไหน หรือไม่ก็คอยโทรตามเช็คอยู่บ่อยๆ ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้พีชจะบ่นที่ตะวันชอบหายตัวไปเฉยๆบ้าง แต่ก็ไม่ได้เป็นหนักถึงต้องคอยตามเช็คกันตลอดขนาดนี้
ระหว่างที่กำลังหากระเป๋าสตางค์ที่จำไม่ได้ว่าเอาไปวางไว้ที่ไหนตั้งแต่เมื่อคืนก็ได้ยินเสียงคนแว่วๆอยู่ที่ทางเดินข้างนอก ฟังดูคล้ายกับเสียงของพีชกำลังคุยกับใครบางคนอยู่ ครั้งแรกตะวันคิดจะเปิดประตูห้องออกไปเซอร์ไพรส์เพื่อนซะหน่อย แต่แล้วก็เปลี่ยนใจ เพราะไม่แน่ว่าเสียงผู้ชายที่ได้ยินมาแว่วๆนั้นอาจเป็นแฟนของเพื่อนสาวก็ได้
“ตั้งแต่เป็นเพื่อนกันมา ยังไม่เคยเห็นพาแฟนมาแนะนำซักที สงสัยหมอนี่จะเป็นตัวจริงแฮะ ตามมาส่งถึงหน้าห้องซะด้วย”ตะวันพูดอย่างกระหยิ่มใจ แล้วย่องไปแอบดูข้างประตู
ภาพผู้ชายที่กำลังสวมกอดพีชทำให้ตะวันช็อกสุดๆ เหมือนโดนน็อคเข้าอย่างจัง รู้สึกเหมือนชาไปทั้งตัว ก่อนที่เสียงของทั้งคู่จะดังเข้าไปในหัวของตะวัน
“กรณ์คะ อย่าทำอย่างนี้เลย ถ้าเกิดใครมาเห็นเข้าจะไม่ดีนะ”หญิงสาวหยุดชายหนุ่มที่กำลังโน้มหน้าเข้ามาใกล้
“ไม่มีใครมาเห็นหรอกน่าพีช คุณก็รู้นี่นาว่าผมต้องการคุณมากขนาดไหน อย่าให้ผมต้องรออีกเลยน่าที่รัก”ปกรณ์เอียงหน้าเข้าไปใกล้อีกครั้ง ขณะที่พีชพยามยามดันตัวออกห่างแล้วเอียงหน้าหลบไปอีกด้าน
“ยังไม่ใช่ตอนนี้ค่ะ สัญญากันแล้วไม่ใช่เหรอคะว่าเมื่อไหร่ที่คุณบอกเลิกกับตะวันฉันจะยอมคุณทุกอย่าง”ชื่อของตะวันทำให้ปกรณ์ชะงักไปนิดหนึ่ง ลึกๆแล้วปกรณ์เองก็เสียดายสาวน้อยน่ารักคนนั้น กะว่าชวนไปกินข้าวอีกไม่กี่ครั้งก็คงจะยอมเป็นผู้หญิงของเขาเหมือนคนอื่นๆที่ผ่านมา
“ผมสงสารตะวัน ไม่อยากทำให้เสียใจ ของเวลาผมอีกซักพักได้ไหม นี่เจอกันคราวที่แล้วผมก็เริ่มเกริ่นๆให้ห่างๆกันบ้างแล้วนะ”ปกรณ์พูดโกหกเอาตัวรอดไปก่อน ทั้งๆที่เจอกันคราวที่แล้วเขาเพิ่งบอกรักสาวน้อยผมยาวที่ชื่อตะวัน ก่อนจะบอกให้เจ้าหล่อนกลับไปคิดเรื่องคบกันเป็นแฟน คาดว่าเด็กตะวันคนนั้นคงกลับไปฝันหวานถึงนายปกรณ์อีกหลายคืนเลยล่ะ
“จริงเหรอคะอย่าให้พีชจับได้นะว่าโกหก คุณอย่าลืมสิคะว่าพีชกับตะวันเป็นเพื่อนกัน เรื่องง่ายๆแค่เนี้ยถามไม่กี่คำพีชก็รู้หมดแล้วว่าคุณกับตะวันแอบไปทำอะไรกันมาบ้าง”
“ผมไม่โกหกคุณหรอกน่า ก็แค่ค่อยๆพูดอย่างที่คุณขอไว้ไงแต่เรื่องแบบนี้มันต้องใช้เวลาหน่อย ไม่งั้นเดี๋ยวไม่เป็นไปตามแผนคุณนะจ๊ะที่รัก”
“แผนของพีช” ตะวันที่รับฟังจนหูอื้อตาลาย พึมพำจนแทบไม่มีเสียง ก่อนจะได้ยินคนที่เธอคิดว่าเป็นเพื่อนมาตลอดพูดต่อ
“จริงๆนะคะ”สาวสวยเอียงหน้าไปหอมแก้มเบาๆ เป็นการให้รางวัลก่อนจะงับหูชายหนุ่มเบาๆแล้วกระซิบเสียงไม่เบานักให้ปกรณ์ที่กำลังงงกับท่าทีสาวสวยที่เปลี่ยนจากแมวน้อยเป็นนางแมวป่ากะทันหัน
“คุณคงรู้ใช่ไหมคะว่าระหว่างพีชคนนี้ กับตะวันที่แสนจะจืดชืดคนนั้นใครคือคนที่จะให้ความสุขกับคุณได้มากกว่ากัน”ไม่พูดเปล่าสาวเจ้ายังไล้มือวนไปรอบอกให้ชายหนุ่มได้รุ่มร้อนขึ้นมาทันที ก่อนจะผละออกอย่างไม่ใยดี
“พีชให้เวลาคุณอีกหนึ่งอาทิตย์เท่านั้นนะคะ ถ้าคุณไม่เลิกกับตะวัน เรื่องของเราก็จบกัน”
ปกรณ์ถอนใจอย่างเสียดายบรรยากาศเมื่อกี้ ก่อนตอบสาวสวยที่ทำท่าเหมือนกับรู้อยู่แล้วว่าตัวเองเป็นต่อ
“คุณก็รู้อยู่แล้วนี่น่าว่าในใจของปกรณ์คนนี้มีแต่พีชเท่านั้น ตะวันคนนั้นก็แค่ทางผ่าน แต่แค่อาทิตย์เดียวถ้าเกิดตะวันดันรู้ซะก่อนล่ะว่าคุณกับผมคบกันอยู่”
“ตะวันไม่มีทางรู้จากปากพีชแน่นอน และคุณก็อย่าพลาดไปบอกให้ตะวันรู้ด้วย บอกแค่ว่าคุณมีคนอื่นหรือไม่ก็เราไปกันไม่ได้อะไรอย่างนั้นแบบที่คุณชอบใช้ก็พอ ที่เหลือปล่อยให้พีชจัดการกับตะวันเอง แล้วอย่าติดต่อกับตะวันอีก”พีชพูดด้วยประกายตาวาววับ
“แล้วเรื่องหลังจากนั้นล่ะ เรื่องของเราไงจ๊ะที่รัก”ปกรณ์พูดต่อโดยไม่สนใจแววตาที่เปลี่ยนไปของคนตรงหน้า
“พีชจะติดต่อไปเอง กรณ์ก็รู้นี่คะว่าพีชยังไม่อยากผิดใจกับเพื่อน ให้พีชกล่อมยัยตะวันให้เข้าใจเรื่องของเราก่อน รับรองค่ะว่าแป๊บเดียว ตะวันซื่อจะตาย พีชพูดอะไรก็เชื่อหมดแหละ แค่นี้ความรักของเราก็จะหมดอุปสรรค และคุณก็จะได้ทุกอย่างที่สัญญากันไว้ไงค่ะ”สาวสวยกลับมาส่งสายตาหวานให้ปกรณ์เหมือนเดิม
“ก็ได้แล้วอีกหนึ่งอาทิตย์ผมจะมาทวงคำตอบจากคุณ แล้วก็อย่าลืมคิดถึงผมบ้างนะครับ” ปกรณ์กุมมือของพีชขึ้นจุมพิษอย่างอ้อยอิ่ง ก่อนจะขอตัวลากลับ
พีชถอนใจยาวอย่างโล่งอกเมื่อเห็นปกรณ์เดินลงลิฟท์ไปแล้ว ก่อนจะสะดุดใจเมื่อไขกุญแจห้อง
“ทำไมประตูถึงไม่ได้ล็อค เมื่อวานก็ปิดเรียบร้อยแล้วนี่นา หรือว่า.....”คิดได้แค่นั้นพีชก็รีบผลักประตูห้องเข้าไป แล้วสิ่งที่เธอกลัวก็เกิดขึ้นจริงๆ เมื่อมองเห็นตะวันที่ยืนหน้าซีดไม่มีสีเลือด กำลังมองมาที่เธออย่างตัดพ้อ
“ตะวัน กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง”พีชที่เกือบจะหาเสียงตัวเองไม่เจอ พูดขึ้นมาในที่สุด ในใจตอนนี้หวังแค่เพียงตะวันจะไม่เห็นไม่ได้ยินสิ่งที่เธอพูดเมื่อครู่ แต่ก็รู้ว่าคงหมดหวังเมื่อเห็นสีหน้าของเพื่อนที่อธิบายทุกอย่างจนหมด
“มันไม่ใช่อย่างที่ตะวันคิดนะ ฟังพีชอธิบายก่อน”พีชค่อยๆเอื้อมมือไปจับมือตะวันที่เห็นอยู่ตรงหน้า นั่นทำให้ตะวันเริ่มรู้สึกตัว รีบสะบัดมือคนเป็นเพื่อนทิ้ง
“ตะวันฟังพีชก่อนนะ ที่ตะวันเห็นนะมันเป็นแค่....”
“แค่อะไร แค่แผนของพีชที่นึกสนุกจับเพื่อนแต่งตัวเป็นตุ๊กตาบาบี้ เพื่อให้นายปกรณ์นั่นมาจีบ ก่อนที่จะให้เขี่ยตะวันทิ้ง เพื่อจะได้ไปหัวเราะกันสองคน ที่เห็นคนโง่อย่าตะวันหลงเชื่ออย่างหัวปักหัวปำน่ะเหรอ”ตะวันพรั่งพรูสิ่งที่เข้าใจขึ้นมาตั้งแต่ได้ยินพีชกับปกรณ์คุยกันทั้งน้ำตา แล้วเดินไปหยิบกระเป๋าเดินทางที่ยังไม่ได้รื้ออะไรออกตั้งแต่กลับมา
พีชที่เริ่มเดาได้ว่าตะวันกำลังจะทำอะไรรีบวิ่งไปขวางที่ประตู
“มันไม่ใช่อย่างที่ตะวันคิดทั้งหมดหรอกนะ ถ้าตะวันฟังพีชพูดแล้วตะวันจะเข้าใจว่าที่พีชทำไปทั้งหมดก็เพราะว่าพีชหวังดีกับตะวัน”
“หวังดี”ตะวันทวนคำพูดของคนที่เคยเชื่อใจที่สุดอย่าขมขื่น
“เก็บความหวังดีบ้าๆของเธอไปให้คนอื่นเถอะ อ๋อหรือคิดว่าคนซื่ออย่างตะวันพูดแค่ว่าหวังดีแค่นี้ ก็จะโง่อยู่ต่อให้เธอกับนายนั่นหลอกซ้ำแล้วซ้ำอีกนะเหรอ”ตะวันพูดอย่างเจ็บปวด ก่อนจะเดินผ่านพีชที่ยืนอยู่หน้าประตูอย่างไม่ใยดี
“ตะวันจะไปไหน บอกพีชก่อนได้ไหม ให้พีชไปส่งก็ได้”พีชพยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบ เมื่อมองไม่เห็นทางจะรั้งตะวันไว้ได้
ตะวันที่ได้ยินหันมามองคนที่เคยคิดว่าเป็นเพื่อนเป็นครั้งสุดท้ายเหมือนมองอากาศธาตุแล้วเดินออกห้องไป
แค่นั้นแค่ตะวันทำเหมือนเธอไม่อยู่ในสายตา ก็ทำให้พีชเจ็บยิ่งกว่าถูกตบ ก่อนจะคุมอารมณ์ได้ตะโกนตามหลังตะวันด้วยความเชื่อมั่นที่มีแต่เดิม
“เธอไม่มีทางหนีฉันไปได้ตะวัน แล้วเธอจะรู้ว่าไม่มีใครหวังดีกับตะวันเท่ากับพีชอีก สักวันตะวันจะต้องกลับมาหาพีชแน่ๆ”คำสุดท้ายเจ้าตัวพูดออกมาอย่างมั่นใจ แม้จะเห็นว่าคนที่เดินจากไปจะไม่หันกลับมาอีกเลยก็ตาม
ตะวันออกมาจากคอนโดได้ ก็เดินใจดุ่มมาเรื่อยๆอย่างไม่รู้ทิศทาง กว่าจะใจเย็นลงก็เดินจนเมื่อยขาแล้วต้องมายืนเคว้งอยู่ที่ถนนโดยไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน
“ก่อนอื่นก็หาที่พัก แล้วจะไปพักที่ไหนล่ะ” สำหรับตะวันแล้วพีชเป็นเพื่อนสนิทคนเดียวที่มีอยู่ นอกจากนั้นแล้วตะวันก็ไม่มีใครที่ไหนที่สนิทใจมาพอจะไปขอพักด้วยได้ แล้วเรื่องที่เกิดขึ้นมันก็เร็วมากทำให้ตะวันไม่รู้จะทำยังไงต่อไป อีกอย่างตอนนี้ตะวันเองก็ยังไม่พร้อมจะเจอใครที่รู้จัก ไม่อยากที่จะพูดเรื่องที่เกิดขึ้นให้ใครฟัง งั้นก็ไปที่ไหนก่อนก็ได้ที่ๆไกลจากสองคนนั่นมากที่สุด ตะวันคิดก่อนจะตัดสินใจขึ้นรถเมล์ที่เพิ่งจะมาจอด
“สุดสาย”ตะวันบอกกระเป๋ารถเมล์ที่เดินมาถึง
“สายใต้22”กระเป๋ารถเมล์บอกราคาตั๋วให้ตะวัน ที่เพิ่งนึกได้ว่ายังหากระเป๋าตังค์ไม่เจอต้องรีบควานหาเศษเงินที่พอจะมีติดอยู่บ้างในกระเป๋ากางเกงจ่าย
สายใต้เหรอ...จำได้เลาๆว่าก่อนลาพักร้อนกลับบ้าน โปรดิวส์เซอร์สั่งให้หาข้อมูลเกาะต่างๆในไทยที่น่าสนใจเพื่อเป็นข้อมูลในการถ่ายรายการสารคดีเทปหน้า แล้วชื่อเกาะๆหนึ่งก็โดดเด่นขึ้นมาในความทรงจำของตะวัน
ความคิดเห็น