ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    โจโฉ เล่าปี่ ดีหรือชั่ว

    ลำดับตอนที่ #1 : พลีชีพเพื่อชาติ

    • อัปเดตล่าสุด 8 พ.ค. 51


    ในสมัยพระเจ้าเลนเต้ ครองราชย์มิได้ทำตามอยู่โบราณราชประเพณี จึงทำให้ราชการแผ่นดินที่มีมาได้แปรผันไป เกิดการก่อขบถ ปล้นสะดมทั่วทุกหัวระแห่ง เตียวก๊ก เตียวโป้ เตียวเหลียง ปลุกระดมไพร่พลก่อขบถโจรโพกผ้าเหลือง
    ครั้นต่อมาพระเจ้าเลนเต้ตาย จึงแต่งตั้งรัชทายาท หองจูเปียนขึ้นบังลังก์แทนต่อมาตั๋งโต๊ะทหารหัวเมืองกำเริบสืบสานปลดหองจูเปียนออกและแต่งตั้งหองจูเหียบขึ้นครองราชย์แทนด้วยวัยเพียง 9 พรรษา ใช้พระนามพระเจ้าเหี้ยนเต้และตั้งตนเองเป็นพระมหาอุปราชคอยบงการควบคุมทุกอย่างหมดสิ้น ทำการหยาบช้าต่าง ๆ นานาจนเป็นที่เกลียดชังของคนทุกใต้หล้า  ฝ่ายขุนนางผู้ภักดีจึงรวมคนปรึกษาต่อต้านตั๋งโต๊ะ โจโฉทหารผู้น้อยเป็นหนึ่งในนั้นด้วยและอาสาลอบตัดหัวตั๋งโต๊ะด้วยตนเองเพียงลำพังเพื่อกอบกู้ราชวงค์ฮั่น เขายอมก้มหัวให้กับตั๋งโต๊ะจนเป็นทหารคนสนิทแล้วค่อยคิดทำการลอบฆ่าตั๋งโต๊ะแต่ไม่สำเร็จจึงต้องหนีไปซึ่งจะเห็นได้ว่าเขายอมสละยคฐาบรรดาศักดิ์ รึแม้แต่ชีวิตตัวเองเพื่อทำการใหญ่ จากความรักชาติ จนกระทั่งหนีหัวซุกหัวซุนกลายเป็นผู้ร้ายของแผ่นดิน ต่อมาเขาถูกจับกุมตัวได้โดยนายอำเภอ ตันก๋ง นายอำเภอคนนี้นับว่าเป็นคนมีคุณธรรม ยอมสละสินบนนำจับเป็นเงินมหาศาลและกระทั่งตำแหน่งนายอำเภอ ติดตามโจโฉกลับบ้านเกิดเพื่อขายทรัพย์สินเป็นทุนในการระดมคน สมทบกับอ้วนเสี้ยวต่อต้านตั๋งโต๊ะ ระหว่างทางโจโฉได้ไปพักที่บ้านของแป๊ะเฉียเกลอของบิดาเหตุการณ์ตอนนี้ในหนังสือฉบับเจ้ายาคลังหนกล่าวไว้ว่า
    ครั้นมาได้สามวันถึงบ้านแห่งหนึ่ง โจโฉจึงบอกแก่ตันก๋งว่า เวลาก็เย็นแล้ว บ้านนี้เกลอของบิดามีอยู่คนหนึ่งชื่อว่าแปะเฉีย เราจะเข้าไปอาศัยนอน จะได้ถามเหตุการณ์ทั้งปวงด้วย แล้วโจโฉก็พาตันก๋งเข้าไปหาแปะเฉีย แปะเฉียเห็นโจโฉจึงบอกว่า บัดนี้มีหนังสือรับสั่งมาแต่เมืองหลวงว่า ให้จับตัวท่านส่งขึ้นไปแลโจโก๋บิดาของตัวนั้นก็หนีออกไปอยู่เมืองตันลิวแล้ว โจโฉจึงเล่าเนื้อความแต่หลังให้แปะเฉียฟังสิ้น ข้าพเจ้าจึงได้รอดชีวิตเพราะตันก๋ง แปะเฉียได้ฟังดังนั้นจึงว่าแก่ตันก๋งว่า ขอบใจท่านมีกตัญญูต่อแผ่นดิน ถ้ามได้ท่านโจโฉก็ตาย ท่านจงพากันนอนอยู่ที่นี่เถิด ต่อเวลาพรุ่งนี้เช้าจึงค่อยไป แล้วแปะเฉียก็เข้าไปในเรือนสั่งแก่พ่อครัวว่าให้ทำสุกรแลไก่ แล้วก็กลับออกมาบอกแก่โจโฉว่า สุราที่เรือนนี้ไม่มีดี เราจะไปจัดหาสุราที่ดีมาให้กิน ว่าแล้วก็ออกไป ผ่ายพื่อครัวจึงถามกันว่า เราจะมัดก่อนหรือจะฆ่าทีเดียว โจโฉได้ยินว่าดังนั้นก็กริ่งใจ จึงปรึกษากับตันก๋งว่า แปะเฉียนี้เป็นแต่เกลอของบิดา เห็นจะไปบอกนายบ้านให้มาจับเรา จึงสั่งไว้แก่คนที่เรือน คนที่เรือนจึงว่าจะมัดก่อนหรือจะฆ่าทีเดียว ตันก๋งจึงว่าเราไม่รู้จักน้ำใจแปะเฉีย จะประมาณการนั้นไม่ได้ โจโฉจึงว่าเอามันไว้ไม่ได้ก็ชักกระบี่ออกแล้วก็เข้าไปฟันผู้คนบุตรภรรยาแปะเฉียตายถึงแปดคน ตันก๋งเหลือบไปเห็นสุกรที่เขามัดไว้ก็ตกใจ จึงว่าเขามัดสุกรไว้เขาจะฆ่าต่างหาก ท่านมาฆ่าผู้คนบุตรภรรยาแปะเฉียเสียนั้นผิดนัก โจโฉก็กลัวจึงพาตันก๋งหนีออกจากบ้าน ครั้นไปประมาณยี่สิบเส้นพอพบแปะเฉีย แปะเฉียถามว่าไม่อยู่กินข้าวจะไปไหนเล่า โจโฉตอบว่าข้าพเจ้าเป็นคนผิดอยู่ จะรีบไปให้พ้นภัย ก็ขับม้าไปแล้วก็คิด จึงกลับม้ามาเรียกแปะเฉีย ว่าจะสั่งความไว้แปะเฉียก็หยุดอยู่ โจโฉมาถึงเอากระบี่ฟันแปะเฉียตาย ตันก๋งเห็นดังนั้นก็ยิ่งตกใจเป็นอันมาก จึงว่าแก่โจโฉว่า เมื่อกี้ท่านฆ่าบุตรภรรยาบุตรเขาเสียแล้วบัดนี้ซ้ำมาฆ่าตัวแปะเฉียตายอีกเล่า โจโฉจึงตอบว่า เมื่อกี้เราคิดผิดอยู่แล้ว ครั้นจะละไว้แปะเฉียก็จะโกรธไปบอกนายบ้าน นายบ้านก็จะคุมกันมาตามจับเราส่งขึ้นไปเมืองหลวง เจาจึงซ้ำฆ่าแปะเฉียเสียหวังจะให้เนื้อความสูญหายไป
    ลองคิดทบทวนบทข้างบนดูนะครับ โจโฉตัดสินใจเข้ามาพักบ้านแปะเฉียแสดงให้เห็นว่าเขามีความไว้ใจแปะเฉียคนนี้อยู่ไม่น้อยไม่อย่างนั้นเขาคงพักตามป่าตามเขาเพื่อปกปิดร่องรอย อย่างน้อยก็ไม่มีใครรู้ที่อยู่ พอถึงที่บ้านโจโฉได้เล่าเนื้อความแต่หลังให้แปะเฉียฟังจนหมดยิ่งเป็นการยืนยันว่าเขาทั้งสองรู้จักและไว้ใจกันเป็นอย่างดีถึงขนาดที่แป๊ะเสียรู้ว่าโจโฉหนีคดีมาก็ยังวางใจให้พักพิง จึงไม่มีเหตุจำเป็นอันใดเลยที่โจโฉจะระแวงแปะเฉีย ถึงแม้โจโฉจะได้ยินพ่อครัวถามกันว่า เราจะมัดก่อนหรือจะฆ่าทีเดียวก็ตามแต่สิ่งที่ได้ยินนั้นล้วนเกิดขึ้นที่ครัวโจโฉจะคาดเดาไม่ออกเชียวเหรอว่าเขาน่าจะทำอะไรกันในครัว ถึงจะฉุกคิดได้ว่าอาจเป็นการปองร้ายจริง ๆ ก็น่าจะหยุดฟังต่อให้แน่ใจ รึหากโจโฉได้ยินเสียงหมูร้องขณะโดนมัดก็คงไม่เกิดเรื่องแถมยังต้องหน้าแตกต่อหน้าตันก๋งอีก อ้าวนี่ !ที่เราอุตสาห์พูดเป็นตุเป็นตะมาที่แท้ก็มัดหมูเองเหรอ ว้า ! หน้าแตกเลยเรา เพราะพ่อครัวก็ถามกันว่า เราจะมัดก่อนหรือจะฆ่าดีแสดงให้เห็นแล้วว่ายังไม่ได้มัด ที่บ้านผมแม่ผมก็เลี้ยงหมูไว้ขายเหมือนกัน เวลามีพ่อค้ามาซื้อจำต้องมัดไว้เพื่อจับตัวเสียงร้องของมันอย่าให้บอกเลยครับได้ยินไปไกล 2 – 3 บ้านเลยทีเดียว และก็บังเอิญจริง ๆที่โจโฉมาได้ยินประโยคนี้เข้าพอดิบพอดีเหมือนนัดกันไว้ ทำไมไม่คุยกันว่าลาบปากละคราวนี้หมูอ้วน ๆขาวเอามาทำลาบล่ะเด็ดอย่าบอกใคร แซบหลายแน่คราวนี้ เรามาดูแป๊ะเฉียกันบ้าง แป๊ะเฉียมีสมาชิกภายในบ้านแปดคนรวมบุตรภรรยามีพ่อครัวและน่าจะมีคนรับใช้อื่น ๆ อีกหนึ่งถึงสองคน( เพราะไม่ได้ระบุว่าใครเป็นใครไว้ชัดเจน ) แสดงให้เห็นว่าแปะเฉียค่อนข้างมีฐานะพอตัวแล้วทำไมการที่ต้องออกไปซื้อสุราข้างนอกยามเย็นใกล้มืดแบบนั้นถึงไม่ให้คนหนุ่มหรือคนรับใช้ในบ้านไปแทน เพราะหากแปะเฉียอยู่บ้านเรื่องเช่นนี้ก็คงไม่เกิดขึ้นแน่นอนเพราะอย่างน้อยโจโฉก็ให้ความเกรงใจไว้ใจแปะเฉียอยู่ไม่น้อยถึงแม้จะระแวงคำกล่าวของพ่อครัวก็น่าจะปรึกษาแปะเฉียเพราะคิดว่าพ่อครัวเหล่านั้นคิดไม่ซื่อรึหากคิดระแวงแปะเฉียด้วยจริง ๆ ก็คงต้องขอตัวจากไปก่อนโดยเร็วไม่ฆ่าทั้งบ้านแบบนี้เพราะยังไงแปะเฉียก็เป็นเกลอของบิดา ซึ่งโจโฉก็ต้องให้ความเคารพเช่นเดียวกับบิดาเช่นกัน และที่หน้าแปลกยิ่งกล่านั้นคือหลังจากโจโฉฆ่าคนทั้งครอบครัวรวมทั้งแป๊ะเฉียเพราะกลัวแปะเฉียแค้นและเอาผิดตน แล้วนายอำเภอตันก๋งละรู้แผนล่วงหน้าของโจโฉหมดว่าจะทำอะไร ล่วงหน้าไปไหน คิดสมทบกับใคร กลับถูกโจโฉปล่อยไปง่ายๆ ไม่หน้าแปลกใจบ้างหรือ ถ้าโจโฉเป็นคนโหดเหี้ยมขี้ระวางจริงๆคงต้องฆ่าตันก๋งด้วยแล้วล่ะไม่ใช่ปล่อยไปดื่อ ๆ แบบนี้หรอกถึงแม้จะบอกว่าตันก๋งแอบหนีไปตอนที่โจโฉหลับอยู่ก็ตาม แต่ระหว่างทางนั้นตันก๋งก็มิได้พูดคุยกับโจโฉแม้สักคำเดียว เพียงแค่นี้ก็คงทำให้โจโฉรู้สึกได้แล้วว่าตันก๋งมีใจออกห่าง และคงต้องฆ่าตันก๋งไปแล้วเพระยังไงโจโฉถ้าระแวงใครก็ฆ่าก่อนเลือกศพมาไต่สวนอยู่แล้วไม่ใช่รึ
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×