ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รอบรู้...ไม่เสียหาย (เสื่อมสลายแล้ว)

    ลำดับตอนที่ #95 : ยุคห้าราชวงศ์สิบอาณาจักร (ค.ศ. 907-960)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 219
      0
      5 มิ.ย. 51

    ยุคห้าราชวงศ์ สิบอาณาจักร

    ตอนปลายราชวงศ์ถังมีการก่อกบฎประชาชนตามชายแดน ขันทีครองอำนาจบริหารบ้านเมืองอย่างเหิมเกริม มีการแย่งชิงอำนาจกัน แม่ทัพจูเวิน (จูเฉวียนจง) สังหารขันทีทรงอำนาจในราชสำนัก แล้วสถาปนาตนเป็นจักรพรรดิ ทำให้ราชวงศ์ถังสิ้นสุด บรรดาหัวเมืองต่างๆมีการแบ่งอำนาจกันเป็นห้าราชวงศ์ สิบอาณาจักร คือ ราชวงศ์เหลียง ถัง จิ้น ฮั่น และโจว โดยปกครองแถบลุ่มน้ำฮวงโหติดต่อกันมาตามลำดับ ส่วนเขตลุ่มแน่น้ำแยงซีเกียงกับดินแดนทางใต้ลงไปเกิดเป็นรัฐอิสระอีก 10 รัฐ รวมเรียกว่า สิบอาณาจักร การแบ่งแยกอำนาจปกครองยุคนี้ขาดเสถียรภาพ ชีวิตของประชาชนเต็มไปด้วยความลำบากยากแค้น ต่อมา เจ้าควงอิ้น ผู้บัญชาการทหารองครักษ์ชิงอำนาจจากราชวงศ์โจวตั้งตนสถาปนาราชวงศ์ซ่งหรือซ้องเป็น พระเจ้าซ่งไท่จู่ แล้วปราบปรามรวมอาณาจักรเรื่อยมา จนกระทั่งพระเจ้าซ่งไท่จง ผู้สืบทอดราชบัลลังก์ปิดฉากสภาพการแบ่งแยกดินแดนทั้งหมดลงสำเร็จโดยใช้เวลาเกือบ 20 ปี

     อาณาจักรเหลียว

    เผ่าชีตานเป็นชนกลุ่มน้อยกลุ่มหนึ่ง อาศัยอยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน ต้นคริสต์ศตวรรษที่ 10 ชนเผ่าชีตานรวมตัวเป็นอาณาจักรขึ้น ใช้ระบบการปกครองแบบชาวฮั่นและประดิษฐ์อักษรใช้เอง ต่อมาได้ครอบครองเขตปกครองเยียนและอวิ๋น 16 ท้องที่ จึงเปลี่ยนชื่อเป็นอาณาจักรเหลียว มีการพัฒนาบ้านเมืองและกองทหารเข้มแข็งขึ้นตามลำดับ ถือเป็นศัตรูสำคัญของอาณาจักรซ่งหรือซ้องเหนือในเวลาต่อไป

     อาณาจักรซีเซี่ย

    ซีเซี่ย เป็นชนรุ่นหลังของเผ่าเชียงซึ่งรวบรวมตัวกันเป็นอาณาจักรซีเซี่ย รัชสมัยพระเจ้าซ่องเหรินจง ซีเซี่ยมีอาณาเขตตั้งอยู่ทางตะวันตกของอาณาจักรซ้องหรือซ่ง นักประวัติศาสตร์เรียกว่า ซีเซี่ย (เซี่ยตะวันตก) หลังจากตั้งอาณาจักรได้แล้ว ผู้นำชนเผ่ามีแนวคิดขยายอาณาเขตให้กว้างขวาง จึงทำศึกกับแผ่นดินซ้องหรือซ่งหลายครั้ง ทหารซ้องมักพ่ายแพ้เป็นประจำ ทำให้ยึดดินแดนจีนได้มาก

    ด้วยการทำศึกเป็นประจำส่งผลกระทบต่อการค้าขายระหว่างกัน เสบียงอาหารจากแผ่นดินซ้องขาดชะงักบ่อยครั้ง สร้างความลำบากแก่ชาวซีเซี่ยและกองทหารอ่อนกำลังลง จึงเริ่มมีการเจรจาทางไมตรีกับราชสำนักซ้อง โดยซีเซี่ยยอมเป็นข้าราชบริพารของราชวงศ์ซ้อง ฝ่ายรัฐบาลซ้องส่งเงิน ผ้าไหม และใบชา ให้ซีเซี่ยเป็นของไมตรีทุกปี อันถือเป็นภาระหนักของแผ่นดินซ้องท่ามกลางความไม่มั่นคงของจีน

    อาณาจักรจิน

    อาณาจักรจินสร้างขึ้นโดยชนเผ่าหนี่ว์เจิน ( บรรพบุรุษของชาวแมนจู) มีหวันเหยียน อากู๋ต่า หรือชื่อที่รู้จักกันว่า ‘จินไท่จู่’ ผู้ครองอาณาจักรคนแรก เริ่มแรกสร้างเมืองหลวงอยู่ที่ฮุ่ยหนิง (ปัจจุบันอยู่ในเขตอำเภอไป๋เฉิง ทางตอนใต้ของเมืองอาเฉิง ในมณฑลเฮยหลงเจียง ) ต่อมาย้ายเมืองหลวงมาที่เมืองเยียนจิง (ชื่อเดิมของปักกิ่ง) และย้ายเมืองหลวงอีกครั้งมาที่ เปี้ยนจิง ( ปัจจุบันคือเมืองไคเฟิงในมณฑลเหอหนัน)

    นานมาแล้วบรรพบุรุษของชนเผ่าหนี่ว์เจินอาศัยอยู่อาณาบริเวณเทือกเขาฉางไป๋ซันและลุ่มแม่น้ำเฮยหลงเจียงเรื่องราวของชนเผ่าหนี่ว์เจินยังไม่เคยมีบันทึกในประวัติศาสตร์จนกระทั่งในสมัยห้าราชวงศ์ที่กล่าวว่า เป็นชนเผ่าที่อยู่ในการปกครองของชนเผ่าชี่ตัน แห่งอาณาจักรเหลียว

    เดือนกันยายน ปีค.ศ.1114 อากู๋ต่า หัวหน้าเผ่าหนี่ว์เจินนำกำลังเข้าต่อสู้แย่งชิงอำนาจจากพวกชี่ตันที่บริเวณริมฝั่งแม่น้ำ ที่ซึ่งปัจจุบันคือแม่น้ำลาหลินเหอเขตชายแดนมณฑลเฮยหลงเจียงติดกับจี๋หลิน หลังชัยชนะเหนือพวกชี่ตันสามารถล้มราชวงศ์เหลียวได้แล้วอากู๋ต่าก็รวบรวมชนเผ่าหนี่ว์เจินที่แยกเป็นกลุ่มๆทั้งหลายเข้าเป็นปึกแผ่นและสร้างอาณาจักรจิน ( แปลว่า ทอง)ขึ้นมาได้อย่างรวดเร็วในปีถัดมา แล้วตั้งตนเป็นกษัตริย์นามว่า ‘ไท่จู่’ ตั้งแต่นั้น อาณาจักรจินของชนเผ่าหนี่ว์เจินก็เจริญเติบโตเข้าสู่ยุคใหม่แห่งความยิ่งใหญ่

    อาณาจักรจินที่เข้มแข็งโดยการปกครองของกษัตริย์ ไท่จู่อากู๋ต่าเริ่มแผ่อำนาจและขยายอิทธิพลไปยังอาณาจักรต่างๆโดยเข้ารุกรานเมืองสำคัญๆของอาณาจักรเหลียวที่ขณะนั้นกำลังอ่อนแอ ได้แก่ เมือง ตงจิง (ปัจจุบันคือเหลียวหยังในมณฑลเหลียวหนิง) ซ่างจิง (อยู่ในมองโกเลียใน) จงจิง (เมืองในมองโกเลียใน) ซีจิง (ต้าถงในมณฑลซันซี) หนันจิง (ปัจจุบันคือปักกิ่ง)เมื่อเมืองทั้ง 5 แตก ราชวงศ์เหลียวก็ถึงกาลอวสาน หลังจากนั้นอาณาจักรจินที่กล้าแข็งได้ค่อยๆรุกรานต่อไปยังอาณาจักรซ่งเหนือจนในที่สุดกองทัพแห่งอาณาจักรจินก็ล้มล้างอาณาจักรซ่งเหนือได้สำเร็จในปีค.ศ.1127 ต่อมาก็ยังมีการรบพุ่งกับกองทัพแห่งอาณาจักรซ่งใต้อยู่หลายครั้ง แต่กำลังและอำนาจของทั้งสองฝ่ายก็ยังสูสีกัน

    ในขณะที่อาณาจักรจินและซ่งใต้มีอิทธิพลเคียงบ่าเคียงไหล่กันได้มีการเจรจาเพื่อสันติภาพ ด้านหนึ่งอาณาจักรจินก็ยึดซีเซี่ยมาเป็นรัฐสำคัญใต้การปกครองของตน อย่างไรก็ตาม การก่อตัวขึ้นของกองทัพมองโกลอดีตศัตรูเก่าก็เริ่มเป็นภัยคุกคามของอาณาจักรจินในเวลาต่อมา

    มีผู้วิเคราะห์ว่า อาณาจักรจินที่ตั้งอยู่ในวงล้อมของอาณาจักรมองโกลทางเหนือ ซีเซี่ยทางตะวันตก และซ่งใต้ทางตอนใต้ หนทางที่น่าจะเป็นคือ อาณาจักรจินจำต้องดำเนินยุทธศาสตร์เป็นมิตรกับซีเซี่ยและซ่งใต้เพื่อต่อต้านมองโกล

    กล่าวคือ การมีมิตรที่แน่นแฟ้นเช่นซ่งใต้ทำให้เป็นหลักประกันความปลอดภัยจากดินแดนทางใต้ และการเป็นพันธมิตรกับซีเซี่ยก็เท่ากับช่วยสกัดกั้นการเดินทัพลงใต้ของพวกมองโกล เช่นนี้แล้วอาณาจักรจินก็ไม่จำเป็นต้องพะวงต่อศึกด้านอื่น สามารถมุ่งความสนใจไปที่การเผชิญหน้ากับพวกมองโกลฝ่ายเดียว

    ทว่า อาณาจักรจินผู้มั่งคั่งและโอหังกลับโดดเดี่ยวตัวเอง ละทิ้งซีเซี่ย และมาทำศึกกับอาณาจักรซ่งใต้พร้อมๆกับงัดข้อกับพวกมองโกลในเวลาเดียวกัน ซึ่งเท่ากับเป็นการสร้างศัตรู 3 ด้านอย่างช่วยไม่ได้ ภายหลังเมื่อมองโกลบุกเข้าตีเมืองซีเซี่ย ซีเซี่ยได้ขอความช่วยเหลือไปยังอาณาจักรจินแต่กลับได้รับการปฏิเสธ ซีเซี่ยจึงจำต้องยอมศิโรราบให้กับพวกมองโกล เมื่อทั้ง 2 อาณาจักรรวมกำลังกันเข้าก็เดินทางมาบุกอาณาจักรจิน นั่นก็ทำให้ผู้ครองอาณาจักรจินถูกต้อนจนมุมเสียแล้ว

    เพื่อผ่องถ่ายความวุ่นวายจากการถูกโจมตีจากทางตะวันตกและภาคเหนือ อาณาจักรจินได้ย้ายเมืองหลวงไปที่เปี้ยนจิง และพยายามที่จะเอาชนะศึกทางใต้เพื่อชดเชยการสูญเสียจากศึกทางเหนือในการนี้ทำให้อาณาจักรจินได้เปิดช่องให้กับพวกมองโกลเข้าพิชิตชายแดนทางเหนือและเริ่มโจมตีอาณาจักร ซ่งใต้ อย่างไรก็ตามผลสำเร็จแทบไม่ได้ให้อะไรเลยการโอบล้อมจากทัพมองโกลและซ่งใต้ต่อมาค่อยๆทำให้อาณาจักรจินเสื่อมอำนาจลงและปราชัยให้กับข้าศึกในที่สุด

    ‘อาณาจักรทอง’ ปกครองโดยกษัตริย์ 9 พระองค์ รุ่งเรืองมาได้ 120 ปีก็เสื่อมอำนาจ ในช่วงเวลาแห่งความชีวิตชีวาอาณาจักรแห่งนี้เป็นที่อาศัยของประชากร 44.7 ล้านคน มีอาณาเขตกว้างใหญ่แผ่ขยายจากเทือกเขาซิงอันทางตอนเหนือจรดแม่น้ำหวยเหอทางตอนใต้ และกินดินแดนจากแนวชายฝั่งทะเลตะวันออกไปจรดส่านซีทางภาคตะวันตก

    กล่าวในแง่ระบบการเมือง การปกครอง การทหาร ตลอดจนด้านเศรษฐกิจของอาณาจักรจินนั้น มีความเปลี่ยนแปลงแตกต่างกันในช่วงต้นและปลายสมัย ในยุคที่เป็นการอยู่รวมกันแบบชนเผ่า อำนาจบริหารเป็นการร่วมกันปกครองโดยหัวหน้าเผ่าแต่ละเผ่ากับหัวหน้าสูงสุด แต่หลังจากที่มีการก่อตั้งเป็นอาณาจักรขึ้นมาแล้ว หัวหน้าเผ่าและหัวหน้าสูงสุดถูกแทนที่โดยคณะผู้บริหารระดับสูง 4 คนและภายหลังเพิ่มขึ้นเป็น 5 คน ที่จะกุมอำนาจการบริหารบ้านเมืองภายใต้กษัตริย์

    หลังจากที่อาณาจักรจินเอาชัยเหนือสงครามน้อยใหญ่ในการโจมตีเมืองในอาณาจักรเหลียวและเมืองชายแดนของอาณาจักรซ่งสำเร็จกษัตริย์แห่งอาณาจักรจินได้ซึมซับเอาระบบการทหารจากอาณาจักรเหล่านั้นรวบรวมเข้ามาพัฒนาเป็นระบบของตน ตั้งแต่กษัตริย์จินซีจง  และกษัตริย์จินไห่หลิง  ที่เริ่มเสนอให้มีการปฏิรูประบบการบริหารปกครองในอาณาจักรจินขึ้น เรื่อยมาจนถึงในสมัยของกษัตริย์จินซื่อจงระบบการปกครองของอาณาจักรจินก็พัฒนาปรับเปลี่ยนจนสมบูรณ์เป็นระบบเฉพาะตัวทั้งนี้มีศูนย์กลางการปกครองคล้ายรัฐบาลกลางที่ควบคุมดูแลการเมืองการปกครองในอาณาจักร ถัดลงมาเป็นหน่วยงานฝ่ายต่างๆ 6 ฝ่ายได้แก่ ฝ่ายประวัติศาสตร์ ฝ่ายงานประชาชน ฝ่ายพิธีการ ฝ่ายทหาร ฝ่ายตุลาการ ฝ่ายแรงงาน นอกจากนี้หน่วยปกครองในท้องถิ่นยังแบ่งย่อยลงไปเป็น 4 ลำดับขั้น

    ด้านระบบการทหารมีรากฐานมาจากระบบที่ใช้ในชนเผ่าหนี่ว์เจิน และมีการผสมผสานกับระบบของชนเผ่าชี่ตัน ป๋อไห่ เผ่าซี และชาวฮั่น ซึ่งมีระบบในองค์กรแบบง่ายๆ เน้นหนักไปที่กองทหารม้าในขณะเดียวกันก็มีการพัฒนาอาวุธไปด้วย กองทัพแห่งอาณาจักรจินประกอบด้วยทหารหลากหลายเชื้อชาติ มีทั้งที่เป็นทหารรับจ้างและทหารเกณฑ์ โดยมีเจ้าหน้าที่กลุ่มหนึ่งกินตำแหน่งสูงสุด ระบบนี้ได้รับการยอมรับและนำมาใช้ในราชวงศ์ต่อๆมาด้วย

    ด้านการเกษตร การหัตถกรรมและการค้ามีความรุ่งเรืองอย่างมาก ในแต่ละท้องที่ให้ดอกผลและมีส่วนส่งเสริมความเจริญก้าวหน้าด้านสังคมและเศรษฐกิจในระดับแตกต่างๆกัน

    ด้านวัฒนธรรม ถึงแม้ว่าประเพณีวัฒนธรรมบางอย่างของชาวหนี่ว์เจินจะได้รับการสืบทอดต่อมาพร้อมๆกับความรุ่งเรืองของอาณาจักรจิน ทว่า เมื่ออาณาจักรฮั่นยิ่งใหญ่ขึ้นมาแทน อาณาจักรจินถูกรวมเป็นปึกแผ่นกับอาณาจักรฮั่นในเวลาต่อมา วัฒนธรรมต่างๆก็ถูกกลืนหลอมรวมเข้ากับวัฒนธรรมฮั่นไปในที่สุด

    อาณาจักรจินล่มสลายในปีค.ศ.1234 ในปีที่ 2 แห่งรัชกาลเทียนซิง โดยการรุกรานของกองทัพพันธมิตรแห่งอาณาจักรมองโกลและซ่งใต้ .

    จากhttp://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A2%E0%B8%B8%E0%B8%84%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%A8%E0%B9%8C%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%93%E0%B8%B2%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A3

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×