ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Encyclopedia Earth

    ลำดับตอนที่ #95 : การล้างเผ่าพันธ์ยิว และ Schindler's list (ภาค 4 เหยื่อไม่ใช่แค่ชาวยิวเท่านั้นนะ)

    • อัปเดตล่าสุด 11 ต.ค. 52


    การล้างเผ่าพันธ์ยิว และ Schindler's list (ภาค 4 เหยื่อไม่ใช่แค่ชาวยิวเท่านั้นนะ)

    (ข้อมูลหลักผมเอามาจากhttp://en.wikipedia.org/wiki/Holocaust)

    ตามความเข้าใจของคนทั่วไปคือ เหยื่อของค่ายกักกันจะเป็นยิวเพียงกลุ่มเดียว อันนี้นับว่าเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน เพราะยังมีบุคคลหลายกลุ่มที่พวกนาซีถือว่าเป็นศัตรูและจำเป็นต้องกำจัดให้หมดไปจากโลกนี้ ก็ถูกส่งเข้าค่ายกักกันรวมกับชาวยิวและพบกับความหายนะเช่นเดียวกัน เช่น

    1. พวกคอมมิวนิสต์- แน่นอนว่าแนวคิดแบบ Fascism แบบนาซีต้องยืนอยู่ตรงกันข้ามกับพวกๆ นี้และฮิตเลอร์เป็นใหญ่มาได้ส่วนหนึ่งเพราะคำสัญญาที่จะกำจัดพวกบอลเชวิกออกไป สะใจชาวเยอรมันที่เกลียดคอมมิวนิสต์เข้าใส้
    นอกจากนี้ยังรวมไปถึง นักกิจกรรมทางการเมืองที่ไม่ได้เป็นพวกคอมมิวนิสต์ แต่อยู่ฝ่ายตรงกันข้ามกับนาซีสมัยนาซียังไม่เรืองอำนาจมากนัก

    2. พวกรักร่วมเพศ - ถึงแม้จะมีข่าวลือ(ทีหลัง)ว่าฮิตเลอร์เป็นเกย์ แต่พวกนาซีถือว่าพวกรักร่วมเพศไม่ว่าหญิงหรือชายเป็นสัญลักษณ์แห่งความเสื่อมทรามทางวัฒนธรรมและไม่อาจจะผลิตเชื้อสายอันบริสุทธิ์ของเผ่าอารยันได้ มีเรื่องจริงแบบโหดๆ ว่าหญิงคนหนึ่งซึ่งยังเป็น Fraulein (นางสาว) ถึงแม้อายุจะมากแล้วและไม่คบค้าสมาคมกับใครนักถูกตั้งข้อสงสัยจากเพื่อนบ้านว่าจะเป็นพวกเลสเบี้ยนไม่นานนักเธอก็โดนหิ้วปีกโดยพวกเกสตาโปออกจากบ้านและไม่มีใครเห็นเธออีกเลย คิดว่าคงจะตายในค่ายกักกันนี้

    3. พวกยิปซี - พวกชนเผ่าเร่ร่อน ทำให้วัฒนธรรมและเชื้อสายของชาวเยอรมันพลอยเปรอะเปื้อนไปด้วย

    4.คนพิการและคนสติไม่ดี - อาณาจักรไรซ์ที่สามย่อมต้องการคนที่มีเชื้อสายดี รูปร่างดี มีความสมบูรณ์ทั้งกายและใจ ความจริงพวกนาซีเล่นงานพวกนี้มาก่อนพวกยิวอีก โดยให้หมอฉีดยาให้ตายไปทีละคนแล้วส่งจดหมายไปแจ้งแก่ญาติมิตรว่า พวกเขาตายเพราะเหตุโดยธรรมชาติ

    5.ปัญญาชนเชื้อสายโปลิชและพวกเชื้อสายสลาวิก - ถึงแม้จะไม่ใช้ยิวแต่นาซีก็สร้างทฤษฎีความยิ่งใหญ่ทางเชื้อชาติ โดยให้ชาวโปลิชเป็นพวกกระจอกงอกง่อย ส่วนพวกปัญญาชนเป็นกลุ่มคนที่ไว้ใจไม่ได้ เลยถูกส่งเข้าค่ายกักกัน ส่วนชาวโปลิชที่ไม่ใช่ปัญญาชน ก็ต้องทำงานอย่างหนักเยี่ยงทาสเพื่ออาณาจักไรซ์ที่สาม ส่วนปัญญาชนที่มีเชื้อสายสโลวัก เช่น รัสเซีย และพวกยุโรปตะวันออก เช่นบัลแกเรีย เซิร์บ ที่อยู่ในประเทศที่เคยเป็นเมืองขึ้นของโซเวียต ก็ถูกส่งเข้าไปค่ายกักกันด้วยจำนวนไม่น้อย

    6. ทหารโซเวียตที่ถูกจับในสงคราม - ประมาณกันว่ามีทหารโซเวียตจำนวนห้าล้านนายถูกจับเป็นเชลยสงคราม (Prisoner of War) โดยทหารเยอรมันและท้ายสุด เหลือเพียงสองล้านนายเท่านั้น ซ้ำร้ายกว่านั้นเมื่อกองทัพแดงของโซเวียตเข้าไปปลดปล่อยชาวค่ายกักกัน เชลยชาวรัสเซียต้องหยุดความดีใจของตนไว้เมื่อพวกตนจะต้องถูกนำขึ้นศาลในฐานะทรยศต่อประเทศชาติ เพราะสตาลิน (คนที่เหี้ยมพอๆ กับฮิตเลอร์) ถือว่าทหารโซเวียตตัวจริงจะต้องไม่ยอมแพ้กับข้าศึก

    นอกจากนี้ผมเคยดูสาระคดี เห็นเชลยทหารโซเวียตยืนกันเป็นกลุ่มใหญ่ พวกผู้คุมที่เป็นเยอรมันขว้าง ขนมปังแบบสุ่มๆ เข้าไป ฝูงเชลยต้องแย่งกันจนแทบฆ่ากันตาย ดังนั้นจึงไม่น่าประหลาดใจว่าตอนช่วงท้ายของสงคราม ทหารโซเวียตจึงปฏิบัติต่อชาวเยอรมันทั้งทหารและพลเรือนแบบโหดเหี้ยม เพื่อเป็นการล้างแค้น ประมาณการว่าตอนที่กองทัพแดงเข้ายึดเยอรมันทางตะวันออกมีผู้หญิงเยอรมันสองล้านคนถูกข่มขืน และมีเป็นจำนวนมากฆ่าตัวตายเพราะทนอับอายไม่ไหว

    7. พยานแห่งพระยโฮวา (Jehovah's witness) หรือพวกที่เคร่งในศาสนาคริสต์ตามแบบของตัวเอง พวกนี้จะแอนตี้ไม่ยอมพวกนาซี เช่นไม่ยอมเข้าเกณฑ์ทหาร ถึงแม้พวกนี้จะยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง แต่การกระทำเช่นนี้ก็ทำให้พวกเขาถูกพวกนาซีมองว่าเป็นศัตรูทางการเมือง เลยถูกกำจัดอย่างต่อเนื่องเป็นเวลากว่าสิบปี ชาวเคร่งลัทธิร่วมหมื่นกว่าคนถูกส่งเข้าค่ายกักกัน แม้แต่พระที่เป็น Catholic หรือนักสอนศาสนาของ Protestant หากสอนให้ชาวเยอรมันคิดกระด้างกระเดื่องต่อนาซีก็ต้องถูกส่งไปค่ายกักกันเหมือนกัน

    8. พวกสมาพันธ์แรงงาน- พวกที่คิดกระด้างกระเดื่องต่อนาซี

    9. พวกอาชญากรรมคดีธรรมดาๆ- เช่นพวกลักเล็กขโมยน้อย พวกพ่อค้าในตลาดมืด จนไปถึงพวกฆาตรกร นักข่มขืน

    10.พวกที่ถูกพวกนาซีตีตราว่าเป็นศัตรูของรัฐ- ซึ่งก็อาจจะเป็นชาวเยอรมันตาดำๆ นี่แหละ มีเรื่องเล่าโหดๆ (อีกแล้ว)ว่า มีแม่บ้านชาวเยอรมันคนหนึ่งซึ่งเป็นมิตรที่ดีกับครอบครัวยิว ถูกจับเข้าค่ายกักกันจนตาย เพียงเพราะก่อนที่พวกยิวจะโดนกำจัด มีคนไปเห็นแกยืนคุยกับเพื่อนชาวยิวอยู่นานสองนาน นอกจากนี้ในเรื่อง Hitler: the Rise of Evil นักหนังสือพิมพ์นามว่า Fritz Gerlich ซึ่งฮิตเลอร์เคยจีบให้ช่วยเขียนเชียร์แต่ได้รับการปฏิเสธ ต่อมาเขาก็เขียนโจมตีฮิตเลอร์อย่างหนัก เมื่อฮิตเลอร์มีอำนาจก็ส่งพวก SAไปซ้อม จับเข้าค่ายกักกัน และถูกฆ่าตาย หลังจากนั้นทางคุกยังมีแก่ใจส่งแว่นตาเปื้อนเลือดไปให้เมียที่บ้านเพื่อประกาศการตายของสามีหล่อนอย่างไม่เป็นทางการ

    จำนวนผู้เสียชีวิตยังเป็นที่ถกเถียงกันแต่พอจะคาดคะเนจำนวนได้ดังต่อไปนี้

    พวกยิวประมาณ 5.1–6.0 ล้านคน รวมถึงพวกยิวที่มีเชื้อสายโปแลนด์ 3.0–3.5 ล้านศพ
    พวกโปลิชที่ไม่ใช้ยิว 2.5–3.5 ล้าน ศพ
    พวกยิปซี 200,000–800,000 ศพ
    พวกพิการ 200,000–300,000 ศพ
    พวกรักร่วมเพศ 10,000–25,000 ศพ
    พวกJehovah's Witnesses 2,000 ศพ

    หากเราดูหนังเรื่อง Shining Through (1992) ที่แสดงโดยลุงMichael Douglas และป้า Melanie Griffith ซึ่งนางเอกเป็นอเมริกันเชื้อสายยิวเยอรมันถูกส่งไปที่เยอรมันเพื่อล้วงความลับทางการทหารและได้ไปเป็นพี่เลี้ยงเด็ก ของนายทหารเยอรมันคนหนึ่ง (แสดงโดย Liam Neeson)ที่เก็บแปลนของระเบิดนิวเคลียร์ไว้ แล้วสุดท้ายเธอเพิ่งมารู้ว่าหญิงสาวที่แสนใจดีซึ่งคอยช่วยเหลือเธอ ที่แท้จริงเป็นสายลับสองหน้าซึ่งต้องการส่งเธอไปตรวจสอบว่า นายทหารเยอรมันคนนั้นยังภักดีต่ออาณาจักรไรซ์หรือไม่ อันแสดงให้เห็นว่า

    1. เข้าใจว่าหนังต้อง Base on the truth story ในด้านข้อเท็จจริงของเยอรมันอยู่มาก จึงพอจะสรุปได้ว่าในเยอรมันช่วงฮิตเลอร์นี้ ไม่มีใครนอกจากฮิตเลอร์จะปลอดภัยจากการถูกกล่าวหาว่าเป็นศัตรูของรัฐ (Enemy of the state) เลยแม้แต่คนเดียว แม้แต่ Himmler Goering Speer หรือผู้นำระดับสูงคนอื่นๆ อาจจะโดนอีกฝ่ายเล่นงาน (เพราะความอิจฉา) และผลลัพธ์ที่ได้คือการยิงเป้า หรือแขวนคอ หรืออาจจะถูกส่งไปค่ายกักกันให้อนุมานว่า น่าจะมีนายทหารระดับค่อนข้างสูงหลายคนถูกส่งไปค่ายกักกันบ้างเหมือนกัน แต่ส่วนใหญ่จะสำเร็จโทษเสียก่อน

    2. ไม่มีใคร (ยกเว้นฮิตเลอร์)ที่จะปลอดภัยจากการถูกล้วงความลับโดยเกสตาโป พวกสายลับอื่นๆ ในเยอรมัน ดังนั้นคนเยอรมันจึงจำเป็นต้องสงบปาก สงบคำ ห้ามด่าฮิตเลอร์ และนาซี ห้ามฟังวิทยุจากต่างประเทศ นอกจากนี้เพื่อนบ้านยังเป็นหูเป็นตาสอดส่องซึ่งกันและกัน ดังเช่น Fraulein ผู้แสนโชคร้ายคนนั้น เยอรมันในช่วงนาซีเรืองอำนาจจึงเป็น ยุคแห่งความน่าสะพึงกลัว ( Reign of Terror) หรือ รัฐตำรวจ (Police State) โดยมีค่ายกักกันเป็นเครื่องมือลงโทษที่ร้ายแรงยิ่งกว่ายิงเป้าหรือแขวนคอเสียอีก

    (วิธีการสังหารอีกแบบหนึ่งของพวกนาซีคือยิงหัวเหยื่อทีละคนๆ แล้วให้ตกลงหลุมก่อนฝัง ดูดวงตาของเหยื่อแล้วสงสัยว่า เขากำลังคิดอะไรอยู่)


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×