ลำดับตอนที่ #276
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #276 : อีริค ฟอน แมนสไตน์ ขุนพลนาซีเยอรมัน
อีริค ฟอน แมนสไตน์ ขุนพลนาซีเยอรมัน
(Field Marshal Erich Von Manstein)
อัจฉริยะการสงครามในสงครามโลกครั้งที่ 2
จาก http://www.geocities.com/saniroj
โดย พันเอก ศนิโรจน์ ธรรมยศ
-------------------------------------------
อีริค ฟอน แมนสไตน์ เกิดเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 1887 ในกรุงเบอร์ลิน สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยของเยอรมันในปี 1906 และเข้าทำการรบในสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการรบในสมรภูมิซอมม์อันลือชื่อ (the battle of Somme)
และเมื่อสงครามโลกครั้งที่สองเปิดฉากขึ้น แมนสไตน์ ได้รับแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าฝ่ายเสนาธิการกองทัพกลุ่ม A ของจอมพล เกิร์ด ฟอน รุดชเท็ด (Gerd von Rudstedt) ในการรบที่โปแลนด์
นักประวัติศาสตร์การทหารอย่างเช่น Basil Liddell Hart ยกย่องแมนสไตน์ว่า เป็น “คู่ต่อสู้ที่น่ากลัวที่สุด” ของสัมพันธมิตรในสงครามโลกครั้งที่สอง
เขาเป็นผู้ที่เปี่ยมไปด้วยความคิดสมัยใหม่ในการรุกรบ มีความรู้อย่างลึกซึ้งในศาสตร์การสงคราม และมีพลังขับเคลื่อนอันยิ่งใหญ่อยู่ภายในตัว
ความสามารถอันโดดเด่นของแมนสไตน์ได้เผยโฉมให้โลกได้เห็นเป็นครั้งแรกในการรุกเข้าสู่เบลเยี่ยมและฝรั่งเศสในช่วงแรกๆ ของสงคราม ซึ่งฝ่ายเสนาธิการของเยอรมันส่วนใหญ่วางแผนที่จะรุกจากทางใต้เข้าโอบล้อมกรุงปารีส
แต่แมนสไตน์ได้ใช้แผนการรุกที่คาดไม่ถึงของเขา ทำการเคลื่อนกำลังผ่านป่าอาร์เดนส์ (Ardennes) ที่รกทึบ และสูงชันของเบลเยี่ยม ทำให้เยอรมันได้รับชัยชนะเหนือฝรั่งเศสอย่างรวดเร็วภายในเวลาเพียง 7 สัปดาห์และผลักดันทหารอังกฤษไปจนมุมอยู่ที่ดังเคิร์ก (Dunkirk)
แต่ในที่สุดด้วยแนวคิดที่แตกต่างจนเกินไปจนถูกมองว่าเป็น “ผู้สร้างปัญหา trouble maker” เขาจึงถูกย้ายจากแนวหน้าไปเป็นผู้บัญชาการกองทัพน้อยที่ 38 ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่ภายในประเทศเยอรมัน
อย่างไรก็ตาม แมนสไตน์ได้มีโอกาสพบกับฮิตเลอร์อย่างเป็นส่วนตัวในเดือนกุมภาพันธ์ 1940 ซึ่งเขาบันทึกว่า “ฮิตเลอร์ประหลาดใจอย่างมากกับสิ่งที่เกิดขึ้นและเห็นด้วยในทุกอย่างที่ข้าพเจ้าเสนอ”
การพบปะดังกล่าวทำให้แมนสไตน์กลับไปบัญชาการรบในแนวรบด้านรัสเซียอีกครั้ง โดยเป็นผู้บัญชาการกองทัพน้อยยานเกราะ และกองทัพที่ 11 ตามลำดับ
ในฤดูร้อนของปี 1942 เขาประสบความสำเร็จในการยึดไครเมีย และท่าเรือเซวาสโตโปล (port of Sevastopol) ของรัสเซีย ส่งผลให้แมนสไตน์ได้รับการเลื่อนยศเป็นจอมพล (Field marshal) หลังจากนั้นเขาก็ประสบชัยชนะในการยึดเมืองคาร์คอฟคืนจากรัสเซียได้ แต่ในที่สุดแมนสไตน์ก็ต้องประสบกับความพ่ายแพ้ในการรบที่เคิร์ส (Kursk) อันเนื่องมาจากกำลังรบอันมหาศาลของฝ่ายรัสเซีย
แมนสไตน์เป็นผู้บัญชาการรบของเยอรมันเพียงไม่กี่คนที่กล้าเผชิญหน้ากับฮิตเลอร์ และไม่ยอมทำตามคำสั่งที่เขาเห็นว่าเป็นผลเสียมากกว่าผลดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งคำสั่งของฮิตเลอร์ที่ให้รักษาที่มั่น “จนทหารคนสุดท้าย”
ซึ่งในที่สุดฮิตเลอร์ก็ดูจะหมดความอดทนต่อ “ความเป็นอัจฉริยะที่คอยแต่สร้างปัญหา” ของเขา เขาจึงลาออกจากกองทัพในฤดูใบไม้ผลิปี 1944 และภายหลังสงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลง แมนสไตน์ก็ถูกศาลอาชญากรสงครามของอังกฤษตัดสินในปี 1950 ให้ต้องโทษจำคุกเป็นเวลา 18 ปี ก่อนที่จะลดโทษลงเหลือ 12 ปี
แต่แท้จริงแล้ว เขาต้องโทษอยู่เพียง 3 ปี และในปี 1959 แมนสไตน์ได้นำประสบการณ์ในการรบของเขามาเขียนหนังสือเรื่อง “ชัยชนะที่พ่ายแพ้ Lost Victories” ซึ่งถือเป็นหนังสือที่บันทึกประวัติศาสตร์การสงครามของนาซีเยอรมันในสงครามโลกครั้งที่สองได้อย่างครบถ้วนเล่มหนึ่ง
จอมพลอีริค ฟอน แมนสไตน์ เสียชีวิตในวัย 85 ปี ที่เมือง Irschenhausen ในวันที่ 10 มิถุนายน 1973 อันเป็นการปิดฉากความเป็น “อัจฉริยะทางการสงคราม” ของเยอรมันและของโลก คงเหลือไว้แต่เพียงผลงานอันยิ่งใหญ่ของเขาที่จะถูกจารึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์การสงครามสมัยใหม่ไปตราบนานเท่านาน
ภาพนี้ถ่ายเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 1943 ขณะที่ อีริค ฟอน แมนสไตน์ ตรวจแนวรบในพื้นที่ Donez ของรัสเซีย ห้วงเวลานี้เป็นห้วงเวลาที่เยอรมันต้องล่าถอยในทุกแนวรบ
แมนสไตน์ (ซ้ายสุดของภาพ) ขณะร่วมวางแผนกับอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ เขาเป็นฝ่ายเสนาธิการเพียงไม่กี่คนที่กล้าคัดค้านความคิดของฮิตเลอร์ในหลายๆ เรื่อง เพื่อรักษาชีวิตของกำลังพลและผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาในแนวหน้า
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น