ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Encyclopedia Earth

    ลำดับตอนที่ #259 : กองพลยานเกราะ เอส เอส ที่ 9 ของนาซีเยอรมันใน WW II

    • อัปเดตล่าสุด 30 ธ.ค. 52


    กองพลยานเกราะ เอส เอส ที่ 9 ของนาซีเยอรมันใน WW II

    กองพลยานเกราะ เอส เอส ที่ 9 โฮเฮนสเตาเฟน
    (9th SS. Panzer Division Hohenstaufen)

    จาก http://www.geocities.com/saniroj

    โดย พันเอก ศนิโรจน์ ธรรมยศ




    สัญญลักษณ์ของกองพลยานเกราะ เอส เอส ที่ 9





    รถถัง StuG หรือ สตรุมเกอชุสต์ (Sturmgeschutz - Assault Gun) หรือ รถปืนใหญ่อัตตาจร ของกองพลยานเกราะ เอส เอส ที่ 9 โฮเฮนสเตาเฟน ระหว่างการรบที่เมืองอาร์นเน็ม (Arnhem) ของประเทศเนเธอร์แลนด์




    หากใครได้เคยชมภาพยนตร์เรื่อง A bridge too far มาแล้ว คงจำกันได้ดีถึงหน่วยพลร่มของฝ่ายสัมพันธมิตร ที่กระโดดลงสู่ประเทศเนเธอร์แลนด์ ในยุทธการมาร์เก็ต การ์เดน (Market Garden) เพื่อยึดสะพานอาร์นเน็ม (Arnhem) ในปี 1944 และต้องพบกับการต่อต้านอย่างดุเดือดของทหารเยอรมันที่ยึดเมืองอาร์นเน็มอยู่ จนพลร่มอังกฤษแห่งกองพลผีแดง ต้องประสบกับความพ่ายแพ้ และพบกับความสูญเสียครั้งใหญ่จากน้ำมือของทหารเยอรมัน หน่วยทหารเยอรมันหน่วยนั้นก็คือ กองพลยานเกราะ เอส เอส ที่ 9 โฮเฮนสเตาเฟน (9th SS. Panzer Division Hohenstaufen) นั่นเอง

    กองพลโฮเฮนสเตาเฟน ตั้งขึ้นตามชื่อของพระเจ้าเฟรดเดอริคที่ 2 ของเยอรมัน ซึ่งเป็นราชสกุลโฮเฮนสเตาเฟน ครองราชย์ในช่วงปี ค.ศ. 1194 - 1250

    กองพลนี้จัดตั้งขึ้นเมื่อเดือนตุลาคม 1942 มีสถานที่ตั้งอยู่ที่ Maille le Camp ของฝรั่งเศส แรกเริ่มใช้ชื่อหน่วยว่า กองพลยานเกราะ เอส เอส โฮเฮนสเตาเฟน (SS. Panzer Division Hohenstaufen) จนในวันที่ 13 ตุลาคม 1943 จึงได้มีการเปลี่ยนชื่อหน่วยเป็น กองพลยานเกราะ เอส เอส ที่ 9 โฮเฮนสเตาเฟน (9th SS. Panzer Division Hohenstaufen) กองพลนี้ตั้งมั่นอยู่ในฝรั่งเศสจนถึงฤดูใบไม้ผลิปี 1944

    ในช่วงนี้เอง ที่สถานการณ์การรบในรัสเซียย่ำแย่เอามากๆ กองทัพยานเกราะที่ 1 (1 PanzerArmee) ตกอยู่ในวงล้อมของรัสเซีย กองบัญชาการทหารสูงสุดของกองทัพเยอรมัน (Oberkommando Die Wermacht) ตัดสินใจส่งกองทัพน้อยยานเกราะ เอส เอส ที่ 2 (II SS. Panzerkorps) เข้าไปช่วย

    โดยกองพลโฮเฮนสเตาเฟน ก็ขึ้นการบังคับบัญชากับกองทัพน้อยนี้ด้วย โดยร่วมกับกองพลยานเกราะ เอส เอส ที่ 10 ฟรุนแบร์ก เจาะวงล้อมของทหารรัสเซียเข้าไปจนพบกับ กองพลยานเกราะที่ 6 ของกองทัพยานเกราะที่ 1 ที่ตกอยู่ในวงล้อม ที่เมือง Buezacz และสามารถช่วยกำลังพลที่ถูกล้อมออกมาได้ทั้งหมด

    จากความสำเร็จของโฮเฮนสเตาเฟนในครั้งนี้ ทำให้ได้รับมอบภารกิจใหม่ ในการเข้าไปช่วยทหารเยอรมันที่ถูกล้อมอยู่ที่เมือง Tarnopol แต่คราวนี้การต่อต้านของทหารรัสเซียเป็นไปอย่างเหนียวแน่น ประกอบกับอากาศที่หนาวเย็น ทำให้ภารกิจในครั้งนี้ไม่ประสบความสำเร็จ

    ในห้วงเวลาต่อมา กองพลยานเกราะ เอส เอส ที่ 9 นี้ก็ยังคงปฏิบัติการรบในแนวรบด้านรัสเซียอยู่อย่างต่อเนื่องจนถึงวันที่ 12 มิถุนายน 1944 ก็มีคำสั่งให้เคลื่อนพลกลับไปฝรั่งเศส เนื่องจากพันธมิตรยกพลขึ้นบกที่หาดนอร์มังดี ในวัน ดี เดย์ เมื่อ 6 มิถุนายนที่ผ่านมา

    โฮเฮนสเตาเฟน ถูกกำลังทางอากาศของพันธมิตรโจมตีตลอดเส้นทางที่เดินทางเข้าไปที่นอร์มังดี เป็นเวลากว่าหนึ่งอาทิตย์ แต่โฮเฮนสเตาเฟนก็ทนทายาด สามารถเข้าไปถึงที่ตั้งที่เมืองคานส์ (Caen) ได้เป็นผลสำเร็จ

    เมื่อเดินทางไปถึงในวันที่ 26 เดือนมิถุนายน 1944 กองพลยานเกราะ เอส เอส ที่ 9 ก็จัดกำลังเข้าตีทหารอังกฤษ และเข้าช่วยทหารเยอรมันที่กำลังรักษาเมืองคานส์อยู่ทางตะวันตก การต่อสู้เป็นไปอย่างดุเดือด โฮเฮนสเตาเฟนต้องสูญเสียทหารไปกว่า 1,200 คน จนในวันที่ 10 กรกฎาคม 1944 กองพลนี้ก็ถูกแทนที่โดยกองพลทหารราบที่ 277 ของกองทัพบกเยอรมัน (277 Infanterie Division)

    กองพลโฮเฮนสเตาเฟนถอยออกมาเป็นกำลังหนุน โดยปักหลักอยู่รอบๆเมิองคานส์ บริเวณเมือง Eterville, Maltot และบริเวณเนิน nr112 โดยเฉพาะที่เนิน nr 112 พันธมิตรยกกำลังเข้าตีอย่างหนัก เนินเปลี่ยนมือไปมาระหว่างอังกฤษ และเยอรมัน

    จนในที่สุด กองพลยานเกราะ เอส เอส ที่ 9 ก็เข้ายึดที่หมายได้อย่างเด็ดขาด แต่ก็อ่อนแรงเต็มที จนต้องเปลี่ยนให้กองพลยานเกราะ เอส เอส ที่ 10 ฟรุนแบร์ก เข้ายึดพื้นที่แทน

    ควาามสูญเสียของกองพลมีมาก จนถึงขั้นกองพันที่ 3 ของกรมยานเกราะเกรเนเดียร์ที่ 19 ของกองพล ต้องถูกยุบ และส่งกำลังพลที่เหลือไปบรรจุในกองพันอีก 2 กองพันที่ยังคงทำการสู้รบอยู่

    จนกระทั่งวันที่ 1 เดือนสิงหาคม 1944 อังกฤษและแคนาดารุกหนักที่เมือง Merri และTrun ทางตอนเหนือของ Falaise เพื่อหวังจะโอบล้อมกำลังของเยอรมันทั้งหมด แต่กองพลโฮเฮนสเตาเฟนก็ทุ่มกำลังเพื่อเปิดช่องว่างเล็กๆเอาไว้ ทำให้ทหารเยอรมันกว่า 30,000 คนสามารถหลบหนีออกไปได้ วีรกรรมครั้งนี้ทำให้ผู้บัญชาการกองพลโฮเฮนสเตาเฟน คือ FriedrichWillhelm Bock ได้รับเหรียญกล้าหาญชั้นอัศวินประดับใบโอ็ค

    เมื่อทหารเยอรมันสามารถฝ่าวงล้อมออกมาได้ ก็ร่นถอยกลับไปที่ประเทศเบลเยี่ยม กองพลโฮเฮนสเตาเฟนก็ทำหน้าที่เป็นกองระวังหลัง คอยสกัดการติดตามของฝ่ายพันธมิตรตลอดการถอย ตั้งแต่ที่ Orbec, Bourg-Achard, Duclair, Laon, Cambrai จนกระทั่งได้รับคำสั่งให้ปรับกำลังใหม่ที่อาร์นเน็ม (Arnhem) ประเทศเนเธอร์แลนด์

    เมื่อเริ่มแรกกองพลนี้มีกำลังทั้งหมด 15,898 คน ตอนนี้เหลือเพียง 6,000 - 7,000 คน จากนี้ไป กองพลจะต้องมีการปรับกำลังใหม่ กำลังพลส่วนหนึ่งถูกส่งไปรวมกับกองพลยานเกราะ เอส เอสที่ 10 ฟรุนแบร์ก ทำให้มีทหารเหลือไม่มากนักที่อาร์นเน็ม

    17 กันยายน 1944 การส่งทางอากาศครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดของฝ่ายพันธมิตรก็เปิดฉากขึ้น ภายใต้ชื่อยุทธการมาร์เก็ต การ์เดน (Market - Garden) โดยมีเป้าหมายอยู่ที่อาร์นเน็ม ประเทศเนเธอร์แลนด์ สถานที่กองพลยานเกราะ เอส เอส ที่ 9 กำลังพักฟื้นภายหลังจากกรำศึกมาอย่างหนักในฝรั่งเศส

    กำลังพลร่มของกองพลผีแดง หรือ กองพลส่งทางอากาศที่ 1 (the British Red Devils of the 1st Airborne Division) ของอังกฤษ โดดลงมาในพื้นที่ของโฮเฮนสเตาเฟน และพยายามยึดสะพานอาร์นเน็ม ในขณะเดียวกันกำลังส่วนใหญ่ของอังกฤษ และอเมริกาก็รุกคืบหน้ามาสมทบ

    โฮเฮนสเตาเฟนต่อสู้กับทหารพันธมิตรจนสามารถตอบโต้การเขาตีของทหารพันธมิตร จนต้องถอยร่นไปที่โอสเทอร์เบ็ค (Osterbeck) และไม่สามารถบุกเข้าไปช่วยกำลังพลร่มที่ยึดหัวสะพานอาร์นเน็มได้ ส่งผลให้ยุทธการมาร์เก็ต การ์เดนต้องประสบกับความล้มเหลวลวอย่างสิ้นเชิง พร้อมๆกับความสูญเสียของกองพลผีแดง ความกล้าหาญของโฮเฮนสเตาเฟนในครั้งนี้ ได้รับการกล่าวขานถึงเป็นอย่างมาก

    หลังจากเสร็จศึกจากเนเธอร์แลนด์แล้ว กอพลนี้ก็ปฏิบัติหน้าที่ในการรักษาแผ่นดินเยอรมันอีกหลายครั้ง ทั้งด้านตะวันออก และตะวันตก ก่อนที่จะจบภารกิจสุดท้ายในสงครามโลกด้วยการเดินแถวเข้ายอมแพ้ต่อทหารอเมริกันในเดือนพฤษภาคม 1945






    ขบวนส่งกำลังบำรุงของทหาร เอส เอส กำลังเคลื่อนที่ผ่านหลุมศพของเพื่อนทหาร เอส เอส ที่เสียชีวิตจากการสู้รบในแนวหน้า ซ้ายมือจะเห็นสัญญลักษณ์ SS ติดอยู่ที่ไม้กางเขน ทหารเอส เอส ได้ชื่อว่า เป็นทหารที่สู้รบอย่างห้าวหาญ

    มีครั้งหนึ่งนายทหาร เอส เอส นำกำลังเข้าโจมตีรถถังของโปแลนด์ ในปี 1940 และปฏิเสธที่จะใช้ปืนต่อสู้รถถัง เขากลับใช้ทุ่นระเบิดรถถังที่ต้องเข้าไปประชิดตัวรถถัง ผลสุดท้ายนายทหารเอส เอส คนนี้ก็สามารถทำลายรถถังของโปแลนด์ลงได้ แต่ตัวเขาเองก็ต้องเสียชีวิตอยู่ใต้ซากรถถังเช่นกัน
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×