ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Encyclopedia Earth

    ลำดับตอนที่ #256 : กองพลยานเกราะ เอส เอส ที่ 1 ของเยอรมันในสงครามโลกครั้งที่สอง

    • อัปเดตล่าสุด 27 ธ.ค. 52


    กองพลยานเกราะ เอส เอส ที่ 1 ของเยอรมันในสงครามโลกครั้งที่สอง





    สัญญลักษณ์ประจำหน่วยของ กองพลยานเกราะ เอส เอส ที่ 1 ลีปสตานดาร์ด อดอล์ฟ ฮิตเลอร์





    กำลังพลของหน่วย เอส เอส ลีปสตานดาร์ด อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ขณะกำลังรุกเข้าสู่ประเทศเนเธอร์แลนด์ หรือ ฮอลแลนด์ ในปี 1940 จะเห็นชุดพรางที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของหน่วย เอส เอส



    กองพล เอส เอส แพนเซอร์ที่ 1 ลีปสตานดาร์ดนี้ ได้รับนามหน่วยจาก อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ว่า กองพลอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ เพื่อเป็นเกียรติให้กับกองพลนี้ ซึ่งเป็นองครักษ์ให้กับฮิตเลอร์มาตั้งแต่สมัยแรกเริ่มก่อตั้งพรรคนาซี จนกระทั่งมีการปรับหน่วยให้เป็นหน่วยในระดับกองพลยานเกราะ หรือแพนเซอร์ กองพลเอส เอส แพนเซอร์ที่ 1 ได้เข้าร่วมกับกองทัพนาซีในการขยายดินแดนไปสู่แคว้นไรน์แลนด์ ในปี 1935 และการเข้าผนวกดินแดนออสเตรียในปีเดียวกัน

    ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง กองพลนี้ได้เข้าร่วมในสมรภูมิสำคัญๆตลอด เช่น ในปี 1940 ซึ่งเป็นช่วงต้นของสงคราม ก็เป็นหน่วยที่บุกเข้าไปในยุโรป ตั้งแต่เบลเยี่ยม เนเธอร์แลนด์ และฝรั่งเศส โดยเฉพาะในสมรภูมิฝรั่งเศส กองพลนี้ยังอยู่ในฐานะกรม (Regiment) อยู่ในสังกัดของกองทัพที่ 14 ซึ่งโจมตีฝรั่งเศสจากด้าน Amiens และต้องหยุดชะงักจากการต่อต้านที่เข้มแข็งของทหารฝรั่งเศส กองทัพที่ 14 ต้องถอยไปทางตะวันออก 75 ไมล์และเข้าโจมตีอีกครั้ง

    คราวนี้การเข้าตีประสบความสำเร็จสามารถรุกคืบหน้าไปได้อย่างรวดเร็ว ข้ามแม่น้ำแซน ไปตัดเส้นทางการถอยของทหารฝรั่งเศสที่ลัวร์ จนกระทั่งฝรั่งเศสยอมแพ้ กองพลเอส เอส แพนเซอร์ที่ 1 ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของกองทัพที่ 14 ก็มุ่งลงใต้ถึงชายแดนฝรั่งเศส สเปน เพื่อครอบครองฝรั่งเศสอย่างสมบูรณ์ มาถึงตอนนี้หน่วยก็ได้รับการยกระดับจากกรมมาเป็นกองพลน้อย (Brigade)

    ในปี 1941 - 1942 มีส่วนในสมรภูมิบอลข่าน ในยูโกสลาเวียและกรีซ ก่อนที่ยกระดับเป็นกองพลในที่สุด และเข้าสังกัดกองทัพน้อยที่ 54 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มกองทัพใต้ (Army Group South) ใน ยุทธการบาร์บารอสซ่า ซึ่งเป็นการรุกเข้าไปในรัสเซีย ก่อนที่จะย้ายไปอยู่กับกลุ่มยานเกราะที่ 1 (Panzer Group 1) ที่เข้าโอบล้อมเมืองเคียฟ

    กองพลเอส เอส แพนเซอร์ที่ 1 รุกเข้ารอสตอฟ แต่ได้รับการต้านทานอย่างหนักจากทหารรัสเซีย จนต้องล่าถอยมาที่แนวแม่น้ำไมอัส เพื่อตั้งแนวตั้งรับ ในฤดูร้อนปี 1942 กำลังพลของกองพลสูญเสียไปเป็นจำนวนมากนับตั้งแต่เริ่มรุกเข้าสู่รัสเซีย จึงถูกดึงกลับมากรุงปารีส ของฝรั่งเศส และยกระดับให้เป็นกองพลแพนเซอร์เกรเนเดีย (Panzer - Granadier Division)

    ปี 1943 กองพลย้ายกลับไปสู่สมรภูมิด้านรัสเซียอีกครั้ง โดยเข้าร่วมในสมรภูมิที่เมืองคาร์คอฟ และในสมรภูมิรถถังที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ที่เมือง Kursk ซึ่งกองพลสามารถสร้างผลงานด้วยความกล้าหาญ

    แต่ด้วยการต้านทานของรัสเซียที่ทุ่มเทกำลังอย่างมหาศาล เยอรมันต้องประสบกับความสูญเสียอย่างหนัก กองพลเอส เอส แพนเซอร์ที่ 1 ก็เช่นกันที่ประสบกับความสูญเสียอย่างหนัก จนต้องย้ายกลับมาปรับกำลังใหม่ที่อิตาลี โดยให้ทำหน้าที่ปราบปรามกลุ่มกองโจรที่ต่อต้านเยอรมัน (Anti-partisan operations) พร้อมกับปรับปรุงอาวุธใหม่

    พอพันธมิตรยกขึ้นบกที่ซิซิลี เพื่อบุกเข้าอิตาลี กองพล เอส เอส แพนเซอร์ที่ 1 ก็ถูกโยกมาทำการต่อสู้กับพันธมิตรในอิตาลี แล้วก็กลับไปสู่สมรภูมิด้านรัสเซียในปลายของปี 1943 ซึ่งเป็นจังหวะที่รัสเซียรุกครั้งใหญ่

    กองพลเอส เอส แพนเซอร์ที่ 1 ต้องตกอยู่ในวงล้อมของทหารรัสเซียจนเกือบจะละลายทั้งกองพล โชคดีที่กองทัพน้อยเอส เอส แพนเซอร์ที่ 2 บุกเข้าไปช่วยไว้ทันก่อนที่จะสูญเสียมากกว่าที่เป็นอยู่ คราวนี้กองพลต้องถอยกลับมาปรับกำลังอีกครั้งในฝรั่งเศส

    ฝ่ายพันธมิตรยกพลขึ้นบกที่นอร์มังดี ของฝรั่งเศส ใน วัน ดี เดย์ ในเดือน มิ.ย. 1944 กองพลอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ก็ถูกส่ง มารับมือกับสัมพันธมิตรที่กำลังบุกเข้าฝรั่งเศสในเดือนสิงหาคม 1944 ที่เมืองคานส์ และคาเรนแทน กองพลนี้ถูกบังคับให้ถอยร่นไปจนถึงแนวซิกฟรีด และในเดือนธันวาคม 1944 ก็ได้สมทบกับ กองทัพน้อย เอส เอส แพนเซอร์ที่ 1 ทำการรุกใหญ่ครั้งสุดท้ายที่ป่าอาร์เดนส์ (Ardennes) ก่อนที่จะล่าถอยกลับไปทางแม่น้ำเมิร์ส

    จนกระทั่งในปีสุดท้ายของสงคราม คือปี 1945 แนวรบของเยอรมันถอยร่นมาจ่อประตูบ้าน กองพลเอส เอส แพนเซอร์ที่ 1 ก็จบบทบาทอันโชกโชนของตน ด้วยการพิทักษ์แผ่นดินแม่ ในแนวรบด้านตะวันออก หรือแนวรบด้านรัสเซีย โดยการเคลื่อนย้ายกำลังครั้งสุดท้ายสู่ฮังการี เพื่อทำการรุกเป็นครั้งสุดท้ายของเยอรมันในสงครามโลกครั้งที่ 2 เพื่อช่วยกองทหารเยอรมันที่ถูกล้อมในกรุงบูดาเปส ก่อนที่จะกลับมาตั้งมั่นอยู่ที่ออสเตรีย รอคอยการกวาดล้างของฝ่ายรัสเซีย แต่ในไม่ช้าหลังจากนั้น กองพลก็เคลื่อนที่ไปสู่พื้นที่ของอเมริกา และยอมแพ้ต่อทหารอเมริกันทั้งกองพลในที่สุด



    ยานยนต์ของกองพล เอส เอส ที่ 1 ลีปสตานดาร์ด อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ขณะกำลังประสบปัญหากับเส้นทางในการเคลื่อนพลเข้าสู่ประเทศกรีซ และยูโกสลาเวีย ในคาบสมุทรบอลข่าน ในปี 1941 จะเห็นสัญญลักษณ์ของกองพลติดที่บังโคลนของรถ ซึ่งอยู่ทางด้านซ้ายมือของภาพ ในภาพนี้จะสังเกตุเห็นชุดพรางที่เป็นเอกลักษณ์ประจำหน่วย เอส เอส คือ พรางเฉพาะหมวก และเสื้อ ส่วนกางเกงนั้นยังคงใช้กางเกงของเครื่องแบบปกติสีเทา




    แถวกองเกียรติยศของหน่วยลีปสตานดาร์ด เอส เอส อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ (Leibstandarte SS. Adolf Hitler - LSSAH) ในปี 1936 ในห้วงเวลานี้ ลีปสตานดาร์ด มีหน้าที่หลักคือ การเป็นองครักษ์ประจำตัวของท่านผู้นำ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ (Adolf Hitler) แห่งนาซีเยอรมัน ซึ่งฮิตเลอร์มีความไว้วางใจเหล่าองครักษ์นี้อย่างมาก เพราะมีการคัดเลือกมาเป็นพิเศษ ทั้งคุณสมบัติทางกายภาพ และแนวความคิด ที่จะต้องจงรักภักดีต่อฮิตเลอร์ และพรรคนาซีอย่างปราศจากข้อโต้แย้งใดๆ ทั้งสิ้น

    กองพลยานเกราะ เอส เอส ที่ 1 ลีปสตานดาร์ด
    The 1st SS. Panzer Division - Leibstandarte Adolf Hitler

    จาก http://www.geocities.com/saniroj

    โดย พันเอก ศนิโรจน์ ธรรมยศ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×