คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #176 : รวมวาทะมหาตม คานธี
ใช้ชีวิตให้เสมือนว่าพรุ่งนี้ท่านจะไม่มีชีวิตอยู่แล้ว เรียนรู้ให้เสมือนว่าท่านจะอยู่ในโลกนี้ตลอดไปไม่มีวันสิ้นสุด
Live as if you were to die tomorrow. Learn as if you were to live forever
ความเท็จเพียงนิดเดียวก็สามารถทำลายคนได้ เช่นเดียวกับยาพิษเพียงหยดเดียว ย่อมสามารถทำให้น้ำนมเสียได้"Even a little untruth ruins a man, as a drop of poison ruins milk
คนเราคิดอย่างใดก็เป็นอย่างนั้น
Man is the image of his thoughts.
แรงศรัทธาช่วยให้มนุษย์เคลื่อนย้ายภูเขาได้
Man can move mountains by faith.
การเกิดและการตายมิใช่เป็นทั้งสองด้านของเหรียญอันเดียวกันดอกหรือ ด้านหนึ่งคือการเกิดและอีกด้านหนึ่งคือการตายเพราะฉะนั้นจะไปทุกข์หรือสุขทำไมกับการจะตายหรือจะเกิด
Are not birth and death, perhaps, the two sies of the same coin? You find death on one side and birth on the other. Where then in this the cause for sorrow or joy?
ผู้ที่บริสุทธิ์จากภายในจริงๆ ย่อมไม่มีทางที่จะสกปรกจากภายนอกได้
He who is truly cleanwithin, cannot remain unclean without"
ความสุขและความสงบทางใจของคนเราอยู่ที่การกระทำสิ่งที่เราเห็นว่าถูกต้องและเหมาะสม มิใช่อยู่ที่ผู้อื่นเขาพูดหรือเขากระทำ
Our happiness and peace of mind lie in our doing what we regard as right and proper, not in doing what others say or do
ผู้ที่สามารถควบคุมตนเองหรือที่ทำงานได้มากที่สุด มักจะเป็นผู้ที่พูดน้อยที่สุด การพูดกับการกระทำมักจะไม่ไปด้วยกัน จงดูธรรมชาติเถิด ธรรมชาติทำงานอยู่ตลอดเวลา ไม่หยุดเลยแม้สักชั่วขณะหนึ่ง แต่ธรรมชาติก็ไม่พูดเลย
Those who have the greatest measure of self-control or are most absorbed in work, speak the least. Speech and action go ill together. Look at Nature. She is continuously in action, never rests for a single moment, yet is mute.
เรื่องสำคัญแต่ถ้าอยู่นอกประเด็น ก็หมดความสำคัญไป เรื่องที่อยู่ในประเด็น แม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ก็มีความสำคัญมาก
An important matter loses importance, if irrelevant. Arelevant thing, though small, is of the highestimportance.
ถ้าเรามัวแต่คิดถึงความมากมายใหญ๋โตของการงาน เราจะเกิดความสับสนและทำอะไรไม่ได้เลย ตรงกันข้าม หากเราจับงานขึ้นมาทำทันที แม้ใหญ่เท่าภูเขา งานก็จะค่อยลดน้อยลงทุกวันๆ แล้วในที่สุดก็สำเร็จลงได้
If we allow our minds to brood over the vastness of the task before us, we shall get confused and accomplish nothing. Whereas if we cooly get to grips with it, we shll find that even a mountain of work will diminish day by day and vanish
คนอื่นเท่านั้นดอกที่จะมองเห็นหลังของเราได้ ตัวเราเองย่อมมองไม่เห็น ฉันใด ความผิดของเราเอง เราก็ย่อมมองไม่เห็นฉันนั้น
Just as only others can see our back while we ourselves cannot, similarly we cannot see our own errors.
อหังการย่อมทำลายมนุษย์โดยสิ้นเชิง ความจริงข้อนี้ทุกคนตระหนักได้ทุกขณะ ตรงกันข้าม ความอ่อนน้อมถ่อมตนช่วยให้มนุษย์เจริญเติบโตและบรรลุความสมบูรณ์เสมอ
Pride swwallows up a mancompletely. The truh of this can realized by everyone at every moment. On the other hand, modesty and humanity nourish man and make of growth
ผู้ใดที่ต้องการสร้างความพอใจให้แก่คนทุกคน ผู้นั้นย่อมจะสร้างความพอใจให้แก่ใครไม่ได้เลย
He who wants to please all, will please none"
คิดดีเป็นเรื่องหนึ่ง แต่กระทำดีเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
To think good thoughs is one thing, to act upon them is another"
เราแสวงหาสัตบุรุษเป็นมิตร เพราะสัตบุรุษเป็นอาหารใจของเรา
We seek the company of the good, for that is the food for our soul.
หากไม่ยึดหลักอหิงสา (ความไม่เบียดเบียนกัน) ก็ไม่มีทางที่จะบรรลุความจริงได้ เพราะฉะนั้น จึงกล่าวได้ว่า อหิงสา คือธรรมะ (กฎ) อันยิ่งใหญ่
Realization of Truth is not at all possible with out Ahimsa (Non-violence). That is why it has been said that Ahimsa is the supreme Dharma (Law).
การแสวงหาความจริงกับการปฏิบัติตนตามหลักอหิงสา จะไม่มีทางกระทำได้ หากไม่ประพฤติพรหมจรรย์ (การละเว้นเมถุนกรรม) ไม่ลักขโมย ไม่มีทรัพย์สมบัติ ไม่มีความกลัว ให้ความเคารพแก่ศาสนาทุกศาสนาเท่าๆ กัน เลิกถือชั้น วรรณะ ฯลฯ
The quest of Truth and the observance of non-violence are imporssible without Brahmacharya (celibacy), non-stealing, non-possession, fearlessness, equal respectfor all religions, removal of untouchability, and thelike.
พรหมจรรย์ในที่นี้หมายถึง การควบคุมอินทรีย์ทั้งทางกาย วาจา และใจ ผู้ครองเรือนที่ละเว้นเมถุนกรรมแต่อย่างเดียว หากไม่รักษาจิตใจให้บริสุทธิ์สะอาด ก็ย่อมได้ชื่อว่าไม่ใช่พรหมจารี (ผู้ประพฤติพรหมจรรย์-ผู้แปล) ที่แท้จริง
Brahmacharya here means control over the sense-organs in thought, word and deed. He shall not be deemed a true Brahmachari who, although he may be living a chaste life as a married man, otherwise harbours impurity of mind.
อหิงสาเป็นวิถีทางเดียวเท่านั้นที่จะนำเราไปสู่เอกราช คนเราอยู่ได้ด้วยการสร้างสรรค์ มิใช่ด้วยการฆ่าผู้อื่น
There is only one way of achieving independence throughnon-violence : by make we live; by killing, never.
ขันติธรรมคืออะไร ท่านศังกราจารย์๑ ได้เคยกล่าวไว้ว่า “ท่านจงไปนั่งที่ริมฝั่งทะเล เอาใบหญ้ามาตักน้ำทะเลนั้นทีละหยด ถ้าท่านมีขันติธรรมพอ และหากมีสถานที่ใกล้พอที่จะเก็บหยดน้ำเหล่านั้นไว้ได้ทั้งหมด ท่านอาจจะตักจนน้ำนั้นแห้งไปทั้งท้องทะเล” นี่เป็นอุปมาที่ค่อนข้างจะสมบูรณ์ที่สุดของขันติธรรม
What is patience? Shankaracharya says: “Sit by the seashore and take one drop of water on a blade of grass. If you have enough patience and there is a place nearby wherein that drop can be stored, you may in time empty the ocean of all its water.” This is an illustration ofalmost perfect patience.
ผู้ที่ไม่มี ขันติธรรม จนปราศจากขอบเขต ย่อมไม่สามารถจะประพฤติปฏิบัติ อหิงสา ได้
He who has not in him the quality of infinite patience,cannot observe non-violence.
ต้องใช้อหิงสธรรมข่มใจเพียงใดหนอสำหรับคนที่ทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยาก ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่
What a high degree of non-violence is needed to bear
patiently with a person who is bent on misunderstanding even the simplest thing!
นักสู้แบบสัตยาเคราะห์มิใช่เป็นได้ด้วยลำพังการพูด การปฏิบัติตนตามหลักแห่งสัจจะต่างหาก ที่จะทำให้คนเป็นนักสู้แบบสัตยาเคราะห์ได้
A man does not become a Satyagrahi by styling himself assuch. The observance of pure Truth alone makes him aSatyagrahi.
นักต่อสู้แบบสัตยาเคราะห์จะไม่มีสิทธิอะไรเลย สิทธิเพียงอย่างเดียวที่นักต่อสู้แบบสัตยาเคราะห์จะพึงมีก็คือ สิทธิที่จะได้รับใช้ผู้อื่น
There can be no such thing as rights for a Satyagrahi.For him there is only one right-the right to serve.
เพราะฉะนั้น นักต่อสู้แบบสัตยาเคราะห์จะไม่แสวงหาสิทธิใดๆ ทั้งสิ้น แต่สิทธิจะแสวงหานักต่อสู้แบบสัตยาเคราะห์เอง
Therefore, the Satyagrahi will never seek rights; thesewill come to him unsought.
ถ้าไม่เชื่อในอหิงสา เราจะเชื่อในสัจจะได้อย่างไร ถ้าไม่มีการปฏิบัติอหิงสา สัจจะก็จะไม่มีการปฏิบัติด้วย
How can one believe in Truth if one has no belief innon-violence? If non-violence is not put into practice,Truth, too, cannot be.
ผู้ใดที่ใช้ “หิงสา” เพื่อบรรลุเป้าหมายของตน ผู้นั้นย่อมไม่รีรอที่จะใช้ “อสัตย์” ทั้งโดยวาจาและการกระทำ
Why would one who is capable of violence for gaining his ends, hesitate to resort to untruth in both speech andaction?
อหิงสาและความสัตย์ มีแสงสว่างอยู่ในตัวของมันเอง ถ้าไม่มีแสงสว่าง มันก็ไม่ใช่อหิงสาและความสัตย์ หากเป็นของปลอม
Non-violence, truth. Etc., are self-luminous. They can not be genuine otherwise.
คำสอนของศาสนาไม่ใช่จะปรากฏให้เห็นในที่ทุกแห่งได้ เป็นต้นว่าคำสอนเกี่ยวกับอหิงสา จะปรากฏให้เห็นได้ก็ต่อเมื่อต้องเผชิญหน้ากับหิงสาเท่านั้น
Religion is not religion, if it expects others to follow suit. For example, the religion of Ahimsa (non-violence) can manifest itself only in the face of Himsa (violence).
หิงสกรรมนั้นมีขอบเขตและอาจพลาดได้ แต่อหิงสกรรมไม่มีขอบเขตและไม่เคยพลาด
There is a limit to violent action and it can fail. Non-violence knows no limit and it never fails.
หิงสาเป็นอาวุธของผู้อ่อนแอ อหิงสาเป็นอาวุธของผู้เข้มแข็ง
Violence is the weapon of the weak; non-violence that of the strong.
อหิงสามีอยู่ ณ ที่ใดโดยสมบูรณ์ ณ ที่นั้น ความไม่เคียดแค้นชิงชังก็ย่อมมีอยู่โดยสมบูรณ์เช่นเดียวกัน
In complete non-violence, there is a complete absence of hatred.
อหิงสาเป็นคุณแก่ทุกรูปทุกนาม อหิงสามิใช่จะเป็นคุณแก่คนส่วนใหญ่ที่สุดเท่านั้น ผู้ภักดีต่ออหิงสาจะต้องพร้อมที่จะเสียสละแม้ชีวิตของตน เพื่อให้เกิดผลดีแก่ส่วนรวมด้วย
Non-violence works for the good of all, not only of the greatest number. The votary of non-violence must beprepared, if necessary, to lay down his life in order tosecure the good of all.
เราควรเลิกละหิงสา เพราะคุณที่ดูจะได้จากหิงสานั้น เป็นเรื่องลวงตา แต่โทษมีอยู่จริงและถาวร
Violence must be abjured, for the good that it may seem to achieve is in appearance only, while the harm that itdoes is everlasting.
อหิงสามิใช่การรอความปรานีจากศัตรู
That which looks for mercy from an apponent is not non-violence.
มนุษย์จะพบตนเองในเมื่อหมดอหังการ
Man finds himself by losing his self.
ผู้ใดที่ไม่ชอบเก็บสิ่งของไว้ในที่ของมัน ผู้นั้นได้ชื่อว่าเป็นคนเขลา เพราะเขาจะต้องเสียเวลาหานานในเมื่อต้องการ
He who is not in the habit of keeping everything in its place, is a fool. He wastes a lot of time in searchingfor a thing when he wants it.
ท่านคุรุนานัก สอนต่อไปอีกว่า “สิ่งที่ท่านให้แก่ผู้อื่นนั่นแหละเป็นของท่านเอง แต่สิ่งที่ท่านเก็บรักษาไว้นั้นหาใช่เป็นของท่านไม่”
Says Nanak again: “Whatever you give away is yours;whatever you keep is not yours.”
ผู้ใดที่คอยจับผิดคนอื่น ผู้นั้นย่อมจะไม่พบผิดของตนเอง
He who finds faults with others cannot see his own.
ถ้าเราจะให้สิ่งไรแก่ใคร เราก็ต้องให้ส่วนที่จริงแท้ที่สุดในตัวเราแก่เขา
When we give anything, we must give the truest part ofourselves.
ยิ่งได้รับประสบการณ์มากขึ้นเพียงใด ข้าพเจ้าก็ยิ่งพบมากขึ้นเพียงนั้นว่า ตัวเราเองเป็นต้นเหตุแห่งความสุขและความทุกข์ของเราเอง
The more experience I gather, the more I realize that man himself is the cause of his happiness as well as hismisery.
ท่านบริการคนด้วยการกระทำ ไม่ใช่ด้วยคำพูด
You serve him for whom you work; not to whom you pay lip service only.
ผู้ใดที่ต้องการสร้างความพอใจให้แก่คนทุกคน ผู้นั้นย่อมจะสร้างความพอใจให้แก่ใครไม่ได้เลย
He who wants to please all, will please none.
ว่ากันว่า การไปจาริกแสวงบุญไม่ใช่ไปด้วยการขายบ้านขายช่อง แต่อันที่จริงแล้วถ้าละทิ้งบ้านช่องก็ไปจาริกแสวงบุญไม่ได้
It is said that a pilgrimage is not undertaken at the cost of one’s home and hearth. The truth, however, is that a pilgrimage is possible only after a complete renunciation of home and hearth.
อะไรเล่าจะสามานย์ยิ่งไปกว่าการสดุดีตนเองให้ผู้อื่นฟัง
What greater meanness can there be than to seek out our good points and praise them to others?
ไม่รับประทานให้ความสุขมากกว่ารับประทาน ความจริงข้อนี้มีใครบ้างที่ไม่ทราบ
There is greater pleasure in not eating than in eating.Who has not experienced the truth of it?
หากคนเราสามารถทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้ด้วยจิตใจอันแน่วแน่ ในที่สุดเขาก็จะสามารถทำทุกอย่างได้
He who concentrates on any one thing with singleness of purpose, will ultimately acquire the capacity to do everyting.
การมองดูเฉพาะโทษของผู้อื่นนั้นเลวร้ายเสียยิ่งกว่าการยกย่องตัวเอง
To see nothing but faults of others is even meaner than praising one’s own virtues.
สิ่งใดที่มีอยู่ในตัวของเจ้าเอง สิ่งนั้นเจ้าจะไปหาที่อื่นทำไม
Why seek outside that which is within you?
ข้าพเจ้าได้รับประสบการณ์มากยิ่งขึ้นทุกขณะว่า ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมสำเร็จได้ด้วยความเงียบ
The experience is daily growing upon me that everything is possible of realization through silence.
หนี้นั้นต้องใช้คืนด้วยการกระทำ มิใช่ด้วยคำพูด
Debts are redeemed by deeds, not by words.
จิตที่เต็มไปด้วยวิจิกิจฉา ย่อมยากที่จะบรรลุสัจธรรม
A calculating mind cannot attain self-realization.
ผู้ที่ตกเป็นทาสของสภาพแวดล้อม ย่อมหาความเจริญทางจิตใจไม่ได้
Slavery to the surrounding atmosphere dulls a man’smind.
คิดดีเป็นเรื่องหนึ่ง แต่กระทำดีเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
To think good thoughts is one thing; to act upon them is another.
สิ่งที่มีทีท่าว่าเป็นไปไม่ได้นั้น หาใช่จะเป็นไปไม่ได้อยู่ตลอดไปไม่
What seems impossible is not always really so.
ลักษณะอย่างหนึ่งของการไม่ยึดไม่ถือก็คือ ผู้ไม่ยึดไม่ถือจะไม่ปล่อยงานใดๆ ให้คั่งค้างข้ามวัน
One mark of non-attachment is that the work of a non-attached person is never in arrears at the end of theday.
ความดื้อรั้นกับความยืนหยัด สองอย่างนี้แตกต่างกันมาก การพยายามบังคับให้ผู้อื่นเห็นด้วยกับทรรศนะของตนเป็นความดื้อรั้นอย่างหนึ่ง ส่วนความยืนหยัดได้แก่การที่เรามีแนวความคิดเป็นของตนเอง และปฏิบัติตนจนผู้อื่นเห็นด้วยกับแนวความคิดนั้นด้วยใจสมัครของเขาเอง
There is a vast difference between obstinacy and steadfastness. To Seek to foist one’s view on others is
obstinacy; whereas steadfastness is that whereby we voluntarily impose something on ourselves and which results in bringing others round to the acceptance of our view of their own free will.
คำแนะนำที่คิดว่าดีสำหรับผู้อื่น แต่ไม่ดีสำหรับตนเองนั้น จะเป็นไปได้ไฉน
How is it that a precept which is thought proper for others is not regarded as equally proper for oneself?
คนเราจะลืมความทุกข์ได้ก็ด้วยการหัวเราะ ส่วนการร้องไห้นั้นมีแต่จะเพิ่มพูนความทุกข์
Man can smile away his sorrows; by crying, he only multiplies them.
การกระทำสองประการของมนุษย์ในขณะเดียวกันย่อมไปด้วยกันไม่ได้ กล่าวคือ บูชาพระเป็นเจ้า แต่ก็เหยียดหยามเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน
Man cannot worship God and at the same time despise his fellow-beings. The two are irreconcilable.
http://www.dek-d.com/board/view.php?id=1035634
ความคิดเห็น