ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Encyclopedia Earth

    ลำดับตอนที่ #174 : ทำไมผ้าแคชเมียร์จึงมีราคาแพง

    • อัปเดตล่าสุด 19 ต.ค. 52


    ทำไมผ้าแคชเมียร์จึงมีราคาแพง

    Cashmere  John Singer Sargent -- American painter  1908Bill Gates collection 27 1/2 42 1/2 in. 

          ผ้าแคชเมียร์ เป็นเส้นใยธรรมชาติคุณภาพสูง มีคุณสมบัติพิเศษที่ให้ความอบอุ่น นุ่มสบาย ทั้งยังมีน้ำหนักเบากว่าเส้นใยธรรมชาติอื่นๆ

    ขนของแพะหนึ่งตัวสามารถนำมาใช้ผลิตเป็นเส้นใยของผ้าแคชเมียร์ในปริมาณเพียงปีละห้าสิบกรัม เสื้อสเว็ตเตอร์ของผู้หญิงโดยทั่วไปจำเป็นต้องใช้เส้นใยในการผลิตหนึ่งร้อยห้าสิบถึงสามร้อยกรัม นั่นหมายถึงต้องใช้ขนจากแพะสามถึงหกตัวในการผลิตเสื้อกันหนาวหนึ่งตัว 

    เสื้อเสว็ตเตอร์ของผู้ชายนั้น โดยปกติจะใช้เส้นใยสองร้อยห้าสิบถึงสี่ร้อยห้าสิบกรัม ซึ่งหมายถึงขนของแพะห้าถึงเก้าตัวในการผลิตเสื้อกันหนาวหนึ่งตัว

    นอกจากนั้นกรรมวิธีการผลิตก็มีความยุ่งยากซับซ้อน ไม่ว่าเสื้อเสว็ตเตอร์แบบใด อย่างน้อยที่สุดก็ต้องผ่านกรรมวิธีถึงยี่สิบขั้นตอนเป็นอย่างต่ำ เครื่องมือที่ใช้ผลิตนั้นยังมีราคาแพง และต้องใช้แรงงานในการผลิตเป็นจำนวนมาก 

    โชคดีที่ประเทศจีนสามารถเพิ่มปริมาณการเลี้ยงแพะ ผลผลิตที่เพิ่มขึ้นบวกกับค่าแรงราคาถูก ทำให้จีนสามารถลดต้นทุนในการผลิตเส้นใยแคชเมียร์ลงอย่างมาก กระทั่งปัจจุบันเสื้อเสว็ตเตอร์ที่ผลิตจากผ้าแคชเมียร์นั้นเกือบจะมีราคาเท่ากับเสื้อขนสัตว์ทั่วไป

    ผลิตภัณฑ์จากผ้าแคชเมียร์ ส่วนสีขาวคือผ้าแคชเมียร์ ส่วนสีน้ำตาลคือผ้าไหม

     

    บทความเรื่อง หลงเสน่ห์ผ้าแคชเมียร์ จากหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ฉบับวันที่ 23มิ.ย.2550

    นอกจาก “ชัมมู และ แคชเมียร์” จะขึ้นชื่อในเรื่องความสวยงามของทัศนียภาพ จนได้รับการขนานนามให้เป็นสวิตเซอร์แลนด์ตะวันออกแล้ว ดินแดนทางตอนเหนือของประเทศอินเดียแห่งนี้ ยังโด่งดังและเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ในฐานะที่เป็นแหล่งผลิตผ้าแคชเมียร์เก่าแก่ที่สุด!!

    ผ้าคลุมไหล่แคชเมียร์จะมีหลายอย่างด้วยกัน ตั้งแต่ “ชาห์ปาชิม” (Shahpashim) ซึ่งได้รับการขนานนามว่า คิง ออฟ แพชมิน่า ทอขึ้นจากขนแพะภูเขาที่เลี้ยงในที่ราบ และ “คานิ ชอว์ล” (Kani Shawl) เป็นผ้าทอลายทั้งผืน ใช้กี่ทอเหมือนการทอผ้า แต่จะใช้ไม้ท่อนเล็กๆแทนเข็มในการทอลาย โดยลวดลายที่เขียนออกมาจะถูกนำมาถอดเป็นตัวเลข เพื่อใช้ในการทอลายอีกทีหนึ่ง ทำให้กินเวลานานเป็นปีในการทอผ้าแต่ละผืน ด้วยเหตุนี้ราคาของ “คานิ ชอว์ล” แต่ละผืนจึงมีราคาแพง ตกเป็นแสนอัพ!!

     

    ส่วนที่ได้รับการยกย่องเป็นควีน ออฟ แพชมิน่า มีความอ่อนนุ่ม และอุ่นสบายระดับพรีเมียม ได้แก่ “แคชเมียร์ แพชมิน่า” (Kashmir Pashmina) ถือเป็นผ้าแคชเมียร์ที่มีประวัติความเป็นมาเก่าแก่ยาวนานกว่า 3,000 ปี โดยสมัยโบราณมีแต่พระราชวงศ์ชั้นสูง ผู้รากมากดี และผู้นำระดับประเทศเท่านั้นที่จะมีสิทธิใช้และครอบครองผ้าทอสุดหรูนี้ แม้แต่พระนางมารี อังตัวเนตต์ แห่งฝรั่งเศส ก็โปรดปราน “ผ้าแคชเมียร์ แพชมิน่า” เป็นพิเศษ

     

    ขณะที่พระเจ้านโปเลียน กษัตริย์ ผู้เกรียงไกรแห่งฝรั่งเศส ยังกำนัลพระนางโจเซฟฟีน มเหสีสุดรัก ด้วยผ้าทอไฮคลาสจากแคว้นแคชเมียร์!! และสำหรับผ้าคลุมไหล่แคชเมียร์ ระดับสุดยอด ไฮเอนด์ ต้องยกให้กับ “ชาตูช” (Shatoosh) ความบางเบา และอ่อนนุ่มของ Shatoosh ขนาดลอดวงแหวนได้สบายๆ แถมให้ความอบอุ่นได้อย่างดีแม้ในอุณหภูมิเลขตัวเดียว เป็นเสน่ห์ที่ชวนให้หลงใหลอย่างยิ่ง แต่ด้วยความที่เส้นใยที่ใช้ในการทอ ต้องนำมาจากขนส่วนเคราของแพะภูเขา ที่มีถิ่นที่อยู่ บนเขาเป็นส่วนใหญ่ จะลงมาหา กินบริเวณเนินเขาบ้าง เฉพาะในช่วงฤดูหนาวเท่านั้น จึงทำให้ผ้า Shatoosh ค่อนข้างราคาแพง โดยผ้าคลุมไหล่แต่ละผืน (ขนาดมาตรฐานยาว 60 ซม.) ต้องใช้ขนส่วนเคราแพะในการทอประมาณ 12 กรัม ซึ่งต้องนำมาจากแพะภูเขาจำนวน 6-7 ตัวด้วยกัน และ Shatoosh ยังมีให้เลือกทั้งสีพื้น ออกสีน้ำตาลอ่อน ซึ่งเป็นสีธรรมชาติ ไปจนถึงการกัดย้อมเป็นสีสันต่างๆ

     

    นอกจากนี้ ยังมีการปักลวดลายด้วยมือบริเวณขอบๆ และปักลายทั้งผืน ราคาผ้า Shatoosh มีให้เลือกห่มได้ตามฐานะ ตั้งแต่ราคาเป็นหมื่น ไปจนถึงเป็นแสน แม้แต่มหารานีชาวอินเดียยังสั่งทอ Shatoosh เป็นผ้าขนหนูไว้นุ่งห่มเพื่อความเนียนนุ่มและอบอุ่นแก่ผิวกายอีกด้วย"

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×