ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Encyclopedia Earth

    ลำดับตอนที่ #16 : Cuban Missile Crisis (วิกฤตการณ์นิวเคลียร์ที่คิวบา)

    • อัปเดตล่าสุด 16 ส.ค. 52


    45 ปีก่อน โลกหวิดพังเพราะสงครามนิวเคลียร์


    22 ตุลาคม 1962 หรือ 45 ปีก่อน โลกต้องเจอกับวิกฤติครั้งใหญ่ที่สุด เมื่อมหาอำนาจอย่างสหรัฐและ สหภาพโซเวียตจ้องจะเปิดฉากสาดอาวุธนิวเคลียร์เข้าใส่กันอย่างไม่ยั้ง ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจริง โลกเราคงถึงกาลอวสานไปเรียบร้อยแล้ว

    เรื่องของเรื่อง เกิดจากการที่สหภาพโซเวียตแอบขนอาวุธนิวเคลียร์ไปติดตั้งอยู่ที่คิวบา ซึ่งก็ครือๆกับการเอามีดไปจ่อคอหอยพี่เบิ้มอย่างสหรัฐนั่นเอง เพราะคิวบากับสหรัฐนั้นอยู่ห่างกันแค่ไม่ถึง 100 ไมล์ ถ้าโซเวียตเปิดฉากยิง สหรัฐก็ไม่มีปัญญาจะทำอะไรได้ หรือหากทำได้ นิวเคลียร์เพียงไม่กี่ลูก ก็สามารถสร้างความวิบัติให้กับสหรัฐอย่างมาก

    และที่สำคัญ นี่คือครั้งแรกที่สหรัฐเจอนิวเคลียร์มาจ่อคอหอย นี่เป็นครั้งแรกที่สหรัฐได้รับรู้ถึงความรู้สึกแบบที่ชาวโซเวียต ได้รับรู้กันมานานหลายปี เพราะสหรัฐขนนิวเคลียร์ไปจอคอหอยโซเวียตนานหลายปีแล้ว

    ยังดีที่สงครามล้างโลกยังไม่ได้เกิดขึ้น โดยจากข้อมูลที่เราท่านส่วนใหญ่รู้กันก็คือโซเวียตกลัวคำขู่สหรัฐจนต้องยอมเสียหน้าขนอาวุธนิวเคลียร์กลับไป

    แต่วันนี้เราจะมาดูเหตุการณ์เรื่องนี้จากมุมมองของโซเวียตกันบ้างว่าพวกเขามีเหตุผลอะไรถึงต้องขนอาวุธนิวเคลียร์ไปติดตั้งที่คิวบา และจริงๆแล้ว สหรัฐชนะอย่างที่คุยโตโอ้อวดเอาไว้จริงหรือ ผู้ที่จะมาบอกเล่าเรื่องนี้ก็คือ นิกิต้า ครุชชอฟ ผู้นำโซเวียตในยุคนั้น

    เหตุการณ์นี้ โลกรู้จักกันในชื่อ Cuban Missile Crisis แต่โซเวียตเรียก Caribbean Crisis และคิวบาเรียก October Crisis ความยุ่งยากเริ่มเมื่อ 14 ตุลาคม 1962 เมื่อสหรัฐได้ถาพถ่ายสอดแนมที่ระบุว่ามีฐานยิงนิวเคลียร์ที่คิวบา

    ตามที่ระบุไว้ใน เว็บไซต์ วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี บอกว่าหลังการปฏิวัติคิวบา และฟิเดล คาสโตร ขึ้นครองอำนาจ สหรัฐเกรงว่าคาสโตรจะหันไปนิยมคอมมิวนิสต์ จึงต้องการจะจัดการกับเขา ส่วนคาสโตร ก็กลัวว่าเคนเนดี้จะส่งคนมาปราบเขา จึงเตรียมพร้อมอยู่

    เคนเนดี้ ส่งชาวคิวบาที่ต่อต้านคาสโตร และได้รับการฝึกมาโดยซีไอเอ เข้ามาล้มล้างคาสโตร แต่พวกนี้พ่ายแพ้ยับเยิน และทำให้คิวบาต้องหันมาซบโซเวียต ครุชชอฟ ซึ่งมองเห็นความอ่อนแอของเคนเนดี้ จึงอยากจะขยายอิทธิพลของโซเวียตด้วยการสร้างกำแพงเบอร์ลิน ตามด้วยโครงการที่ทะเยอทะยานมากกว่านั้นคือการส่งนิวเคลียร์มาประชิดสหรัฐ

    เหตุที่โซเวียตต้องส่งอาวุธมาประชิดสหรัฐ ก็เพราะอาวุธของโซเวียตมีคุณภาพและปริมาณด้อยกว่าสหรัฐ และเพื่อตอบโต้การที่สหรัฐนำอาวุธนิวเคลียร์ไปติดตั้งไว้ที่ตุรกี โดยจรวดจากที่นี่ ใช้เวลาบินไปถล่มโซเวียตแค่ 16 นาทีเท่านั้น

    เมษายน ปี 1962 ครุชชอฟจึงเริ่มส่งอาวุธมาที่คิวบา ขณะที่สหรัฐก็ไม่เชื่อว่าโซเวียตจะกล้าทำเช่นนี้ แม้จะได้รับข่าวกรองมาบ้าง แต่เมื่อหลักฐานชัดเจน เช้าตรู่ วันที่ 22 ตุลาคม 1962 ประธานาธิบดีเคนเนดี้ ก็ประกาศทางโทร ทัศน์กับชาวอเมริกัน โดยบอกว่า การโจมตีใดๆจากฝ่ายคิวบา สหรัฐจะถือว่าเป็นการกระทำของฝ่ายโซเวียต และโซเวียตจะถูกตอบโต้

    นั่นคือข้อมูลบางส่วนจาก วิกิพีเดีย

    ช่วงนี้เรามาดูทัศนะของผู้นำโซเวียตกันบ้าง นำมาจากหนังสือเรื่อง " ความทรงจำของข้าพเจ้า นิกิต้า ครุชชอฟ " แปลโดย เปรมชัย พริ้งศุลกะ

    คาสโตร

    ครุชชอฟบอกว่า หลังคาสโตรมีชัยในการปฏิวัติ โซเวียตไม่รู้เลยว่าคาสโตรจะมีแนวทางการเมืองอย่างไร โดยรู้แค่ว่าในคณะของคาสโตรมีคอมมิวนิสต์อยู่หลายคน ประธานาธิบดีที่คาสโตรแต่งตั้งเป็นใครมาจากไหนโซเวียตก็ไม่รู้จัก คิวบาช่วงนั้นก็ไม่ได้รับรองรัฐบาลโซเวียต จึงไม่มีการติดต่อกัน แต่จากข้อมูลที่โซเวียตได้รับ บอกว่าราอูล คาสโตร น้องชายของฟิเดล คาสโตรเป็นคอมมิวนิสต์ที่ดี และอยากมีความสัมพันธ์กับเขา แต่ก็ไม่มีการทำอะไรทั้งสิ้น

    ครุชชอฟ เล่าเรื่องตลกด้วยว่า เมื่อผู้นำคิวบาได้ขึ้นสวรรค์ ผู้แทนของสวรรค์บอกให้คนที่เป็นคอมมิวนิสต์ก้าวออกมา 3 ก้าว ปรากฏว่า เช เกวาร่า และ ราอูล คาสโตร ก้าวออกมาตามคำสั่ง แต่คาสโตรไม่ยอมก้าวออกมา ซึ่งเรื่องนี้ชี้ให้เห็นว่า แม้หลายคนจะคิดว่าคาสโตรเป็นคอมมิวนิสต์ แต่ตัวคาสโตรเองกลับไม่คิดว่าเขาเป็นคอมมิวนิสต์

    ต่อมา โซเวียตส่ง อนาสตาส มิโกยัน รองนายกรัฐมนตรีโซเวียตคนที่ 1 ไปสหรัฐ เพื่อหาทางติดต่อค้าขายกับนักธุรกิจสหรัฐ และระหว่างนั้นคาสโตรก็เชิญเขาไปเยือนคิวบา หลังมิโกยันเยือนคิวบา สองประเทศก็สถาปนาความสัมพันธ์กัน ซึ่งก็มีผลทำให้สหรัฐคว่ำบาตรคิวบาเรื่องน้ำมันทันที เมื่อไม่มีน้ำมัน กิจกรรมในเกาะคิวบาก็แทบจะหยุดนิ่ง โซเวียตก็จึงเข้าช่วยเหลือคิวบา ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะโซเวียตไม่มีเรือน้ำมันขนาดใหญ่ และเมื่ออิตาลียอมขายถังน้ำมันให้โซเวียต สหรัฐก็ไปเอาเรื่องกับอิตาลี

    ครุชชอฟบอกว่า ตอนแรกสหรัฐ ก็คิดว่าระบบของคาสโตรจะล้มไปเอง แต่เมื่อเจอกับการกดดันจากสหรัฐแบบนี้ คาสโตรกลับกลายเป็นคอมมิวนิสต์เต็มตัว เขาแต่งตั้งคอมมิวนิสต์เข้ามาเป็นรัฐบาลหลายคน เรื่องนี้ทำให้สหรัฐไม่มีทางเลือก นอกจากส่งกำลังบุกคิวบา แต่ด้วยอาวุธยุทโธปกรณ์ และการให้คำปรึกษาของฝ่ายโซเวียต ทำให้กบฏที่สหรัฐส่งมาถูกปราบเรียบ ระหว่างการปราบปราม คาสโตรประกาศจะพาประเทศไปสู่ระบอบสังคมนิยม ซึ่งครุชชอฟแสดงความเห็นว่า ไม่น่าที่จะประกาศ เพราะคนที่ไม่ชอบสังคมนิยมนั้นก็มีอยู่มากมาย

    หลังเกิดเรื่องปฏิวัติซ้อน โซเวียตก็ระดมส่งอาวุธไปให้คิวบาอีก เพราะรู้ว่าสหรัฐคงไม่ปล่อยให้คิวบาลอยนวล เพราะกลัวจะเป็นตัวนำประเทศอื่นๆในละตินอเมริกาให้เป็นสังคมนิยมด้วย

    ครุชชอฟบอกว่า เขาเป็นห่วงเรื่องชะตากรรมและศักดิ์ศรีของโซเวียตในสายตาชาวโลกมาก หากโซเวียตสูญเสียคิวบาไป นั่นหมายถึงการดับสูญของลัทธิมาร์ก - เลนิน รวมทั้งบทบาทของโซเวียตที่มีต่อประเทศต่างๆ โซเวียตจึงจำเป็นต้องหามาตรการต่างที่มีประสิทธิภาพและมีผลอย่างจริงจังมาใช้ตอบโต้สหรัฐ คำตอบที่ครุชชอฟคิดได้ และมองว่าถูกต้องด้วยเหตุผลก็คือขีปนาวุธ เขาบอกว่าสหรัฐรายล้อมโซเวียตไว้ด้วยเครื่องบินทิ้งระเบิดและจรวดทั้งในตุรกีและอิตาลี ส่วนเรื่องเยอรมันตะวันออกนั้นก็ไม่ต้องพูดถึง แหล่งอุตสาหกรรมและที่มั่นทางการทหารโซเวียตล้วนแล้วแต่ถูกคุกคามด้วยเครื่องบินทิ้งระเบิด ระเบิดปรมาณู และระเบิดนำวิถีติดหัวรบนิวเคลียร์ ครุชชอฟบอกว่ามาตรการตอบโต้ของเขาสามารถหยุดยั้งสงครามได้ เพราะมีแต่คนโง่เท่านั้นที่จะทำสงครามนิวเคลียร์

    ครุชชอฟ บอกว่าตามแผนนี้เขาจะทำให้สหรัฐรู้สึกเสียบ้างว่าการมีอาวุธนิวเคลียร์อยู่ข้างๆบ้านตัวเองนั้นเป็นอย่างไร หลังจากที่สหรัฐเอาอาวุธแบบนี้มาวางไว้รอบโซเวียตมานานแล้ว ตามแผนของโซเวียต พวกเขาไม่สนใจว่าสหรัฐจะรู้หรือไม่ว่าโซเวียตมีแผนส่งนิวเคลียร์ไปคิวบา และยิ่งสหรัฐแสดงท่าทีว่าเริ่มรู้ พวกเขาก็ยิ่งส่งอาวุธเข้าไปในคิวบามากขึ้นอีก เพราะต้องการจะเพิ่มความกลัวให้สหรัฐ แต่ครุชชอฟ ก็ย้ำว่า โซเวียตไม่มีแผนจะทำสงครามแต่อย่างใด

    ครุชชอฟ บอกว่า หลังจากที่สหรัฐทราบแน่ชัดว่าโซเวียดเอาอะไรมาที่คิวบา ก็ออกโรงโวยวายไปทั่ว ส่งกองเรือมาปิดล้อมคิวบา แต่โซเวียตก็ไม่ยอมให้ใครมองว่าพวกเขาถูกสหรัฐข่มขู่ แต่เรือโซเวียตที่มุ่งหน้าเพื่อนำความช่วยเหลือมาให้คิวบา ก็ไม่ถูกเรือสหรัฐพยายามจะเข้าตรวจค้นแต่อย่างใด เขาบอกว่าสหรัฐไม่มีสิทธิจะมาทะเลาะกับโซเวียตเรื่องการช่วยเหลือคิวบา เพราะโซเวียตไม่ได้ให้อะไรกับคิวบามากกว่าที่สหรัฐได้ให้กับพันธมิตร

    เมื่อเหตุการณ์เข้าสู่วิกฤตมาได้ 6 - 7 วัน ทุกคนในรัฐบาลโซเวียตต่างก็เครียดกันหมด แต่ครุชชอฟ หาทางแก้เผ็ดฝ่ายตะวันตก ด้วยการชวนคณะรัฐบาลไปดูบัลเล่ต์ที่โรงละครบอลชอย เพื่อแสดงให้ตะวันตกเห็นว่าพวกผู้นำโซเวียตยังสบายๆกันอยู่

    หลังความยุ่งยากดำเนินมา 5 - 6 วัน โดบรึนิน เอกอัครราชทูตโซเวียตประจำกรุงวอชิงตัน รายงานกลับมาว่า โรเบิร์ต เคนเนดี้ น้องชายของเคนเนดี้ ได้มาพบอย่างไม่เป็นทางการ ในรายงานบอกว่า น้องชายเคนเนดี้ มีท่าทางอ่อนระโหยเหมือนคนไม่ได้นอนมาหลายวัน เจ้าตัวก็บอกเองว่าไม่ได้กลับบ้านมา 6 วันแล้ว " ประธานาธิบดีของเรากำลังอยู่ในสภาพสิ้นหวัง เขาไม่รู้ว่าจะหาทางออกได้อย่างไร เราอยู่ภายใต้สภาพกดดันอย่างที่สุด ขณะนี้ประธานาธิบดีกำลังร่างสาส์นถึงประธานครุชชอฟ ให้รับข้อเสนอของเราและขอให้พิจารณาถึงลักษณะเฉพาะและระบบต่างๆของอเมริกา ประธานาธิบดีไม่ต้องการก่อสงครามขึ้น แต่เหตุการณ์ที่เป็นเสมือนลูกโซ่ที่ผูกยืดยาวต่อไปอาจลุกลามขึ้นตามลำดับ ประธานาธิบดีใคร่ขอร้องโดยตรงต่อประธานครุชชอฟได้ช่วยเขาในการขจัดปัญหานี้ ถ้าเหตุการณ์ยังคงมีอยู่ต่อไป ประธานาธิบดีไม่แน่ใจว่าเขาอาจจะถูกฝ่ายทหารเข้าโค่นล้มและยึดอำนาจ "




    เคเนดี้

    ครุชชอฟ บอกว่าเขาตอบสาส์นของเคนเนดี้ว่า การติดตั้งอาวุธที่คิวบาก็เพื่อปกป้องคิวบา ไม่ได้หวังอะไรอย่างอื่นเลย และคิวบามีสิทธิที่จะเลือกวิถีทางเดินตามที่ประชาชนต้องการ และไม่ใช่ด้วยคำสั่งจากผู้อื่น

    และระหว่างที่กำลังแลกเปลี่ยนสาส์นอย่างเป็นทางการกันอยู่นั้น รายงานลับเกี่ยวกับสหรัฐก็มาถึงโซเวียต โดยผ่านมาทางน้องชายของเคนเนดี้ เพราะมีการติดต่อโดยตรงระหว่างโดบรึนินและโรเบิร์ต เคนเนดี ครั้งหนึ่ง โรเบิร์ตพูดโทรศัพท์กับทูตโซเวียตเหมือนกับคนกำลังร้องไห้ โดยบอกว่าเขาและประธานาธิบดีไม่ได้เห็นหน้าลูกมาหลายวันนี้ เพราะหมกตัวอยู่แต่ที่ทำเนียบขาวทั้งวันทั้งคืน และไม่รู้ว่าจะเหนี่ยวรั้งพวกนายพลไว้ได้นานเท่าไร

    และก็เป็นตอนนั้นเองที่ครุชชอฟ เห็นว่าเขาต้องเปลี่ยนแปลงนโยบายอย่างรวดเร็ว ต้องหาทางออกจากปัญหาอย่างมีเกียรติ แต่ก็ต้องแน่ใจว่าจะไม่โอนอ่อนผ่อนตามสหรัฐ จึงทำเรื่องตกลงว่าจะถอนจรวดและเครื่องบินทิ้งระเบิดออกมา แต่สหรัฐต้องรับประกันว่าจะไม่รุกรานคิวบา ซึ่งเคนเนดี้ก็ตกลง

    วันที่ 28 ตุลาคม 1962 ครุชชอฟ ก็จึงตกลงถอนอาวุธนิวเคลียร์กลับออกไป ครุชชอฟ บอกด้วยว่า หลังโซเวียตตอบตกลงจะขนย้ายอาวุธออกไป สหรัฐก็แสดงท่าทีแข็งกร้าวออกมาอีกครั้ง รบเร้าจะส่งเจ้าหน้าที่ไปดูการขนย้าย สื่อมวลชนสหรัฐต่างก็ออกมาประโคมข่าวว่าครุชชอฟขี้ขลาด แต่เขาก็ไม่ได้ตอบโต้อะไร เพราะเห็นว่าเขามีภาระที่จะต้องยินยอมเพื่อประโยชน์ของสันติภาพ

    อ่านถึงตรงนี้แล้ว พอจะคิดออกแล้วหรือยังว่า ใครฆ่า จอห์น เอฟ เคนเนดี้ และทำไมสหรัฐจึงไม่บุกคิวบาเสียที

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×