คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #73 : การล้างเผ่าพันธุ์ในดาร์ฟูร์
การล้างเผ่าพันธุ์ในดาร์ฟูร์
ไม่น่าเชื่อว่าโศกนาฎกรรมเช่นนี้ได้เกิดขึ้นมาหลายปีแล้วแต่ดูเหมือนเราจะมีความรู้เกี่ยวกับดาร์ฟูร์น้อยเหลือเกิน จะว่าสื่อตะวันตกให้ความสนใจน้อยก็เป็นการตีขลุมเกินไปเพราะเราไม่ได้อยู่ในอเมริกาหรือยุโรป บางทีประเทศเหล่านั้นอาจจะมีการเสนอข่าวอึกทึกคึกโครมก็ได้(แต่ถ้าท่านที่อ่านอยู่นี้อยู่ในประเทศเหล่านั้นจะส่งเสียงมาหน่อยก็ดี)แต่ที่เมืองไทยสื่อซึ่งเสนอข่าวต่างประเทศกันช่องละไม่กี่นาทีมีการพูดถึงสงครามกลางเมืองที่ซูดานน้อยมาก ถึงแม้จะมาฮือฮากันอีกครั้งตอนที่ยอดผู้กำกับ สตีเวน สปีลเบิร์กประกาศจะไม่ยอมช่วยจีนในพิธีเปิดกีฬาโอลิมปิคเพราะจีนขายอาวุธให้กับพวกที่กำลังรบกันในดาร์ฟูร์ นอกจากนี้จีนยังมีผลประโยชน์ด้านอื่นในซูดานอย่างมหาศาล กระนั้นหวังว่าบทความนี้จะให้ความกระจ่างแก่ท่านต่อสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในดาฟูร์ไม่มากก็น้อย ที่ผมเลือกแปลจากบีบีซีเพราะเค้าไม่ใช้สำนวนเยิ่นเย้นและมีการสรุปได้ใจความดี ประโยคสั้น ๆ ง่ายต่อการแปลและสะดวกต่อการอ่าน
บทความนี้มีในเว็บบีบีซีของวันอังคารที่ 6 กันยายน ปี 2007
Q&A: Sudan's Darfur conflict
ท่านถามมาเราตอบไปใน ความขัดแย้งในเขตดาร์ฟูร์ของซูดาน
คณะมนตรีความมั่นคงของสหประชาชาติได้มีมติให้กองกำลังรักษาสันติภาพอันแข็งแกร่งจำนวนสองหมื่นหกพันนายเข้าร่วมกับกองกำลังของสหภาพอาฟริกาจำนวนเจ็ดพันกว่านายในความพยายามที่จะปกป้องพลเรือนในจังหวัดทางใต้ของเขตดาร์ฟูร์
ชาวดาร์ฟูร์มากกว่าสองล้านคนอาศัยอยู่ในค่ายหลังจากหลั่งไหลอพยพมาเป็นเวลากว่าสี่ปีของการสู้รบกันในภูมิภาคแห่งนี้และตอนนี้พวกเขาต่างเสี่ยงอันตรายเพราะปราศจากผู้รักษาสันติภาพ
รัฐบาลของซูดานและกองทหารอาหรับที่สนับสนุนรัฐบาลถูกกล่าวหาว่าได้ก่ออาชญากรรมสงครามต่อประชาชนที่เป็นชาวอัฟริกันผิวดำ ถึงแม้ว่าสหประชาชาติจะไม่ยอมเรียกว่า"การล้างเผ่าพันธุ์"
การเจรจาสันติภาพครั้งใหม่ถูกวางแผนไว้แต่สันติภาพยังคงอยู่อีกไกล
การสู้รบเริ่มต้นอย่างไร ?
การสู้รบเริ่มต้นในภูมิภาคที่ยากจนข้นแค้นและแห้งแล้งในช่วงต้นปี 2003 ภายหลังจากที่ฝ่ายขบถได้เริ่มต้นเล่นงานรัฐบาลโดยกล่าวว่าภูมิภาคนั้นถูกทอดทิ้งโดยการ์ตูม (เมืองหลวงของซูดาน-ผู้แปล)
(สีขาวแสดงพื้นที่ซึ่งได้ผลกระทบจากสงคราม)
พวกขบถหลายกลุ่มบอกว่ารัฐบาลกำลังกดขี่ข่มเห่งชาวอัฟริกันผิวดำเพื่อผลประโยชน์ของชาวอาหรับ
ดาร์ฟูร์ซึ่งหมายถึง "ดินแดนแห่งขนสัตว์" ต้องเผชิญกับความตึงเครียดในเรื่องกรรมสิทธิ์ในแผ่นดินและการให้สัตว์เลี้ยงมากินหญ้าระหว่างเผ่าชาวอาหรับที่เร่ร่อนและชาวนาจากชุมชนชาวฟูร์ ,มาซซาลีทและซากาว่า
มีกลุ่มขบถสำคัญอยู่สองกลุ่มนั่นคือกลุ่มปลดปล่อยซูดาน (Sudan Liberation Army หรือ SLA)และขบวนการเรียกร้องความเสมอภาคและความยุติธรรม (Justice and Equality Movement หรือ Jem) ถึงแม้ว่าทั้งสองกลุ่มจะแตกแยกกันไป แต่บางส่วนก็มาเข้ากับกลุ่มของชนเผ่า
ถึงแม้บัดนี้จะมีกลุ่มขบถเกือบสิบสองกลุ่ม เกือบทั้งหมดจะเข้าร่วมการเจรจาในลิเบีย แต่ผู้นำคนสำคัญคนหนึ่งคือ อับดุล อาหิด เอล-นูร์ จะไม่ยอมเข้าร่วมจนกว่าการต่อสู้จะสิ้นสุด
รัฐบาลกำลังทำอะไรอยู่ ?
รัฐบาลยอมรับว่าได้ระดมพลเพื่อจัดตั้ง"กองกำลังป้องกันตัวเอง"ในการต่อกรกับพวกขบถแต่ปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับชนเผ่าจันจาวีด ที่ถูกกล่าวหาว่าพยายามจะ"กวาดล้าง"ชาวอัฟริกันผิวดำออกจากดินแดนอันกว้างใหญ่นี้
ผู้อพยพจากดาร์ฟูร์บอกว่าภายหลังจากการโจมตีทางอากาศโดยเครื่องบินของรัฐบาล เผ่าจันจาวีดได้ขี่ม้าและอูฐเข้ามาในหมู่บ้านต่างๆ เพื่อเข่นฆ่าผู้ชาย,ข่มขืนผู้หญิงและขโมยเท่าที่จะขโมยได้
มีรายงานว่าผู้หญิงจำนวนมากถูกลักพาตัวโดยพวกจันจาวีดเพื่อเป็นมานางบำเรอกามมากกว่าหนึ่งอาทิตย์ก่อนที่จะถูกปล่อยตัวไป
สหรัฐฯและกลุ่มสิทธิมนุษยชนบางกลุ่มบอกว่า การล้างเผ่าพันธุ์นั้นกำลังเกิดขึ้น ถึงแม้ทีมสอบสวนของสหประชาชาติที่ถูกส่งไปซูดานจะบอกว่าในขณะที่มีการก่ออาชญากรรมสงครามอยู่นั้น ไม่มีความพยายามในการล้างเผ่าพันธุ์
รัฐบาลของซูดานปฏิเสธว่าไม่ได้อยู่เบื้องหลังพวกจันจาวีดและประธานาธิบดี โอมาร์ อัล-บาชิได้เรียกคนเหล่านั้นว่า "พวกหัวโขมยและกลุ่มโจร"
หลังจากที่ต้องถูกกดดันอย่างหนักจากนานาชาติ และการขู่จะยุติความสัมพันธ์กับการช่วยเหลือ รัฐบาลสัญญาว่าจะปลดอาวุธพวกจันจาวีด แต่จนบัดนี้มีหลักฐานเพียงน้อยนิดที่บอกว่าพวกเขาทำตามสัญญา
ที่การ์ตูมได้มีการประกาศจะดำเนินคดีกับสมาชิกบางคนของกองกำลังรักษาความมั่นคงที่ถูกกล่าวหาว่าได้ก่อความชั่วร้ายดังกล่าว แต่นั้นถูกมองว่าเป็นส่วนหนึ่งในการต่อต้านความพยายามของสหประชาชาติที่จะนำผู้ต้องสงสัยคนสำคัญกว่าห้าสิบคนในการขึ้นศาลอาชญากรนานาชาติที่กรุงเฮก
เกิดอะไรขึ้นกับพลเรือนของดาร์ฟูร์ ?
ชาวดาร์ฟูร์หลายล้านคนได้อพยพออกจากหมู่บ้านที่ถูกทำลายในขณะที่จำนวนมากมุ่งหน้าสู่ค่ายใกล้เมืองสำคัญของดาร์ฟูร์ แต่ไม่มีอาหาร น้ำและยาที่เพียงพอ
กลุ่มจันจาวีนลาดตะเวนอยู่นอกค่ายและชาวดาร์ฟูร์ต่างกล่าวว่าหากพวกเขาด้นออกจากค่ายเพื่อหาฟืนและน้ำไกลเกินไป คนที่เป็นผู้ชายจะถูกฆ่าส่วนผู้หญิงจะถูกข่มขืน
ชาวดาร์ฟูร์กลุ่มอื่นอีกกว่าสองแสนคนได้ไปหาที่ลี้ภัยที่ชาด ประเทศเพื่อนบ้านแต่พวกเขาจำนวนมากตั้งค่ายอยู่ตามชายแดนที่มีความยาวประมาณหกร้อยกิโลเมตรและยังคงเสี่ยงต่อการถูกโจมตีจากฝั่งซูดาน
กลุ่มผู้อพยพนั้นยังหวาดหวั่นต่อความขัดแย้งทางการทูตระหว่างชาดและซูดานนั่นคือทั้งสองประเทศต่างกล่าวหากันและกันว่าสนับสนุนกลุ่มขบถที่เล่นงานทั้งพวกตนอยู่
พื้นที่ทางตะวันออกของชาดนั้นมีกลุ่มชนเผ่าที่คล้ายคลึงกับของดาร์ฟูร์
หน่วยงานที่มาช่วยเหลือจำนวนมากกำลังทำงานในดาร์ฟูร์แต่พวกเขาไม่สามารถเข้ามายังพื้นที่อันกว้างใหญ่นี้ได้เพราะการสู้รบกัน
มีคนตายเท่าไหร่ ?
การที่ทีมช่วยเหลือและนักวิจัยไม่สามารถเข้าไปที่ดาร์ฟูร์ได้มากนัก การคาดคำนวนต่อจำนวนผู้เสียชีวิตในสามปีที่ผ่านนั้นจึงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
นักวิจัยจึงสามารถทำได้แค่การประเมินจำนวนผู้เสียชีวิตโดยใช้การสำรวจในพื้นที่ซึ่งพวกเขาสามารถเข้าถึงได้
งานวิจัยชิ้นล่าสุดที่เพิ่งถูกตีพิมพ์ในเดือนกันยายนปีสองพันหกได้ระบุจำนวนผู้เสียชีวิตเกินกว่าที่จะตายตามปกติในพื้นที่ซึ่งไม่เป็นมิตรแห่งนี้ถึง "ไม่ต่ำกว่าสองแสนคน"
ทีมนักวิจัยของอเมริกาบอกว่าจำนวนผู้เสียชีวิตตามการคำนวนของพวกเขานั้นน่าสนใจและน่าเชื่อถือที่สุดในปัจจุบันนี้ แต่พวกเขาไม่ได้แยกให้เห็นความแตกต่างกันระหว่างคนที่ตายเพราะความรุนแรงและคนที่ตายเพราะอดอยากอาหารหรือโรคภัยในค่ายผู้อพยพต่างๆ
จำนวนผู้เสียชีวิตที่แท้จริงนั้นเป็นปัจจัยสำคัญในการจะให้การนิยามว่าความตายในดาร์ฟูร์นั้นคือ"การล้างเผ่าพันธุ์"หรือ"สถานการณ์ถูกปรุงแต่งเสียเกินจริง"ตามที่รัฐบาลซูดานได้แถลง
มีการเจรจาก่อนหน้านี้หรือไม่ ?
มากมาย
ผู้นำของกลุ่มเอสแอลเอกลุ่มหนึ่งคือมินนี มินาวีผู้ลงนามในสัญญาสันติภาพในปีสองพันหกภายหลังจากที่มีเจรจาอันยาวนานในประเทศไนจีเรีย ได้รับงบประมาณมหาศาลแต่นักรบของเขาก็ถูกกล่าวหาโดยองค์กรนิรโทษกรรมนานาชาติว่าทารุณกรรมประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ซึ่งต่อต้านการเจรจาสันติภาพ
กลุ่มขบถกลุ่มอื่น ๆ ไม่ยอมลงนามในสัญญา
ความรุนแรงและการขับไล่ประชาชนออกจากพื้นที่ของตัวเองได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วนับตั้งแต่สัญญาได้รับการลงนาม
มีใครพยายามที่จะยุติการต่อสู้บ้าง ?
กองกำลังสหภาพอาฟริกาจำนวนประมาณเจ็ดพันนายถูกส่งมาที่ดาฟูร์พร้อมด้วยอำนาจที่จำกัด
ผู้เชี่ยวชาญบอกว่าจำนวนทหารนั้นน้อยเกินกว่าที่จะครอบคลุมพื้นที่ขนาดเท่ากับฝรั่งเศส และสหภาพอัฟริกาบอกว่าไม่มีเงินพอที่จะสนับสนุนปฏิบัติการณ์ครั้งนี้ได้อีกต่อไป
จนเมื่อไม่นานมานี้ ซูดานได้ฝืนแรงกดดันทางการทูตของตะวันตกอันหนักหน่วงในการจะให้สหประชาชาติเข้าไปปฏิบัติการรักษาสันติภาพ
กองกำลังผสมของสหประชาชาติและสหภาพอัฟริกาใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิมควรจะเข้าไปในปีหน้า
กองกำลังควรจะมีอาวุธที่มีประสิทธิภาพและมีอำนาจที่มากกว่าในการปกป้องพลเรือนและคนงานขององค์กรที่ให้ความช่วยเหลือ
แต่บางคนบอกว่าขนาดนี้ก็ยังไม่พอที่จะครอบคลุมพื้นที่ขนาดใหญ่อันห่างไกลออกไป
คนอื่นๆ ชี้ให้เห็นว่ากองกำลังไม่อาจจะทำอะไรได้ถ้าหากไม่มีสันติภาพจะให้รักษา
งานนี้จีนเป็นผู้ร้ายเต็ม ๆ (ภาษาอังกฤษในภาพ- จีนและซูดาน :คู่หูมรณะ)
เครดิต
Johann sebastian Bach(Bloggang.com)
ความคิดเห็น