ลำดับตอนที่ #61
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #61 : ฟาลังซ์ (Phalanx)
ฟาลังซ์ เป็นรูปขบวนการจัดทัพรูปแบบหนึ่งของการทำสงครามสมัยก่อน
โดยมีการทำมาใช้ครั้งแรกในกรีกเมื่อ 800 ปีก่อนคริสตกาล
ในสมัยกรีก รูปขบวนฟาลังซ์ประกอบด้วยกองทหารฮอปไลท์(hoplite)
ทหารทองคนจะสวมหมวกเหล็กใหญ่ที่ปิดใบหน้าโดยเหลือช่องเฉพาะที่ตา หอกยาว
และโล่ขนาดใหญ่ โดยจะเข้าแถวประชิดระหว่างกัน
และตั้งโล่ไว้ด้านหน้าเพื่อป้องกันลูกธนูและสิ่งต่างๆที่จะเข้ามาโจมตี ทหาร
3-4 แถวหน้าจะวางหอกพุ่งไปด้านหน้าเพื่อกันไม่ให้ข้าศึกเข้าถึงตัว
รวมไปถึงป้องกันการโจมตีจากทหารม้าของฝ่ายตรงข้าม
ส่วนแถวหลังๆจะยกหอกขึ้นฟ้าเป็นแนวเฉียง เพื่อป้องกันลูกธนูของฝ่ายตรงข้าม
รูปขบวนฟาลักซ์เป็นรูปขบวนที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันสูง
ส่วนใหญ่จะใช้ในการถ่วงเวลาและเบนความสนใจแก่ข้าศึกก่อนที่กองทหารอื่นๆเช่น
ทหารม้า จะเข้าโจมตีซ้ำในด้านข้างหรือด้านหลัง
รูปขบวนฟาลังซ์ของกรีก
รูปขบวนฟาลังซ์ถูกนำมาพัฒนาเพิ่มเติมให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นโดนกษัตริย์ฟิลิปที่สองแห่งมาเซโดเนีย
และลูกชาย อเล็กซานเดอร์มหาราช
โดยทหารฟาลังซ์ของมาเซโดเนียจะใช้หอกที่มีความยาวมากกว่าฟาลังซ์ของกรีก
ทหารฟาลังซ์ถือว่าเป็นกำลังหลักหน่วยหนึ่งที่ทำให้อเล็กซานเดอร์สามารถพิชิตจักรวรรติเปอร์เซียของราชาดาริอุสได้
(รวมไปถึงเป็นกำลังหลังที่ทำให้อเล็กซานเดอร์บุกไปได้ถึงอินเดีย)
รูปขบวนฟาลังซ์ของมาเซโดเนีย
แต่อย่างไรก็ตาม รูปขบวนฟาลังซ์ก็มีจุดอ่อนใหญ่ๆคือ
ไม่สามารถป้องกันการโจมตีจากด้านข้างหรือด้านหลังได้
เพราะการที่เข้ารูปขบวนแถวชิด และยึดโล่เข้าด้วยกัน
ทำให้รูปขบวนฟาลังซ์ไม่สามารถเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็ว
อย่างที่เกิดขึ้นในสงครามแห่งไซนอสเซฟาเล่ เมื่อ 364 ปีก่อนคริสตกาล
เมื่อกองทัพโรมันใช้วิธีโจตีหน่วยฟาลักซ์จากทางด้านข้าง ซึ่งทำให้ในครั้งนั้น
ทัพมาเซโดเนียพ่ายแพ้อย่างยับเยิน โดยมีทหารเสียชีวิตถึง 8000 คน
และถูกจับเป็นเชลยอีก 5000 คน ส่วนทางโรมันเสียทหารไปแค่ 700 คนเท่านั้น
โดยมีการทำมาใช้ครั้งแรกในกรีกเมื่อ 800 ปีก่อนคริสตกาล
ในสมัยกรีก รูปขบวนฟาลังซ์ประกอบด้วยกองทหารฮอปไลท์(hoplite)
ทหารทองคนจะสวมหมวกเหล็กใหญ่ที่ปิดใบหน้าโดยเหลือช่องเฉพาะที่ตา หอกยาว
และโล่ขนาดใหญ่ โดยจะเข้าแถวประชิดระหว่างกัน
และตั้งโล่ไว้ด้านหน้าเพื่อป้องกันลูกธนูและสิ่งต่างๆที่จะเข้ามาโจมตี ทหาร
3-4 แถวหน้าจะวางหอกพุ่งไปด้านหน้าเพื่อกันไม่ให้ข้าศึกเข้าถึงตัว
รวมไปถึงป้องกันการโจมตีจากทหารม้าของฝ่ายตรงข้าม
ส่วนแถวหลังๆจะยกหอกขึ้นฟ้าเป็นแนวเฉียง เพื่อป้องกันลูกธนูของฝ่ายตรงข้าม
รูปขบวนฟาลักซ์เป็นรูปขบวนที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันสูง
ส่วนใหญ่จะใช้ในการถ่วงเวลาและเบนความสนใจแก่ข้าศึกก่อนที่กองทหารอื่นๆเช่น
ทหารม้า จะเข้าโจมตีซ้ำในด้านข้างหรือด้านหลัง
รูปขบวนฟาลังซ์ของกรีก
รูปขบวนฟาลังซ์ถูกนำมาพัฒนาเพิ่มเติมให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นโดนกษัตริย์ฟิลิปที่สองแห่งมาเซโดเนีย
และลูกชาย อเล็กซานเดอร์มหาราช
โดยทหารฟาลังซ์ของมาเซโดเนียจะใช้หอกที่มีความยาวมากกว่าฟาลังซ์ของกรีก
ทหารฟาลังซ์ถือว่าเป็นกำลังหลักหน่วยหนึ่งที่ทำให้อเล็กซานเดอร์สามารถพิชิตจักรวรรติเปอร์เซียของราชาดาริอุสได้
(รวมไปถึงเป็นกำลังหลังที่ทำให้อเล็กซานเดอร์บุกไปได้ถึงอินเดีย)
รูปขบวนฟาลังซ์ของมาเซโดเนีย
แต่อย่างไรก็ตาม รูปขบวนฟาลังซ์ก็มีจุดอ่อนใหญ่ๆคือ
ไม่สามารถป้องกันการโจมตีจากด้านข้างหรือด้านหลังได้
เพราะการที่เข้ารูปขบวนแถวชิด และยึดโล่เข้าด้วยกัน
ทำให้รูปขบวนฟาลังซ์ไม่สามารถเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็ว
อย่างที่เกิดขึ้นในสงครามแห่งไซนอสเซฟาเล่ เมื่อ 364 ปีก่อนคริสตกาล
เมื่อกองทัพโรมันใช้วิธีโจตีหน่วยฟาลักซ์จากทางด้านข้าง ซึ่งทำให้ในครั้งนั้น
ทัพมาเซโดเนียพ่ายแพ้อย่างยับเยิน โดยมีทหารเสียชีวิตถึง 8000 คน
และถูกจับเป็นเชลยอีก 5000 คน ส่วนทางโรมันเสียทหารไปแค่ 700 คนเท่านั้น
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น