คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #117 : เรื่องราวของปีศาจฆาตกรที่อำมหิตที่สุดในประวัติศาสตร์ Charles Milles Manson
เรื่องราวของปีศาจฆาตกรที่อำมหิตที่สุดในประวัติศาสตร์ Charles Milles Manson
ความเจริญก้าวหน้าทางวัฒนธรรมดูเหมือนจะสวนทางกับศีลธรรมอันดีงามในจิตใจมนุษย์
เวทย์มนต์ คาถาเป็นสิ่งต้องห้ามของทุกศาสนา ไม่ว่าจะพุทธ คริสต์ อิสลาม เพราะมันคือตัวถ่วงดุลของจิตใจและวัฒนธรรม
แต่ยังมีคนบางกลุ่มทั่วทุกโลกไม่ว่าจะแถบเอเซีย แอฟริกา ยุโรป หรืออเมริกัน ยังคลั่งไคล้ในอำนาจเวทย์มนต์ดำอยู่ เพราะพวกเขาคิดว่า อำนาจของซาตาน(Satan) หรือสิ่งชั่วร้าย จะมีพลังแรงพอที่จะดลบันดาลให้พวกเขาเหล่าสาวกผู้ซื่อสัตย์ ได้มีอาถรรพ์วิเศษ นำชีวิตให้ได้ในสิ่งที่ตนปรารถนา ซึ่งในอเมริกาก็ยังมีกลุ่มชนที่ลักลอบประกอบพิธีบูชายัญให้กับปิศาจอยู่
เชื่อว่าการตายของนักร้องดังก้องโลก อย่า่ง เจมส์ ดิน และ เจนส์ แมนฟิลด์ นั้น ก็เกิดมาจากความขมังเวทย์ของพวกพ่อมดหมอผีดังที่กล่าวมาข้างต้นน่ะครับ
แต่ที่แน่ๆ คดีฆาตกรรมโหดก้องโลกที่เกี่ยวกับการบูชาซาตานนั้นเกิดขึ้นแล้ว
"ชาล์ แมนสัน"เขาคือผู้นำแห่งลัทธิซาตานอดีตนักดนตรีสงร็อคชั้นนำอย่าง"The Monkess"และเขาผู้นี้ ชาลส์ แมนสัน คือผู้แต่งเพลง"I am a Beliver........."ด้วย ซึ่งท่านหลายคนน่าจะรู้จักกันดีในเพลงที่วง "Forever" ของไทยนำมาร้องใหม่
เขาผู้นี้ขึ้นทำเนียบ บัญชีดำฆาตกรที่โหดเหี้ยมที่สุดในประวัติศาสตร์หลังจากคดีของนักตัดบันลือโลกอย่าง"แจ็ค เดอะ ริ้ปเปอร์" และ คดีพิศวาสฆาตกรรมอย่างคดีชวนอาเจียน ของ "อิซซากะ ซากาวะ" ทันที
วีรเวรของนายชาลส์ แมนสัน
"ชาร์ลส์ แมนสัน" เขาคือผู้มีลักษณะของความเป็นผู้นำของลัทธิซาตานเป็นอย่างดี และเทิดทูนมันมาก ยิ่งกว่าที่ชาวคริสต์เตียนเคารพพระยะโฮวาห์เสียอีก
เขามีบริวาร หรือสาวกอยู่ ๔ คน ซึ่งแต่ละคนนี้ก็วนเวียนในโลกมายาของฮอลลิวูดไม่มากก็น้อยครับ อาทิเช่น
-ซูซาน แอตกินส์ ลิตา
-คาสสาเบียน
-เพตริเซีย เครนวิงเกิล
-เทต วัสสัน
เชื่อว่าพวกเขาก่อตั้งลัทธิซาตานและคอยชักชวนนักร้องนักแสดงวัยรุ่นหลายๆคนเพื่อที่พวกเขาจะได้มีสาวกเพิ่มขึ้นมาอีกหลายๆคน และตั้งตัวเป็นศัตรูกับพระยะโฮวาห์
แต่ทว่า.........ดันมีคนมาลองของกับพวกมันจนได้
"โรมัน โปรันสกี้"ผู้กำกับภาพยนตร์ฮอลลิวูดชื่อดัง เชื้อสายโปแลนด์ ผู้เริ่มต้นจากชีวิตโหดร้ายของสงครามโลกครั้งที่ ๒ ด้วยการเข้าโรงเรียนสอนการกำกับภาพยนตร์
ในช่วงนั้นชีวิตของโรมัน โปรันสกี้ ได้อยู่ในช่วงที่กำลังดี มีรายได้จากผลงานการกำกับภาพยนตร์ Rosemary's Baby (๑๙๖๘) และ Chinatown (๑๙๗๔)และได้แต่งงานกับดาราสาวสวย ชารอน เทต ซึ่งใครๆก็คิดว่าเขาเป็นผู้ที่โชคดีมาก
และหากว่าจะโชคดีกว่านี้หากเขาไม่สร้างภาพยนตร์เรื่อง โรสแมรี่'เบบี้
เพราะผลตอบแทนที่ได้รับจากภาพยนตร์ทั้งสองเรื่องนั้น มันสาหัสสากรรจ์นัก
เนื่องจากหนังเรื่อง โรสแมรี่'ส เบบี้ เป็นภาพยนตร์ที่เกี่ยวกับซาตานที่พวกมันเคารพซะนี่
วันที่ ๘ สิงหาคม ๑๙๖๙ ขณะที่ชารอน เทต ดาราสาวแสนสวยของผู้กำกับ โปลันสกี้ ซึ่งอยู่ในช่วงตั้งครรภ์ใกล้คลอด กำลังจัดดินเนอร์แบบกันเองกันเองระหว่างเพื่อนด้วยกันเอง หลังมื้อค่ำ เธอและพวกเขาก็นั่งคุยตามสบายอารมณ์
ขณะที่ ฆาตกรปิศาจและกลุ่มสาวกนรกทั้ง ๔ คน ซึ่งปีนเข้ามาในบ้านพร้อมปืน มีดและไม้ กะจะสังหารทุกคนในบ้านให้หมดเพราะความแค้น ที่ โรมัน โปลันสกี้ สร้างหนังไปกระทบหัวของพวกมัน
เพื่อนๆของชารอนทั้ง ๔ คน หนีตายอย่างอลหม่าน แต่ทว่า เงื้อมมือของสาวกซาตานได้เข้ามาถึงที่แล้ว ไม่พ้นที่บางรายถูกจิกผม เชือดคอจนเลือกระเดือกไหลเป็นก้อนออกมา บางรายถูกยิงศีรษะจนสมองกระจาย
แน่นอนครับ หญิงท้องแก่ใกล้คลอดอย่าง ชารอน เทต จะหนีไปไหนได้ เธอถูก ชาร์ลส์ แมนสัน ใช้มีดผ่าท้องของเธอจนเหวอะหวะ และถูกไม้ตีที่ศีรษะซ้ำ
แต่ทว่า ฆาตกรนรก ชาร์ลส์ แมนสัน ยังมิสะใจ พวกมันจับเธอ มัดโยงกับเพดานแขวนไว้ พวกมันตัดเต้านมของเธอทิ้งทั้งเป็น แล้วใช้มีดเล่มนั้นชำแหละกรีดตั้งแต่บริเวณยอดอก จนถึงหัวหน่าว
เลือดสดๆของเธอกระจายเต็มบ้าน มิหนำซ้ำ สาวกปิศาจ ชาร์ลส์แมนสัน ยังใช้แปลงจุ่มเลือดเขียนคำว่า "PIG" ตัวโตไว้ที่บานประตูบ้านด้วย
http://images.darkpun.multiply.com/image/1/photos/upload/300x300/SZwNoQoKCD8AADRyc@c1/pigdoor.jpg?et=duS0iyPmuqZvbMIrc8vvBA&nmid=0
คดีฆาตกรรมดาราสาวและเพื่อนๆสร้างความสะเทือนใจของคนทั้งโลกมาก และคดีนี้สามารถทำให้ "ชาร์ลส์ แมนสัน" ขึ้นบัญชีดำฆาตกรโรคจิตที่มีคนกลัวมากที่สุดในโลกคนหนึ่ง เกือบจะเท่ากับ "แจ็ค เดอะ ริ้ปเปอร์"ทีเดียว
แต่หลังจากคดีของ ชารอน เทต และเพื่อนๆ ชาร์ลส์ แมนสันและเหล่าสาวกนรกทั้ง ๔ ก็ยังไม่ถูกจับเสียทีเดียว ก็ได้ไปฆ่าเจ้าของซูเปอร์มาเก็ต "ลีโอ ลาเบียงก้า"และภรรยาสาวที่มีชื่อว่า "โรสแมรี่"
อันเนื่องมาจากว่าเหยื่อรายนี้ ดันไปมีภรรยาที่ชื่อคล้ายๆกับหนังที่มันเกลียดไงครับ
แต่แล้ว กรรมของบรรดาสาวกซาตานเป็นอันจบลง เมื่อ เริ่มต้นจากนักโทษสาว ซูซาน สาวกของชาร์ลส์ แมนสัน ที่ติดคุกด้วยข้อหาไม่เกี่ยวกับเหตุฆาตกรรมสยองขวัญ คุยโตโอ้อวดให้เพื่อนร่วมห้องขังฟังว่าเธอเป็นคนฆ่า ชารอน เทต ด้วยมือตัวเองพร้อมทั้งบอกเล่าแผนการณ์ทั้งหมด ภายหลังจากเจ้าหน้าที่สืบสวนรับทราบเรื่องนี้ การพยายามคลี่คลายขยายข้อเท็จจริงก็เริ่มต้นอย่างไม่รอช้า และในที่สุดเจ้าหน้าที่สืบสวนก็ได้พบความจริงอย่าคาดไม่ถึงว่าสิ่งที่นักโทษสาวรายนั้นกล่าวอ้างเป็นเรื่องจริงทั้งหมด การฆาตกรรม ชารอน เทท และเพื่อนๆ ของเธอนอกจากจะไม่ได้เกิดจากแรงจูงใจที่เกี่ยวโยงกับโปลันสกี้ สิ่งที่ตำรวจได้รับรู้เพิ่มเติมจากนั้น ยิ่งก่อให้เกิดความประหลาดใจมากขึ้นไปอีก
เพราะในบรรดาฆาตกรทั้งห้าคนที่ถูกจับได้ สามคนเป็นเด็กสาวอายุไม่เกิน ๒๑ ปี อีกคนเป็นเด็กหนุ่มอายุ ๒๓ ปี ส่วนหัวโจกได้แก่ ชาร์ลส์ แมนสัน อายุ ๓๔ ปี เป็นเพียงคนเดียวที่มีประวัติอาชญากรรมและใช้ชีวิตส่วนใหญ่ในคุก ทนายฝ่ายจำเลยกล่าวถึงบรรดาเด็กสาวที่กลายเป็นสาวกของแมนสันว่า นอกจากคนเหล่านี้จะไม่มีประวัติอาชญากรรมแล้ว ยังไม่เคยแม้กระทั่งสูบบุหรี่ก่อนหน้าได้พบกับแมนสัน
ในวันที่ ๑๓ เดือนธันวาคม ๑๙๖๙ ทั้งหมด ถูกจับได้ยกลัทธิ(ทั้งลัทธิมี ๕ คน)
การพิจารณาคดีดำเนินไปอีกถึงปีเศษ ในท่ามกลางความวุ่นวายยุ่งเหยิง ใครบางคนถึงกับเรียกการพิจารณาคดีครั้งนี้ว่าไม่แตกต่างจากละครสัตว์ เพราะนอกจากบรรดาสาวกจะมาชุมนุมให้กำลังใจ พวกเขายังแสดงออกในเชิงต่อต้านทุกวิถีทาง ว่าไปแล้ว คนเหล่านี้ ตกอยู่ในความงมงายไม่แตกต่างจากบรรดาสาวกซาตานใน Rosmary's Baby
ผลของการพิจารณาลงเอยด้วยคำสั่งประหารชีวิต ชาร์ลส์ แมนสัน กับสาวกสาวอีกสามคน แต่เนื่องจากกฏหมายของแคลิฟอร์เนียว่าด้วยการประหารชีวิตถูกเขียนไว้ไม่ชัดเจน ศาลจึงเปลี่ยนคำตัดสินเป็นการจำคุกตลอดชีวิตแทน
และทุกวันนี้ ชาร์ลส์ แมนสัน ก็ยังใช้ชีวิตอยู่ในคุก ที่แคลิฟอร์เนีย
แต่ว่า.......
ปัญหานั้นอยู่ที่ตัวสาวกทั้ง4คนนั้น ก่อนที่จะได้พบกับ ชาร์ลส์ แมนสั้นนั้นไม่ว่าจะซูซาน แอตวินส์, คาสสาเบียน ,เพตริเซีย เครนวิงเกิล , เทต วิสสัน นั้น เป็นเด็กที่ค่อนข้างเรียบร้อยมาก เพราะจากคำให้การของชาวบ้านที่รู้จักพวกเขาและเธอ ทั้ง ๔ คนไม่เคยแม้แต่จะสูบบุหรี่ ดื่นสุรากันเลย และเป็นเด็กที่เรียนอยู่ในเกณฑ์ที่ดีด้วย
อะไร?............คือเหตุผลให้พวกเขาหลงผิดเข้าสู่วังวนแห่งความอุบาทว์
ทำไม.......? พวกเขาถึงหันหลังให้ศีลธรรมอันดี
นี่คือสิ่งที่ทุกคนยังต้องคิดเป็นปริศนาอีกต่อไป
แต่หากอ่านประวัติของพวกมันแล้วจะเข้าใจเลยว่าทำไมมันเป็นไปได้ขนาดนี้
ประวัติ
ชาร์ลส แมนสัน Charles Milles Manson
ชาร์ลส แมนสันเกิดเมื่อวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๑๙๓๔ (ที่บอกว่าวันที่ ๑๒ แต่ก็ไม่แน่ชัด เพราะแม่เขาจำไม่ได้) แม่ชื่อ แคทเธอลีน มาดอกส์ มีอายุเพียง ๑๖ ปี และมีอาชีพเป็นโสเภณี แน่นอนก็มั่วผู้ชายสิ ทำให้ไม่รู้ว่าชาร์ลสมีพ่อชื่ออะไรกันแน่ แต่ตามเอกสารกล่าวว่าพ่อของเขาชื่อคาร์ล สก็อต แต่ก็ไม่มีหลักฐานว่าเขาเป็นพ่อแท้จริงหรือไม่แต่อย่างใด
จากประวัติแม่ของชาร์ส แคทเธอลีนเป็นเด็กสาวใจแตกที่หนีออกจากบ้าน ตอนที่คลอดชาร์ลสนั้นเธอไม่อยากมีลูกเลยแม้แต่น้อย ทำให้ช่วงระยะเวลหนึ่งที่ชาร์ลสไม่มีชื่อเพราะแม่ไม่คิดจะตั้งชื่อให้ และหลังจากที่เขาได้ชื่อ"ชาร์ลส"มาไม่นานนัก แคทเธอลีนก็แต่งงาน (แต่ก็อยู่ด้วยกันได้ไม่กี่เดือน) เขาจึงใช้นามสกุล"แมนสัน"มานับแต่นั้น
ตอนอายุ ๕ ขวบ ชาร์ลสถูกฝากเลี้ยงไว้กับยายเนื่องจากแม่และพี่ชายถูกจับในคดีปล้มปั๊มน้ำมันและถูกลงโทษจำคุกเป็นเวลา ๕ ปี และยายก็ขี้เกียจเลี้ยงเขาเหมือนกันทำให้เขาถูกส่งเวียนไปตามบ้านญาติ จนมาหยุดอยู่ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จากนั้นเขาก็หนีออกมาเพื่อเดินทางไปหาแม่ (แคทเธอรีนถูกปล่อยตัวชั่วคราว และอยู่ระหว่างการควบคุมความประพฤติ)
เมื่อแคทเธอลีนเจอหน้าลูก แทนที่จะดีใจ กลับเห็นชาร์ลสเป็นตัวถ่วงและส่งเขากลับไปสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าอีกครั้ง แต่ชาร์ลสหนีออกมาและก่อคดีอีกหลายครั้งจนถูกส่งไปอยู่สถานกักกันเยาวชนเป็นครั้งแรก
ชาร์ลเมื่ออายุ ๙ ปี และเมื่ออายุ ๑๘ ก็มีชื่อขึ้นบัญชีดำของตำรวจซะแล้ว
ในปี ๑๙๕๕ ชาร์ลสอายุ ๒๑ ปีและแต่งงานกับลูกสาวของคนงานเหมือง แต่ไม่นานก็หย่ากัน และหันมาเป็นแมงดาคุมซ่อง และก่อคดีต่างๆ เช่นการขโมยรถยนต์และการปลอมเช็คจนถูกจับจำคุกเป็นเวลา ๗ ปี
ชาร์ลสพ้นโทษในปี ๑๙๖๗ แต่ชีวิตหลังออกจากคุกไม่ดีนัก แถมเป็นโรคจิตอีก
ซึ่งปี ๑๙๖๗ นี้พอดี อเมริกากำลังอยู่ในยุคบุปผาชน สังคมเต็มไปด้วยพวกฮิปปี้หนุ่มสาว LSD และฟรีเซ็กซ์ เซ็กซ์อิสระซะด้วยสิ
ชาร์ลสเมื่อออกจากคุกก็คิดว่านี้คือภาพลักษณ์ที่ใฝ่ฝัน เขาอยากเป็นฮิปปี้ ด้วเทคนิคในการพูด ฝีมือในการเล่นกีตาร์และ LSD พวกวัยรุ่นซึ่งมีอุดมการณ์สูงแต่ไม่มีเป้าหมายในชีวิตต่างหลงไหลในคำพูดของชาร์ลสจึงมารวมตัวกัน
และนี่ก็คือจุดเริ่มต้นของ"แมนสันแฟมิลี่"
แมนสันแฟมิลี่หรือเรียกว่าครอบครัวของแมนสัน ซึ่งมีสมาชิกส่วนใหญ่เป็นเด็กมีปัญหาจากครอบครัวชั้นกลาง อยากทำเป็นอิสระ และเชื่อใจชาร์ส มากซะด้วยสิ
โดยสมาชิกในกลุ่มหลักๆ ประกอบด้วย
-ซูซาน แอดกินส์ ลิตา
-เพตริเซีย เครนวิงเคล
-เท็กซ์ วัตสัน(เข้ามาอยู่ภายหลัง)
-แมรี่ บรูนเนอร์
-บ็อบบี้ บัวโซ
-ลินดา คาซาเบียน
ในช่วงปี ๑๙๖๘ ชาร์ลสรู้จักกับเดนิส วิลสันซึ่งเป็นสมาชิกของวงบีชบอย และสนิทสนมกันจนเกือบจะออกอัลบั้มเพลงคู่กัน แต่โครงการนี้ก็ล้มซะเสียก่อน
แมนสันแฟมิลี่เข้าพักในคฤหาสน์ของเดนิสเป็นระยะเวลาหนึ่ง แต่ก็อยู่ไม่นานแหละ เพราะพวกแมนสันก่อปัญหามากมายทั้งเรื่องขโมยของมั่งล่ะ ไม่คืนเงินที่ยืมไปมั่งล่ะ พังรถเฟอรารี่มั่งล่ะ โดยรวมๆแล้วเป็นความเสียหายถึงแสนดอลลาร์ทีเดียว เดนิสก็ทนไม่ไหวสิเลยได้แนะนำให้ชาร์ลสรู้จักกับเท็กซ์ วัตสัน (ซึ่งชายคนนี้เองที่กลายมาเป็นมือขวาของชาร์ลสในภายหลัง)
ในเวลาต่อมา แมรี่ บรูนเนอร์ และซูซาน แอดกินส์คลอดลูกให้กับชาร์ลส ทำให้แมนสันแฟมิลี่กลายเป็นครอบครัวใหญ่ พวกเขาย้ายที่ไปอาศัยอยู่ในฟาร์มโดยทำงานเล็กๆน้อยๆแทนค่าที่พัก ทำให้ความเป็นอยู่ของพวกเขามั่นคงในระดับหนึ่ง เวลาหิวก็มีอาหารเหลือที่ขอแบ่งมาจากซูเปอร์มาร์เก็ต ถ้าไม่พอก็ขโมยรถมาขายหาเงินเลี้ยงพรรคพวก
ก็เป็นชีวิตปกติสุขอยู่หรอก ถ้าไม่วันหนึ่งชาร์ลสเกิดใฝ่ฝันเขาอยากจะยิ่งใหญ่เหมือนบีเทิ่ลส์ แล้วจู่ๆเขาก็เริ่มพูดถึง"วันสิ้นโลก"
ที่มาของเรื่องนี้ก็มาจาก "ไวท์อัลบั้ม"ซึ่งเป็นงานในช่วงท้ายๆของบีเทิ่ลส์นี่เอง ชาร์ลสอ้างว่าเพลงในอัลบั้มนี้มีความเกี่ยวพันกับแมนสันแฟมิลี่อย่างลึกล้ำ (คิดไปเอง) ข้อความในเนื้อเพลงมีหลายที่ซึ่งชี้ไปถึงแมนสันแฟมิลี่ (คิดเอาเอง) โดยเฉพาะเพลง Helter Skelter ของเซอร์พอล แมคคาทนีย์ ซึ่งชาร์ลสบอกว่าเนื้อเพลงนี้กล่าวถึง"คำนายของวันสิ้นโลก"(โลกไหน)
เนื้อเพลงบางส่วนจาก เฮลเทอร์สเคลเทอร์
“When I get to the bottom I go back to the top of the slide
Where I stop and I turn and then I go for a ride
Til I get to the bottom and I see you again
Do you, don't you want me to love you
I'm coming down fast, but I'm miles above you
Tell me, tell me tell me, c'mon tell me the answer
Welll you may be a lover but you ain't no dancer
Look out !
Helter Skelter, Helter Skelter, Helter Skelter
When I get to the bottom I go back to the top of the slide
Where I stop and I turn and then I go for a ride
Til I get to the bottom and I see you again
Do you, don't you want me to love you
I'm coming down fast, but I'm miles above you
Tell me, tell me tell me, c'mon tell me the answer
Welll you may be a lover but you ain't no dancer
Look out !
Helter Skelter, Helter Skelter, Helter Skelter
"ในไม่ช้าจะเกิดสงครามระหว่างคนขาวกับคนดำจะเกิดขึ้น มันจะกลายเป็นชนวนนำไปสู่สงครามปรมาณู คนดำจะเป็นฝ่ายชนะ แต่เนื่องจากพวกมันไม่มีความสามารถในการปกครอง พวกเรา แมนสันแฟมิลี่โดยมีข้าเป็นผู้นำจะเป็นเชื้อสายบริสุทธิ์เพียงหนึ่งเดียวที่เหลือรอด และกลายเป็นผู้ปกครองโลกตอลดกาล"
ฟังดูไร้สาระ แต่ในเมื่อชาร์ลสเชื่อ แมนสันแฟมิลี่ก็เชื่อด้วย จากตรงนี้เองที่พวกเขาเริ่มคิดถึงการก่ออาชญากรรมแล้วป้ายความผิดให้กับคนผิวดำ (เพื่อให้สงครามเกิดขึ้นเร็วๆ)
๒๕ กรกฎาคม ๑๙๖๙ แมนสันแฟมิลี่บุกเข้าบ้านพ่อค้ายา การี่ ฮินแมนโดยอ้างว่าเพื่อทวงเงินที่การี่ติดหนี้พวกเขาไว้ แต่การี่เกิดขัดขืนและด่ากลับมา ชาร์ลสก็ใช้ดาบตัดหูการี่และออกคำสั่งให้ฆ่า และแล้วบ็อบบี้ บัวโซเลยล์ก็อาสาเป็นคนแทง แล้วแมรี่ บรูนเนอร์กับซูซาน แอดกินส์ก็เขียนคำว่า"POLITICAL PIGGY"ด้วยอักษรเลือดบนกำแพงและวาดรูปเล็บเสือไว้เพื่อแสร้งว่าเป็นฝีมือของแบล็คแพนเธอร์ (กลุ่มคนผิวดำหัวรุนแรง)
ศพของการี่ บัวโซ ถูกพบอีก ๑ อาทิตย์ให้หลัง ต่อมาบัวโซก็ถูกจับขณะขับรถเฟี้ยตที่ขโมยมาจากบ้านการี่ และอีก ๒ วันให้หลัง แมรี่ บรูนเนอร์ก็ถูกจับในข้อหาครอบครองบัตรเครดิตที่ขโมยมา
แต่กระนั้นเรื่องนี้ชาร์ลสหยุดก่อกรรมทำเข็น เขายังเลือกเป้าหมายก่อกรรมอีก
เป้าหมายรายถัดมาของพวกชาร์ลสคราวนี้เป็นคฤหาสน์เก่าของเทรี่ เมลเชอร์ ซึ่งเป็นเรคอร์ดโปรดิวเซอร์ซึ่งยกเลิกสัญญาแผ่นเสียงของชาร์ลส ในตอนนั้นเทรี่ย้ายบ้านไปเรียบร้อยแล้ว เจ้าของคนปัจจุบันคือผู้กำกับหนัง โรมัน โปแลนสกี้และภรรยาของเขา ดาราสาว ชารอน เทท อายุ ๒๖ ปี
โรมัน โปแลนสกี้ เป็นผู้กำกับหนังดังซะด้วยสิ ผลงานการกำกับภาพยนตร์แต่ละเรื่องทำเงินทั้งนั้น เช่นเรื่อง Rosemary's Baby (๑๙๖๘) และ Chinatown (๑๙๗๔) แถมชีวิตครอบครัวก็ดีอีกเพราะได้แต่งงานกับดาราสาวสวย ชารอน เทท ซึ่งใครๆก็คิดว่าเขาเป็นผู้ที่โชคดีมาก
ในตอนนี้ ชารอน เททกำลังท้องแปดเดือนและมีกำหนดคลอดในอีกไม่ช้า ชีวิตกำลังหวานชื่นรื่นรมย์
แต่ชาร์ลสยังไม่ทราบเรื่องว่านี้
และนี้คือคดีนี้ก็กลายเป็นคดีฆาตกรรมโลกตะลึงในบัดดล!!
วันที่ ๘ สิงหาคม ๑๙๖๙
วันนั้นโปแลนสกี้มีธุระจึงไม่อยู่บ้าน แต่กระนั้นที่บ้านนี้กำลังจัดดินเนอร์แบบกันเองกันเองระหว่างเพื่อนด้วยกันเอง หลังมื้อค่ำ เธอและพวกเขาก็นั่งคุยตามสบายอารมณ์
โดยคนในงานนั้นนอกจากเททภรรยาโปแลนสกี้แล้วก็มีเพื่อนของเธอ เจย์ เซบริงก์ (แฟนเก่าของเทท), อาบิเกล ฟอลเกอร์ (ทายาทเศรษฐีพ่อค้ากาแฟ) และวอยเทค ฟรีโควสกี้ (คนรักของอาบิเกล) อยู่บ้านพอดี
ความตายเริ่มมาใกล้พวกเขาแล้ว...
ฆาตกรปิศาจและกลุ่มสาวกนรกทั้ง ๔ คน กำลังเตรียมการอยู่นอกบ้านพอดี
ชาร์ลสเริ่มสั่งให้ เท็กซ์ วัตสัน สมุนมือขวาปีนขึ้นเสาไฟไปตัดสายไฟ จากนั้นก็นำซูซาน , แพทรีเชีย เครนวิงเคลกับลินดา คาซาเบียนเข้าไปในบ้าน มันช่างง่ายดายเสียยิ่งกะไร
ก่อนจะเข้าบ้าน ทันใดนั้นเอง สตีเว่น พาเรนท์ซึ่งขับรถมาเยี่ยมแม่บ้าน เกิดเห็นพวกเขาพอดี และเมื่อสตีเว่นถามว่าพวกเขาเป็นใคร เท็กซ์ก็หันปืนเล็งสตีเว่นและยิงใส่หัวเขา ๔ นัด
สตีเว่นตายในทันที
เท็กซ์ปีนเข้าห้องเด็ก และแอดกินส์กับเครนวิงเคลก็เข้าทางประตู คาซาเบียนยืนดูต้นทางอยู่ข้างนอก (ภายหลังคาซาเบียนเกิดสำนึกผิดต่อการฆาตกรรมนี้จึงให้ความร่วมมือกับตำรวจ)
แอดกินส์ใช้มีดบังคับให้คนทั้งสี่มารวมกันที่ห้องโถง และเมื่อเท็กซ์ใช้ปืนสั่งให้เชลยหมอบลงกับพื้น เซบริงก์เกิดขัดขืนกระโจนเข้าสู้ เท็กซ์ยิงทะลุปอดของเซบริงก์แต่เขายังไม่ตายและยังขัดขืนไม่เลิก เท็กซ์จึงใช้มีดเสียบไม่ยั้งแบบรั่วจัด จนเซบริงก์ตายสนิท
จากนั้นพวกเขาก็แขวนศพของเซบริงก์เข้ากับขื่อแล้วผูกปลายเชือกอีกข้างกับคอของเททและอาบิเกล (ในขณะนั้นทั้งสองต้องยืนเขย่ง ไม่เช่นนั้นเชือกจะรัดคอ)
เท็กซ์สั่งให้แอดกินส์ฆ่าฟรีโควสกี้ซึ่งเขาก็สะบัดหลุดหนีออกไปทางสวน แต่ก่อนที่จะออกพ้นบ้านนั้นเอง ฟรีโควสกี้ก็ถูกแทงจากข้างหลังนับครั้งไม่ถ้วน
คาซาเบียนซึ่งเห็นเหตุการณ์จากนอกบ้านพยายามห้าม แต่ไม่มีใครสนใจฟัง เท็กซ์ยิงฟรีโควสกี้ ๒ นัดแต่เขาไม่ตายเสียที ทำให้ต้องใช้ปืนทุบซ้ำๆจนเขาเสียชีวิต
อาบิเกลปลดเชือกที่พันคอตัวเองหลุดจึงหนีออกไป แอดกินส์ไล่ทันและแทงเธอ เท็กซ์ตามมาสบทบ แล้วทั้งสองก็ช่วยกันแทงอาบิเกลจนตาย
เมื่อพวกเขากลับมายังห้องโถงอีกครั้ง ส่วน ชารอน เทท ก็พยายามหนี แต่หญิงท้องแก่จะมีแรงหนีไปไหนไกลได้ พวกชาร์สกลับมาจัดการเธอ โดยเท็กซ์สั่งแอดกินส์ฆ่าเทท
ชารอน เททพยายามร้องขอชีวิตสุดชีวิต ขอให้เห็นแก่เด็กในท้องบ้างเถอะ
ไม่มีใครฟัง แอดกินส์ เท็กซ์และเครนวิงเคลช่วยกันแทงเธอถึง ๑๖ แผล จากนั้นก็ใช้มีดผ่าท้องของเธอจนเหวอะหวะ และถูกไม้ตีที่ศีรษะซ้ำ
แต่ทว่า ฆาตกรนรก พวก ชาร์ลส์ แมนสัน ยังไม่สะใจ พวกมันจับเธอ มัดโยงกับเพดานแขวนไว้ พวกมันตัดเต้านมของเธอทิ้งทั้งเป็น แล้วใช้มีดเล่มนั้นชำแหละกรีดตั้งแต่บริเวณยอดอก จนถึงหัวหน่าว
เลือดสดๆ ของเธอกระจายเต็มบ้าน มิหนำซ้ำ สาวกปิศาจ ชาร์ลส์แมนสัน ยังใช้แปลงจุ่มเลือดเขียนคำว่า "PIG" ตัวโตไว้ที่บานประตูบ้าน
ที่จริงแล้ว พวกเขาไม่ได้รู้เลยว่าตัวเองฆ่าใครไปบ้างจนกระทั่งได้ดูข่าวในวันรุ่งขึ้น แบบว่าเหยื่อจะเป็นใครก็ได้ ซึ่งพ่อดีพวกเททถูกฆ่าเพียงเพราะบังเอิญอยู่ที่นั่นเท่านั้นเอง
ชาร์ลสพอใจกับผลงานของแฟมิลี่มากและตัดสินใจลงมือในงานถัดไปด้วยตัวเอง เขาเลือกคฤหาสน์ของเลโน่ ลาเบียนก้าซึ่งเป็นเจ้าของแฟรนชายนส์ซูเปอร์มาร์เก็ตเป็นเป้าหมายถัดมา
ชาร์ลสไม่รู้หรอกว่าเหยื่อของเขาเป็นใคร ขอให้เป็นเศรษฐีก็พอ ปล้นทีได้เงินเยอะดี
๑ วันหลังจากการฆาตกรรมเทท พวกแมนสันบุกเข้าบ้านลาเบียนก้าในเวลาตี ๑ ชาร์ลสใช้ปืนบังคับเลโน่และโรสแมรี่ซึ่งเป็นภรรยาลงมาที่ชั้น ๑ และมัดทั้งสองเอาไว้ จากนั้นจึงออกไปเรียกเท็กซ์, เครนวิงเคล, เลสลี่ แวน ฮูเทนซึ่งรออยู่ในรถเข้ามาจัดการต่อ
เท็กซ์ปาดคอเลโน่แล้วใช้มีดตัดเค้ก (ที่มีฟันหยักเป็นคลื่น) แทงซ้ำลงไปที่คอ โรสแมรี่ดิ้นรนขัดขืนเมื่อได้ยินเสียงร้องของสามี หากก็ถูกเครนวิงเคลกับแวน ฮูเทนรุมแทงถึง ๔๑ แผล เลโน่ถูกแทงด้วยมีด ๒๐ แผล ด้วยส้อม ๑๑ แผล บนท้องถูกกรีดเป็นคำว่า "WAR"
พวกแมนสันทิ้งตัวอักษรเลือด "DEATH TO PIGS" ไว้บนกำแพง และเขียน"HEALTER SKELTER"(A เกินมาตัว) ไว้บนตู้เย็น
๑ อาทิตย์ให้หลัง ชาร์ลสและแมนสันแฟมิลี่จำนวน ๒๐ คนถูกจับ แต่ไม่ใช่ในข้อหาฆาตกรรม เป็นข้อหาขโมยรถยนต์ ตำรวจยังไม่สามารถโยงคดีฆาตกรรมทั้งสองเข้ากับแมนสันแฟมิลี่ได้ ข้อหาขโมยรถยนต์ก็มีหลักฐานไม่เพียงพอ พวกแมนสันจึงถูกปล่อยตัวไป
คดีเริ่มมีความเคลื่อนไหวเมื่อเข้าเดือนตุลาคม คิทตี้ รูทซิงเกอร์ซึ่งเป็นคนรักของบ็อบบี้ บัวโซเลยล์ มาขอความช่วยเหลือจากตำรวจ คดีจึงถูกโยงไปยังแมนสันแฟมิลี่เป็นครั้งแรก
และแล้ว ความโหดเหี้ยมของบรรดาสาวกของชาร์ลสเป็นอันต้องจบลง เริ่มต้นจากนักโทษสาว ซูซาน สาวกของชาร์ลส์ แมนสัน ที่ติดคุกด้วยข้อหาไม่เกี่ยวกับเหตุฆาตกรรมสยองขวัญ คุยโตโอ้อวดให้เพื่อนร่วมห้องขังฟังว่าเธอเป็นคนฆ่า ชารอน เทท ด้วยมือตัวเองพร้อมทั้งบอกเล่าแผนการทั้งหมด ภายหลังจากเจ้าหน้าที่สืบสวนรับทราบเรื่องนี้ การพยายามคลี่คลายขยายข้อเท็จจริงก็เริ่มต้นอย่างไม่รอช้า และในที่สุดเจ้าหน้าที่สืบสวนก็ได้พบความจริงอย่าคาดไม่ถึงว่าสิ่งที่นักโทษสาวรายนั้นกล่าวอ้างเป็นเรื่องจริงทั้งหมด กับฆาตกรรม ชารอน เทท และเพื่อนๆ
ในวันที่ ๑๓ เดือนธันวาคม ๑๙๖๙ ทั้งหมดถูกจับได้ยกลัทธิ (ทั้งลัทธิมี ๕ คน) รวมทั้งชาร์ลส์ แมนสัน
การพิจารณาคดีดำเนินไปอีกถึงปีเศษ ท่ามกลางความวุ่นวายยุ่งเหยิง ไม่แตกต่างจากละครสัตว์ เพราะมีบรรดาสาวกจะมาชุมนุมให้กำลังใจชาร์ลส์อย่างล้มหลามมีทั้งของแท้และของเทียมและแฟนพันธุ์แท้ นอกจากนี้พวกนั้นยังแสดงออกในเชิงต่อต้านทุกวิถีทาง เช่นบุกขึ้นศาล ส่งเสียงดัง ทำลายข้าวของ
ผลของการพิจารณาลงเอยด้วยคำสั่งประหารชีวิต ชาร์ลส์ แมนสัน กับสาวกสาวอีกสามคน
แต่เนื่องจากกฎหมายของแคลิฟอร์เนียว่าด้วยการประหารชีวิตถูกเขียนไว้ไม่ชัดเจน ศาลจึงเปลี่ยนคำตัดสินเป็นการจำคุกตลอดชีวิตแทน
ทุกวันนี้ ชาร์ลส์ แมนสัน ก็ยังใช้ชีวิตอยู่ในคุก ที่แคลิฟอร์เนีย และบรรดาสาวกก็แก่เป็นคุณปู่ คุณยายไปหมดแล้ว
ล่าสุดปี ๒๐๐๕ ชาร์ลส แมนสันยื่นเรื่องขอออกจากคุก แต่มันต้องมีอันตกไปเพราะคดีที่เขาก่อมันร้ายแรงมากจนยากที่จะให้อภัย
ความคิดเห็น