ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เสน่ห์รัก แรงแค้น

    ลำดับตอนที่ #4 : สงครามกลางงานเลี้ยง ฉบับปรับปรุง

    • อัปเดตล่าสุด 29 ก.ค. 56


                                



                                    

                                                              สงครามกลางงานเลี้ยง

                    งานเลี้ยงที่ถูกจัดขึ้นในโรงแรมหรูใจกลางเมืองอย่างโรงแรมในเครือ อัครเหมันต์บดินษ์ โดยมีเจ้าของธุรกิจอย่าง ปราการ อัครเหมันต์บดินษ์ เป็นพ่องาน ภายในงานเต็มไปด้วยเหล่าไฮโซ เซเล็บ ชื่อดังทั่วทั้งประเทศ  งานใหญ่ระดับประเทศอย่างนี้มีเหรอว่าเหล่าไฮโซจะพลาด งานครบรอบการก่อตั้งบริษัทของเครือ อัครเหมันต์บดินษ์

                    " มองหาใครอยู่ครับแก้ว " อาทิตยะเอ่ยถามหญิงสาวข้างกายที่สวยราวเจ้าหญิงในเทพนิยายที่ออกมาจากโลกของความฝัน จนเขาเองไม่อาจละสายตาไปมองอย่างอื่นได้ เมื่อเห็นว่าหญิงสาวข้างกายมองหาใครสักคนเขาอดที่เอ่ยถามไม่ได้ ตอนนี้ชายหนุ่มไม่ค่อยพอใจหนุ่มๆในงานเลยสักคน คนเหล่านั้นมักจะมองมายังร่างบอกบางข้างกายเขาตลอดเวลา

                    " ก็พี่กานต์นะสิค่ะ...ป่านนี้แล้วยังไม่มาเลย งานก็กำลังจะเริ่มแล้วด้วย " แก้วตาบอกอาทิตยะอย่างเป็นกังวล

                    "เดี๋ยวคุณกานต์ก็คงจะมา งานสำคัญอย่างนี้คุณกานต์ต้องมาแน่นอนครับ แก้วอย่างกังวลไปเลยครับ" อาทิตยะบอกแฟนสาวให้คลายกังวล ชายหนุ่มยิบน้ำส้มจากบริกรสาวให้คนรักก่อนจะยิบแชมเปนให้ตน

                    " แก้วคงคิดมากไปจริงๆ" แก้วตาหันกับไปยิ้มหวานให้กับแฟนหนุ่มของตน พร้อมชวนคุยเรื่องทั่วไปเพื่อไม่ให้ชายหนุ่มเบื่อหน่ายกับงานเลี้ยง บ้างครั้งก็ทักทายและแนะนำให้รู้จักผู้หลักผู้ใหญ่ในแวดวงธุรกิจ ทั้งที่ชายหนุ่มจักและไม่จัก

                    ส่วนเจ้าของงานก็กำลังเดินเข้ามาในงานด้วยท่าทางที่สง่างามจนหลายคนอดที่จะชมความหล่อเหลาของเขาไม่ได้ ใบหน้าคมสันที่ออกไปทางลูกครึ่งของเขานั้น เป็นที่ดึงดูดเพศตรงข้ามได้เป็นอย่างดีได้เคาของแม่ที่เป็นชาวอิตาเลียนแท้ๆ  บริษัทของครอบครัวเขาจึงมีหลายอย่าง ทั้งของฝ่ายครอบครัวพ่อและของทางครอบครัวแม่ ลูกซึ่งเป็นลูกชายและหลายชายคนเดียวของตระกูล ก็เลยต้องดูแลธุรกิจเหล่านี้แทนพ่อที่ผันตัวไปเป็นชาวไร่อย่างสบายที่อิตาลีบ้านเกิดของแม่ ส่วนเขาก็ต้องบินไปรอบโลกตลอดทั้งปีเพื่อที่จะดูแลธุรกิจเหล่านั้นแทนพ่อ

                    " พี่กานต์..." แก้วตาโผเข้ากอดพี่ชายทันทีที่ปราการเดินมาถึง ชายหนุ่มเองก็กอดตอบน้องสาวอันเป็นที่รักพร้อมหอมแก้มแสดงความรักที่มีต่อน้องสาว

                    " สวัสดีครับคุณปราการ " อาทิตยะจับมือทักทายตามแบบสากล

                    "สวัสดีครับคุณซัน....ผมคิดว่าคุณจะไม่มาซะอีก " ปราการเอ่ยถาม เขารู้มาจากน้องสาวว่าอาทิตยะไม่ค่อยมีเวลาว่าง และคงจะไม่สามารถมาร่วมงานเลี้ยงของบริษัทของเขาได้

                    " ต้องมาแน่นอนครับ คุณกานต์อุตส่าห์เชิญผม ไม่ว่างผมก็ต้องหาทางว่างจนได้ "

                    " ใช่ค่ะ...งานใหญ่ซะขนาดนี้ยังไงๆ ก็ต้องหาทางมาให้ได้ " เสียงหวานที่ดังมาจากข้างหลังทำให้ทั้งสามคนที่กำลังสนทนากันอยู่หันไปมองยังต้นเสียงทันที หญิงสาวที่อยู่ในชุดราตรีเกาะอกผ่าด้านข้างจนเห็นต้นขาเรียวสวยขาวเนียนน่าสมผัสยิ่งนักคงจะนุ่มละมุนอย่างปุยนุ่น รองเท้าสีเดียวกันกับชุด ใบหน้าที่ถูกแต่งแต้มให้จัดจ่างกว่าเดิม ริมฝีปากที่เคลือบด้วยลิปสติกสีแดงสด ทำให้เธอเป็นที่จับตามองเป็นอย่างมาก แค่เดินเข้ามาคนทั้งงานก็มองตามอย่างไม่มีใครละสายตาแม้แต่ชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของงานเองก็ตะลึงกับความสวยของหญิงสาวร่างเล็กบอกบางน่าทะทุทะนอน แต่กับคนที่เห็นกันมาตั้งแต่เกิดย่อมรู้ดีว่าเธอคนนี้เป็นใครคนเป็นพี่ไม่ได้ตกตะลึงกับความสวย แต่กำลังตกตะลึงเพราะเห็นหน้าน้องสาวแท้ๆ ไม่รู้ว่ามาได้ไง

                    " แซนด์..." อาทิตยะเอ่ยชื่อน้องสาวของมาด้วยความตกใจ เขาไม่คิดว่าทรายแก้วจะรู้ว่าเขามางานนี้ ชายหนุ่มเชื่อว่าอริสราไม่มีทางปริปากบอกทรายแก้วแน่นอน แล้วทรายแก้วรู้ได้ไงว่าเขามางานนี้

                    " ไม่คิดจะชวนแซนด์เลยเหรอค่ะพี่ซัน...งานออกจะสนุกอย่างนี้ " ทรายแก้วเอ่ยถามพี่ชาย แต่สายตากับจดจ้องไปที่หญิงสาวอีกคนที่อยู่ในวงสนทนาอย่างไม่ว่างตา จนคนที่ถูกมองต้องรีบหลบสายตาทันที

                    "มาได้ไงแซนด์..." อาทิตยะถามน้องสาวด้วยความกังวน เขากลัวเหลือเกินว่าทรายแก้วจะมาสร้างความวุ่นวายภายในงาน

                    " ก็นั่งรถมา... ทำไมค่ะพี่ซัน แซนด์มาไมไม่ได้เหรอ " ทรายแก้วตอบอย่างยี้ยวนกวนใจ ทำให้คนฟังถึงกับกำหมัดเอาไว้แน่ ถ้าไม่เห็นว่าโตเป็นสาวแล้วละนะจะจับมาตีก้นซะให้เข็ด คนเป็นพี่ได้แต่เก็บอาการไม่พอใจเอาไว้ในส่วนลึกของความรู้สึก

                    " ไม่เห็นเป็นไรเลยนิครับคุณซัน มากันหลายๆคนงานจะได้สนุกกว่าเดิม ใช่ไหมครับ..." ประโยคแรกปราการพูดกับอาทิตยะ ก่อนที่จะหันมาถามอีกประโยคกับทรายแก้ว หลังจากที่เขาดูสถานการณ์อยู่สักพักและก็ตะลึงกับความสวยของศิลปะชิ้นงามตรงหน้าอยู่นาน

                    " ผม ปราการ อัครเหมันต์บดินษ์ ครับ " ปราการแนะนำตัวพร้อมยื่นมือออกไปหวังที่จะทักทายแบบตะวันตก

                    " ฉันเป็นคนไทยค่ะ...และฉันก็ไม่คิดจะอยากรู้จักคุณ..." ทรายแก้วพูดพร้อมเชิดหน้าขึ้นอย่างหยิ่งยโส ที่เธอมางานนี้ไม่ได้ต้องการรู้จักใครทั้งนั้นแค่มาขัดขวางความสุขของใครบางคน

                    " แซนด์....อย่าเสียมารยาท...ผมต้องของโทษคุณกานต์แทนยัยแซนด์ด้วยนะครับ.." อาทิตยะรีบตักเตือนน้องสาวก่อนที่จะรีบหันกลับไปขอโทษปราการที่น้องสาวเขาเสียมารยาทต่อชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของงาน

                    " นี่...ทรายแก้ว น้องสาวผมเองครับคุณกานต์ " อาทิตยะแนะนำ ถ้าขื่นให้แนะนำตัวเองคงต้องใช้ไม้ไล่ตีบังคับเอา

                    " แซนด์..." ก่อนที่จะสะกิดบอกน้องสาวที่เชิดอย่างไม่สนใจอะไรให้ทักทายปราการตามมารยาทของสังคม

                    " พี่ซันอ่ะ..." ทรายแก้วไม่ค่อยพอใจเท่าไรที่โดนอาทิตยะบังคับ เธอมานี้เพื่อทำลายงานเลี้ยงที่แสนจะหรูหรานี้นะ แล้วทำไมต้องไปรู้จักเจ้าของงานด้วย 

                    " สวัสดีค่ะคุณปราการ..." ทรายแก้วหันไปทักทายอย่างประชดประชัดเพียงแค่เป็นพิธีก่อนที่จะเชิดหน้าหนีอย่างเดิม

                    " ผมคงต้องของตัวกลับก่อนนะครับคุณกานต์..."  อาทิตยะรีบกล่าวลา ทำไมคนเป็นพี่อย่าเขาจะไม่รู้ว่าทรายแก้วมีแผนอะไร ที่ทรายแก้วมานี้คงไม่ได้มาเฉยๆแน่ ก่อนที่จะเกิดไรขึ้นเขาจะต้องรีบต้องไฟตั้งแต่ต้นลม ไม่มีทางที่จะปล่อยให้ทรายแก้วทำอะไรตามใจตัวเองเด็ดขาด

                    " ทำไมรีบกลับล่ะครับ นี้งานก็ยังไม่ทันจะเริ่มเลย อยู่ต่ออีกสักพักเถอะนะครับ.." ปราการที่พอจะรู้อยู่บ้างว่าทำไมอาทิตยะถึงได้อยากรีบกลับ ชายหนุ่มหันไปมองที่น้องสาวตัวเองที่ตอนนี้หน้าซีดไปหมด ไม่กล้าแม้จะเงยหน้าขึ้นมาสบตากับใคร ก่อนที่จะหันไปมองยังอาทิตยะและก็หันไปจ้องที่แม่เทพธิดาน้อยว่าเธอกำลังคิดจะทำอะไรต่อ เขาจะไม่มีทางยอมให้ผู้หญิงตรงหน้าทำอะไรน้องสาวตนอีกเป็นอันขาด ที่เขารู้เรื่องราวเหล่านี้เพราะช่วงหลังๆมานี้เขาไม่ค่อยเห็นอาทิตยะกับแก้วตาไปไหนมาไหนด้วยกันเลยจนเขาเกิดสงสัยว่าอาทิตยะนอกใจน้องสาวของเขาหรือเปล่าเขาถึงได้ส่งคนของเขาคอยตามดูพฤติกรรมของทั้งสองจนรู้ว่าสาเหตุที่แท้จริงก็คือ 'ผู้หญิงคนนี้' ชายหนุ่มรู้ดีว่าแก้วตาไม่มีวันที่จะบอกเรื่องนี้ให้เขารู้แน่นอน ดังนั้นเขาเลยเลือกที่จะสืบเอาเอง มันง่ายและก็เร็วกว่าที่จะมารอเอาคำตอบจากน้องสาวที่แสนดี 

                    " นั้นสิค่ะพี่ซัน...จะรีบกลับทำไม แซนด์ยังไม่ได้ทำอะไรที่มันสนุกๆเลย..." ทรายแก้วพูดพร้อมจ้องหน้าแก้วตาที่ตอนนี้กลัวทรายแก้วจนไม่กล้าที่จะขยับตัวไปไหนเลย

                    " แซนด์...."  อาทิตยะที่รู้ดีว่าความหมายที่ทรายแก้วพูดมันคืออะไร เขาคิดเอาไว้แล้วล่ะว่าทรายแก้วต้องมีแผนอะไรไว้ในใจจริงๆ

                    " แซนด์หมายถึงว่า...แซนด์กำลังสนุก อีกอย่างแซนด์ก็พึ่งมาถึงเองจะรีบกลับไปไหน " ทรายแก้วรีบแก้ตัวทันที เรื่องอะไรที่เธอจะให้อาทิตยะทำแผนเธอพัง ไม่มีทางหรอก วันนี้นี่แหละเธอจะทำให้แก้วตาเลิกยุ่งกับพี่ชายเธอไปเลย

                    " นั้นสิน่ะครับ.... คุณแซนด์เธอพึ่งมาเอง ยังไม่ได้กินอะไรเลย ผมว่าเราไปนั่งที่โต๊ะกันดีกว่านะครับ.."  ปราการที่อยากรู้แม่เทพธิดที่กลายร่างมาเป็นมารร้ายมีแผนอะไร ก็เลยเออออไปกับคนตัวเล็ก คิดจะล้วนคอ อานาคอนด้า อย่างเขาละก็ 'พ่อจะรัดซะให้ขาดใจตายไปข้างเลย' งูเขียวจะสู้งูยักต์ อย่างเขาได้ไง

                    ทางด้านคนที่รับปากว่าจะดูแลทรายแก้วให้เป็นอย่างดีนั้น กำลังกระวนกะวายใจจนอยู่ไม่สุข อริสรา พยายามที่จะติดต่อกับอาทิตยะหลายต่อหลายครั้งแต่เขาก็ไม่ยอมรับโทรสับเลยสักครั้ง ตอนนี้เธอก็ได้แต่เดินกลับไปกลับมาอยู่หน้างาน เธอไม่มีบัตรเชิญหน่วยรักษาความปลอดภัยหน้างานเลยไม่ยอมให้เธอเข้าไป

                    " รับโทรศัพท์สิค่ะพี่ซัน...พี่ซันๆๆ..โอ๊ย!...อยากจะบ้าตายยยยย..." อริสราเดินบ่นไปบ่นมาอย่างกระวนกระวายใจ เธอจะทำยังไงดี ถ้าทรายแก้วอยู่ในงานนี้จริงๆล่ะก็ งานนี้ต้องพังกับพังแน่

                    " ดลค่ะ...ริชซี่ขอไปเข้าห้องน้ำก่อนน่ะค่ะ...ดลเข้างานไปก่อนริชซี่เลยนะค่ะ เดี๋ยวริชซี่จะตามเข้าไป " เสียงที่ดังอยู่ด้านหลังทำให้อริสราหันกลับไปมองดู รู้แล้วว่าเธอจะเข้างานนี้ยังไง

                    ชายหนุ่มที่ยืนหลังหลังกำลังส่งบัตรเชิญให้กับหน่วยรักษาความปลอดภัย เขาอยู่ในสูทหรูสีขาวของอามานี่ ผมที่ถูกเซตไว้อย่างดีทำให้เขาดูดีที่เดียว อริสรา ยืนคิดอยู่สักพักก่อนที่รีบวิ่งข้องแขนชายหนุ่มตรงหน้าที่เธอไม่รู้จัก

                    " ดลค่ะ ทำไมไม่รอเดียร์เลยอ่ะ" หญิงสาวแกล้งซบศีรษะลงบนไหล่ชายหนุ่ม อย่างออดอ้อน  แต่ตรงข้ามกับชายหนุ่มที่ตอนนี้ทำหน้ายังกลับมนุษย์ต่างดาวมาบุกโลกยังไงยังงั้นแหละ เธอสวยก็จริงอยู่หรอก แต่เธอเป็นใครเนี่ย ชายหนุ่มมั่นใจว่าตนไม่รู้จักกับเธอคนนี้มาก่อน ผู้หญิงชุดขาวนี้คือใครกันนี้  เขามากับริชซี่นี้ ไม่ได้มากับคนชื่อเดียร์ซะหน่อย

                    " รู้จักกันเหรอครับคุณดล..." หน่วยรักษาความปลอดภัยเอ่ย ที่ถามเพราะพวกเขาเห็นคนนี้พยายามจะเขาไปในงานอ้างว่ารู้จักแขกในงานคนหนึ่ง พวกเขาเลยไม่กล้าให้เข้าไปกลัวว่าเธอจะมาก่อความวุ่นวายในงาน

                    " ใช่ค่ะ...เดียร์คิดว่าดลเข้าไปในงานแล้ว เดียร์จะเข้าไปหาคุณแต่พวกเขาไม่ยอมให้เดียร์เข้าไป " หญิงรีบตอบก่อนที่ชายหนุ่มจะตอบ เธอรู้จักเขาที่ไหนกัน ที่เธอรู้ชื่อเขาเพราะได้ยินพูดหญิงที่มากับชายหนุ่มเรียก เธอเลยรู้ว่าชายหนุ่มร่างสูงบึกบึงหล่อเหลาราวเทพบุตรนี้ชื่ออะไร ก็มันมีทางนี้ทางเดียวที่เธอจะเข้างานได้

                    " อ่อ ครับ เรารู้จักกัน " ชายหนุ่มตอบพร้อมหันมายิ้มให้คนตัวเล็กที่ข้องแขนเขาอยู่ ก่อนที่จะกระชับแขนให้แน่นกว่าเดิม แล้วก็เดินเข้างานราวกับเจ้าชายและเจ้าหญิง ด้วยความสง่างาม

                    " เรารู้จักกันมานานแล้วเหรอครับ ผมจำไม่เห็นได้เลย " ชายหนุ่มเอ่ยถามระหว่างทางที่เดินเข้ามาในงาน รู้ทั้งรู้ว่าเขาและเธอไม่เคยรู้จักพบเจอกันมาก่อนเลยสักครั้ง หรือว่าจะเคย คนตัวสูงคิดในใจ

                    " ใช่ค่ะเรารู้จักกันเมื่อ2นาทีที่แล้ว " อริสราหันมายิ้มหวานให้ชายหนุ่มตรงหน้าก่อนที่จะตอบคำถามของเขาอย่างมั่นใจ ก็เธอพึ่งจะเจอเขาครั้งแรกเมื่อ2นาทีที่แล้วจริงๆนี่น่า

                    " ฮ่าๆๆ คุณนี้ตลกจริงๆ ไม่รู้จักผมแต่คุณก็ยังควงแขนผมเข้างานอีก "ชายหนุ่มข้างตัวอดที่จะขำไม่ได้ ไม่รู้จักเขาแต่เดินมาควงแขนเขา ไม่รู้หรือไงกันว่าเสืออย่างเขาเลือกกินเหยื่อที่มันสาวๆสวยๆ อึ้มๆ และเธอคนนี้เข้าข่ายทุกประการด้วย ชายหนุ่มมองหน้าอกที่ถูกดันออกมาโชว์ความงามเพราะชุดนั้นอย่างหยาบคาย คงจะหวานน่าดู คนตัวสูงคิด

                    " หยาบคาย! มองอะไรของคุณ ขอบคุณนะค่ะ ที่ให้ยืมแขนควงชั่วคราว " อริสรารีบดึงแขนออกจากแขนของคนตัวสูงตรงหน้าทันที แค่ดูก็รู้ว่าผู้ชายคนนี้มันเสือผู้หญิงชัดๆ แถมยังมองเธอด้วยสายตาแบบนั้นอีก ไม่มีมารยาทเอาซะเลย หญิงสาวคิดอย่างตำติ

                    " อ้าว...รีบปล่อยทำไมคุณ มองกำลังเพลิน เฮ้ย!ไม่ใช่  เมื่อกี้ยังเรียกผม ดลค่ะ ดลขา อยู่เลย " ชายหนุ่มเผลอพูดสิ่งที่ใจคิดออกมา เลยรีบพูดแก้ต่างอย่างยอกล้อไปแทน

                    " นี่!คุณ ฉันก็ขอบคุณไปแล้วไง ฉันไม่มีเวลามากนะคุณ " อริสราพูดจบก็สะบัดหน้าเดินหนีไปอีกทาง ทำให้ชายหนุ่มมองตามอย่างยิ้มขำๆ เขาอดที่ยิ้มออกมาไม่ได้กับความน่ารักของเธอที่แสดงออกมาอย่างเปิดเผย ตรงๆอย่างนี้สิเขาชอบ

                    ทางด้านโต๊ะวีไอพีหน้าเวที ตอนนี้กำลังเกิดสงครามประสาทขึ้น ทั้งโต๊ะตกอยู่ในความเงียบ ทรายแก้วที่เอาแต่จ้องหน้าแก้วตาอย่างไม่วางตา แววตาของหญิงสาวบ่งบอกความชิงชังต่อแก้วตาขนาดไหน ส่วนคนที่ถูกจ้องก็เอาแต่ก้มหน้ามองมือตัวเองที่วางไว้บนตักไม่กล้าแม้จะเงยหน้าขึ้นมามองพี่ชายที่เอ่ยถามความห่วงใยในระหว่างที่ไม่เจอกัน

                    " พี่ไม่อยู่เป็นไงบ้าง มีใครมาคอยรังแกหาเรื่องหรือเปล่า...."  คำถามนั้นถามแก้วตา แต่สายตากลับจ้องอยู่ที่อีกคนที่เขาไม่ไว้ใจที่สุดอย่างเธอ "ทรายแก้ว"

                    " แก้วสบายดีค่ะพี่กานต์ ไม่มีใครมาแกล้งหรือว่าทำอะไรแก้วอย่างที่พี่คิดหรอกค่ะ" หญิงสาวก้มหน้าก้มตาบอกโดยไม่สบตากับใครเลย

                    "โตป่านนี้ยังเป็นลูกแหย่อีก" ทรายแก้วพูดขึ้นลอยๆ ด้วยเสียงเบาๆราวกระซิบ  แต่ยังทำให้คนนั่งร่วมโต๊ะได้ยินกันทั่วหน้า

                    " แซนด์ " อาทิตยะพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูดุดัน บ่งบอกถึงความไม่พอใจ

                    "มันก็คงไม่ต่างกันเท่าไรมังครับ ขนาดคนที่ไม่เป็นลูกแหย่ ก็ยังวิ่งตามตูดพี่ชายไม่ห่างเลย " ปราการพูดประชดด้วยสายตาที่ "น้องข้าใครอย่าแตะ"  คนตัวใหญ่กว่าจ้องตากับคุณตัวเล็กโดยไม่หลบสายตาเลย ส่วนคนที่โดนเหน็บถึงกลับกัดฟัน ด้วยความเจ็บใจ 

                    " ต่างสิค่ะ ฉันไม่ได้วิ่งตามพี่ชายเพราะเป็นลูกแหย่ แต่ที่ตามเพราะเป็นห่วง กลัวว่าพี่ชายจะคว้าเอาผู้หญิงที่ไม่เอาไหนแถวนี้มาทำเมียเข้า กลัวอนาคตพี่ชายฉันมันจะตกต่ำลงเพราะคนแถวนี้ " ทรายแก้วจ้องหน้าปราการอย่างไม่เกรงกลัว แต่ประโยคสุดท้ายเธอจงใจที่จะหันไปมองที่แก้วตาเพื่อให้รู้ว่าคนแถวนี้ที่เธอพูดถึงนั้นคือใคร...

                    " แซนด์... " อาทิตยะถึงกับลมออกหู เมื่อทรายแก้วกำกลับจะล่ำเส้นเขาเกินไป " พี่ว่าเราควรกลับกันได้แล้ว" อาทิตยะลุกขึ้นทันที เขากำลังไม่พอใจทรายแก้ว แม้แต่ทรายแก้วยังรู้สึกได้ถึงแววตาที่พี่ชายมองมาที่เธอ แววตาที่บ่งบอกว่าไม่พอใจอย่างมากกับการกระทำของเธอ แววตาที่เธอไม่เคยเห็นหรือได้รับจากพี่ชาย

                    " พี่ซัน..." เสียงที่ดังมาแต่ไกล ทำให้อาทิตยะต้องหันไปมอง  คนที่เรียกไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นอริสราที่วิ่งเข้ามาหาด้วยสีหน้าที่เป็นกังวล  เขย่าแขนพี่ชายของเพื่อนไปมาด้วยความกระวนกระวาย

                    " เดียร์..." อาทิตยะเองก็ตกใจที่เห็นสีหน้าเธอ เกิดอะไรขึ้นกับร่างระหงตรงหน้าเขาหรือเปล่า

                    " พี่ซัน  ยัยแซนด์หายไป เดียร์ตามหาจนทั่วแล้วแต่ก็ไม่เจอ" อริสราบอกอย่างร้อนใจ แต่เธอคงจะไม่รู้ว่าคนที่กำลังกล่าวถึงนั้นนั่งจิบไวน์อย่างไม่สนใจใคร                                                                                                                                                                                      

                    "ยัยแซนด์" อริสราอุทานขึ้นอย่างตกใจ เธอคิดไม่ถึงเลยจริงๆว่าทรายแก้วจะอยู่ที่นี้จริงๆ

                    "ตามมาเร็วกว่าที่คิดเลยนะเดียร์" ทรายแก้วมองมาที่อริสราด้วยสายตาที่บอกว่า "ฝากไว้ก่อนงานนี้ต้องคุยกันยาว" อริสราได้แต่หลบหน้าก่อนที่จะหลบหลังอาทิตยะเพราะไม่กล้าสู้หน้าทรายแก้ว แต่ก่อนที่สงครามระหว่างเพื่อนรักจะเกิดขึ้นอาทิตยะก็แนะนำอริสราให้คนที่นั่งร่วมโต๊ะรู้จักและทุกคนก็พูดคุยกันถึงธุรกิจของแต่ละคนอย่างเป็นกันเอง โดยไม่มีใครสนใจมองมาที่ทรายแก้วที่ตอนนี้ จ้องมองที่แก้วตาอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ "ในเมื่อไม่ยอมเลิกกันดีๆ ก็คงต้องใช้ไม้แข็ง" ทรายแก้วคิดอย่างมุ่งมั่น ถึงวิธีการที่จะทำให้ทั้งสองคนเลิกกัน

                                                                                                                                                                                                                   

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×