คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : レインコート 03
レインコート
`raincoat
03
เมื่อใดก็ตามที่เราเริ่มหาเหตุผลไม่ได้ – เราจะใช้ความรู้สึกมากกว่าความคิด
"จอนจองกุกจะไปซ้อมหรือจะไปใส่โบกุวิ่งรอบโรงฝึก" รอยยิ้มแพรวพราวบนใบหน้าเด็กหนุ่มหายไปทันทีเมื่อได้ยินเสียงของซอกจินลอยมาในขณะที่จีมินยังอ้ำอึ้งว่าเล่าดีไหม เป็นเรื่องช่วยไม่ได้ที่เขาต้องจำใจวิ่งไปหาแทฮยองเพื่อซ้อมด้วย
"ว้า" โฮซอกร้องออกมาอย่างเสียดาย เขาหันไปมองยุนกิที่เดินมาทางพวกเขาด้วยใบหน้ามุ่ยๆ พร้อมกับกอดเม็งไว้ในอ้อมแขน มือข้างหนึ่งกำชิไนแน่น เห็นแบบนี้แล้วเขาเลยย้ายตัวเองไปยืนเกาะไหล่อยู่ด้านหลังคนตัวเล็กอย่างจีมิน "ลุกขึ้นมาได้แล้วหรือไง"
"เออ!!" กระชากเสียงตอบกลับมาจนโฮซอกสะดุ้งเฮือก "เอาหนังสือมาเลย ฉันจะเอาไปใส่เป้"
"นี่ๆ" จีมินยื่นหนังสือในมือไปให้ยุนกิ คนตัวขาวใช้มือข้างที่ว่างถือไว้พร้อมกับพยักหน้าเป็นการบอกขอบคุณอีกฝ่าย
"แล้วจะกลับเลยหรือเปล่า" ยุนกิเอ่ยถามยกหนังสือขึ้นเคาะหัวตัวเองเบาๆ เหมือนกับการตบโทรทัศน์รุ่นเก่าๆ ให้จอติด นี่มึนจริงๆ นะ
"อยากรอให้ฝนซากว่านี้ก่อนน่ะ" จีมินตอบยิ้มพลางชี้ให้ดูเสื้อชื้นละอองฝนของตนเอง ขนาดเขากับโฮซอกกางร่มมาคนละคันยังตัวแทบโชก
ใบหน้าที่ยังคงมุ่ยอยู่ผงกรับก่อนที่ร่างเล็กจะเดินไปที่ล็อกเกอร์เก็บกระเป๋าของตน
"นี่ อยากรู้จริงๆ เลยนะว่าพี่ซอกจินพูดอะไรแกถึงยอมลุก" โฮซอกถามขึ้น ยุนกิชะงักมือที่กำลังจะรูดซิปปิดกระเป๋าในล็อกเกอร์ รอยยิ้มเล็กๆ ปรากฏขึ้นมา
"ขอโทษ" ยุนกิตอบออกมาสั้นๆ
'กิ – พี่จินขอโทษนะครับ'
ใบหน้าหวานขึ้นสีระเรื่อมาพอให้เพื่อนทั้งสองคนเดาได้ง่ายๆ ว่าไม่ใช่แค่คำว่าขอโทษแน่นอน แต่ยุนกิก็ไม่มีทางบอกออกไปหรอก... สรรพนามแบบนั้นไม่ได้ยินมานานเท่าไหร่แล้วนะ
ซอกจินเป็นบุตรบุญธรรมที่ลุงของเขารับมาเลี้ยงหลังจากที่ลูกชายแท้ๆ ของท่านเสียไปด้วยโรคประจำตัว ตอนนี้ยุนกิอายุได้ราวๆ เจ็ดแปดขวบ ซอกจินที่เคยเป็นเด็กกำพร้าพยายามเข้ามาช่วยคนในบ้านทุกๆ อย่างเพื่อตอบแทนและแบ่งเบาภาระ รวมไปถึงช่วยดูแลหลานชายคนเล็กของบ้านในตอนนั้นด้วย
แน่นอนว่าซอกจินตามใจหนูกิที่อายุน้อยกว่าตนเองประมาณห้าปีแทบทุกอย่าง ตอนฝึกซ้อมเขาก็มักจะพายุนกิหนีถ้าเจ้าตัวงอแง ตอนยุนกิฟันผุแล้วอยากกินลูกอม ซอกจินก็ยังแอบหามาให้ แต่เวลาผ่านไปทั้งสองคนก็โตขึ้น ยิ่งซอกจินแล้วเขามีความเป็นผู้ใหญ่มากเลยทีเดียว จากที่เคยตามใจตอนนี้กลับเข้มงวดกับยุนกิแบบทบต้นทบดอก
ใช่ว่ายุนกิไม่เข้าใจเหตุผลแต่เขาพยายามจะไม่เข้าใจต่างหาก ถึงจะรู้ก็เถอะว่าที่ซอกจินทำก็เพื่อฝึกยุนกิให้โตเป็นผู้ใหญ่ ทั้งมารยาท ระเบียบวินัย ความอดทน รวมไปถึงเรื่องอื่นๆ อีกมากมาย แต่เขาก็ไม่ชอบแบบนี้เลยเหมือนกัน
แต่เอาเถอะ ยังไงวันนี้ก็ได้ยินพี่จินเรียกแบบนั้นแล้วนี่เนอะ ถือเป็นความดีความชอบของแทฮยองเลยนะเนี่ย
"หยุดยิ้มเล็กยิ้มน้อยแบบนั้นได้แล้ว ขนลุก" โฮซอกแซวขึ้นมาเมื่อเห็นยุนกิยังคงยิ้มออกมาอยู่ที่หน้าล็อกเกอร์ คนตัวขาวทำหน้าไม่ถูกเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักของเพื่อนทั้งสองคน แม้แต่จีมินก็เอากับเขาด้วยหรอเนี่ย
"ย๊า!พวกนายนี่มัน..."
"ไม่เขินสิ ไม่เขิน" กระโดดมาเอามือหยิกแก้มของเพื่อนเสร็จจองโฮซอกก็รีบกระโจนหนีรัศมีขาของยุนกิ เพราะอยู่ในโรงฝึกเจ้าตัวเลยไม่สามารถเล่นชิไนได้ตามใจชอบ ไม่อย่างนั้นเขาคงได้โดนสั่งให้ไปยืนขาเดียวอยู่หน้าประตูเป็นการลงโทษแน่
ทางด้านของแทฮยองและจองกุก พวกเขากำลังพยายามตั้งสมาธิกับการซ้อม เห็นจองกุกเป็นเหมือนเด็กขี้เล่นแต่พอเวลาเอาจริงเอาจังแล้วเขาก็มีความตั้งใจมาก แต่แทฮยองนี้สิที่วันนี้แปลก...
ปั๊กปั๊กปั๊ก!
"เม็ง" จองกุกออกเสียงตำแหน่งโบคุโตหรือดาบไม้สำหรับฝึกซ้อมใกล้แตะอยู่ เพียงแค่ซ้อมกันเท่านั้นพวกเขาเลยไม่สวมโบกุ แต่ช่องว่างเมื่อครู่ที่แทฮยองเผลอถ้าจองกุกฟาดโบคุโตลงมาเต็มๆ มีหวังได้เลือดตกยางออก
"โทษที"แทฮยองเอ่ยขึ้นก่อนจะกระโดดขยับถอยหลังไปพร้อมๆ กับจองกุก ทั้งคู่วิ่งกลับเข้าหากันอีกหน มือเงื้อโบคุโตขึ้นและฟาดลงไป
ปั๊ก..!
"ทำไมดูไม่ค่อยมีสมาธิ" จองกุกเอ่ยถาม มือยังคงขยับโบคุโตตามกระบวนดาบที่ฝึกมา เคนโด้เป็นกีฬาที่ฝึกทั้งร่างกายและจิตใจ วิธีที่จองกุกใช้ในการแข่งของเขาคือซ่อนความกลัวของตนเองและหาความกลัวของอีกฝ่าย เมื่อนั้นเขาจะเจอช่องว่างที่อาจจะเป็นโอกาสเดียวในการจู่โจม
ในสนามแข่งคนเราต้องมีทั้งความกลัว ความตื่นเต้นกดดัน รวมไปถึงความหวาดหวั่น ถ้าอีกฝ่ายเก่งมากพอ – มีเจ็บจริงแน่
"โด"แทฮยองเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นบ้าง โบคุตาของคนผิวแทนแตะอยู่ที่ใต้สีข้างของจองกุก
ไม่ใช่เรื่องแย่หรือน่าแปลกใจ จองกุกพยักหน้าก่อนจะถอยออกไปอีกหนแทฮยองเล่นเก่งกว่าเขาอยู่มาก เพราะมีเป้าหมายที่แตกต่างกันด้วย แทฮยองอยากเป็นนักเคนโด้– ความฝันของแทฮยอง
แต่จองกุกเล่นเคนโด้เพื่อเป็นการออกกำลังกายและตามความชอบในกีฬาชนิดนี้ตามตัวละครในการ์ตูนที่ชอบ นอกจากแทฮยองจะมีพรสวรรค์แล้วยังมีความพยายามและขยันการฝึกซ้อมอีกต่างหาก
เขาก็มีแพ้บ้างชนะบ้าง แต่ตอนได้แข่งมันสนุกสุดๆ ไปเลยน่ะสิ
"โด" จองกุกเอ่ยขึ้นมาบ้าง ขมวดคิ้วอย่างข้องใจ ทำไมแทฮยองพลาดอีกแล้ว "เป็นอะไรของนาย เรื่องพี่ยุนกิหรอ"
"เปล่านี่ พี่เขาคงไม่เอาไปบอกพ่อเร็วๆ นี้หรอก"แทฮยองส่ายหน้าให้ จองกุกละโบคุโตที่ยกขึ้นไว้อย่างตั้งมั่นลงมาถือทิ้งไว้ในมือ
"ก็ว่างั้น ฉันว่าพี่เขาอยากแกล้งแกเฉยๆ" เอ่ยขึ้นพลางหันไปมองนาฬิกาที่ติดไว้ตรงผนัง "อีกสิบห้านาที"
"อืมงั้นซ้อมต่อเถอะ"แทฮยองยกแขนเสื้อกีขึ้นมาซับเหงื่อตรงจมูก ถึงฝนจะตกพอให้อากาศเย็นได้บ้างแต่พอได้ออกแรงเข้าเหงื่อก็ยังผุดออกมาเต็มใบหน้าคมอยู่ดี
"หรือแกคิดมากเรื่องที่พี่เขาบอกว่าแกเป็นคนใช้?"
"อันนั้นฉันว่าไร้สาระ"แทฮยองเอ่ยยิ้มๆ "ไม่มีอะไรหนักหนาหรอก"
แต่ความจริงแล้วเขาไม่คิดเช่นนั้นเลย...
"คิมแทฮยอง!!"
เป็นไปตามที่เขาคิดและตรงกันข้ามกับที่เขาพูด พอหมดเวลาซ้อมและเขาไปเปลี่ยนเสื้อผ้ามาเรียบร้อยแล้วเสียงตะโกนเรียกชื่อของยุนกิก็ดังขึ้น เล่นเอาทั้งจองกุกที่เดินมาพร้อมเขาสะดุ้งเฮือก ร่างเล็กที่ยังอยู่ในชุดกี ฮากาม่าวิ่งจากจีมินและโฮซอกที่งงตาค้างไปแล้วว่าจู่ๆ ยุนกิจะเสียงดังขึ้นมาทำไม
"ไปส่งฉันที่บ้านด้วย"
"ครับ?"
"อยู่ในซอยนี้เข้าไปนี่แหละ ไม่ต้องใส่เสื้อกันฝนนะ แค่กางยังไงก็ได้ไม่ให้ฉันเปียก เดี๋ยวฉันไปเปลี่ยนชุดก่อน นายรออยู่นี่ ส่วนนาย..."ยุนกิชี้นิ้วที่จองกุกที่ยืนกระพริบตาปริบๆ อยู่
เกี่ยวอะไรกับเขาหรือเปล่าวะเนี่ย
"ไปไหนก็ไป"
ไหนๆ แทฮยองก็บอกแล้วว่าไม่อะไรหนักหนา งั้นจอนจองกุกก็ขอตัวก่อนแหละ
"โชคดีนะเพื่อน บาย" จองกุกฉีกยิ้มกว้างไปให้พร้อมกับยกมือขึ้นโบกให้แทฮยอง โดยไม่รอช้าร่างโปร่งก็คว้าร่มจากถุงพลาสติกในกระเป๋าแล้ววิ่งออกไปจากโรงฝึก
ขืนอยู่นานๆ เข้าเดี๋ยวเขาหงุดหงิดหน้าขึ้นมาโดยไม่มีเหตุผลจะซวยเอาน่ะสิ
แทฮยองที่ไม่มีทางเลือกเลยได้แต่เดินเอาหลังไปพิงผนังอย่างจำยอม ส่วนโฮซอกพอยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูก็ต้องทำตาโตแล้วรีบกระวีกระวาดออกไปให้ทันรถประจำทาง หลุดเที่ยวนี้ไปมีหวังต้องคอยอีกนาน
"ไปก่อนนะจีมินอา ยุนกิยา" โฮซอกตะโกนชื่อคนที่กำลังเดินไปที่ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าดังๆ ยุนกิหันมาพยักหน้าหงึกหงัก
"กลับดีๆ นะ เดี๋ยวฉันไม่มีคนซ้อม..." ประโยคหลังเจ้าตัวเอ่ยเบาๆ อย่างขบขันกับตัวเองก่อนจะหันไปมองจีมิน"จะกลับเลยหรือเปล่า"
"อาใช่" จีมินพยักหน้ารับ สุดท้ายฝนก็ยังไม่ซา แต่เขาคงจะรอให้เย็นกว่านี้ไม่ได้แล้ว
"อืม... แทฮยองอา ไปส่งจีมินทีสิ"
"เฮ้ย" จีมินอุทานขึ้นมาพร้อมกับยกมือขึ้นโบกปฏิเสธแทบเป็นระวิง "ไม่ต้องอ่ะ ปกติก็กลับคนเดียวออกบ่อย"
"ผมไม่ต้องไปส่งพี่แล้วหรอ"แทฮยองถาม ยุนกิส่ายหน้าตอบไป
"บ้านฉันอยู่แค่ในซอยนี้เอง"
"แล้วตอนแรกจะให้ผมไปส่งทำไมอะครับ"
"มีอะไรจะให้นายทำนิดหน่อยแต่ก็ไม่เป็นไร" ว่าพลางพยักเหยิดหน้าเป็นเชิงสั่งให้แทฮยองทำตามที่พูด ร่างสูงถอนหายใจออกมาก่อนจะดันกายที่พิงผนังให้กลับมายืนตัวตรง
"ไม่ๆๆๆ โธ่ นายก็รู้ว่าฉันเดินกลับเป็นปกติอยู่แล้ว หรือว่า..."
"เออ แค่จะให้แทฮยองมันเดินไกลๆ ขึ้นหน่อย"ยุนกิจิ๊ปากอย่างหงุดหงิด
"แล้วทำไมต้องไปแกล้งน้องเขาด้วยล่ะ ไม่ต้องเลยนะ เดี๋ยวฉันกลับเอง" จีมินส่ายหน้าหน่ายๆ แต่ใบหน้ายังคงเปื้อนยิ้ม
ยุนกิสะบัดหน้ากลับไปทางห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าเหมือนเดิม ส่วนแทฮยองก็เอาหลังพิงกับผนังตามเดิม สายตาคู่โตกวาดมองการฝึกซ้อมของบางคนที่ยังต้องซ้อมต่อโดยมีซอกจินดูแล
ทั้งๆ ที่ก็รู้ว่าคนที่ไม่เหตุผลคือยุนกิแต่ทำไมเขาถึงได้พาลไปหงุดหงิดคิมซอกจินได้ก็ไม่รู้
ยุนกิชอบสินะผู้ชายคนนั้นน่ะ...
พี่ชอบเขามากขนาดนั้นเลยหรอ..?
"มาแล้ว" มือขาวแตะลงที่หัวไหล่ของแทฮยอง ร่างสูงหันไปมองรุ่นพี่ตัวเล็ก ดวงตาคู่เล็กฉายแววอวดเก่งมีเส้นผมที่ถูกย้อมสีเป็นน้ำตาลส้มซีดๆ – ทั้งที่ตัวก็ซีดอยู่แล้วแท้ๆ
ยุนกิหดแขนกลับไปกอดอกไว้ แทฮยองเห็นซอกจินหันมามองพอดีเลยโค้งตัวไปให้ เพราะอย่างไรเสียหลายๆ ครั้งชายคนนั้นก็เป็นคนสอนเคนโด้ให้เขา พอยุนกิหันไปเห็นแทฮยองโค้งให้ซอกจินร่างเล็กก็ค่อมศีรษะให้อีกคนบ้าง
ร่างเล็กเดินแกว่งแขนนำหน้าออกไปก่อนที่แทฮยองจะตามไป ซอกจินหมุ่นคิ้วขณะที่มองไปยังทั้งคู่
ทำไมกลับด้วยกัน?
แทฮยองและยุนกิออกไปแล้ว ซอกจินหันกลับมาดูคนที่กำลังฝึกอยู่ต่อ แม้ในหัวจะสงสัยแต่เรื่องของสองคนนั้น ก็ไหนยุนกิเอาแต่บอกว่าไม่ชอบหน้าแทฮยองนี่
คงไม่มีอะไรหรอกมั้ง
แทฮยองเดินมาใต้ร่มกับยุนกิ แผ่นหลังของเขาชื้นฝนไปหมดแต่จะให้ทำอย่างไรได้ในเมื่อนี่เป็นความต้องการของเจ้าตัวแสบนี่ชัดๆ ทำเป็นเอาเรื่องตอนที่เดินมาโรงฝึกด้วยกันมาอ้างว่าเขาไม่อยากอยู่ใกล้ยุนกิเลยให้ขยับตัวไปห่างๆ แล้วยื่นมือมากางร่มให้ แต่ตอนนี้เขาไม่ได้ใส่เสื้อกันฝนแบบตอนนั้นนี่
“หลังนี้แหละ" ยุนกิพึมพำออกมาเมื่อถึงหน้าประตูบ้านหลังหนึ่งที่มีอาณาเขตกว้างขวางอยู่พอควร เพราะฝนที่ตกลงมาทำให้ต้นไม้ที่ปลูกไว้ดูเขียวชอุ่มเป็นพิเศษ เป็นบ้านที่มีบรรยากาศรอบๆ ที่ดีหลังหนึ่ง และตัวบ้านก็สวยใช้ได้ มือขาวผลักประตูรั้วที่มีหยดน้ำเกาะอยู่ให้เปิดออกก่อนจะหันมาเอามือเช็ดกับเสื้อของเขา
"เอ้ยพี่"
"อะไรล่ะ ไหนๆ เสื้อนายก็เปียกอยู่แล้ว ไม่ได้เปื้อนอะไรสักหน่อย" ชูมือขาวๆ ที่ไม่เลอะอะไรตามที่เจ้าตัวว่าด้วยใบหน้าเฉยเมย ถ้าลงไม้ลงมือกับคนตรงหน้าได้ละก็... แทฮยองสาบานได้เลยเขาจะไม่ปล่อยให้อีกคนทำแบบนี้หรอก
"ถึงแล้วงั้นผมกลับเลยนะ" แทฮยองหุบร่มลงเมื่อยุนกิกระโจนเข้าไปอยู่ใต้ชายคาบ้านที่ทำพื้นที่ใช้สอยอยู่ เขาเหวี่ยงเป้มาหมายจะเอาเสื้อกันฝนที่พับเก็บไว้ออกมาใส่เดินกลับบ้าน
"เอารองเท้าฉันไปซักหน่อยสิ" มือใหญ่ที่กำลังคลี่เสื้อกันฝนถึงกลับชะงัก พอเงยหน้าขึ้นไปมองก็พบว่ารุ่นพี่จอมเอาแต่ใจยื่นรองเท้าผ้าใบชุ่มน้ำฝนมาให้ เศษใบไม้ยุ่ยๆ และดินติดอยู่บ้าง "รับไปสิ"
แทฮยองใช้นิ้วส้นรองเท้าทั้งสองข้างมาไว้บนนิ้วอย่างไม่เต็มใจนัก เขาหนีบเสื้อกันฝนไว้ด้วยศอกข้างที่มือเกี่ยวรองเท้าไว้ มือข้างที่ว่างอยู่คว้าไปที่แขนของอีกคนที่ไม่ทันได้ตั้งตัวให้เซเข้ามาใกล้
"เหวอ" ยุนกิเผลออุทานออกมาอย่างตกใจ เขาเงยหน้าขึ้นมองแทฮยองที่อยู่ใกล้อย่างไม่ค่อยพอใจนัก "เล่นอะไรวะ"
"ผมทำเท่าที่พี่เก็บความลับให้ผม" เสียงขรึมเอ่ยขึ้น ยุนกิที่กำลังอ้าปากโวยวายต้องยอมเงียบไปกับน้ำเสียงนั้น เขากลั้นหายใจเพราะกลัวว่าอีกคนจะรู้สึกห้วงอากาศแผ่วเบาจากเขาที่ต้นคอ "แต่ถ้าพี่ทำมากกว่านั้น ผมจะเอาคืน"
"แค่ – แค่โยนรองเท้าเข้าเครื่องมันยากเย็นตรงไหนกัน นายก็ต้องซักของนายอยู่แล้วไม่ใช่หรอ" พอแทฮยองขยับตัวถอยห่างไปยุนกิก็ลอบกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ เขาโวยวายออกไปเสียงดังจนแทฮยองนึกกลัวว่าคนในบ้านจะออกมาดูว่าเกิดอะไร "ถ้ามันลำบากก็ไม่ต้องก็ได้ ที่บ้านฉันให้ซักมือก็เลยขี้เกียจเท่านั้นเอง เอามาสิ จะหนีทำไมเล่า"
พอยุนกิยกมือหมายจะคว้ารองเท้าของตนเองแทฮยองก็ยกมันหนี คนตัวขาวขมวดคิ้วอย่างขัดใจ – จะเอายังไงของมันวะ!
"ผมบอกไว้เฉยๆ ไม่ใช่แค่ครั้งนี้" เขาสวมเสื้อกันฝนให้เรียบร้อยแล้วถอยหลังออกไปจากชายคา ยุนกิจ้องมองเขา ปากอิ่มสีอ่อนเม้มแน่น
"แล้วฉันจะรู้ไหมล่ะว่าเท่าที่พอดีกับความลับของนายมันแค่ไหน ไม่ต้องมาขู่ฉันเลย" ถึงจะปากเก่งแต่ฟังจากน้ำเสียงก็รู้ว่ายุนกิเองก็กล้าๆ กลัวๆ ไม่ใช่น้อย
"ไม่รู้สิ" แทฮยองยักไหล่ให้ก่อนจะหมุนตัวออกไปจากตัวบ้าน
ให้ตายสิ!! คิดว่าเขาจะกลัวมันหรือไง!
- - - - -
อยากรู้อะไรเขาต้องรู้ให้ได้...
เพราะแบบนี้จอนจองกุกถึงได้ยอมมายืนกางร่มอยู่กลางฝนหลังจากออกมาจากโรงฝึกแล้ว เด็กหนุ่มจ้องมองไปยังทิศทางที่เพิ่งเดินมาเมื่อครู่ รุ่นพี่โฮซอกเพิ่งวิ่งผ่านเขาไปด้วยความรีบร้อนโดยไม่คิดแม้แต่จะกางร่ม น่าจะเป็นเพราะต้องรีบไปที่ป้ายรถประจำทาง
บรรยากาศครึ้มๆ แต่ก็ยังไม่มืด น้ำบนถนนเจิ่งนองจนซึมผ่านเข้าไปในถุงเท้า เป็นเรื่องน่าหงุดหงิดสำหรับเขา แค่คิดว่าต้องกลับไปนั่งซัก นั่งอบ เอารองเท้าตากพัดลมไว้ก็เหนื่อยใจขึ้นมาเสียดื้อๆ จองกุกพยายามบอกตนเองว่าเดี๋ยวรุ่นพี่คนนั้นก็คงออกมา
ใจจริงเขาตั้งใจจะถามกับโฮซอกที่น่าจะทำให้เขาได้คำตอบได้ง่ายกว่ารุ่นพี่คนที่ชื่อจีมิน แต่ก็ช่วยไม่ได้ที่พี่เขาต้องรีบกลับไปก่อน
ถ้าไม่ได้รู้วันนี้นอนไม่หลับแน่ๆ
"รุ่นพี่ครับ รุ่นพี่" หลังจากรอมาได้สักพักเขาก็เห็นร่างเล็กในชุดนักเรียนเดินถือร่มสีฟ้าสดใสออกมา เด็กหนุ่มรีบเรียกอีกคนไว้พร้อมกับวิ่งเยาะๆ ไปหาโดยไม่กลัวลื่น
"อ้าว – จองกุก?"
"ผมมีเรื่องอยากคุยกับพี่ครับ" คนเป็นรุ่นน้องฉีกยิ้มไปให้ ถึงเขาจะเป็นเพื่อนสนิทกับแทฮยองแต่นิสัยโดยผิวเผินต่างกันมาก จองกุกรู้วิธีเข้าหาผู้อื่นโดยใช้รอยยิ้มให้เป็นประโยชน์ เขาไม่สนหรอกว่ามันจะทำให้ใครต่อใครเข้าใจผิด -- ไม่ได้แปลว่ายิ้มให้แล้วต้องชอบเสียหน่อย อย่าคิดต่อยอดไปไกลเองสิ
"ฉัน...หรอ" จีมินชี้ไปที่ตัวเองอย่างข้องใจ จองกุกมีอะไรจะคุยกับเขา นอกจากรู้ว่ารุ่นน้องคนนี้ชื่อจอนจองกุกและเป็นเพื่อนสนิทของคิมแทฮยองคนที่เพื่อนของเขาชอบเอามาบ่นให้ฟังบ่อยๆ เขาก็แทบไม่รู้อะไรไปมากกว่านั้นเลย
"ครับ ผมว่าเราไปหาร้านนั่งคุยกันดีกว่าเนอะ" จองกุกยังคงยิ้มส่งไปให้อย่างเป็นมิตร
"เรื่องของยุนกิใช่ไหมล่ะ" พอคิดไปได้สักพักจีมินก็เอ่ยถามขึ้น เด็กหนุ่มอายุน้อยกว่าทำตาโตอย่างแปลกใจแต่ก็หัวเราะรับออกมา
"ก็ใช่ครับ"
จีมินผงกหัวขณะที่ในใจร้องว่า 'ว่าแล้วเชียว'เขาน่ะรู้จักตัวเองดีที่สุด รู้ว่าอย่างไรเสียเจ้าเด็กคนนี้ก็ไม่ทางมาด้วยเหตุผลชวนเขินหรอก
จนจะอายุครบสิบเก้าพัคจีมินก็ยังไม่เคยมีความรัก
นอกเหนือจากตัวเขาจะไร้ซึ่งแรงดึงดูดความรู้สึกของเขามันก็ยังว่างเปล่า อย่าว่าแต่คบกับใครสักคน ตัวเขาเองนั้นยังไม่เคยแม้แต่จะรู้สึกชอบใครเลย
"ยุนกิกับพี่ซอกจินอืม..." จีมินวางด้ามร่มลงบนไหล่พลางทำหน้าครุ่นคิด จองกุกเงยหน้าขึ้นมองหยดน้ำฝนที่ไหลลงมาจากร่มของตนเองก่อนจะมองท่าทีของอีกคน
"นี่พี่จะยืนคุยแบบนี้จริงดิ" ทำตาโตอีกครั้งอย่างประหลาดใจยิ่งกว่าครั้งแรก
"ทำไมหรอ เมื่อย?"
"ไม่ใช่ครับ – พี่ไม่เคยมีแฟนใช่ไหมเนี่ย" จองกุกเอ่ยถามออกไปตามที่เขาคิด ดูไม่ยากเลย... อย่างน้อยถ้าพอจะเคยมีคนคุยหรือเกี่ยวข้องไปในทางพวกนี้ท่าทีจะต้องไม่ใช่แบบนี้ เหมือนไม่มีเรื่องแบบนี้อยู่ในหัวของจีมินเลยซักนิด ถึงจะปฏิเสธออกมาแต่มันก็ไม่ปนจริตเลยแม้แต่น้อย
"ดูง่ายขนาดนั้นเชียว" หัวเราะออกมาเหมือนเป็นเรื่องขบขัน แล้วจองกุกก็คิดว่าถ้าเขาทำตาโตเพราะตกใจไปกว่านี้เขาต้องเป็นตาแดงแน่ๆ
"กะ ก็ บางที่พี่อาจจะโฟกัสเรื่องเรียน" จองกุกพยายามนึกหาเหตุผลที่ทำให้คำพูดเมื่อครู่ของเขาดูเป็นการเสียมารยาทน้อยที่สุด "แบบ... ทางสายตรง"
"เปล่านะ แค่ไม่... ไม่รู้สิ ก็มันไม่เคยมีนี่"
"อย่างพี่ต้องเคยมีคนเข้ามาแน่" จองกุกเถียงออกไป หน้าตาอีกฝ่ายก็ใช่ว่าจะดูไม่ได้ ออกจะน่ารักด้วยซ้ำ พอยิ้มแล้วดวงตาเป็นรูปจันทร์เสี้ยวอีก ถึงเพื่อนของพี่เขาอย่างยุนกิจะยิ้มออกมาได้ตาเป็นจันทร์โค้งเหมือนกัน แต่ความรู้สึกนี่ต่างกันลิบลับเลย
หรือพี่ยุนกิไม่เคยยิ้มแบบเจตนาดีให้เขาเลยสักครั้งกันนะ
แต่จองกุกก็อธิบายไม่ถูกเหมือนกัน เขาไม่ได้ตั้งใจจะคิดแบบนี้ แต่ยิ้มของจีมิน–จืด
ความรู้สึกที่สื่อออกมาคือสิ่งที่หายไป เหมือนจีมินเคยยิ้มออกมาอย่างจริงใจ ต่างจากยุนกิที่ยิ้มเพราะสะใจ หรือโฮซอกที่ยิ้มออกมาเพราะรู้สึกสนุก –พัคจีมินยิ้มแค่เพราะสิ่งรอบตัวทำให้เขายิ้ม ไม่ได้ผ่านความคิดที่แต่งเติมเข้าไปเลยแม้แต่น้อย
"อย่าถามเรื่องของฉันเลย อยากรู้เรื่องของยุนกิกับพี่ซอกจินไม่ใช่หรือไง" จีมินเอ่ยขึ้นหลังจากปล่อยให้จองกุกอยู่กับความคิดของตนเองมาพักใหญ่ๆ รุ่นน้องตัวสูงสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้าให้อีกฝ่าย – "ก็... พี่ซอกจินเป็นบุตรธรรมของคุณลุงน่ะ ลุงของยุนกิ สองคนนั้นสนิทกันมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว ก่อนจะฉันเจอกับโฮซอกอีก"
"แล้วพี่ยุนกิชอบพี่ซอกจินหรอครับ" จองกุกเอ่ยถามสิ่งที่อยากรู้ออกไปตรงๆ จีมินเบนสายตามามองหน้าเขาพลางขมวดคิ้วอย่างลังเลใจเล็กๆ
ความจริงเขาตอบได้และแน่ใจมากๆ ด้วย เขาอยู่ใกล้ตัวยุนกิจะตาย แถมท่าทางเจ้าตัวก็ยังแสดงออกชัดเจนขนาดนั้นว่าอยากให้ซอกจินสนใจแต่ตัวเองมากแค่ไหน แต่จะให้เขาเอาเรื่องของเพื่อนมาป่าวประกาศได้อย่างไรกัน
"อันนี้ฉันไม่รู้" จีมินส่ายหน้าให้ จองกุกมุ่ยปากไปเล็กน้อยพลางพยักหน้า "จะอยากรู้ไปทำไมน่ะ"
"พี่ไม่รู้หรอครับว่าความอยากรู้เห็นเป็นจุดเริ่มต้นของการค้นพบที่ยิ่งใหญ่" ทำสีหน้าจริงจังเกินจริงออกมา จีมินหลุดขำออกมาอีกครั้ง ทำมาเป็นพูดเป็นการเป็นงาน แต่เขาก็รู้แหละว่านิสัยแบบนี้ใครๆ ก็เป็น
ความจริงแล้วยุนกิน่าอิจฉาจะตายไป อย่างน้อยก็มีคนที่ชอบ พอพูดถึงเรื่องของซอกจินขึ้นมาเจ้าตัวจะดึงตนเองเข้าไปในนั้น บางครั้งยิ้ม บางครั้งเอาแต่โวยวาย เพื่อนของเขามีความรู้สึกไปตามนั้น นั่นแหละ... ยุนกิมีโลกรูปทรง ในขณะที่ของเขายังเป็นเพียงรูปภาพบนกระดาษที่จับต้องไม่ได้
"ไม่อยากรู้อะไรแล้วใช่ไหม งั้นฉันกลับนะ" จีมินยกมือขึ้นโบกให้เขาก่อนจะกระชับร่มแล้วเดินไปทางเดิมที่ต้องการจะไปต่อ
จองกุกเพิ่งรู้ตัวว่าน้ำซึมเข้ามาในรองเท้าจนชุ่มไปทั่วฝ่าเท้า เด็กหนุ่มยกเท้าขึ้นมาเคาะกับพื้นริมถนน เขาถามจีมินไปได้นิดเดียวเอง ถึงจะตรงกับที่เขาอยากรู้ แต่มันแค่นี้เองหรอ ไม่มีคำถามอื่นแล้วหรอ
ย้อนกลับไปที่จีมินถามเขา
'อย่าถามเรื่องของฉันเลย อยากรู้เรื่องของยุนกิกับพี่ซอกจินไม่ใช่หรือไง'
ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว ผมอยากรู้เรื่องของพี่
TBC
ทอล์กกิกิ : มาแล้วคร้าบตอนสามมมม อิอิ กุกมินมาแล้วเนอะะ555555
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านน้าเลิ้บๆ ถ้าชอบก็คอมเมนต์ไว้ได้น้า อ่านเมนต์มีกำลังใจมากจีจีค่ะ เอิ่บบบ ฝากเเท็กด้วยน้า #ฟิคเรนโค้ท เรารออ่านอยู่ฮับบบบ
รักซ์
Thx น้องเบลคับผม งิงิ
ความคิดเห็น