คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #25 : レインコート 25 END
レインコート
`raincoat
25
ทั้งสี่คนนั่งอยู่บนโต๊ะในโรงอาหารเป็นปกติ
ยุนกิบ่นเรื่องที่บิบิมบับของตนเองใส่แตงกวาดองมากเกินไป
“เอามานี่” โฮซอกได้ยินยุนกิบ่นงึมงำ ๆ
เลยแกล้งยื่นตะเกียบไปคีบแตงกวาดองในถ้วยของอีกคน
“อย่ามายุ่งนะ!!” เสียงต่ำ ๆ
ของคนตัวเล็กโวยวายพร้อมกับปัดตะเกียบของเพื่อนออกทันที
“อ้าว ก็มันเยอะไปไม่ใช่เหรอ”
“ฉันกินได้!”
“พี่นี่โวยวายตลอดเลยนะครับ”
จองกุกทักเสียงใสหลังจากที่เดินมาถึงโต๊ะของพวกเขา
คนตัวเล็กตวัดสายตามองทันที
“ยุ่งจริง”
จองกุกเพียงแค่ยิ้มโดยไม่ได้เถียงอะไรต่อ
“นี่น้ำนะครับ” มือเรียววางขวดน้ำไว้ตรงข้าง ๆ
จานอาหารของจีมิน คนตัวเล็กที่กำลังเคี้ยวตุ้ย ๆ
หันมายิ้มแฉ่งให้เขาก่อนจะรีบกลืนข้าวลงคอ
“ขอบใจมาก”
“เอาอะไรอีกไหมครับ” จองกุกถาม
จีมินส่ายหน้าเป็นคำตอบเพราะเขาตักอาหารอีกคำเข้าปากพอดี “งั้นผมไปนะ”
“บาย” จีมินเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับยกมือโบกให้คนที่ยืนอยู่
จองกุกค้อมศีรษะให้รุ่นพี่คนอื่นเล็กน้อยก่อนจะเดินผิวปากออกไปอารมณ์ดี
“น่าอิจฉาจังน้า”
ฮยอนอูเอ่ยพลางยกนิ้วสะกิดจีมินเบา
ๆ เป็นเชิงหยอก
“ไม่หรอกน่า” จีมินส่ายหน้าเบา ๆ
จีมินไม่ได้เขินจนทำตัวไม่ถูกแล้วแหละ ก็จองกุกเล่นมาทุกวันแบบนี้
แล้วเวลาโดนถามหรือโดนแซวจีมินก็เริ่มจะชินแล้ว
แต่เขาก็ยังไม่ค่อยถูกกับการเป็นเป้าสายตาเท่าไหร่ โชคดีที่จองกุกก็ดูจะเข้าใจ
“แล้วนายล่ะเป็นยังไงบ้าง”
ฮยอนอูหันไปถามทางยุนกิ
“ฉันเหรอ ก็ไม่รู้สึกระบมอะไรแล้ว”
แกล้งทำไม่รู้เรื่องไม่รู้ราวตอบไม่ตรงกับคำถามที่เพื่อนต้องการจริง
ๆ ก่อนจะก้มหน้ากินบิบิมบับต่อ
“ใช่ที่ไหนเล่า!”
ฮยอนอูโวย
แต่ยุนกิก็แกล้งทำเป็นไม่สนใจเสียอย่างนั้น
“ว่าแต่ไม่เป็นอะไรแน่แล้วเหรอ”
โฮซอกเป็นคนถามขึ้น
ยุนกิเคี้ยวข้าวจนหมดปากแล้วจึงเอ่ยตอบไป
“ใช่แล้ว
พี่ซอกจินลากไปตรวจร่างกายมาอีกที ก็ไม่เป็นอะไร”
“แล้ว... ได้แข่งหรือเปล่า
หมายถึงแข่งเดี่ยวน่ะ” จีมินถามอย่างเป็นห่วง
“คือตอนนี้มันเหลือเวลาสามอาทิตย์ก่อนแข่ง
อาทิตย์หน้าต้องคอนเฟิร์มรายชื่อ
ก็อีกไม่กี่วันนี้ฉันก็ต้องลองแข่งกับนักกีฬาในจังหวัดก่อน
ถ้าทำได้ดีกว่าฮยอนดูก็คงได้แข่งแหละ”
“ต้องแข่งกับแทฮยองไหม”
จีมินถามต่อ
“แน่นอน จองกุกด้วย”
“ถ้าแพ้แทฮยองแกจะโวยน้องเขาอีกไหมเนี่ย”
โฮซอกเอ่ยขำ
ๆ
“พูดเรื่องนี้แล้วก็หมั่นไส้แทฮยองมันจริง ๆ”
ยุนกิว่า
เขายกน้ำดื่มอึกใหญ่แล้วกระแทกแก้วพลาสติกลงบนโต๊ะ “แกคิดว่าฉันจะชนะมันได้ไหมล่ะ”
“ไม่ได้” โฮซอกตอบทันที แต่เขาก็ไม่ได้คิดอย่างนั้นหรอก
ถ้ายุนกิจริงจังมันก็ไม่แน่
“ได้สิ” ยุนกิแทบจะหันไปตะคอกใส่เพื่อน
“แต่ก็ต้องเปลี่ยนสไตล์การเล่นใหม่หมดเลย”
“ยังไงเหรอ”
จีมินถาม
“ปกติฉันเป็นฝ่ายโจมตีก่อน
แทฮยองตั้งรับและหาช่องว่างน่ะ”
“แกวิเคราะห์ได้ขนาดนี้แล้วเหรอเนี่ย”
โฮซอกเอ่ยแซว
“ได้ตั้งนานแล้วโว้ย แต่ไม่ได้ไล่ตีหัวมันก็ไม่สะใจน่ะสิ
พยายามจะตั้งใจเล่นทีไร พอลงสนามแล้วเห็นหมอนั่นก็อารมณ์ขึ้นทุกที”
ยุนกิบ่นออกมาก่อนจะถอนหายใจ
เขาเองก็ยอมรับด้วยว่าเพราะตัวเขามันรั้นเองนี่แหละ
“อยากดูจังแหะ” โฮซอกพึมพำออกมา
เขาชอบเคนโด้อยู่พอตัว เพราะมีนักกีฬาที่ต้องตามไปเชียร์ด้วยอยู่บ่อย ๆ อย่างยุนกิ
และแน่นอนว่าเมื่อคนที่เชียร์เอาจริงเอาจังแบบนี้ มันก็น่าสนุกจะตายไป
เห็นขัดเพื่อนตลอดแบบนี้พอยุนกิแข่งจริง
ๆ เขาก็เชียร์ขาดใจเลยนะ
“มาดูดิ แต่ก็ไม่รู้จะชนะไหมนะ จริง ๆ
ต่อให้แพ้แทฮยองก็ไม่เป็นไรหรอก ที่น่ากังวลจริง ๆ คือภาพรวมมากกว่า”
“ก็จริง...”
โฮซอกพยักหน้ารับ
“แข่งวันไหนก็บอกด้วยแล้วกัน”
“โอเค”
“ฉันลืมเอาชีทครูชเวให้จองกุกมันแหะ”
จีมินที่กำลังเปิดกระเป๋าเอาขวดน้ำใส่ลงไปเหลือบไปเห็นแฟ้มสีเขียวที่เขาเอามาให้จองกุก
— เมื่อกี้ก็ลืมเสียสนิท
“เอาไปให้สิ เดี๋ยวฉันเก็บจานให้”
ฮยอนอูว่า
เขาเอื้อมมือไปเลื่อนจานตรงหน้าเพื่อนมา จีมินส่งยิ้มเกรงใจ ๆ
ไปให้เพื่อนแต่ฮยอนอูก็เอ่ยออกมาเช่นเดิม “เอาไปให้เถอะน่า
แล้วเจอกันที่ห้องแล้วกัน”
“งั้น... เดี๋ยวฉันมานะ” จีมินลุกขึ้นพร้อมกับกดโทรศัพท์ส่งข้อความหาจองกุก
พออีกคนตอบมาเรียบร้อยแล้วว่าจะไปเจอกันที่ไหน
จีมินก็รีบตรงดิ่งไปทันที
“อ้าว พี่จีมินมาแล้ว” เป็นจุนฮเวที่นั่งเล่นเกมในโทรศัพท์มือถือทักขึ้น
ยังไม่ทันที่จีมินจะได้แม้แต่ส่งยิ้มไปให้รุ่นน้องที่นั่งอยู่กับพื้น
จุนฮเวก็ก้มหน้าก้มตาเล่นเกมต่อเสียแล้ว
“มันเป็นแบบนี้แหละครับ ถ้าเป็นพี่ยุนกินะ
พี่แกโวยวายตาย” จองกุกว่าพลางเหล่ไปมองแทฮยอง คนผิวแทนส่ายหน้าเบา ๆ
แต่ก็อย่างที่จองกุกบอกนั่นแหละ สองคนนี้เจอกันทีไร เขาปวดหัวทุกที
“งั้นเหรอ” จีมินพยักหน้ารับ เขาวางเป้บนโต๊ะทรงสี่เหลี่ยมของห้องเคมีที่ใช้สำหรับปฏิบัติแล้วจึงหยิบแฟ้มสีเขียวให้จองกุก
“มีแบตสำรองกันไหม” จุนฮเวเงยหน้าขึ้นมาถามเพื่อนหลังจากโทรศัพท์ของเขามันแจ้งเตือนว่าแบตเตอรี่ต่ำ
“ไม่นะ ลองไปถามนัมจุนมันดูดิ”
จองกุกตอบออกไปขณะที่เปิดแฟ้มมาดูชีทที่จีมินให้
“โอเค ๆ” แล้วจุนฮเวก็ลุกออกไปจากห้องเคมี
พวกเขาไม่ได้เรียนกันที่ห้องนี้ แต่แค่มาหาที่เงียบ ๆ
ไม่วุ่นวายเหมือนห้องเรียนรอเวลาก็เท่านั้น
“เอ่อ... แทฮยองอาขอถามอะไรหน่อยได้หรือเปล่า”
จีมินถามขึ้นอย่างไม่แน่ใจนัก
แทฮยองถอดหูฟังออกพร้อมกับพยักหน้าเบา ๆ
“เรื่องอะไรเหรอครับ”
แต่คนที่ถามขึ้นดันเป็นจองกุก
“คือ...
ฉันแค่สงสัยน่ะ
เรื่องใบโคลเวอร์”
“ครับ?” แทฮยองเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ
เขาจำได้แน่นอนว่าเขาให้ใบโคลเวอร์สี่กลีบกับยุนกิไป
ที่เขาแปลกใจคือทำไมจีมินถึงถามถึง
“นายรู้ความหมายมันหรือเปล่า”
“ก็...โชคดีไงครับ”
แทฮยองตอบออกไป
“ไม่ ๆ อีกความหมาย”
แทฮยองหันไปมองหน้าจองกุกที่มองเขากับจีมินสลับกัน
จองกุกยักไหล่เป็นการตอบกลับมาเพราะเขาเองก็ไม่รู้
เขาไม่ค่อยจะรู้นักหรอกว่าดอกไม้นี้สื่อถึงอะไร ใบนี้แปลว่าอย่างนี้นะ
จำนวนเท่านี้คืออย่างนี้ แล้วอย่างแทฮยอง... แค่รู้ว่าใบโคลเวอร์สี่กลีบหมายถึงโชคดี
ก็นับว่าเก่งแล้วแหละ
“มันมีอีกความหมายน่ะ” จีมินยกมือมาปิดปากหัวเราะเล็กน้อยเมื่อเห็นรุ่นน้องทั้งสองคนมองมาอย่างสงสัย
“...เป็นของฉันนะ”
“โหยยยยย ใช่เล่นนะคนเรา” จองกุกยกมือขึ้นตบที่ไหล่ของแทฮยองจนคนที่กำลังนั่งอึ้งอยู่แทบล้มลงมาจากโต๊ะ
“ละ แล้วพี่ยุนกิรู้ไหมครับ”
“รู้สิ
เหมือนดูในหนังหรืออ่านเจอที่ไหนสักที่ด้วยกันนี่แหละ”
จีมินตอบออกไป
แทฮยองหน้าเหวอยิ่งกว่าเก่า — นี่เขาให้ไปทั้ง ๆ
ที่ไม่รู้เรื่องไม่รู้ราวอะไรเลยเนี่ยนะ
“แต่ยุนกิคิดว่านายคงไม่รู้แหละ”
จีมินเอ่ยยิ้ม
ๆ เขารูดซิปปิดกระเป๋าเป้ของตนเองแล้วยกขึ้นสะพายไหล่ “แต่ตอนนี้รู้แล้วนะ”
รุ่นพี่ตัวเล็กยกมือโบกให้เขาทั้งคู่ก่อนจะเดินออกไปจากห้อง
จองกุกหัวเราะเสียงดังออกมาทันที มันก็ไม่ได้มีอะไรตลกนักหรอก แต่สีหน้าเหวอ ๆ
ของแทฮยองตอนนี้มันฮาใช้ได้เลยน่ะสิ
“ว่าแต่ไหน ๆ
แล้วก็ใช้ใบโคลเวอร์ให้เป็นประโยชน์หน่อยสิ
กำลังจะขอพี่เขาเป็นแฟนอยู่ไม่ใช่หรือไง”
“รู้ได้ไง”
แทฮยองหันไปถามเพื่อนของตนเอง
“ก็มันควรจะขอได้แล้วน่ะสิ อย่าให้ฉันตัดหน้าน้า”
พูดจบร่างสมส่วนก็กระโดดลงจากโต๊ะที่นั่งอยู่แล้วเดินออกจากห้องไป
แทฮยองยกนาฬิกาข้อมือดูก็พบว่าถึงเวลาเรียนแล้ว
เขาถอนหายใจออกมาก่อนจะระบายยิ้มแล้วลุกเดินไปเข้าห้องเรียนบ้าง
レインコート
วันนี้เป็นวันสำคัญอีกวันหนึ่งของมินยุนกิ
ใช่แล้ว...
วันนี้เป็นวันทดสอบว่าเขาจะได้แข่งเดี่ยวหรือไม่
และคู่แข่งตรงหน้าเขาคือคิมแทฮยอง
ร่างเล็กสูดลมหายใจลึก ๆ
เขาดูสงบนิ่งกว่าทุกครั้งที่แข่งกับแทฮยองอย่างไม่น่าเชื่อ
ซอกจินที่ยืนกอดอกดูอยู่ข้างสนามระบายยิ้มออกมาเมื่อเห็นเช่นนั้น
ความคาดหวังที่ยุนกิแบกอยู่อย่างไม่เต็มใจในตอนแรก — ยุนกิเอามันอยู่แล้ว
แค่ความมุ่งมั่นในตอนนี้นี่แหละ
ที่จะต่อยอดในอนาคต
ไม่จำเป็นต้องชนะเสมอไปหรอก
“โด” เป็นแทฮยองที่เป็นฝ่ายวิ่งเข้ามาก่อนพร้อมกับหวดชิไนบมาที่ข้างลำตัว
ยุนกิเม้มปากแน่นก่อนจะยกชิไนปัด แรงของเขาน้อยกว่าแทฮยอง
ดังนั้นร่างเล็กจึงรีบกระโดดหลบแล้วฟาดชิไนไป
“โคเทะ!!”
หวืด...
“ชิท” ยุนกิสบถออกมา แต่ถึงอย่างนั้นบนใบหน้าก็ยังมีรอยยิ้มนึกสนุกอยู่
ตอนนี้มันเปลี่ยนจากความหงุดหงิดเป็นความท้าทายไปแล้วแหละ...
แทฮยองฟาดชิไนมาอีกครั้งแต่ยุนกิก็ยังยั้งไว้ได้
ร่างเล็กออกแรงเบี่ยงชิไนไปอีกทางแล้วจึงยกมากันหน้าอีก
เกมเริ่มมาสักพักแล้วก็ยังไม่มีใครได้แต้ม
คราวนี้ยุนกิระวังตัวมากกว่าทุกครั้ง
ไม่ได้จ้องแต่จะระบายอารมณ์อีกแล้ว
เสียงชิไนกระทบกันดังเป็นระยะ
สลับกับเสียงตะโกนบอกตำแหน่ง
แต่ก็ยังไม่มีใครได้แต้ม
จนกระทั่งจบเกม
“เคารพ” ผู้ตัดสินเอ่ยขึ้น
แทฮยองกับยุนกิแยกออกไปคนละฝั่งแล้วโค้งให้กัน
“คิมแทฮยองมินยุนกิ เสมอ” ผู้ตัดสินอีกคนเอ่ยขึ้น
พอออกจากเขตสนามแข่งยุนกิก็จัดแจงถอดเม็งออกด้วยใบหน้าเหมือนเด็กงอแง
“ให้ตายสิ”
“ทำดีแล้วน่า”
ซอกจินเอ่ยขึ้น
ยุนกิรีบหันไปทำตาโตใส่คนเป็นพี่
“พี่ชมผม!!”
“ก็แน่สิ คนทำดีก็ต้องชม” ซอกจินตอบกลั้วหัวเราะเมื่อเห็นสีหน้าของยุนกิ
“ผมต้องหูฝาดแน่ ๆ” ยุนกิพึมพำ
เขาหันไปเห็นจีมินโบกมือมาให้พอดีเลยขอตัวไปหาเพื่อน ๆ ก่อน
“ไม่ชนะแต่ก็ทำได้ดีเลยนี่”
โฮซอกเอ่ยขึ้น
ยุนกิยักคิ้วใส่เพื่อนเล็กน้อยก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งด้วยความเหนื่อย
“แต่ก็ได้แข่งเดี่ยวแล้วแหละครับ เพราะชนะพี่ฮยอนดู
ส่วนผมที่เสมอพี่ก็ชนะพี่ฮยอนดูเหมือนกัน” แทฮยองเอ่ยพร้อมกับทิ้งตัวลงนั่งข้าง
ๆ ยุนกิ
“ชนะผมด้วยเถอะ” จองกุกที่นั่งอยู่ก่อนเอ่ยยานคาง
ให้ตาย... นี่เขาแพ้ทั้งแทฮยองและยุนกิต่อหน้าจีมินเลยนะ
“ทำดีแล้วน่า” จีมินชูนิ้วโป้งให้อีกคน
แน่นอนว่ามันทำให้จองกุกหัวใจพองโตได้ไม่ยาก “ฉันไปซื้อน้ำเย็น ๆ ให้ดีกว่า”
“ผมไปด้วย”
จองกุกรีบลุกขึ้นทันทีด้วยท่าทีกระตือรือร้น
“เหนื่อย ๆ อยู่นะ นั่งรอก็ได้”
จีมินว่าแต่จองกุกส่ายหน้ารัว
ๆ พร้อมกับเดินไปยืนข้าง ๆ จีมิน
“นั่งพักเมื่อกี้แล้วครับ”
“งั้นก็ตามใจ”
จีมินพยักหน้าพร้อมกับเดินออกไปนอกตัวโรงฝึก
พวกเขาเดินออกไปด้วยกัน ไม่ไกลจากตรงนี้มีมินิมาร์ทตั้งอยู่
จีมินเดินอย่างสบาย ๆ ไม่ต้องรีบร้อนอะไรนัก
แต่จองกุกดูจะทุลักทุเลเล็กน้อยเพราะต้องคอยห่วงว่าชายฮากาม่าจะเปื้อนฝุ่นบนถนนหรือเปล่า
“นายนี่น้า”
จีมินส่ายหน้าอย่างอดเอือมไม่ได้
จองกุกหันมาส่งยิ้มแห้ง ๆ ให้
“ก็ผมอยากอยู่ข้าง ๆ พี่นี่นา”
พอจองกุกพูดออกมาแบบนั้นจีมินก็รีบก้มหน้างุด
ร่างสูงยิ้มออกมาทันทีที่เห็นท่าทีของอีกคน
“ไปอยู่กับป้าแล้วโอเคใช่ไหมครับ”
“อื้ม ก็เหมือนเดิมนั่นแหละ ถามทุกวันเลยนะนายเนี่ย”
จีมินตอบออกไปทั้งที่ยังก้มหน้ามองปลายเท้าของตนเอง
“รำคาญหรือเปล่าครับ”
“ไม่หรอก ใครจะไปรำคาญได้กัน”
จีมินเอ่ยออกมาเบา
ๆ สำหรับเขาแล้ว คำถามด้วยความเป็นห่วงเป็นสิ่งล้ำค่าสำหรับเขา...
เขาเรียกร้องอะไรไม่ได้มาก
แต่เขาเชื่อว่าแม่ของเขาก็รักเขาไม่น้อยไปกว่าซอนบิน แทนที่จะเลือกเรียกร้อง
จีมินเลือกที่จะรับเท่าที่ได้และอยู่กับมันให้ได้มากกว่า
สิ่งที่เขาได้รับ
มันดีมากพออยู่แล้ว
“พี่จีมินครับ” จองกุกเอ่ยขึ้นมา
เขาลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเอ่ยออกไป “เรื่องของเรา...
มันเริ่มแล้วใช่ไหมครับ”
“เริ่มแล้วแหละ...” จีมินตอบ
จองกุกยังรู้สึกได้ถึงความไม่แน่ใจในน้ำเสียงนั้น ร่างสูงยิ้มออกมา
แต่สำหรับตอนนี้ มันหมายความว่าจีมินเปิดใจให้เขาอย่างแน่นอนแล้ว
“พี่ยังไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ใช่ไหมครับ”
“มะ ไม่ใช่นะ” จีมินรีบเอ่ยขึ้นอย่างร้อนรน
ให้ตายสิพัคจีมิน...
“ไม่เป็นไรเสียหน่อยครับ พี่ไม่ต้องรีบหรอก”
จองกุกเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ผมรอพี่ได้อยู่แล้ว
ค่อย ๆ รู้สึกไปเถอะครับ”
จีมินนิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยถามอีกคนต่อ “นาย...
โอเคกับแบบนี้จริง
ๆ เหรอ”
“ใช่ครับ”
จองกุกตอบออกมาในทันที
“ผมชอบเลยแหละ”
“จองกุกอา...”
“ผมชอบพี่มาก — มากจริง ๆ นะครับ
ไม่ใช่แค่ว่าอยากจะได้พี่มาเป็นแฟนเสียหน่อย ไม่รู้สิ...
ผมชอบนะ
เรื่องพวกนั้นก็ค่อย ๆ ให้มันเป็นไปดีกว่า”
“ฉะ ฉันก็ชอบนายนะ” จีมินเอ่ยขึ้นมาเบา ๆ
จองกุกมองใบหน้าอีกคน จีมินไม่ได้หน้าแดงด้วยความเขิน แต่มีรอยยิ้มจาง ๆ
ที่แสดงออกว่าเจ้าตัวกำลังมีความสุขมาก ๆ
“งั้นก็แปลว่า...เรื่องของเราเริ่มแล้วนะครับ”
จีมินไม่ได้เอ่ยตอบอะไรไปนอกจากพยักหน้าเบา
ๆ
นี่สินะความรัก... มันทำให้หัวใจพองโตได้ขนาดนี้เลยเหรอ...
พ่อกับแม่ก็เคยรู้สึกต่อกันแบบนี้ใช่ไหมนะ
แม่ถึงได้คอยพูดเสมอว่าไม่ว่าอย่างไรก็ตาม จีมินเป็นลูกของพวกท่าน
เกิดจากความรักของพวกท่าน แม้ว่าพ่อจะจากไปแล้ว แต่ความรักของพ่อก็ยังคงจะล่องลอยอยู่รอบตัวเขาแน่
ๆ เขาถึงได้มีความรักเต็มเปี่ยม รอแค่ว่าเขาจะได้ให้ใครสักคน
ความรู้สึกที่เขาพยายามละทิ้งมาตลอด
แล้วจองกุกก็ข้ามผ่านจักรวาล ท่ามกลางดวงดาวมากมาย —
จีมินก็ได้ให้มันกับใครสักคน
ความรักของเขา
レインコート
ฝนตกลงมาอีกแล้ว — ยุนกิควานกระเป๋าเพื่อหาร่มอยู่ใต้ถุนอาคารก่อนจะต้องถอนหายใจออกมาเมื่อไม่พบสิ่งที่ต้องการ
เขานึกขึ้นได้พอดีว่าเมื่อวานกางตากให้แห้งไว้หลังจากที่กลับมาจากโรงฝึก
ตอนเช้าเขารีบ ๆ เลยลืมไว้น่ะสิ
มือขาวหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดส่งข้อความไปหาแทฮยอง
ถึงจะไม่มีเรื่องให้ต่อรองแทฮยองเองก็ดูจะยอมเด็กเอาแต่ใจคนนี้อยู่แล้ว
หลังจากส่งข้อความไปไม่นานเขาก็เห็นร่างสูงเดินมาในเสื้อกันฝนสีน้ำเงินเข้ม
“อยู่ตรงนี้ก็โดนละอองฝนสิครับ”
แทฮยองเอ่ยทักเขาที่ยืนอยู่ริมใต้อาคารพอดี
ทำให้ละอองฝนกระเด็นมาถึงคนตัวเล็ก
“ก็เย็นดี”
ยุนกิตอบอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว
“ต้องไปซ้อมต่อ เดี๋ยวก็ป่วยหรอกครับ”
แทฮยองส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจ
แต่ถ้ายุนกิจะทำแบบนั้นใครจะห้ามได้กันล่ะ
“ต่อให้กางร่ม
ยังไงก็ต้องโดนละอองฝนอยู่ดีอ่ะ”
“แต่ผมไม่มีร่มหรอกนะ
พี่จะให้ผมไปเอาที่บ้านพี่ก่อนไหมล่ะครับ” แทฮยองเสนอ
วันนี้พวกเขาไม่มีเรียนคาบพิเศษเลยออกมาได้ก่อนเวลา
“เอาแบบนั้นเหรอ...”
ยุนกิพึมพำ
“นี่...
คราวหน้าพกร่มเผื่อไว้หน่อยสิ”
“ร่มมันหนักกระเป๋านะครับ”
“แค่นี้เองนะ!” ยุนกิโวยวายขึ้นมาด้วยใบหน้ามุ่ย
ๆ แต่แทฮยองก็ดูไม่ได้เดือดร้อนอะไร ถ้าแทฮยองขึ้นลง ๆ
ตามยุนกิมีหวังได้เหนื่อยใจตายพอดี
แล้วเขาก็เป็นคนแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว
เขากับยุนกิแทบจะไม่ต้องปรับตัวอะไรด้วยซ้ำ
“ก็เคยบอกไปแล้วนี่ครับว่าร่มมันหนัก”
แทฮยองเอ่ยด้วยน้ำเสียงปกติ
ต่างกับยุนกิที่รู้สึกมีน้ำโหขึ้นมา
แค่นี้ก็เอาอกเอาใจกันหน่อยไม่ได้หรือไง!!
“แต่ถ้าเสื้อกันฝนสองตัวคงไม่มีปัญหา”
คำพูดต่อมาของแทฮยองทำให้ยุนกิชะงัก
ถึงจะเป็นคำพูดที่ไม่มีอะไรมากแต่กลับทำให้คนตัวเล็กต้องแอบกลั้นยิ้มเอาไว้ได้ไม่ยาก
“แต่วันนี้มีตัวเดียวอ่ะครับ”
แทฮยองว่าพลางเดินเข้าใต้อาหารแล้วถอดเสื้อกันฝนออก
“เฮ้ยยย นายใส่ไปเหอะ” ยุนกิร้องบอกพลางโบกมือเป็นเชิงปฏิเสธ
แต่แทฮยองกลับเดินมาแล้วยกเสื้อกันฝนคลุมศีรษะของเขาและเจ้าตัวไว้
ใจเต้นแรงอีกแล้ว
เฮ้อ...
แทฮยองนี่เก่งจริง
ๆ เลย
“ไปแบบนี้โอเคหรือเปล่าครับ”
แทฮยองเอ่ยยิ้ม
ๆ และนั่นทำให้ยุนกิกลั้นรอยยิ้มไว้ไม่อยู่
เม็ดฝนตกกระทบกับเสื้อกันฝนที่ใช้คลุมทั้งคู่ขณะก้าวเดินออกไปด้วยกัน
ละอองน้ำที่ทำให้รู้สึกเย็นแต่ก็ไม่ได้ถึงกับทำให้เปียกโชกสร้างความสดชื่นได้อย่างน่าประหลาด
เสียงกระทบของหยดน้ำอยู่ใกล้ใบหูจนได้ยินชัดไปหมด
กลิ่นไออันเป็นเอกลักษณ์โชยคลุ้งไปทั่ว
“พี่ยุนกิ...” แทฮยองเอ่ยขึ้นมาเบา ๆ
คนที่เดินอยู่ข้าง ๆ เงยหน้าขึ้นมามองเล็กน้อย
รอยยิ้มน่ารักยังคงประดับอยู่บนใบหน้าขาว แทฮยองรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาในทันที
เขาสูดหายใจลึก ๆ เขาคิดว่าตอนนี้นี่แหละที่เหมาะจะพูด...
ก็เขาชอบไปหมดทุกอย่างเลย สายฝน กลิ่นไอ อากาศเย็น ๆ แบบนี้
แล้วก็คนที่เขารักใต้เสื้อกันฝนที่เขาชอบ
สำหรับเขาแล้วการที่ชอบฝนตกนั่นไม่ได้หมายความว่าจะต้องไม่พยายามกันตนเองจากสายฝนอย่างเดินตากฝนเสียหน่อย
— แต่เป็นการจะอยู่กับสายฝนอย่างไรให้มีความสุขที่สุดต่างหาก
ยุนกิเป็นสายฝน บางครั้งบางคราวก็ตกลงเพราะความแปรปวน
ดังนั้นแล้วเขาจะเป็นเสื้อกันฝน
“อีกความหมายของใบโคลเวอร์”
แทฮยองเอ่ยออกมาเบา
ๆ ยุนกิยิ้มกว้างมากกว่าเก่าทันทีที่ได้ยินแบบนั้น
“รู้ด้วยหรือไง”
“ครับ” แทฮยองตอบออกไป แต่ยังไม่ทันที่จะได้พูดอะไรต่อยุนกิก็พูดแทรกขึ้นมาเสียก่อน
“จะขอคบหรือไง”
“คงงั้นแหละครับ” แทฮยองตอบออกไป
แก้มขาวของยุนกิขึ้นสีเล็กน้อยที่เขาตอบออกไปอย่างมั่นใจแบบนั้น
“จะไม่คบก็คงไม่ได้แล้วแหละเนอะ เฮ้อ...
ดันรักไปแล้วนี่นา”
ยุนกิแสร้งทำเป็นเหนื่อยใจทั้ง
ๆ ที่ยังมีรอยยิ้มที่กลั้นไม่อยู่ฉายชัด แทฮยองหัวเราะออกมา
พวกเขาหยุดเดินลงที่ข้างทางเดิน เพราะฝนตกแบบนี้เลยแทบไม่มีผู้คนเลยด้วยซ้ำ
“นั่นแหละครับ
งั้นพี่ก็เป็นแฟนผมนะ”
“อื้ม”
ยุนกิตอบออกมาเบา
ๆ
มันดูธรรมดา ๆ ใช่ไหมล่ะ...
แต่ก็อย่างที่แทฮยองบอก เขาชอบทุกอย่างในตอนนี้
รวมไปถึงหลงรักในความธรรมดาเหล่านี้ไปเสียแล้ว
และวันนี้ก็จะเป็นวันที่เขาชอบที่สุด
ร่างสูงก้มหน้าลง
ปลายจมูกของทั้งคู่เฉียดกันอยู่สักพักก่อนที่ยุนกิจะหลับตาลง
แทฮยองระบายยิ้มอ่อนโยนก่อนจะขยับเข้าไปใกล้ ลมหายใจของกันและกันเป็นที่อบอุ่นที่สุดในวันฝนพรำ
แล้วสัมผัสแผ่วเบาที่ริมฝีปากของยุนกิก็ทำให้คนตัวเล็กรู้สึกล่องลอย
เรื่องราวที่ผ่านมาไหลทะลักเข้ามา อ้อมกอดของแทฮยองในตอนนั้น
จูบของแทฮยองในตอนนั้น แทบไม่ต่างกันเลย...
ถึงใครจะบอกว่าพวกเขาต่างกันยังไงก็ตาม
แต่เรื่องที่ผ่านมาทำให้ยุนกิมีข้อแก้ต่างเป็นล้าน ๆ ให้ความต่างทางนิสัย —
ถึงจะต่างกันแต่พวกเขาก็เข้ากันได้...
แทฮยองจูบยุนกิอยู่อย่างนั้นสักพัก
สายฝนยังคงโปรยปราย
ใต้เสื้อกันฝน
คิมแทฮยองกับมินยุนกิใต้เสื้อกันฝน
END
เราจะต้องคิดถึงฟิคเรื่องนี้มากๆๆๆๆๆๆแน่ๆค่ะ
ขอบคุณที่อยู่กันมาจนถึงตอนนี้นะคะ ขอบคุณมากๆค่ะ ไม่รู้จะขอบคุณยังไงดีเลย เพราะมีคนอ่าน สารถึงมีผู้รับ ขอบคุณที่รับฟังจินตนาการธรรมดาๆของนักเขียนฝึกหัดคนนี้มาจนถึงตอนจบนะคะ
เรื่องราวของพวกเขาคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆแหละเนอะฮับ เราเอามาเล่าให้ฟังแค่ตรงนี้ค่ะ55555555 คิดๆไว้ว่าอยากทำภาคต่อเป็นมินซูน เป็นรุ่นลูกศิษย์งับ เพราะยังคงรู้สึกมากมายกับสายฝนและเคนโด้อยู่ แค่คิดไว้เล่นๆนะงับบ
หากใครอยากได้เล่มเรนโค้ทไปเก็บไว้ยังสามารถสั่งได้ถึง31ก.ค.นะงับบ มีตอนพิเศษเล็กน้อยๆที่มีเฉพาะในเล่มอยู่น้าาาา ใครสนใจก็ จิ้มๆ เลยงับบบ
สุดท้ายนี้ก็ต้องขอบคุณอีกครั้งนะคะ รักเสมออออ
เจอกันเรื่องหน้าค่ะ : )
ความคิดเห็น