Fic The Prince of Tennis : My brother (Tezuka & Fuji) - นิยาย Fic The Prince of Tennis : My brother (Tezuka & Fuji) : Dek-D.com - Writer
×

    Fic The Prince of Tennis : My brother (Tezuka & Fuji)

    โดย i am susan

    เมื่อฟูจิต้องมากลายเป็นน้องของเทสึกะจะเกิดอะไรขึ้น

    ผู้เข้าชมรวม

    522

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    522

    ความคิดเห็น


    2

    คนติดตาม


    18
    จำนวนตอน :  5 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  10 เม.ย. 56 / 12:06 น.

    อีบุ๊กจากนิยาย ดูรายการอีบุ๊กทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    ตอนที่ 1  

    เสร็จยังลูก

    ครับ จะลงไปเดี๋ยวนี้เลยครับผู้เป็นลูกตอบแม่ที่ส่งเสียงเร่ง

    เด็กหนุ่มหน้าหวานขี้เล่นยิ้มจนตาหยีให้ผู้เป็นแม่ที่ทำหน้างอนยืนเท้าสะเอวตรงบันไดชั้นล่างพลางมองลูกชายที่ลากกระเป๋าสัมภาระลงมา

    แม่ก็นะ….เพิ่งมาบอกตอนนี้ผมก็จัดของไม่ทันสิคร้าบบบบบ อธิบายผู้เป็นแม่ฟังแล้วลงมากอด หอมแก้มสักฟอดใหญ่พลางส่งสายตาหวานๆให้  จนผู้เป็นแม่อดที่จะยิ้มไม่ได้ มาไม้นี้ทีไรบทที่จะโกรธกลายเป็นใจอ่อนให้เจ้าลูกชายตัวดีขี้อ้อนเสียทุกที

    อย่าทำแบบนี้ไม่ว่ากับใครยกเว้นแม่คนเดียวเป็นแม่ที่หวงลูกทีเดียวหรืออาจจะเรียกได้ว่าติดลูกก็ว่าได้

    เอ๋….กับแฟนตัวเองก็ไม่ได้หรือครับลูกชายทำตาปริบๆทั้งทียังกอดแม่อยู่

    ลูกแม่โตพอจะมีแฟนแล้วหรอเนี่ย ใครจะเป็นผู้โชคร้ายคนนั้นน่ะ น่าสงสารจัง  หุหุๆๆ

    แม่กำลังว่าผมอยู่น่ะครับ ไม่เข้าข้างลูกตัวเองบ้างเลยน่าน้อยใจจังพูดงอนๆแล้วเอาคางเรียววางบนไหล่แม่มือยังกอดแม่อยู่

    ก็จริงนี่  ชูจังน่ะชอบแกล้งเขาไปทั่ว  เมื่อวานซาเอะเพิ่งโทรมาบอกแม่ว่าลูกหลอกให้เขากินแซนวิสสอดไส้พริก  มีที่ไหนกันเอาพริกสดๆใส่ในแซนวิสเผ็ดตายเลย  ระวังน่ะคนที่โดนลูกแกล้งอาจตามมาเอาคืนก็ได้แม่ไม่ช่วยด้วยน่ะ………..” ทีนี้ร่ายยาวเลยครับ  ซาเอกิน่ะซาเอกิเจอครั้งหน้าโดนหนักแน่โทษฐานมาฟ้องแม่   ทำให้ตัวเองโดนอบรมจนหูชาแบบนี้  ซาเอกิที่ว่าคือเพื่อนสมัยเด็กๆที่นานๆเจอกันเนื่องจากตัวเขาและครอบครัวย้ายมาอยู่โตเกียวแต่ก็ยังติดต่อกันอยู่เสมอ  ที่คุณแม่เรียกซาเอะแทนซาเอกิเนื่องจากท่านเอ็นดูเพื่อนของลูกชายตนเหมือนลูกตัวเองจึงเรียกชื่อเล่น  แต่ฟูจิจะเรียกอะไรนั้นแล้วแต่อารมณ์   เมื่ออาทิตย์ที่แล้วซาเอกิมาเที่ยวโตเกียว พอนานๆเจอทีก็อดที่จะแกล้งไม่ได

    ก็หมอนั่นอยากโง่กินเองนี่ครับ  ผมไม่ได้บังคับสักหน่อยคิดแล้วต้องเอาคืนให้หนักอีก

    ยังอีก……อย่าคิดจะเอาคืนซาเอะเชียวน่ะแม่ยังดุไม่เลิกแถมยังรู้ทันความคิดเขาอีก

    คร้าบบบบบๆๆๆๆๆ จะไม่ทำอีกแล้วคร้าบรับปากแม่แต่นิ้วไขว้หลังไว้

    แล้วจำที่ตัวเองพูดไว้ด้วยล่ะ        โอ๊ย……ลูกคนนี่เนี่ยพูดจบก็จั๊กกี้เอวแม่ให้ตกใจเล่นทีนึงก่อนหันตัวหลบไปลากกระเป๋าไปไว้ในรถที่จอดรออยู่

    พูดอยู่หยกๆ  ชูจังน่ะชูจังแม่บ่นเบาๆ

     

     

     

    เร็วสิครับแม่ลูกชายตะโกนบอกเนื่องจากตัวเองเข้านั่งรอในรถนานแล้วแต่ผู้เป็นแม่ยังเอ้อระเหยมองสำรวจบ้านเป็นนานสองนานทั้งทีจัดสัมภาระไว้ในรถเสร็จตั้งนานแล้ว   ทีจริงเขาไม่อยากเร่งแม่หรอกแต่เพราะบ้านหลังนี้มีความทรงจำมากมายและมีความหมายกับแม่มาก  เขาไม่อยากให้แม่ยึดติดกับมันมากเกินไป ในเมื่อแม่เป็นคนตั้งสินใจเองที่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่หลังจากต้องจมกับอดีตมาตลอด 7 ปีเต็ม  เขาซึ่งเป็นลูกจึงเต็มใจและยอมรับกับการตัดสินใจของแม่เพื่อที่แม่จะได้มีความสุขและมีรอยยิ้มที่แท้จริงกลับมาอีกครั้ง

    อ่า   โทษทีจ้ะแม่สะดุ้งเล็กน้อยหลังจากที่ผมเรียกซึ่งอาจจะดังไปหน่อย  แม่เข้าไปสั่งเสียอะไรเล็กน้อยกับคนสวนเก่าแก่และแม่บ้านที่รับใช้อย่างซื่อสัตย์มาตลอดแล้วมอบกุญแจบ้านให้พร้อมกอดอำลาเป็นครั้งสุดท้าย

    ดูแลสุขภาพด้วยนะคะคุณผู้หญิงแม่นมของผมพูดทั้งน้ำตา

    นมเองก็ดูแลตัวเองบ้างน่ะจ้ะแม่เองก็บอกทั้งน้ำตาเหมือนกันทำให้ผมซึ่งมองดูอยู่ก็น้ำตาเล็ดได้เหมือนกัน  แม่นมเดินมาหาผมในรถซึ่งผมก็ลงจากรถไปกอดเธอทันที

    ทูนหัวของนม  ถึงเวลาที่ต้องจากกันจริงๆแล้วสิน่ะเธอกระชับกอดแน่นขึ้น ผมเองก็เช่นเดียวกัน  ตอนนี้ผมร้องไห้ฟูมฟายอย่างไม่อายฟ้าดินถึงจะเป็นลูกผู้ชายถูกสอนให้เข้มแข็ง แต่พออยู่ในสถานการณ์แบบนี้แล้วผมทำอะไรไม่ได้เลย  แม่นมยกใบหน้าผมขึ้นแล้วเอามือเช็ดน้ำตาให้ผม  พลางลูบเรือนผมสีน้ำตาลเบาๆอย่างถะนุถนอมแล้วก้มลงจูบกลางกระหม่อนอย่างปลอบโยน

    ไปอยู่ที่อื่นแล้วอย่าร้องไห้แบบนี้น่ะมันไม่ดีรู้มั้ย  ดูแลคุณแม่ด้วย  เชื่อฟังแล้วอย่าดื้อกับคุณแม่ล่ะ ว่างๆก็มาเยี่ยมนมด้วยน่ะทูนหัวของนม  พอแล้วเลิกร้องได้แล้วไม่สมเป็นคุณหนูชูสึเกะเลยน่ะแม่นมบอกเมื่อเห็นผมสะอื้นหนักเข้าไปอีก  ท่านยิ้มให้อย่างปลอบโยน

    ผมพยักหน้ารับอย่างเดียวพูดอะไรไม่ออกเนื่องจากสะอื้นอย่างหนัก  แม่นมกอดผมอีกครั้งแล้วเดินมาส่งผมที่รถแล้วแม่ก็ตามมาขึ้นรถปิดประตูขับออกไป  ผมเปิดกระจกรถแล้วหันไปโบกมือให้ทุกคน

    โชคดีน่ะคะ/ ครับ คุณผู้หญิง/ คุณหนูชูสึเกะทุกคนโบกมือให้ผมกับแม่เป็นครั้งสุดท้าย

    โชคดีน่ะครับทุกคนแล้วผมจะกลับมาเยี่ยมผมตะโกนพลางสะอื้นไปด้วย

    ทั้งแม่บ้านและคนสวนทุกคนล้วนอยู่ก่อนผมเกิดด้วยซ้ำเรียกว่าข้าเก่าเต่าเลี้ยงสมัยคุณปู่คุณย่านั่นแหละ  ถ้าจำไม่ผิดบ้านหลังนี้เป็นของปู่กับย่าผม เมื่อท่านเสียไปบ้านหลังนี้จึงตกเป็นของพ่อผมโดยปริยาย  เราทั้งครอบครัวจึงย้ายมาอยู่ที่นี่ประจวบกับคุณพ่อได้เริ่มวางรากฐานทางธุรกิจที่นี่  แต่เดิมเราอยู่ที่จิบะพ่อพบรักกับแม่ที่นั่น  หลังจากพ่อหันมาทำธุรกิจอย่างจริงจังและเป็นนักธุรกิจเต็มตัวจึงคิดจะเริ่มวางรากฐานที่เมืองใหญ่ซึ่งก็คือโตเกียว  พวกเราจึงย้ายมาอยู่ที่บ้านหลังนี้ตั้งแต่นั้นมา  จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีการเศร้าโศกกันเนื่องจากพวกเราอยู่กันแบบญาติพี่น้องไม่มีคำว่าคนใช้  เจ้านาย  ผมจึงสนิทกับทุกคน และเล่นหัวกันได้ ถึงผมจะเป็นลูกคุณหนูแต่ผมทำอะไรเองเป็นทุกอย่างน่ะเพราะถูกสั่งสอนมาว่าให้ช่วยเหลือตัวเองยามลำบากจะได้ไม่เดือดร้อนคนอื่น  ขนาดอาหารการกินผมก็ทำได้น่ะฝีมือใช้ได้เลยล่ะอาจจะอร่อยกว่าด้วยซ้ำเพราะถูกแม่จับมานั่งสอนตั้งแต่เด็กๆผมเองเป็นเด็กหัวไวซึมซับอะไรได้ง่ายอยู่แล้ว

     

     

     

    ระหว่างที่นั่งมาในรถผมนั่งเงียบไม่พูดจาอะไรอาจเพราะผมยังสะอื้นไม่หมด  แม่เองก็คงพอจะรู้จึงไม่ได้ถามอะไร  เรานั่งรถมาเรื่อยๆผมไม่รู้หรอกว่ารถจะถึงที่หมายเมื่อไร ที่ไหน บ้านหลังไหนที่เราจะย้ายไปอยู่กัน  แม่เพียงแต่บอกว่า แม่ตัดสินใจจะแต่งงานใหม่อีกครั้งและจะย้ายไปอยู่ด้วยกับเขา  ซึ่งงานแต่งงานจัดอย่างเงียบๆที่โบสถ์มีเพียงแม่   คุณอาแฟนใหม่แม่ซึ่งผมอาจจะต้องเรียกเขาว่าพ่อและพ่อของฝ่ายชายมาเป็นพยานอีกหน่อยก็คงเป็นปู่ผมอีกคน 

    หลังแต่งงานได้ไม่นานแม่บอกให้เก็บกระเป๋าย้ายบ้านไปอยู่ด้วยกัน วันนั้นผมเพิ่งกลับจากโรงเรียนจึงต้องรีบเก็บกระเป๋ากลัวแม่รอนาน เก็บเองคนเดียวครับไม่มีใครมาช่วย บอกแล้วต้องช่วยเหลือตนเองและรับผิดชอบกับสิ่งของของตัวเองซึ่งผมก็ชินไปแล้วครับ

    ผมนั่งคิดไปเรื่อยเปื่อยว่าครอบครัวใหม่จะเป็นอย่างไรน่ะ  หน้าตาพ่อใหม่จะเป็นยังไงแล้วคุณปู่จะดุมั้ย  คงไม่เป็นไรมั่งผมน่ะเข้ากับคนอื่นได้ง่ายอยู่แล้ว  คิดแล้วก็ชำเลืองดูแม่นิดนึงแค่แม่มีความสุขก็พอใจแล้ว คิดไปคิดมาก็เผลอหลับไปเฉยเลย

    แม่มองสำรวจลูกชายตัวเองที่นอนหลับอย่างพิจารณาพลางลูบหัวคนหน้าหวานเบาๆ   หล่อนไม่ได้หวงหรือติดลูกชายถึงขนาดนั้นอย่างที่คนอื่นเข้าใจกันหรอกแต่ไม่อยากเสียลูกคนนี้ไปหรือพูดอีกอย่างคือไม่อาจสูญเสียอะไรได้ไปมากกว่านี้อีกแล้ว  พอมองหน้าลูกชายคนนี้ทีไรทำให้นึกถึงอดีตที่ผ่านมาถึง 7 ปี   วันนั้นสัญญากับลูกๆว่าจะพาไปเที่ยวงานเทศการประจำปีที่จิบะที่ปีหนึ่งมีหนเดียวเป็นงานใหญ่ประจำจังหวัด แต่ชูสึเกะลูกชายคนรองเกิดไม่สบายขึ้นมาทำให้ผู้เป็นแม่ตัดสินใจอยู่บ้านดูแลชูสึเกะที่ป่วยหนัก  แล้วให้พ่อพาลูกอีกสองคนไปซึ่งก็คือพี่สาวคนโต ยูมิโกะและลูกชายคนเล็ก ยูตะ  ตอนแรกพ่อก็ค้านว่าไม่ไปแต่แม่สงสารเด็กๆที่รอคอยงานนี้มานานและเสียดายตั๋วเครื่องบินกับโรงแรมที่จองไว้เพราะหน้าเทศการจะเต็มหมดกว่าจะจองได้ต้องจองกันเป็นเดือนๆ  พ่อจึงพาลูกอีกสองคนไปตามลำพังแต่ขากลับเกิดอุบัติเหตุเครื่องบินตกตายทั้งลำไม่เหลือรอด  วันนั้นแม่แทบสิ้นสติใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว  คิดจะฆ่าตัวตายตามไป  แต่ดีที่ลูกชายตัวน้อยวัย 7 ขวบเดินเข้ากอดแม่พลางร้องไห้พร้อมกับพูดว่า อือๆๆ  แม่อย่าทิ้งผมไปอีกคนนะครับนั่นเองที่ทำให้หล่อนได้คิดและยืนหยัดขึ้นมาได้อีกครั้งจนถึงวันนี้

    ถ้าชูจังไม่ไปกอดแม่วันนั้น  แม่คงทำในสิ่งที่ให้อภัยตัวเองไม่ได้หล่อนพูดพลางมองลูกชายที่หลับสบายแล้วขับรถต่อไป

     

     

    ชูจัง  ตื่นได้แล้วลูก  ถึงแล้ว  ชูจัง  ชู……”  หล่อนว่าพลางเขย่าตัวลูกชายเบาๆที่ทำท่าไม่ยอมตื่นง่ายๆ  ลูกชายตัวดีของหล่อนเป็นเด็กหลับง่ายแต่ขี้เซาเป็นที่หนึ่ง  หล่อนจึงจอดรถไว้ข้างนอกรอให้ลูกชายตื่นเต็มที่ก่อนขับเข้าไป

    อื้ออออออ  ถึงแล้วหรอครับแม่  แต่เอ๊ะ…..ทำไมไม่เข้าไปล่ะครับ  ลูกชายถามผู้เป็นแม่เมื่อปรับสายตาให้คงที่แล้ว

    ก็รอตัวเองตื่นไงล่ะแม่ตอบ

    คร้าบตื่นแล้วคร้าบบบลูกชายตอบพร้อมหันไปกอดแม่แน่นแล้วหอมแก้มฟอดใหญ่

    อะไรอีกล่ะ  ขี้อ้อนจริงนะเราแม่พูดพลางขยี้ผมลูกเบาๆกับท่าทีช่างอ้อนของลูกชาย

    อีกหน่อยผมก็ทำแบบนี้กับแม่ไม่ได้อีกแล้วน่ะสิครับพูดเศร้าๆ

    หมายความว่าไงแม่งง

    ก็กลัวคุณอาเขาจะหึงเอาสิครับ  แบบนั้นผมก็แย่น่ะสิครับพูดพลางทำแก้มป่องน้อยใจ

    โอ๊ย……” แม่ให้มะเหงกทีนึงเป็นเชิงสั่งสอน

    คุณอาเขาใจดีไม่ต้องกลัวหรอก  อีกอย่างแม่ก็เล่าเรื่องลูกให้ฟังด้วย  คุณอาว่าแค่ฟังแม่เล่าก็อยากเห็นหน้าแล้ว เขาว่าลูกชายแม่ต้องน่ารักแน่เลย  แล้วไม่ต้องกลัวเรื่องที่เขาไม่ชอบเด็กน่ะเพราะคุณอาเขาก็มีลูกชายเหมือนกันอายุรุ่นราวคราวเดียวกับลูกนี่แหละ

    หรอ  งั้นผมสบายใจได้แล้วใช่มั้ยครับ

    จ้ะ  ปกติลูกก็เข้ากับคนอื่นได้ง่ายอยู่แล้วนี่  จะกังวลอะไรอีก

    แล้วคุณปู่นั่นล่ะ  แล้วจะกอดแม่ได้อีกมั้ย  ถามเพื่อความแน่ใจอีก

    โธ่  ชูจังลูกก็    แม่เป็นแม่ของลูกน่ะจะกอดเมื่อไรก็ได้แม่ไม่ว่า  แต่อย่าให้มันมากไป บ้านนี้เขาเลี้ยงลูกแบบเข้มงวด  เคร่งขรึม ไม่ค่อยมีการกอดสักเท่าไรคงจะแปลกใจนิดหน่อยมั่งถ้าลูกวิ่งมากอดแม่ต่อหน้าคนอื่นแม่ยิ้มให้ลูกชาย

    แล้วเรื่องคุณปู่  ท่านจะหน้าดุไปหน่อยแต่ใจดีมาก  ถ้าได้คุยแล้วท่านจะกลายเป็นคนตลกไปเลยแม่ลองคุยแล้ว  พอใจยังแม่เหนื่อยแล้วน่ะ แม่อธิบายต่อ

    ครับ  เข้าไปเถอะครับเดี๋ยวเขาจะสงสัยเอาหลังจากไขข้อสงสัยให้ลูกแล้วหล่อนก็ขับรถเลี้ยวเข้าประตูรั้วบ้านไป   ชูสึเกะที่มองออกไปนอกหน้าต่างรถก็สังเกตเห็นป้ายชื่อที่กำแพงรั้วสลักชื่อบ้านเอาไว้อ่านได้ว่า บ้านเทะสึกะ

    เอ๋…..บ้านเทะสึกะคนนั้นน่ะหรอ

    …………………………………………………………………………………………………...

    ไรเตอร์ : การเดินเรื่องอาจช้าหน่อยนะคะ  ขอโทษล่วงหน้านะคะ

     

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น