ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Penitentiary School สถาบันแห่งความตาย (Game Version)

    ลำดับตอนที่ #17 : ลำดับตอนที่ 17

    • อัปเดตล่าสุด 21 พ.ค. 57


              จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนั้น ผมขึ้นศาลเพื่อสู้คดี บรรดาพวกๆของผู้ตายให้การกับตำรวจว่าผมดักลอบทำร้าย ซึ่งจริงๆทั้งหลักฐาน และรูปการ มันเป็นไปไม่ได้เลย แต่มันกลับฟังขึ้นซะอย่างนั้น ทั้งๆที่คำแก้ต่างของผมคือการป้องกันตัวฟังไม่ขึ้นแม้แต่น้อย

     

               ในที่สุดศาลตัดสินให้ผมไปอยู่ในโรงเรียนควบคุมพฤติกรรมแห่งหนึ่งที่ชื่อ ‘Penitentiary School’ พูดให้ดูดีแต่ถ้าจะเรียกง่ายๆก็ สถานดัดสันดาน นี่แหละ มันถูกสร้างขึ้น ณ เกาะกลางมหาสมุทร โดยสั่งห้ามมีการติดต่อสื่อสารกับบุคคลภายนอก แม่ผมร้องไห้น้ำตาเป็นสายเลือด ผมโดนพ่อชกหน้าจนเป็นรอยเขียวช้ำที่โหนกแก้ม โชคดีที่ ริค พี่ชายคนโตห้ามพ่อไว้ทัน ไม่งั้นพ่อคงมาติดคุกแทนผมแน่ๆ

     

              ผมใช้ชีวิตอยู่ในเรือนจำเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์เพื่อรอการส่งตัวไปยัง Penitentiary School ไมล์มาเยี่ยมผมตั้งแต่วันแรก มันพยายามทำให้ผมหัวเราะเช่นเคย แม้มีกรงบางๆกั้นระหว่างเรา ผมสัญญากับไมล์ว่าพ้นโทษเมื่อไหร่ผมจะไปหาและกลับไปเป็นเพื่อนกับมันเหมือนเมื่อก่อน และผมก็สั่งห้ามไมล์มาเยี่ยมผมอีก ผมไม่อยากให้มันเห็นผมในสภาพแบบนี้ ผมบอกไมล์ว่าผมสบายดี ทั้งที่ผมยิ่งรู้สึกเจ็บปวดก็ตาม

     

              ตลอดหนึ่งสัปดาห์ แม่มาเยี่ยมผมไม่เคยขาด ผมรู้สึกเจ็บปวดทุกครั้งที่แม่หลั่งน้ำตา ท่านนำอาหารที่ท่านทำเองกับมือมาให้ผมทานทุกวัน และเวลาผมทาน ผมจะแอบไปทานเงียบๆคนเดียวทั้งน้ำตา ตราบาปที่ผมได้ทำ ผมรู้ดีว่าชาตินี้ทั้งชาติผมก็ไม่อาจชดใช้ได้

     

              จนถึงวันที่ผมต้องเดินทาง พัศดีสั่งห้ามใครก็ตามมาเยี่ยมผมอีก ผมจะไม่เจอใครอีกเลยเป็นเวลาหนึ่งปี เวลาหนึ่งปีที่แสนยาวนานสำหรับการตัดขาดจากโลกภายนอก และพัศดีไม่ให้พกอะไรติดตัวเลยนอกจากเครื่องแบบที่เขาให้มา เขาสั่งให้ผมสวมมันตั้งแต่ยังไม่ออกจากเรือนจำ เสื้อคอปกสีขาวแขนสั้น อกซ้ายปักตราสถาบัน กางเกงขายาวสีดำ ลายแถบข้างเล็กๆสีแดง รองเท้าผ้าใบสีดำลายแถบแดงและสายผูกเชือกสีแดง และผมก็ต้องสวมเสื้อนอกทับ มันเป็นแจ็คเก็ตสีดำลายแถบแดงที่มีฮู้ดสีขาวด้วย ผมรู้สึกว่าอากาศเมืองไทยไม่เหมาะกับชุดแบบนี้สักเท่าไหร่ ผมจึงพันแขนเสื้อแจ็คเก็ตขึ้นมาที่แขน

     

              และบรรดาผู้คุมก็พากันล้อมหน้าล้อมหลังผมเหมือนดาราฮอลลีวู้ด และมันจะเหมือนมากกว่านี้ถ้าพวกเขาไม่แบกปืนกระบอกยาวพาดไว้บนบ่า เพื่อแค่ส่งผมขึ้นรถตู้เท่านั้น ที่พวกเขาไม่พาผมขึ้นรถตำรวจทั่วๆไปเป็นเพราะนอกจากผมยังมีเด็กคนอื่นๆด้วย และพวกเขาก็สวมเครื่องแบบเหมือนผมเด๊ะ ผมกับเด็กอีกสี่ห้าคน มองหน้าแบบรู้กันว่าเรากำลังถูกส่งไปที่ไหน ผมรู้สึกโล่งใจขึ้นอีกหน่อยที่ไม่ได้ไปลำพัง

     

              และแล้ว หลังจากการเดินทางอันยาวไกล รถก็จอดลงที่ท่าเรือแห่งหนึ่ง ผมโดนจับมาเรียงกับนักโทษเยาวชนคนอื่นๆนอกจากที่มากับผม พวกเขามาจากหลายๆที่ รวมกันเกือบห้าสิบชีวิต ผู้คุมจับนักโทษเยาวชนทุกคนให้มายืนเรียงกันเป็นแถวเพื่อเช็คชื่อสำหรับขึ้นเรือ เรือที่จอดรอเราอยู่ริมท่า เป็นเรือสำราญสีขาว มันไม่ใช่เรือลำใหญ่มาก แต่มันใหญ่พอที่จะบรรจุนักโทษที่นี่รวมทั้งผู้คุมทุกคน

     

              การเช็คชื่อและตรวจนักโทษเริ่มขึ้นทันทีที่นาฬิกาบอกเวลาห้าโมงเย็น ผู้คุมเคร่งครัดเรื่องเวลาและการตรวจมาก เคร่งมากจนผมรู้สึกหวั่น บรรดานักโทษเยาวชนกว่าห้าสิบชีวิต ยืนเรียงกันโดยแบ่งสองแถว มีผู้คุมสองคนเริ่มไล่ตรวจตั้งแต่คนที่ยืนอยู่ท้ายแถวยันต้นแถว และยังมีผู้คุมกว่าสิบคนยืนล้อมรอบแถวนักโทษเยาวชน พวกเขาถือปืนยืนตรงเหมือนทหาร ราวกับว่า ถ้ามีเด็กสักคนหนึ่งก้าวขาผิดไปสักก้าวเขาจะกระหน่ำกระสุนใส่ยังไงอย่างนั้น ผมเริ่มคิดว่าถ้าสมมติว่ามีเด็กสักคนหนีออกไปได้ ประเทศชาตินี้จะโดนระเบิดปรมาณูหรือยังไงก็ไม่ทราบ

     

              นายคอยเลอร์ มอร์แดนเกรนด์ผู้คุมขานชื่อผมเมื่อเขาตรวจคนที่ยืนอยู่ข้างหลังผมเสร็จ ตอนนี้เขามายืนอยู่ตรงหน้าผมแล้ว

     

              “ครับผมตอบชัด ผู้คุมมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า ยิ้มเยาะ และส่ายหัว เขาก้มดูกระดานหนีบกระดาษที่อยู่ในมือต่อแล้วเขียนอะไรบางอย่าง ผมไม่เข้าใจว่าเขาต้องการจะสื่ออะไร

     

              บอกเลขบัตรประชาชน และวันเดือนปีเกิดมาหน่อยซิเขาถาม ผมตอบตามความจริง ในขณะที่ผู้คุมอีกคนพยายามเอาแท่งไฟ ผมเดาว่ามันคือที่ตรวจอาวุธ เขาวาดมันกับอากาศรอบๆตัวผม เมื่อเขาตรวจไม่เจออะไรผิดปกติ เขาหยิบนาฬิกาข้อมือออกจากกล่องกระเป๋า มันเป็นนาฬิกาที่ผู้คุมจะใส่ให้นักโทษทุกคนหลังจากตรวจเสร็จ

     

              เขาใส่นาฬิกาข้อมือนั้นที่มือซ้ายของผมเสร็จ เขาก็ตรวจคนถัดไป มันล็อคสนิทจนผมแกะไม่ได้ ผมถามวิธีถอด แต่เขาไม่บอกอะไร มันเป็นนาฬิกาเหล็กสีเงิน ผมไม่รู้ว่ามันเป็นนาฬิการุ่นไหน หรือยี่ห้ออะไร มันไม่ขึ้นตัวเลขบอกเวลา หรือเข็มนาฬิกาเลย หน้าปัดเป็นจอสี่เหลี่ยมดำสนิทและไม่เป็นเงาสะท้อน ผมคิดว่ามันน่าจะเป็นนาฬิกาดิจิตอล

     

              นายนี่เอง ฉันเคยได้ยินข่าวเกี่ยวกับนาย คนที่ยืนอยู่ข้างหลังผมพูดกับผมเบาๆ ผมเหลือบตาไปมอง เป็นเด็กหนุ่มที่อายุไล่เลี่ยกับผม หน้าตาไม่เหมาะกับการเป็นนักโทษสักเท่าไหร่ ทำผมทรงกะลาครอบ ตัวเล็กกว่าผมนิดหน่อยนายฆ่าลูกชายรัฐมนตรีจู่ๆเขาก็พูด ถือว่านายใจกล้ามากเลยนะ แต่ถ้าคนที่นายฆ่าเป็นคนธรรมดา นายคงไม่ต้องมาอยู่ตรงนี้หรอก

     

    บอกให้เงียบ
    ฟังเขาพูดต่อ

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×