ลำดับตอนที่ #9
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : ใต้ใบบุญ ธงขาวไตรภาคี
1. ใต้ใบบุญ ธงขาวไตรภาคี
“หวัดดีเฮีย” หลีหลงหันไปทักพี่ใหญ่แห่งธงขาวโดยที่สายตาไม่ได้ละจากเล้งเลยสักนิด
“หวัดดี”
เฮียเฮงทักตอบ ก่อนหลีหลงจะนั่งลงที่เก้าอี้ว่างที่จัดเตรียมไว้
“งั้นอั๊วขอเข้าเรื่องเลยก็แล้วกัน” พี่ใหญ่แห่งธงขาวเริ่ม“อั๊วอยากให้ลื้อปล่อยอาเล้งกับอาชิวไปซะ”
หลีหลงแสยะยิ้ม... ยิ้มของมันน่าเกลียดที่สุดตั้งแต่เล้งเคยเห็นมา
“ถ้าทำแบบนั้น แล้วผมจะเอาหน้าไว้ไหนล่ะเฮีย” มันว่าประชด
“ก็เอาไว้ที่เดิมไง”
“แบบนี้ ไอ้ฮันน้องผมก็ตายฟรี”
“ก็ถือว่าเจ๊ากันแล้วไง มันฆ่าลูกเมียอาเล้ง แล้วเล้งไปล้างแค้น ก็ถือว่าไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบ”
“แบบนี้ก็ไม่สวยซิเฮีย ถ้าปล่อยให้ไอ้เล้งมันลอยนวลไปแบบนี้ แล้วหน้าอั๊วจะเอาไปไว้ไหน”
“ลื้อจะเอาไว้ที่ไหนมันก็เรื่องของลื้อ”
“งัยพูดแบบนี้ล่ะเฮีย”
“ก็จะพูดแบบนี้มีอะไรหรือเปล่าไอ้หลง” พี่ใหญ่แห่งธงขาวชักหมดความอดทน
หลีหลงเขม็งมองพี่ใหญ่แห่งธงขาว
หากเป็นคนอื่นมาพูดกับเค้าอย่างนี้ เค้าคงลุกขึ้นไปเอามีดเสียบคอมันแล้ว แต่นี่เป็นเฮียเฮง พี่ใหญ่แห่งธงขาว
มันคงไม่เป็นการดีกับแก็งค์เสือขาวหากไปมีเรื่องกับพรรคธงขาว
เพราะนั่นหมายความว่าประกาศตนเป็นศัรตูกับพรรคธงเหลืองที่เป็นพันธมิตรกับพรรคธงขาวด้วย
“ตกลงเฮียจะออกรับหน้าแทนมันใช่มั้ย”หลีหลงบอกอย่างไม่พอใจ
“จะว่าอย่างงั้นก็ได้”
หลีหลงยิ่งออกอาการฮึดฮัดอย่างไม่พอใจ
“มึงไม่ต้องมาทำเป็นมองอั๊วแบบนั้น แค่อั๊วลดตัวลงมาพูดกับลื้อก็ถือว่าให้เกียรติมากพออยู่แล้ว ลื้อมันระดับไหน อั๊วมันระดับไหน”
ประโยคหลังเฮยเฮงยิ้มเยาะอยู่ในที
“แล้วอั๊วขอประกาศไว้ ณ ที่นี่เลยว่า ไอ้เล้งกับไอ้ชิว สองคนนี้เป็นคนของธงขาว หากใครรังแกหรือแตะต้องมัน ก็ถือว่ามันผู้นั้นไม่ให้เกียรติธงขาว รับรองได้เห็นดีกันแน่นอน”
พร้อมกับว่าเฮียเฮงตบโต๊ะเสียงดัง ก่อนจะลุกขึ้นเดินจากไป
เล้งกับชิวรีบเดินออกเดินตามออกมา
หลีหลงมองตามอย่างไม่พอใจ
เล้งรู้สึกได้ถึงบางอย่างในตาคู่นั้นของหลีหลง
เรื่องยังไม่จบ... เพียงแต่มันถูกพักไว้ชั่วคราว มันถูกยืดเวลาชำระแค้นออกไป
วันหนึ่งข้างหน้า... เค้ากับหลีหลงต้องเจอกันอีกแนะ และเมื่อนั้นหนี้แค้นจะได้ถูกชำระ
“ต่อไปนี้ลื้อสองคนคือ คนของ ธงขาวไตรภาคี ถ้าไอ้หน้าไหนยังกล้ารังแกลื้อ คนของธงขาวทั้งหมดจะออกหน้าแทนลื้อเอง”
พี่ใหญ่แห่งธงขาวว่า
เล้งกับชิวรีบยกมือไหว้ขอบคุณ เหมือนตายแล้วเกิดใหม่ เค้าจะสู้ตายถวายหัวให้กับพี่ใหญ่แห่งธงขาวคนนี้
“แล้วเฮียจะให้พวกผมทำอะไรครับ” เล้งถาม
หน้าที่ของพวกลื้อก็คือ คอยตามอั๊ว”
เฮียเฮงบอกก่อนจะยกถ้วยน้ำชาขึ้นจิบ
“ถือกระเป๋าเหรอครับ..”
ชิวถามขึ้นอย่างพาซื่อ ทำให้เฮียเฮงหัวเราะชอบใจขึ้นเสียงดัง
“ใช่...” พี่ใหญ่แห่งธงขาวบอกอย่างอารมณ์ดี
ชิวรู้ว่าคำตอบนั่น “ไม่ใช่”
“ต่อให้ต้องเอาชีวิตเข้าแลก ผมก็จะปกป้องเฮียยิ่งกว่าชีวิตของผมเองครับ” เล้งบอกขึ้นด้วยอาการหนักแน่น
เฮียเฮงยิ้มอย่างพอใจในตัวเล้ง
เค้ารู้ว่าชายหนุ่มจะทำอย่างที่พูดจริงๆ
เกือบสามเดือนแล้วที่เล้งและชิวเข้ามาอยู่ภายใต้ใบบุญของพรรคธงขาว
เค้ากับชิวดูเหมือนจะได้รับการต้อนรับจากคนในพรรคเป็นอย่างดี นั่นก็เพราะวีรกรรมที่เค้ากล้าไปงัดข้อกับหลีหลงแห่งเสือขาวนั่นเอง มันจึงกลายเป็นใบเบิกทางอย่างดี
ไม่มีใครกังขาในฝีมือของเล้งและชิว
เพราะไม่เคยมีใครที่มีเรื่องกับเสือขาวแล้วลอยนวลอยู่ได้อย่างนี้
การได้เป็นผู้ติดตามเฮียเฮง เหมือนเป็นก้าวกระโดดในพรรค เพราะทุกคนรู้ดีกว่า มันหมายถึงโอกาสที่จะได้เป็นลูกพี่ในระดับแถวหน้าๆ ของพรรค
ถึงแม้เล้งและชิวจะมีชีวิตรอดมาได้ แต่วิถีชีวิตประจำวันก็ถูกจำกัด
เค้ากับชิวไม่อาจออกนอกเขตอิทธิพลของธงขาว และโดยเฉพาะอย่างยิ่งพื้นที่หากินของเสือขาวคือแดนต้องหา ที่ไม่อาจย่างกรายเข้าไปได้
หลายครั้งที่เล้งอยากกลับไปที่โรงสีอีกแต่ก็ทำไม่ได้
นั่นอาจสร้างปัญหาขึ้น และเค้าไม่อยากให้พี่ใหญ่แห่งธงขาวต้องหนักใจ เพราะเรื่องของเค้าอาจลามกลายเป็นปัญหาระหว่างแกงค์ไปได้
แม้นจะเพิ่งเข้ามาในไตรภาคีได้เพียงสามเดือน แต่เล้งก็ได้รู้เรื่องความเป็นมาและเป็นไปในไตรภาคีเป็นอย่างดี
เค้ารู้ว่าทั้งสามขั๊วอำนาจกำลังพยายามรักษาอำนาจและเขตทำมาหากินของตน
พรรคธงขาวกับพรรคธงเหลืองเป็นพันธมิตรกัน จึงทำให้พรรคธงแดงที่นำโดยเล่าต๋าลูกพี่ของหลีหลงจึงหัวเดียวกระเทียมลีบ
แต่ถึงกระนั้นก็มิได้หมายความว่าอิทธิพลของพรรคธงแดงจะด้วยกว่าพรรคธงเหลืองและขาว ตรงกันข้ามกับอยู่ในสภาพที่สูสีชนิดกินกันไม่ลง
และนั่นเป็นสาเหตุที่เล่าต๋าพี่ใหญ่แห่งธงแดงไม่กระทำการใดๆ ลงไปเพื่อชิงอำนาจความเป็นใหญ่ในไตรภาคีก็เพราะ ยังไม่มั่นใจว่าจะชนะได้อย่างเบร็จเสร็จเด็ดขาดนั่นเอง
และเล้งก็รู้สึกว่า “เล่าต๋า” ซึ่งเป็นคนน้ำนิ่งไหลลึก น่ากลัวกว่าหลีหลงที่มุทะลุดุดันเสียอีก
“เฮ้ยทำไมเพิ่งมาว่ะ เฮียเค้าถามหาลื้อตั้งแต่เช้าแล้ว”
ชิวเพื่อนร่วมสาบานถามขึ้นเมื่อเห็นเล็งที่เพิ่งเข้ามาในบ้านของเฮียเฮง
“ไปธนานัติส่งตังค์ในที่บ้านมา”
“ไปหาเฮียเร็วๆ ไป ไม่รู้เรียกหาเรื่องอะไร”
“เออ... เดี๋ยวไป ขอเข้าห้องน้ำก่อน”
“อะไรว่ะ... มาถึงก็ฉี่แตก”
“ก็คนมันปวดนี่หว่า จะให้ทำไง หรือจะให้ฝากลื้อไป”
เล้งที่อุตส่าห์วิ่งปรี่มาอย่างเร็วเพื่อจะปลดทุกข์ ต้องชะงักเมื่อหน้าประตูห้องน้ำกลางที่มีอยู่ชั้นบนชำรุด
“ทำไมต้องมาเสียตอนนี้ด้วยว่ะ”
ความปวดที่สุดขีดกั้นทำให้เค้าหันเข้าประตูห้องที่เปิดแง้มอยู่ ความรู้สึกบอกเค้าว่าต้องเป็นห้องนอนและมันต้องมีห้องน้ำอยู่ด้านใย
เล้งชะโงกมองเข้าไปในห้องเพื่อดูว่ามีใครอยู่หรือเปล่า
มันเป็นห้องแต่งหรูแบบผู้หญิง และปลอดคน เล้งเคยได้ยินว่ามันเป็นของลูกสาวของเฮียเฮงที่ไปเรียนอยู่ที่ปีนัง
เอาว่ะ ดีกว่าราดกางเกงให้ขายหน้าเค้า หากลงไปข้างล่างไม่ทัน
เล้งตัดใจในที่สุด
ขณะกำลังกดน้ำเพื่อทำความสะอาด เล้งก็ได้ยินเสียงคนคุยกันดังมาจากหน้าห้อง เมื่อชะเง้อออกมามองก็เห็น หญิงสาวหน้าตาสะสวยกำลังสั่งงานคนรับใช้อยู่หน้าห้อง เจ้าหล่อนอยู่ในชุดทันสมัย บอกชัดว่าลักษณะเพิ่งกลับจากเมืองนอกเมืองนา
จากการคะเนของเล้ง เจ้าหล่อนน่าจะเป็น “พิมพา” ลูกสาวเฮียเฮง
เจ้าหล่อนเดินเข้ามาในห้องหลังจากสั่งงานคนรับใช้เสร็จ นั่นทำให้เล้งที่แอบมองอยู่เสียโอกาสที่จะออกไป
เล้งที่แอบมองอยู่ไม่กล้าเผยตัวออกไป
แรกเค้าละสายตาไม่อยากมอง หากพอเห็นหน้าสวยของเจ้าหล่อนชัด จึงไม่อาจละสายตา
เจ้าหล่อนหันไปเปิดประตูเพื่อจะเปลี่ยนเสื้อผ้า และนั่นเองที่สายตาของเจ้าหล่อนก็เหลือบไปเห็น เงาสะท้อนของเล้งจากในกระจก
หญิงสาวสะดุ้งด้วยความตกใจ
เล้งยืนหน้าจ๋อยอยู่ต่อหน้าเฮียเฮงอย่างสำนึกผิด เมื่อถูกหญิงสาวพาตัวมาให้พ่อของเจ้าหล่อนลงโทษ
แต่พอเฮียเฮงได้ฟังเรื่องทั้งหมดจบลง พี่ใหญ่แห่งพรรคธงขาวกลับหัวเราะร่าร่วมกับเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องตลก
“หัวเราะอะไรค่ะป๊า” คนเป็นลูกสาวถามขึ้นอย่างไม่พอใจ
เจ้าหล่อนหันไปจิกตาใส่เล้งที่พลอยแอบยิ้มขำไปด้วย
เล้งแอบยิ้มให้ แต่สาวเจ้ากลับถลึงตาใส่
เล้งจึงจ๋อยไม่กล้าสบตา
“มันก็แค่เรื่องเข้าใจผิดกันแค่นั้น” เฮียเฮงว่า
“เข้าใจผิดกันที่ไหน นายเนี่ยจงใจแอบดูพิมนะคะ”
“ผมเปล่านะครับ ผมแค่ปวดห้องน้ำจนทนไม่ไหวก็เลยแอบเข้าไปปลดทุกข์ในห้องคน”
“แล้วนายถือสิทธิ์อะไรมาใช้ห้องน้ำในห้องชั้น”
“ก็มันปวดจะราดอยู่แล้วนี่ครับ ถ้าจะให้ไปห้องอื่น มีหวังฉี่รดกางเกงแน่นอน”
“เห็นมั้ย มันไม่ได้เจตนา” เฮียเฮงเข้าข้างลูกน้อง
“ไม่รู้ล่ะ ยังไงพิมก็ไม่ยอม”
“แล้วจะเอายังไง”
“ป๊าก็จัดการให้พิมซิคะ”
“เอา... งั้นเอามันไปยิงทิ้ง”
“ผมยังไม่เห็นอะไรเลยนะครับ”เล้งรีบโพล่งออกมา
พิมพาหันไปถลึงตาใส่
“ก็ถ้าเห็น... รับรองนายไม่ได้นายยืนอยู่ตรงนี้แน่ ชั้นยิงนายตาถลนไปนานแล้ว”
เฮียเฮงแอบหัวเราะอาการกร้าวของลูกสาว ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นจริงๆ
“แล้วจะเอายังไง”
“พิมมีวิธีของพิม”
ขาดคำ...เจ้าหล่อนก็ลุกขึ้นเดินไปหาเล้ง แล้วตบหน้าเค้าอย่างจัง
เล้งยกมือขึ้นลูบหน้าที่ถูกตบ
“คราวหน้าคราวหลังก็หัดให้มันรู้กาละเทศะซะบ้าง”
คนถูกว่าอมยิ้ม ก่อนบอกว่า “ถ้ามีคราวหน้าอีกผมจะระวังไม่ให้คุณเห็นครับ”
พิมพาจึงหันถลึงตาใส่อย่างไม่พอใจอีกครั้ง พร้อมกับเงื้อมือขึ้นหมายจะตบเค้าอีกฉาด หากแต่คราวนี้เล้งยกมือขึ้นรับเอาไว้
พิมพาพยายามดึงมือเจ้าหล่อนกลับ
“ปล่อยชั้นเดี๋ยวนี้นะ”
“ฉาดเมื่อกี้ผมยอมเพราะว่าผมผิด แต่ฉาดนี้ไม่มีทาง”
“นี่นายกล้าเถียงชั้นเหรอ ไม่รู้เหรอว่าชั้นเป็นใคร”
“รู้ครับ ก็คุณพิพพาลูกสาวคนสวยคนเดียวของเฮียไงครับ เพิ่งกลับมาจากปีนังวันนี้”
พิมพาแอบเขินเมื่อถูกชมซึ่งหน้า ก่อนจะแกล้งทำเป็นขึงขังต่อ ที่จริงไอ้หนุ่มหน้ามนที่อยู่ตรงหน้าเค้านี้ก็ไม่เลวเหมือนกัน
“ดูมันซิค่ะป๊า มันเถียงพิมอ๊ะ”
“ก็ถูกของเค้าแล้วนี่ เค้าไม่ผิดเราไม่หาเรื่องเค้าก่อน”
คนเป็นเจ้าพ่อบอกปนหัวเราะ
พิมพาค้อนหน้าเป็นจวักอย่างไม่พอใจ ยิ่งเหลือบเห็นเจ้าหน้ามนอมยิ้มชอบใจ ยิ่งหงุดหงิดใจยิ่งกว่าเก่า
ฝากไว้ก่อนเถอะ มีโอกาสเมื่อไรจะเอาคืน
“เฮียเรียกหาผมมีอะไรจะใช้เหรอครับ”
เล้งถามขึ้นเมื่อพิมพาจากไปแล้ว
“ตอนแรกอั๊วว่าจะให้ลื้อไปช่วยงานที่บาร์สักหน่อย แต่ตอนนี้อั๊วเปลี่ยนใจแล้ว อั๊วจะให้ลื้อทำอย่างอื่นแทน”
“อะไรครับ”
เฮียเฮงอมยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนบอก “อั๊วจะให้ลื้อเป็นบอดี้การ์ดให้ลูกสาวอั๊ว”
เล้งอึ้งไปชั่วขณะอย่างไม่เชื่อหู
“ทำไมล่ะครับ”
“ก็เพราะยังไม่เคยมีใครกล้าต่อปากต่อคำกับอีสักคน ลื้อเป็นคนแรกที่กล้า เพราะฉะนั้น อั๊วคิดว่าลื้อต้องเอาอีอยู่แน่
เล้งพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ
ก็เจ้าหล่อนห้าวขนาดนั้น ลูกน้องคนอื่นใครจะกล้าต่อกรด้วย
แต่สำหรับเค้าแล้ว แม่เสือสาวอย่างเจ้าหล่อน ก็ไม่ต่างอะไรกับลูกแมวเชื่องๆ เรื่องเค้าจะก้มหัวให้เจ้าหล่อนไม่มี
1. ใต้ใบบุญ ธงขาวไตรภาคี
“หวัดดีเฮีย” หลีหลงหันไปทักพี่ใหญ่แห่งธงขาวโดยที่สายตาไม่ได้ละจากเล้งเลยสักนิด
“หวัดดี”
เฮียเฮงทักตอบ ก่อนหลีหลงจะนั่งลงที่เก้าอี้ว่างที่จัดเตรียมไว้
“งั้นอั๊วขอเข้าเรื่องเลยก็แล้วกัน” พี่ใหญ่แห่งธงขาวเริ่ม“อั๊วอยากให้ลื้อปล่อยอาเล้งกับอาชิวไปซะ”
หลีหลงแสยะยิ้ม... ยิ้มของมันน่าเกลียดที่สุดตั้งแต่เล้งเคยเห็นมา
“ถ้าทำแบบนั้น แล้วผมจะเอาหน้าไว้ไหนล่ะเฮีย” มันว่าประชด
“ก็เอาไว้ที่เดิมไง”
“แบบนี้ ไอ้ฮันน้องผมก็ตายฟรี”
“ก็ถือว่าเจ๊ากันแล้วไง มันฆ่าลูกเมียอาเล้ง แล้วเล้งไปล้างแค้น ก็ถือว่าไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบ”
“แบบนี้ก็ไม่สวยซิเฮีย ถ้าปล่อยให้ไอ้เล้งมันลอยนวลไปแบบนี้ แล้วหน้าอั๊วจะเอาไปไว้ไหน”
“ลื้อจะเอาไว้ที่ไหนมันก็เรื่องของลื้อ”
“งัยพูดแบบนี้ล่ะเฮีย”
“ก็จะพูดแบบนี้มีอะไรหรือเปล่าไอ้หลง” พี่ใหญ่แห่งธงขาวชักหมดความอดทน
หลีหลงเขม็งมองพี่ใหญ่แห่งธงขาว
หากเป็นคนอื่นมาพูดกับเค้าอย่างนี้ เค้าคงลุกขึ้นไปเอามีดเสียบคอมันแล้ว แต่นี่เป็นเฮียเฮง พี่ใหญ่แห่งธงขาว
มันคงไม่เป็นการดีกับแก็งค์เสือขาวหากไปมีเรื่องกับพรรคธงขาว
เพราะนั่นหมายความว่าประกาศตนเป็นศัรตูกับพรรคธงเหลืองที่เป็นพันธมิตรกับพรรคธงขาวด้วย
“ตกลงเฮียจะออกรับหน้าแทนมันใช่มั้ย”หลีหลงบอกอย่างไม่พอใจ
“จะว่าอย่างงั้นก็ได้”
หลีหลงยิ่งออกอาการฮึดฮัดอย่างไม่พอใจ
“มึงไม่ต้องมาทำเป็นมองอั๊วแบบนั้น แค่อั๊วลดตัวลงมาพูดกับลื้อก็ถือว่าให้เกียรติมากพออยู่แล้ว ลื้อมันระดับไหน อั๊วมันระดับไหน”
ประโยคหลังเฮยเฮงยิ้มเยาะอยู่ในที
“แล้วอั๊วขอประกาศไว้ ณ ที่นี่เลยว่า ไอ้เล้งกับไอ้ชิว สองคนนี้เป็นคนของธงขาว หากใครรังแกหรือแตะต้องมัน ก็ถือว่ามันผู้นั้นไม่ให้เกียรติธงขาว รับรองได้เห็นดีกันแน่นอน”
พร้อมกับว่าเฮียเฮงตบโต๊ะเสียงดัง ก่อนจะลุกขึ้นเดินจากไป
เล้งกับชิวรีบเดินออกเดินตามออกมา
หลีหลงมองตามอย่างไม่พอใจ
เล้งรู้สึกได้ถึงบางอย่างในตาคู่นั้นของหลีหลง
เรื่องยังไม่จบ... เพียงแต่มันถูกพักไว้ชั่วคราว มันถูกยืดเวลาชำระแค้นออกไป
วันหนึ่งข้างหน้า... เค้ากับหลีหลงต้องเจอกันอีกแนะ และเมื่อนั้นหนี้แค้นจะได้ถูกชำระ
“ต่อไปนี้ลื้อสองคนคือ คนของ ธงขาวไตรภาคี ถ้าไอ้หน้าไหนยังกล้ารังแกลื้อ คนของธงขาวทั้งหมดจะออกหน้าแทนลื้อเอง”
พี่ใหญ่แห่งธงขาวว่า
เล้งกับชิวรีบยกมือไหว้ขอบคุณ เหมือนตายแล้วเกิดใหม่ เค้าจะสู้ตายถวายหัวให้กับพี่ใหญ่แห่งธงขาวคนนี้
“แล้วเฮียจะให้พวกผมทำอะไรครับ” เล้งถาม
หน้าที่ของพวกลื้อก็คือ คอยตามอั๊ว”
เฮียเฮงบอกก่อนจะยกถ้วยน้ำชาขึ้นจิบ
“ถือกระเป๋าเหรอครับ..”
ชิวถามขึ้นอย่างพาซื่อ ทำให้เฮียเฮงหัวเราะชอบใจขึ้นเสียงดัง
“ใช่...” พี่ใหญ่แห่งธงขาวบอกอย่างอารมณ์ดี
ชิวรู้ว่าคำตอบนั่น “ไม่ใช่”
“ต่อให้ต้องเอาชีวิตเข้าแลก ผมก็จะปกป้องเฮียยิ่งกว่าชีวิตของผมเองครับ” เล้งบอกขึ้นด้วยอาการหนักแน่น
เฮียเฮงยิ้มอย่างพอใจในตัวเล้ง
เค้ารู้ว่าชายหนุ่มจะทำอย่างที่พูดจริงๆ
เกือบสามเดือนแล้วที่เล้งและชิวเข้ามาอยู่ภายใต้ใบบุญของพรรคธงขาว
เค้ากับชิวดูเหมือนจะได้รับการต้อนรับจากคนในพรรคเป็นอย่างดี นั่นก็เพราะวีรกรรมที่เค้ากล้าไปงัดข้อกับหลีหลงแห่งเสือขาวนั่นเอง มันจึงกลายเป็นใบเบิกทางอย่างดี
ไม่มีใครกังขาในฝีมือของเล้งและชิว
เพราะไม่เคยมีใครที่มีเรื่องกับเสือขาวแล้วลอยนวลอยู่ได้อย่างนี้
การได้เป็นผู้ติดตามเฮียเฮง เหมือนเป็นก้าวกระโดดในพรรค เพราะทุกคนรู้ดีกว่า มันหมายถึงโอกาสที่จะได้เป็นลูกพี่ในระดับแถวหน้าๆ ของพรรค
ถึงแม้เล้งและชิวจะมีชีวิตรอดมาได้ แต่วิถีชีวิตประจำวันก็ถูกจำกัด
เค้ากับชิวไม่อาจออกนอกเขตอิทธิพลของธงขาว และโดยเฉพาะอย่างยิ่งพื้นที่หากินของเสือขาวคือแดนต้องหา ที่ไม่อาจย่างกรายเข้าไปได้
หลายครั้งที่เล้งอยากกลับไปที่โรงสีอีกแต่ก็ทำไม่ได้
นั่นอาจสร้างปัญหาขึ้น และเค้าไม่อยากให้พี่ใหญ่แห่งธงขาวต้องหนักใจ เพราะเรื่องของเค้าอาจลามกลายเป็นปัญหาระหว่างแกงค์ไปได้
แม้นจะเพิ่งเข้ามาในไตรภาคีได้เพียงสามเดือน แต่เล้งก็ได้รู้เรื่องความเป็นมาและเป็นไปในไตรภาคีเป็นอย่างดี
เค้ารู้ว่าทั้งสามขั๊วอำนาจกำลังพยายามรักษาอำนาจและเขตทำมาหากินของตน
พรรคธงขาวกับพรรคธงเหลืองเป็นพันธมิตรกัน จึงทำให้พรรคธงแดงที่นำโดยเล่าต๋าลูกพี่ของหลีหลงจึงหัวเดียวกระเทียมลีบ
แต่ถึงกระนั้นก็มิได้หมายความว่าอิทธิพลของพรรคธงแดงจะด้วยกว่าพรรคธงเหลืองและขาว ตรงกันข้ามกับอยู่ในสภาพที่สูสีชนิดกินกันไม่ลง
และนั่นเป็นสาเหตุที่เล่าต๋าพี่ใหญ่แห่งธงแดงไม่กระทำการใดๆ ลงไปเพื่อชิงอำนาจความเป็นใหญ่ในไตรภาคีก็เพราะ ยังไม่มั่นใจว่าจะชนะได้อย่างเบร็จเสร็จเด็ดขาดนั่นเอง
และเล้งก็รู้สึกว่า “เล่าต๋า” ซึ่งเป็นคนน้ำนิ่งไหลลึก น่ากลัวกว่าหลีหลงที่มุทะลุดุดันเสียอีก
“เฮ้ยทำไมเพิ่งมาว่ะ เฮียเค้าถามหาลื้อตั้งแต่เช้าแล้ว”
ชิวเพื่อนร่วมสาบานถามขึ้นเมื่อเห็นเล็งที่เพิ่งเข้ามาในบ้านของเฮียเฮง
“ไปธนานัติส่งตังค์ในที่บ้านมา”
“ไปหาเฮียเร็วๆ ไป ไม่รู้เรียกหาเรื่องอะไร”
“เออ... เดี๋ยวไป ขอเข้าห้องน้ำก่อน”
“อะไรว่ะ... มาถึงก็ฉี่แตก”
“ก็คนมันปวดนี่หว่า จะให้ทำไง หรือจะให้ฝากลื้อไป”
เล้งที่อุตส่าห์วิ่งปรี่มาอย่างเร็วเพื่อจะปลดทุกข์ ต้องชะงักเมื่อหน้าประตูห้องน้ำกลางที่มีอยู่ชั้นบนชำรุด
“ทำไมต้องมาเสียตอนนี้ด้วยว่ะ”
ความปวดที่สุดขีดกั้นทำให้เค้าหันเข้าประตูห้องที่เปิดแง้มอยู่ ความรู้สึกบอกเค้าว่าต้องเป็นห้องนอนและมันต้องมีห้องน้ำอยู่ด้านใย
เล้งชะโงกมองเข้าไปในห้องเพื่อดูว่ามีใครอยู่หรือเปล่า
มันเป็นห้องแต่งหรูแบบผู้หญิง และปลอดคน เล้งเคยได้ยินว่ามันเป็นของลูกสาวของเฮียเฮงที่ไปเรียนอยู่ที่ปีนัง
เอาว่ะ ดีกว่าราดกางเกงให้ขายหน้าเค้า หากลงไปข้างล่างไม่ทัน
เล้งตัดใจในที่สุด
ขณะกำลังกดน้ำเพื่อทำความสะอาด เล้งก็ได้ยินเสียงคนคุยกันดังมาจากหน้าห้อง เมื่อชะเง้อออกมามองก็เห็น หญิงสาวหน้าตาสะสวยกำลังสั่งงานคนรับใช้อยู่หน้าห้อง เจ้าหล่อนอยู่ในชุดทันสมัย บอกชัดว่าลักษณะเพิ่งกลับจากเมืองนอกเมืองนา
จากการคะเนของเล้ง เจ้าหล่อนน่าจะเป็น “พิมพา” ลูกสาวเฮียเฮง
เจ้าหล่อนเดินเข้ามาในห้องหลังจากสั่งงานคนรับใช้เสร็จ นั่นทำให้เล้งที่แอบมองอยู่เสียโอกาสที่จะออกไป
เล้งที่แอบมองอยู่ไม่กล้าเผยตัวออกไป
แรกเค้าละสายตาไม่อยากมอง หากพอเห็นหน้าสวยของเจ้าหล่อนชัด จึงไม่อาจละสายตา
เจ้าหล่อนหันไปเปิดประตูเพื่อจะเปลี่ยนเสื้อผ้า และนั่นเองที่สายตาของเจ้าหล่อนก็เหลือบไปเห็น เงาสะท้อนของเล้งจากในกระจก
หญิงสาวสะดุ้งด้วยความตกใจ
เล้งยืนหน้าจ๋อยอยู่ต่อหน้าเฮียเฮงอย่างสำนึกผิด เมื่อถูกหญิงสาวพาตัวมาให้พ่อของเจ้าหล่อนลงโทษ
แต่พอเฮียเฮงได้ฟังเรื่องทั้งหมดจบลง พี่ใหญ่แห่งพรรคธงขาวกลับหัวเราะร่าร่วมกับเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องตลก
“หัวเราะอะไรค่ะป๊า” คนเป็นลูกสาวถามขึ้นอย่างไม่พอใจ
เจ้าหล่อนหันไปจิกตาใส่เล้งที่พลอยแอบยิ้มขำไปด้วย
เล้งแอบยิ้มให้ แต่สาวเจ้ากลับถลึงตาใส่
เล้งจึงจ๋อยไม่กล้าสบตา
“มันก็แค่เรื่องเข้าใจผิดกันแค่นั้น” เฮียเฮงว่า
“เข้าใจผิดกันที่ไหน นายเนี่ยจงใจแอบดูพิมนะคะ”
“ผมเปล่านะครับ ผมแค่ปวดห้องน้ำจนทนไม่ไหวก็เลยแอบเข้าไปปลดทุกข์ในห้องคน”
“แล้วนายถือสิทธิ์อะไรมาใช้ห้องน้ำในห้องชั้น”
“ก็มันปวดจะราดอยู่แล้วนี่ครับ ถ้าจะให้ไปห้องอื่น มีหวังฉี่รดกางเกงแน่นอน”
“เห็นมั้ย มันไม่ได้เจตนา” เฮียเฮงเข้าข้างลูกน้อง
“ไม่รู้ล่ะ ยังไงพิมก็ไม่ยอม”
“แล้วจะเอายังไง”
“ป๊าก็จัดการให้พิมซิคะ”
“เอา... งั้นเอามันไปยิงทิ้ง”
“ผมยังไม่เห็นอะไรเลยนะครับ”เล้งรีบโพล่งออกมา
พิมพาหันไปถลึงตาใส่
“ก็ถ้าเห็น... รับรองนายไม่ได้นายยืนอยู่ตรงนี้แน่ ชั้นยิงนายตาถลนไปนานแล้ว”
เฮียเฮงแอบหัวเราะอาการกร้าวของลูกสาว ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นจริงๆ
“แล้วจะเอายังไง”
“พิมมีวิธีของพิม”
ขาดคำ...เจ้าหล่อนก็ลุกขึ้นเดินไปหาเล้ง แล้วตบหน้าเค้าอย่างจัง
เล้งยกมือขึ้นลูบหน้าที่ถูกตบ
“คราวหน้าคราวหลังก็หัดให้มันรู้กาละเทศะซะบ้าง”
คนถูกว่าอมยิ้ม ก่อนบอกว่า “ถ้ามีคราวหน้าอีกผมจะระวังไม่ให้คุณเห็นครับ”
พิมพาจึงหันถลึงตาใส่อย่างไม่พอใจอีกครั้ง พร้อมกับเงื้อมือขึ้นหมายจะตบเค้าอีกฉาด หากแต่คราวนี้เล้งยกมือขึ้นรับเอาไว้
พิมพาพยายามดึงมือเจ้าหล่อนกลับ
“ปล่อยชั้นเดี๋ยวนี้นะ”
“ฉาดเมื่อกี้ผมยอมเพราะว่าผมผิด แต่ฉาดนี้ไม่มีทาง”
“นี่นายกล้าเถียงชั้นเหรอ ไม่รู้เหรอว่าชั้นเป็นใคร”
“รู้ครับ ก็คุณพิพพาลูกสาวคนสวยคนเดียวของเฮียไงครับ เพิ่งกลับมาจากปีนังวันนี้”
พิมพาแอบเขินเมื่อถูกชมซึ่งหน้า ก่อนจะแกล้งทำเป็นขึงขังต่อ ที่จริงไอ้หนุ่มหน้ามนที่อยู่ตรงหน้าเค้านี้ก็ไม่เลวเหมือนกัน
“ดูมันซิค่ะป๊า มันเถียงพิมอ๊ะ”
“ก็ถูกของเค้าแล้วนี่ เค้าไม่ผิดเราไม่หาเรื่องเค้าก่อน”
คนเป็นเจ้าพ่อบอกปนหัวเราะ
พิมพาค้อนหน้าเป็นจวักอย่างไม่พอใจ ยิ่งเหลือบเห็นเจ้าหน้ามนอมยิ้มชอบใจ ยิ่งหงุดหงิดใจยิ่งกว่าเก่า
ฝากไว้ก่อนเถอะ มีโอกาสเมื่อไรจะเอาคืน
“เฮียเรียกหาผมมีอะไรจะใช้เหรอครับ”
เล้งถามขึ้นเมื่อพิมพาจากไปแล้ว
“ตอนแรกอั๊วว่าจะให้ลื้อไปช่วยงานที่บาร์สักหน่อย แต่ตอนนี้อั๊วเปลี่ยนใจแล้ว อั๊วจะให้ลื้อทำอย่างอื่นแทน”
“อะไรครับ”
เฮียเฮงอมยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนบอก “อั๊วจะให้ลื้อเป็นบอดี้การ์ดให้ลูกสาวอั๊ว”
เล้งอึ้งไปชั่วขณะอย่างไม่เชื่อหู
“ทำไมล่ะครับ”
“ก็เพราะยังไม่เคยมีใครกล้าต่อปากต่อคำกับอีสักคน ลื้อเป็นคนแรกที่กล้า เพราะฉะนั้น อั๊วคิดว่าลื้อต้องเอาอีอยู่แน่
เล้งพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ
ก็เจ้าหล่อนห้าวขนาดนั้น ลูกน้องคนอื่นใครจะกล้าต่อกรด้วย
แต่สำหรับเค้าแล้ว แม่เสือสาวอย่างเจ้าหล่อน ก็ไม่ต่างอะไรกับลูกแมวเชื่องๆ เรื่องเค้าจะก้มหัวให้เจ้าหล่อนไม่มี
อ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น