ลำดับตอนที่ #6
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : จุดเปลี่ยนของชีวิต
1) จุดเปลี่ยนของชีวิต
ขณะเดียวกันที่ด้านนอก
งานเลี้ยงเลิกราไปนานแล้ว แต่บรรดาคอเหล้ายังไม่ยอมเลิก
หลงจู้เส็งยังนั่งก๊งกับชิวอย่างอารมณ์ดี จิบสุราร้องเพลงงิ้วดูมีความสุขอย่าบอกใคร
“อาเจ๊กอั๊วขอถามอะไรหน่อยได้หรือเปล่า”
ชิวที่เก็บความสงสัยเอาไว้นาน ถามขึ้น
“ลื้อสงสัยอาไร”
“ก็เห็นตอนที่อาเจ็กจับได้ว่าอาเหมยอีจะหนีตามอาเล้ง ลื้อโกรธจะเป็นจะตาย ไงพอวันนี้อีสองคนแต่งงานลื้อกับจัดงานอี”
“ก็ลูกสาวอั๊วแต่งงานทั้งที่ อั๊วไม่จัดแล้วใครจะจัด”
“แต่อั๊วก็ไม่เข้าใจอยู่ดี ว่าทำไมอาเจ๊กต้องดีใจด้วยในเมื่อต้องเสียโอกาศได้ลูกเขยคนรวยที่เป็นลูกชายเพื่อนอาเจ็กคนที่ว่าเป็นเจ้าของร้านทองคนนั้น
หลงจู้เส็งหันมายิ้มอมภูมิกับคนเป็นหลานชาย
“อั๊วได้ลูกเขยรวยแล้ว”
คำตอบของหลงจู้เส็งทำให้ชิวอึ้งไปชั่วขณะ
“อาเล้งเนี่ยนะรวย”
“ใช่...” หลงจู้เส็งรับคำ “แต่ไม่ใช่ตอนนี้ แต่เป็นอนาคตข้างหน้า โหงวเฮ้งอี ต่อไปจะรวยเป็นมหาเศรษฐีพันล้าน”
“พันล้าน” ชิวทวนคำอย่างไม่เชื่อหู “ล้อเล่นหรือเปล่า”
“ไม่เชื่อลื้อก็คอยดูต่อไปก็แล้วกัน”
ขาดคำ... หลงจู้เส็งก็ร้องเพลงอย่างมารมณ์ดีต่อ
ชิวมองหน้าคนเป็นอาเจ๊กของตัวเองอย่างเหลือเชื่อ
แต่เค้าก็เคยได้ยินกิตติศัพท์เรื่องดูโหวงเฮ้งของอาเจ๊กของเค้ามาก่อนว่าระดับเซียนเหยียบเมฆเช่นกัน ทำนายยังไงต้องเป็นอย่างนั้น
ถึงกระนั้นชิวก็ยังงงๆ อยู่ดีว่า เพื่อนร่วมสาบาทของเค้าคนนี้จะรวยเป็นพันล้านได้ยังไง
เล้งเป็นอึ้งเมื่อรู้ว่าทั้งหมดเป็นแผนของเหมยกับหลงจู้เส็งที่จะไล่ลูกชายเพื่อนไป
“อะไรนะ ทั้งหมดเป็นแผนของเตี่ย” เล้งร้องขึ้นเสียงหลงอย่างเหลือเชื่อ
เหมยพยักหน้ารับคำเขินๆ
“เตี่ยบอกว่า ทำแบบนี้จะได้ไม่เสียน้ำใจกับเพื่อน”
“แล้วเตี่ยไม่กล้วเสียหน้า”
“เตี่ยบอกถ้าเราไม่คิด ต้องไปสนใจคนอื่นทำไม ใครจะพูดอะไรก็ช่าง”
เล้งพยักหน้ารับรู้... เค้าแทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่าหลงจู้เส็งจะคิดแบบนี้
“และอีกอย่าง เตี่ยบอกว่า เฮียโหงวเฮียพญามังกร ต่อไปเฮียจะต้องร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐีคนหนึ่งของเมืองไทย”
“เฮียเนี่ยนะจะรวย” เล้งหัวเราะขำเมื่อได้ยินหญิงสาวบอก
เหมยพยักหน้ายืนยัน
“แล้วเกิดเฮียไม่รวยอย่างเตี่ยว่า เหมยไม่เสียใจเหรอ” ชายหนุ่มถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเป็นจริงเป็นจัง
“ไม่... ถึงต้องกัดก้อนเกลือกิน เหมยก็ไม่เสียใจ เพราะอย่างน้อยเหมยก็ได้อยู่กับคนที่เหมยรัก” เสียงบอกจริงใจ
เล้งยิ้มเป็นปลิ้มอย่างที่สุดที่ได้ยินประโยคนี้หลุดออกมาจากปากของหญิงสาว เค้ารวบเอาเจ้าสาวของเค้าเข้ามาไว้ในอ้อมแขน
“เฮียให้สัญญา... ถึงเฮียจะไม่สามารถทำให้เหมยมีความสุขเท่ากับคนอื่นที่เค้ามีได้ แต่เฮียก็จะทำให้เหมยมีความสุขที่สุดเท่าที่ความสามารถของเฮียจะทำได้”
เหมยยิ้มเป็นปลื้ม... เจ้าหล่อนรู้ว่าคนเป็นสามีจะทำตามที่พูดอย่างแน่นอน
แล้วจู่ๆ เล้งก็ถอยใจเฮีอกใหญ่ขึ้นมา
“เฮียถอนใจทำไม” หญิงสาวถามอย่างสงสัย
“รู้อย่างงี้แต่แรกไม่ต้องหนีให้โง่ ปล้ำซะตั้งแต่ตอนนั้นก็หมดเรื่อง” คนว่าบอก
“ใครจะยอม”
“ไม่ยอมไม่เป็นไร เดี๋ยวเฮียไปหาคนอื่นก็ได้ ก็ต่อไปเฮียจะเป็นมหาเศรษฐีแล้วนี่”
เล้งแกล้งยั่ว
เท่านั้นเอง เจ้าสาวของเค้าก็สวมวิญญาณเมียขี้หึงขึ้นมาทันที
“ก็ลองดูซิ ... แม่ไม่เฉือนให้เป็ดกิน อย่างมาเรียกเหมยก็แล้วกัน”
“กลัวแล้วจ๊ะกลัวแล้ว”
คนว่าแกล้งทำเป็นกลัว... ก่อนจะยิ้มให้กัน เพราะรู้ดีกว่าเรื่องที่คุยเล่นกันมันไม่มีวันจะเกิดขึ้น
แล้วเล้งก็ไม่ได้ทำให้หลงจู้เส็งผิดหวัง
เพราะหลังจากแต่งงานแล้ว เล้งก็ขยันทำงานช่วยงานหลงจู้เส็งเป็นอย่างดี จนหลงจู้เส็งไว้ใจให้เล้งดูแลกิจการ
หนึ่งปีให้หลังเล้งก็มีหลานปู่ให้หลงจู้เส็งอุ้ม
ครอบครัวอยู่เย็นเป็นสุข กิจการค้าก็รุ่งเรือง
มันเป็นวันชื่นคืนสุขของเล้งกับครอบครัว
แต่โบราณว่าความสุขอยู่ได้ไม่นาน... เพราะหลังหลานชายคนแรกเกิดได้ไม่นาน หลงจู้เส็งก็เริ่มล้มป่วยกระเซาะกระแซะด้วยโรคชรา และถึงแก่กรรมในเวลาต่อมา
และเมื่อเทศกาลตรุษจีนมาถึง เล้งและเหมยก็จัดพิธีไหว้บรรพบุรุษตามประเพณี
“อาเตี่ยมารับไปนะ”
เหมยว่าขณะที่หยิบกระดาษเงินกระดาษทองจากโต๊ะที่ตั้งของไหว้มาเผาเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้หลงจู้เส็ง
“เราเผาไหม้หมดแบบนี้ แล้วเตี่ยจะมาเอาได้ยังไงล่ะเจ๊”
เด็กหญิงที่เฝ้ามองคนเป็นพี่สาวอยู่นานถามขึ้นอย่างสงสัย
เหมยหันมายิ้มเอ็นดูน้องสาวที่เพิ่งจะสิบขวบ
“ก็รับเอาจากกระดาษที่เราเผาส่งไปไงจ๊ะ” คนเป็นพี่อธิบาย
หลิวทำหน้างงๆ ก็เห็นๆ อยู่ว่ามันไหม้หมดแล้วจะเอาไปใช้ได้ยังไง
เหมยมองหน้างงๆ ของน้องสาวก็รู้ว่าเจ้าหล่อนไม่เข้าใจ “เอาไว้โตขึ้นกว่านี้หลิวจะเข้าใจ”
หลังไหว้บรรพบุรุษแล้ว ของไหว้ก็กลายเป็นอาหารสำหรับเลี้ยงพี่น้องที่กลับมาบ้าน สำหรับที่โรงสีมันก็คืออาหารเลี้ยงคนงาน ก่อนจะทำการแจกอั่งเปา
เด็กๆ ดูจะมีความสุขที่สุดเพราะเป็นฝ่ายรับอย่างเดียว
“ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮัวใช้”
เสียงที่ดังมาก่อนตัวนั้น ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นชิวที่เพิ่งมาถึง หลังจากเล้งเข้าดูแลกิจการแทนหลงจู้เส็ง ชิวก็ขอออกไปเดินตามฝันของเค้าด้วยการเข้ารวมแกงค์ไตรภาคีกับพวกธงขาว
แม้นหลงจู้เส็งจะไม่เห็นด้วย แต่เมื่อเป็นความต้องการของชิว หลงจู้เส็งจึงมิอาจขัดใจ
หลิวที่คอยท่ายอยู่แล้วรีบอวยพรกลับทันที
“อังเปา ตั่วๆ ไก๊”
พร้อมกับว่าแบมือรอรีบซองแดง พอเปิดออกดูก็เห็นว่าเป็นแบงค์ร้อย เด็กหญิงถึงกับตะลึง
“ร้อยหนึ่งเลยเหรอเฮียชิว” เด็กหญิงถามขึ้นอย่างไม่เชื่อสายตา
“มันแน่อยู่แล้วอาหลิว ตอนนี้ เฮียชิวไม่ใช่เฮียชิวคนเดิมแล้วดูให้ดี” คนให้บอกอย่างอารมณ์ดี
เด็กหญิงอมยิ้มเมื่อเห็นคนว่า “เก๊ก” หล่อ พร้อมกับโชว์ เฟอร์นิเจอร์ที่แต่งมาครบเครื่อง ทั้งสร้อยทองเส้นโต นาฬิกายี่ห้อดัง รองเท้าหนังอย่างดี
“เฮียชิวเปลี๊ยนไป๊” เด็กหญิงบอกเสียงใส
ทุกคนหัวเราะ
“เอาไปๆ มีให้ทุกคน” ชิวบอกขณะเดินแจกอั่งเปาของตนให้กับคนทั้งโรงสี ก่อนจะมาจบที่เล้งกับเหมย
“ของอั๊วมีด้วยเหรอ” เล้งถามขึ้นอย่างแปลกใจ
“มีซิ ลื้ออุตส่าห์ช่วยอั๊วดูแลกิจการโรงสีแทนทั้งที”
“ไปรวยอะไรมาว่ะ หรือที่บาร์เค้าให้เงินเดือนเพิ่ม”
เล้งถามขึ้นเมื่อนั่งลงร่วมโต๊ะทานอาหารด้วยกัน
“ทำงานมันจะได้เดือนละสักอีกตังค์ รวมทิปแล้วยังไม่ถึงสามร้อย” ชิวบ่น
เพราะตั้งแต่เล้งเข้ามาดูแลกิจการ ชิวก็ออกไปทำงานในบาร์ซึ่งเป็นกิจการของพรรคธงขาวแห่งไตรภาคี
เล้งเคยถามว่าเป็นเถ้าแก่ดีๆ ไม่ชอบ อยู่ดีๆ ไปเป็นลูกน้องเค้าทำไม
ชิวบอกว่ามันไม่เหมือนกัน ที่เค้ายอมเป็นลูกน้องในไตรภาคีก็เพื่อวันหนึ่งจะได้เป็นพี่ใหญ่ และเมื่อวันนั้นมาถึงก็จะมีแต่เงินทองไหลมาเทมา
เล้งได้แต่ฟังหูไว้หู เพราะไม่เข้าใจว่าเงินจะไหลมาเทมาได้ยังไง
“แล้วลื้อไปรวยอะไรมา” เล้งถามต่อ
“ก็ม้าไง ม้าให้ลาภ ไอ้สุวรรณบุปผามันให้เงินใช้ ถูกทั้งเต็งทั้งเพลส ได้มาร่วมหมื่น” คนว่าคุยฟุ้ง
“อย่าเล่นมากนักนะโว้ย เดี๋ยวจะเลี้ยงม้าหมด” เล้งเตือนด้วยหวังดี
“รู้น่า เล่นแค่พอหอมปากหอมคอ”
“ได้อย่างนั้นมันก็ดี”
หากขาดคำ.. เสียงประตูก็ถูกถีบให้เปิดออกโดยแรง ทุกสายตาในโรงสีที่กำลังกินเลี้ยงอยู่กลางลานกว้างหันไปมองด้วยความตกใจ
และสิ่งที่ทุกคนเห็นก็คือ ชายฉกรรจ์กลุ่มใหญ่ราวห้าหกคนเดินอาดๆ เข้ามาอย่างเอาเรื่อง
คนที่เดินนำอยู่ข้างหน้ากลุ่มท่าทางเป็นหัวหน้า ชิวจำได้เป็นอย่างดีว่านั่นคือ “ฮัน” ลูกน้องของ “หลง” พี่เบิ้มแห่งพรรคธงแดงนั่นเอง
หลิวที่เพิ่งจะสิบเอ็ดขวบออกอาการตกใจรีบวิ่งเข้าไปหลบอยู่หลังคนเป็นพี่สาวอย่างกลัวๆ
“ใครเป็นเจ้าของที่นี่”
ฮันตวาดขึ้นเสียงดังเมื่อก้าวเข้ามายืนอยู่กลางลานกว้าง
“ผมเอง... มีอะไรครับ” เล้งยืนขึ้นรับคำ
“ก็มาเก็บค่าคุ้มครองไง”
“จ๊ะๆ”
เหมยรีบหยิบซองจากในกระเป๋าเสื้อออกมาส่งให้ แต่ถูกเล้งรั้งมือเอาไว้
“เดี๋ยว... ค่าคุ้มครองอะไร”
“เอาน่า... จ่ายเค้าไปเถอะเฮีย” เหมยบอกอย่างตัดรำคาญ
“ค่าคุ้มครองอะไร” เล้งยังคงถามต่อ
“ก็ตอนเตี๋ยอยู่ก็จ่ายแบบนี้ เดือนละพัน”
“พันนึงเลยเชียวเหรอ” เล้งร้องขึ้นอย่างตกใจ “ทำไมต้องจ่ายด้วย...”
“เอย.. ไว้หน้ากันบ้างซิ ยังไงก็พวกเดียวกัน”
ชิวเสนอหน้าเข้ามา
“ใครเป็นพวกมึง” ฮันว่า
“ไม่เอาน่า อั๊วอยู่บาร์พาราไดซ์ ยังไงก็ไตรภาคีเหมือนกัน”
ชิวพยายามอีก หากคราวนี้ฮันตวาดกลับมาเสียงเขียว
“ไม่ใช่เรื่องของลื้ออย่าเสือก”
ชิวจ๋อย... ไม่กล้าเอยคำใดอีก
“จ่ายเค้าไปเถอะเฮีย” เหมยบอกคนเป็นสามี
“ไม่จ่าย ต่อไปนี้จะไม่มีการจ่ายอะไรทั้งนั้น” เล้งยืนคำขาด
มันทำให้ฮันไม่พอใจขึ้นมา
“ลื้อกล้าเหรอ” มันตวาด
“กล้าไม่กล้าก็ลองดู” เล้งตอบกลับไปอย่างไม่กลัว
ฮันจึงหันไปขยิบตาให้ลูกน้องที่ตามมาด้วยให้เข้าเล่นงานเล้ง
ลูกจ๊อกสามคนที่ตามฮันมาจึงกระจายกันล้อมเล็งเอาไว้
“ถอยไปก่อนไป” เล้งหันไปบอกเหมยที่ยืนอยู่ข้างๆ เหมยพยายามจะห้ามสามีแต่ไม่ทัน เพราะบัดนี้เค้าได้ออกไปยืนจังก้าอยู่ท่ามกลางกลุ่มลูกน้องของฮันเสียแล้ว ก่อนที่ชิวจะก้าวเข้าไปยืนเคียงข้างด้วยอีกคน
สองพี่น้องร่วมสาบานหันมายิ้มให้กัน... เป็นอีกครั้งที่ทั้งสองจะได้สู้กันอย่างเคียงบ่าเคียงไหล่
ลูกสมุนของฮันตรงเข้าเล่นงานทั้งสองคน
เล้งปล่อยหมัดตรงเข้าใส่หน้าเจ้าคนที่ปรี่เข้าหาเค้า มันลงผลให้มันหงายหลังทั้งยืน ก่อนที่เค้าจะหันไปประจันหน้ากับเจ้าอีกคนที่ปรี่ตามเข้ามา มันชะงักไปกล้าตามเพื่อนมันเข้าไป
ในขณะเดียวกันชิวก็กำลังชุลมุนอยู่กับอีกคนที่กำลังเล่นงานเค้า ชิวหลบหมัดที่ลูกน้องของประเคนใส่เค้า ก่อนจะเหวี่ยงหมัดของตัวเองออกไปแต่มันก็หลบหมัดของเค้าทัน ชิวจึงหันมาตั้งหลักใหม่
เล้งหลบหมัดเจ้าคนที่สองก่อนจะสะบัดศอกเข้าที่เข้ากระพุ้งแก้มมัน ก่อนจะหันไปดักชิงจังหวะประเคนหน้าแข้งใส่ก้านคออีกคนที่กำลังปรี่จะเข้าเล่นงานเค้า
ทุกคนที่เห็นเหตุการณ์พากันตะลึงอึ้งไปตามๆ กัน
“เฮียเก่งจังเลย”
หลิวร้องออกมาด้วยความดีใจ ในขณะที่เหมยถอนใจอย่างโล่งอก เจ้าหล่อนคิดไม่ถึงว่าสามีจะมีฝีมือถึงเพียงนี้
พลันสายตาเหลือบไปเห็นฮันที่ปรี่เข้าหมายจะเล่นงานเล้งจึงร้องขึ้นเสียงดัง
“เฮียระวัง”
ทันทีที่ได้ยินเสียงร้องเตือน เล้งรีบหันกลับไปมองทางด้านหลัง ก็เห็นฮันที่ปรี่เข้ามาพร้อมมีดปลายแหลม เล้งรีบเอี้ยวตัวหลบคมมีดที่กำลังปรี่เข้าที่ชายโครง
มันถากชายเสื้อของเค้าขาดวิ่นเป็นทางยาว เฉียดเนื้อเค้าไปเส้นยาแดงผ่าแปด
เล้งรีบหันกลับมาตั้งหลัก ก่อนที่ฮันจะจ้วงแทงเค้าอีกครั้ง แต่คราวนี้เล้งหลบทันพร้อมกับประเคนหมัดใส่เข้าที่ปลายคางของฮัน
ฮันเซผงะตามแรงหมัด
เลือดสีแดงไหลกลบปาก ฮันเอาลิ้นดุนสำรวจแผลที่แตกในปาก ก่อนจะบ้วนเลือดที่ไหลออกมาทิ้งอย่างโกรธกริ้ว
มันเพิ่มพายุความโกรธของฮันให้ลุกโชติขึ้น
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น