ลำดับตอนที่ #5
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : วันชื่นคืนสุข
เล้งกอดครูสาวของเค้าเอาไว้เหมือนกลัวเจ้าหล่อนจะหลุดลอยจากอ้อมแขนเค้าไป
“เฮียต้องช่วยเหมยนะ” หญิงสาวบอก
“จะช่วยยังไงล่ะ”
“ก็พาเหมยไปจากนี้ เราไปอยู่ด้วยกัน”
“อ้า...” เล้งร้องขึ้นเสียงหลงอย่างไม่เชื่อหู
เค้าไม่คิดว่าหญิงสาวจะกล้าพูดคำนี้ออกมา... ความจริงเค้าอยากชวนหญิงสาวทำเช่นนั้น เพราะไม่อาจเสียเธอไปได้
หากแต่อีกใจหนึ่งก็เกรงจะทำให้เธอเสียชื่อที่หนีตามผู้ชาย ซ้ำยังจนอย่างเค้า
“นะเฮียนะ” หญิงสาวรบเร้า
“มันจะดีเหรอ... ทำแบบนี้” เล้งบอกอย่างลังเล
“เฮียพูดแบบนี้ เฮียไม่รักเหมยนี่” เสียงสะอื้นบอกอย่างงอนๆ
“ไม่ใช่ไม่รัก แต่....” เล้งชะงักเพราะนึกไม่ออกว่าจะหาเหตุผลอันใดมาอ้าง
“แต่อะไรอีกล่ะ”
“ทำแบบนี้อาเจ๊กเอาตาย”
“หรือว่าเฮียอยากให้เหมยตาย...” หญิงสาวตัดพ้อ
นั่นยิ่งทำให้เจ้าหล่อนไม่สบายใจ
เค้ายอมตายดีกว่าที่จะเสียเจ้าหล่อนไป
“ก็ได้ ในเมื่อเล้งไม่รักเหมยแล้วนี้ เหมยก็จะแต่งงานกับใครก็ได้ให้มันรู้แล้วรู้รอดไป”
หญิงสาวบอกอย่างประชด ก่อนสะบัดลุกขึ้นเดินหนี
เล้งรีบคว้ามือเอาไว้ไม่ให้จากไป
“ปล่อยนะ... ไม่รักแล้วมาจับทำไม”
เหมยพยายามสะบัดมือจากมือใหญ่ของเล้ง
“ก็ได้ๆ หนีก็หนี” เล้งตัดสินใจในที่สุด
“จริงๆ นะ” หญิงสาวถามซ้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
เล้งพยักหน้ารับคำ แต่สีหน้าของเค้าไม่สบายใจเอาซะเลย
นี่เค้าต้องเป็น “คนเนรคุณ” กินบนเรือนขี้รดบนหลังคาจริงๆ เหรอ
และในดึกสงัดของคืนวันนั้นนั่นเอง... ที่เล้งและเหมยตัดสินใจจะหนีไปด้วยกัน
เสียงเคาะบอกเวลาจากยามบอกเวลาว่ายามสอง
เล้งพร้อมกับกระเป๋าเสื้อผ้าแอบย่องออกจากห้องพักที่อยู่หลังโรงสี มารออยู่ที่ตรงช่องหน้าต่างของห้องของหญิงสาวตามที่นัดหมายกันไว้
เล้งแกล้งทำเลียนเสียงนกกลางคืนเพื่อเป็นสัญญาเรียกตามที่นัดกันไว้
ครู่หนึ่ง... หน้าต่างห้องนอนของเหมยที่อยู่ชั้นสองของตัวตึกก็เปิดออก หญิงสาวส่งกระเป๋าเสื้อผ้าใบใหญ่ลงมาให้อย่างทุลักทุเล มันใหญ่พอจะเอาคนทั้งคนเข้าไปซ่อนได้อย่างสบาย
“ทำไมใบมันใหญ่ขนาดนี้ล่ะ” เล้งตามขึ้นอย่างหนักใจ
“ก็ต้องเอาไปให้หมด ไม่งั้นจะเอาที่ไหนใช้ล่ะ” หญิงสาวบอก
เล้งรับมันลงมาอย่างทุลักทุเล พอกระเป๋าพ้นขอบหน้าต่างเท่านั้น ความหนักของมันก็ทำให้เค้าเสียหลักล้มลง โดยไม่ทันระวังกระเป๋าไปกระแทกระถางต้นไม้ที่วางอยู่ใกล้ๆตกลงมาแตกเสียงดังลั่น
ทั้งสองอึ้งมองตากันด้วยความตกใจ
ไฟในบ้านสว่างขึ้นทันที่... ที่ห้องของหลงจูเส็งที่อยู่ข้างๆ ก่อนที่หน้าต่างห้องจะเปิดออก แล้วหลงจู้เส็งก็โผล่หน้าออกมาดู
เล้งรีบหลบเข้าพิงผนัง โชคดีที่หน้าต่างที่เปิดออกบังเค้าเอาไว้ ทำให้หลงจู้เส็งไม่เห็นเค้าในทันที
“นั่นใครนะ” เสียงหลงจู้เส็งตวาดลั่นพร้อมกับกำชับปืนลูกซองแฝดในมือ
เล้งเหลือบมองเหมยที่ยังอยู่บนห้องเป็นเชิงปรึกษาว่าจะทำยังไง
เจ้าหล่อยอก็เอาแต่ส่ายหน้าบอกไม่รู้ด้วยสายตาลุกลน
เล้งตัดสินใจร้องเรียนเสียงแมวขึ้นในที่สุด... พร้อมกับค่อยๆ ย่องถอยห่างออกมา
“ไอ้แมวบ้า เดินเหินไม่รู้จักระวัง กระถางต้นไม้อั๊วฟังหมด”
หลงจู้เส็งบ่นก่อนจะปิดหน้าต่างเข้าไป
สองหนุ่มสาวถอนหายใจโล่งอก.... เกือบไปแล้ว
เหมยรีบปีนลงมาในทันทีที่ไฟในห้องของเตี่ยของเธอดับลง
“รีบไปเถอะเฮีย” หญิงสาวกระซิบบอกเมื่อลงมาถึงพื้น
เล้งรีบพยักหน้า เพราะรู้ดีกว่าหากรอช้าอาจถูกพบเห็นได้ และคราวนี้คงไม่โชคดีเหมือนครั้งก่อนเป็นแน่
เค้าคว้ากระเป๋าใบใหญ่ของหญิงสาวยกขึ้น แล้วจับมือหญิงสาวพาให้เดินตามออกมา
คู่รักสองหนุ่มสาวที่ตัดสินใจหนีตามกันเพื่อไปครองรักกันสองคน ย่องเงียบสู่ประตูเล็กหลังของโรงสีที่ใช้เป็นที่เข้าออกของคนงานอย่างเงียบเชียบ
แต่ขณะที่ทั้งสองกำลังจะเปิดประตู ไฟทั้งบ้านก็สว่างขึ้นอีกครั้ง
ทั้งสองชะงักด้วยความตกใจ ก่อนเสียงหนึ่งจะดังขึ้นจากด้านหลัง
“จะไปไหนกัน”
โดยไม่ต้องหันมองทั้งสองก็จำได้ในทันทีว่า นั่นคือเสียงของ “หลงจู้เส็ง”
ความรู้สึกเย็นวาบเกิดขึ้นที่สันหลังของเล้ง... เหมือนท้องของเค้าหายไป มันโล่งจนเค้ารู้สึกได้
คู่รักหนุ่มสาวหันมองหน้ากัน... ด้วยความตกตะลึง
แผนกันของเค้าและเธอถูกจับได้ซะแล้ว
สองคู่รักหนุ่มสาวนั่งคุกเข่าสำนึกผิดอยู่หน้าหลงจู้เส็งที่กำลังโกรธจัด ในห้องรับแขกบนตึก
เล้งไม่กล้าที่จะสบตาที่กำลังโกรธกริ่วของคนเป็นหลงจู้ซึ่งเป็นพ่อของหญิงสาว
“อั๊วไม่นึกเลยว่าลื้อจะเป็นคนกินบ้านเรือนขี้รดบนหลังคาแบบนี้”
เสียงบอกสะท้อนใจ
มันทำให้เล้งปวดหัวใจ เค้ากลายเป็นคนอกตัญญูจนได้
“อั๊วอุตส่าห์ไว้ใจลื้อ แล้วดูที่ลื้อทำกับอั๊วแบบนี้มันหมายความว่ายังไง”
เล้งกลืนก้อนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น ก่อนจะก้มลงกราบแทบเท้าคนเป็นหลงจู้อย่างสำนึกผิด
หลงจู้เส็งออกอาการสะบัดไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด
“ผมขอโทษครับ”
“ขอโทษแล้วมันหายกันเหรอว่ะ” คราวนี้หลงจู้เส็งตวาดใส่ “แล้วนี่อั๊วจะเอาหน้าไปไว้ไหน รู้ไปถึงไหนอายเค้าไปถึงนั่น”
ประโยคหลังออกอาการตัดพ้อมากกว่าจะเป็นการต่อว่า
“ผมเป็นคนพาเหมยหนีเอง ถ้าอาเจ็กจะลงโทษ ลงโทษผมคนเดียวเถอะครับ”
เล้งบอกอย่างสำนึกผิด
“ไม่ต้องมาทำเป็นพูดดี อั๊วต้องเอาเรื่องลื้อแน่” หลงจู้เส็งสวนขึ้นเสียงเขียว “คนแบบลื้อมันเลี้ยงไม่เชื่อง ลื้อเก็บข้าวของแล้วไปจากบ้านอั๊วเดี๋ยวนี้เลยไป”
“ไม่ได้นะเตี๋ย ไล่เฮียเล้งออกไม่ได้นะ”
หญิงสาวสวนขึ้น
“ทำไมจะไม่ได้ว่ะ”
เหมยอึ้งหาคำตอบ
“ลื้อไม่ต้องมาทำมาเป็นพูดดี อั๊วยังไม่ได้เล่นงานลื้อเลย” คนเป็นพ่อตวาดใส่ลูกสาว
“ถ้าจะลงโทษ ก็ต้องลงโทษเหมยด้วย เหมยก็มีส่วนเหมือนกัน”
“มันมีดีอะไร ลื้อถึงได้หนีตามมัน”
“ก็เหมยรักเค้า แล้วเค้าก็รักเหมย”
หลงจู้เส็งมองหน้าลูกสาวอย่างไม่พอใจ
“ผมรักเหมยจริงๆ นะครับ อาเจ็กช่วยส่งเสริมพวกเราด้วย”
เล้งบอกพร้อมกับโค้งศรีษะขอร้อง นั่นเองที่ทำให้เล้งพลาดอะไรบางอย่างที่เค้าไม่รู้ไป
หลงจู้เส็งที่กำลังขรึงขังจะเล่นงานเล้งให้ตายคามือ กลับเปลี่ยนท่าทีหันไปสบตาลูกสาว ทำปากบู้ยใบ้ถามแบบไม่มีเสียงว่า
“เอาไงต่อ”
คนเป็นลูกสาวทำปากตอบ “ก็ตามที่ซ้อมไว้ไง”
เล้งเห็นว่าทุกคนเงียบไปจึงเงยหน้าขึ้นมอง
หลงจู้เส็งจึงแกล้งทำเป็นขึงขังขึ้นอีกครั้ง ในขณะที่คนเป็นลูกสาวก็ก็แกล้งทำเป็นไม่พอใจพ่อเช่นกัน
เล้งมองทั้งสองงงๆ เค้ารู้สึกได้ว่ามี “บางอย่าง” ผิดปกติ แต่ไม่รู้ว่าอะไร
“ห้ามเตี่ยไล่เฮียเล้งไปไหนทั้งนั้น” หญิงสาวแสดงบทบาทของเธอต่อ
“ทำไมอั๊วจะไล่ไม่ได้”
“ถ้าเตี่ยไล่ เตี่ยก็เตรียมหาพ่อให้ลูกในท้องเหมยด้วยแล้วกัน”
เล้งสะดุ้งโย่งด้วยความตกใจกับคำพูดที่หลุดออกมาจากปากของเหมยเมื่อครู่
หรือประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยเข้าอีกแล้ว...
เหมยท้อง... ท้องได้ยังไง ในเมื่อเค้ากับเธอไม่เคยมีอะไรกัน
หรือว่าเธอท้องกับคนอื่น....
ไม่... ไม่จริง มันต้องไม่เป็นเช่นนั้น... ในหัวของชายหนุ่มเริ่มสับสน
หลงจู้เส็งอึ้งมองลูกสาวด้วยความตกใจ คนเป็นพ่อถลึงตาใส่ลูกสาวประมาณว่า...มันเกินไปเหรือเปล่าที่พูโออกมาแบบนั้น
แต่คนเป็นลูกสาวกลับขยิบตาให้เฉยไว้
“นี่ลื้อมีอะไรกับมันแล้วเหรอ” คนเป็นพ่อจำต้องเล่นละครต่อ
เหมยรีบพยักหน้ารับลูกทันควัน
เล้งมองหน้าแฟนสาวอย่างไม่เชื่อหู... เจ้าหล่อนหันมายักคิ้วส่งซิกบอกให้ว่าเป็น “แผน”
ถึงกระนั้นเล้งก็ยังงงๆ มันอะไรกันว่ะเนี่ย
และกว่าเล้งจะรู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้นเค้าก็อยู่ในชุดเจ้าบ่าวกำลังทำพิธีกราบไหว้ฟ้าดินกับเหมยลูกสาวของหลงจู้เส็งท่ามกลางญาติๆ ของหลงจู้เส็ง และครอบครัวของเล้ง
เล้งดีใจอย่างบอกไม่ถูกที่มีวันนี้
“คำนับหนึ่ง... กราบไหว้ฟ้าดิน
คำนับสอง... กราบไหว้พ่อแม่
คำนับสาม... กราบไหว้กันและกัน”
และเมื่อคำนับกันครบสามครั้งแล้ว นั่นหมายความว่าความเป็นสามีภรรยาของเค้ากับเหมยได้เริ่มต้นขึ้น
งานเลี้ยงถูกจัดขึ้นง่ายๆ ในหมู่ญาติเท่านั้น
“ก็ทำไมต้องจัดให้ใหญ่โต ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำเปล่าๆ” หลงจู้เส็งว่าตอนแม่ของเล้งมาปรึกษาเรื่องจัดงาน “สู้เอาเงินไว้ให้อีสองคนทำทุนดีกว่า”
หลงจู้เส็งไม่ได้เรียกร้องอะไร แต่แม่ของเล้งก็อุตส่าห์งัดเอากำไรทองของหมั่นที่ได้ตอนแต่งงานกับพ่อของเล้งออกมาเป็นสินสอด
ทั้งๆ ที่ญาติของหลงจู้เส็งต่างพากันคัดค้านจะให้เหมยแต่งงานกับ เสี่ยเล็กลูกชายร้านทองแถวเยาวราช แต่หลงจู้เส็งกลับบอกว่าก็เด็กมันชอบพอกันจะไปแยกมันได้ยังไง
แล้วเมื่อมีคนถามว่า “ไม่กลัวลูกอดตายเหรอ ให้แต่งกับคนตัวเปล่าเล่าเปลือย”
หลงจู้เส็งกลับบอกหน้าตาเฉยว่า
“ถึงมีมันก็หมดได้ ถ้าไม่รู้จักใช้ แต่ถ้าไม่มี แล้วรู้จักหา มันก็ไม่มีวันอด”
หลังงานเลี้ยงเจ้าบ่าวกับเจ้าสาวถูกส่งตัวเข้าห้องหอ
บัดนี้ทั้งสองนั่งอยู่บนเตียงในห้องหอกันตามลำพังสองต่อสอง
เล้งค่อยๆ บรรจงเปิดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาว ก่อนที่จะนิ่งมองเจ้าหล่อนไม่ยอมละสายตา
“วันนี้เหมยสวยจัง”
“งั้นก็แสดงว่าทุกวันที่ผ่านมาไม่สวย” คนเป็นเจ้าสาวแกล้งบอก
“เปล่า... ทุกวันก็สวย แต่วันนี้สวยเป็นพิเศษ” เล้งบอกอย่างจริงใจ
คนเป็นเจ้าสาวอมยิ้มเขินเพราะรู้ว่าคนเป็นเจ้าบ่าวพูดตามความรู้สึกจริงๆ
เล้งจับมือเจ้าสาวของเค้าขึ้นมากุมไว้
“เฮียนึกไม่ถึงเลยว่าจะมีวันนี้ เฮียดีใจที่สุดที่ได้แต่งงานกับเหมย” คนเป็นเจ้าบ่าวบอกด้วยความยินดี
“เหมยก็ดีใจ”
“แต่เฮียไม่เข้าใจว่าทำไมเหมยต้องบอกว่าท้องกับเฮียด้วย”
“ก็ถ้าไม่บอกแบบนี้แล้วเตี่ยจะยอมเหรอ”
“แต่ถ้าอาเจ็ก เอ้ย เตี่ยเอาเหมยไปหาหมอตรวจก็รู้ว่ามันไม่จริงอยู่ดี”
เหมยได้ฟังยิ้มเขิน... เจ้าหล่อนกำลังคิดว่าจะบอกความลับของเจ้าหล่อนให้คนเป็นสามีที่เพิ่งแต่งงานกันฟังดีหรือไม่ ว่าทำไมเตี่ยของเธอถึงยอมให้แต่งกัน
คนเป็นเจ้าสาวตัดสินใจในที่สุด
“ไหนๆ เราก็แต่งงานกันแล้ว เหมยมีความลับจะบอกเฮีย”
“ความลับอะไร”
“แต่ถ้าเหมยบอกเฮียแล้ว เฮียห้ามเอาไปบอกเตี่ยนะ”
“ความลับอะไร”
“สัญญาก่อนซิแล้วจะบอก”
“เอ้า สัญญาก็สัญญา”
“สัญญาแล้วนะ ผิดสัญญาขอให้ขึ้ไหลจู๊ดๆ ไม่หยุด”
เล้งพยักหน้ารับ
เหมยอมยิ้มก่อนจะขยับเข้าไปกระซิบข้างหู
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น