ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ถูกหลอกเพราะความซื่อ
“โธ่เอ้ย... เรื่องแค่นี้เอง”
ชิว สะพานขาวบอกเมื่อได้ฟังเรื่องจากเล้ง
“ไม่ต้องกลัว เดี๋ยวอั๊วช่วยลื้อหาบ้านญาติให้เอง”
แว๊บเล้งยิ้มออกด้วยความดีใจ...
“แต่ไม่มีที่อยู่แล้วจะหาเจอได้ยังไง”
ชิว สะพานขาวอมยิ้ม
“ไม่ต้องมีที่อยู่หรอก แค่บอกว่าชื่อร้านอะไรก็พอ”
แล้วก็จริงอย่างชิวว่า... ไม่ถึงสองชั่วโมงเค้าก็ช่วยเล้งตามหาบ้านของอากู๋จงจนเจอ
“ลื้อก็อยู่ช่วยที่ร้านของอั๊วแล้วกัน”
อากู๋จงว่า
“แล้วอากู๋จะให้ผมทำอะไรล่ะครับ”
“ก็...” คนว่านึกอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนบอกต่อ “ทำอะไรได้ก็ทำ ร้านอั๊วเป็นร้านค้าส่ง ส่วนใหญ่ก็คงต้องส่งของให้ลูกค้าแถวใกล้ๆ นี่แหละ”
เล้งพยักหน้ารับคำ
เค้าได้ห้องพักเป็นห้องเก็บห้องเล็กๆ หลังร้าน
มีเตียงเล็กๆ สำหรับเอาไว้นอนพักที่ด้านหนึ่งของห้อง แค่นี้ก็พอให้เค้าได้ซุกหัวนอนแล้ว
เล้งเริ่มลงมาช่วยงานที่ร้านตั้งแต่วันแรกที่เค้ามาถึง
แม่เค้าสอนไว้ว่า “อยู่บ้านท่านอย่านั่งดูดาย”
งานที่ร้านของอากู๋จงไม่ได้หนักหนาอะไรมากหนัก หากเทียบกับทำไร่สัปปะรดที่ศรีราชา
แต่มันก็ทำให้เค้าเหงื่อท่วมตัวได้เหมือนกัน
ความที่มันมีแต่ตึกปลูกติดๆ กันเป็นแถวจึงแทบไม่มีช่องให้ลมผ่าน
อากาศจึงค่อนข้างร้อนเมื่อเทียบกับที่บ้านเค้า
เล้งจึงลุกขึ้นเพื่อไปอาบน้ำ มันจะได้คลายร้อนขึ้นมาบ้าง
ความที่ดึกแล้ว เล้งจึงถือวิสาสะนุ่งกางเกงขาสั้นที่เค้าเคยใส่ซ้อมมวยออกมาจากห้องพัก
ผ้าขาวม้าพาดไหล่เดินตัวปลิวเค้ามายังห้องน้ำที่อยู่ด้านในร้าน
แต่ขณะที่เค้ากำลังจะเดินถึงห้องน้ำ เสียงหนึ่งก็เรียกให้เค้าชะงัก
มันเป็นเสียงของอะไรบางอย่างล้มในความมืดของร้าน
สมองสั่งการว่า.. ขโมย
เล้งรีบปรี่เข้าในเงามืด เมื่อเห็นเงาตะคุ่มๆ กำลังปรี่มาทางเข้า และเมื่อมันผ่านเข้ามาใกล้เค้าก็คว้าแขนมันเอาไว้
“ว้าย”
เสียงมันร้องด้วยความตกใจ...
ผู้หญิง
แล้วไฟก็สว่างขึ้น... เล้งจึงเห็นว่าคนที่เค้าจับตัวไว้เป็นหญิงสาวหน้าตาดี
“อาหมวย”
ที่แท้เจ้าหล่อนก็คือลูกสาวคนโตของอากู๋จงนั่นเอง
เจ้าหล่อนแอบหนีเที่ยวแล้วแอบย่องกลับเข้ามา หากไม่มาเจอเค้าเข้าก่อนเจ้าหล่อนก็คงรอดเหมือนเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา
เจ้าหล่อนถึงอากู๋จงดุ และกักบริเวณไม่ให้ออกจากบ้านเป็นเวลาหนึ่งเดือน
มันทำให้เล้งไม่สบายใจที่ทำให้เจ้าหล่อนต้องถูกลงโทษเช่นนั้น
และยิ่งยามเมื่อสายตาของเจ้าหล่อนมองเค้าอย่างไม่พอใจ มันยิ่งทำให้เค้ารู้สึกไม่ดี
“อาหมวย”
เล้งเอยขึ้นเมื่อเห็นเจ้าหล่อนกำลังนั่งอ่านหนังสือยู่ตามลำพัง
หญิงสาวเหลือบมองด้วยหางตา
“มีอะไร”
“อั๊วจะมาขอโทษลื้อที่ทำให้ลื้อต้องถูกอากู๋ลงโทษ” เล้งบอกอย่างสำนึกผิด
“ขอโทษแล้วมันช่วยให้อั๊วไม่โดนลงโทษหรือไง”
หญิงสาวบอกเสียงแข็ง...อย่างไม่เป็นมิตร
เล้งหน้าเสียที่หญิงสาวไม่ยอมยกโทษให้
หากครู่หนึ่งเจ้าหล่อนกลับหันมามองสบตาเค้า แล้วบอกว่า
“แต่ถ้านายช่วยอะไรชั้น ชั้นอาจจะยกโทษให้นาย”
หญิงสาวบอกยิ้มๆ
และสิ่งที่เจ้าหล่อนขอก็คือ เล้งต้องช่วยให้เจ้าหล่อนแอบหนีออกไปเที่ยวตอนกลางคืนนั่นเอง
เล้งได้ยินจากชิวว่าแถวถนนราชดำเนินมีไนต์คลับ ที่พวกหนุ่มๆ สาวๆ ชอบไปเต้นรำ ชิวเคยชวนเค้าไปเปิดหูเปิดตาอยู่หลายครั้ง แต่เล้งปฏิเสธ...
เพราะเงินเดือนที่ได้ต้องส่งให้แม่กับน้องที่ศรีราชา เล้งจะเจียดเงินนิดหน่อยไว้ใช้สอยสำหรับตัวเองเท่าที่จำเป็น
§
เกือบสองเดือนแล้วที่เล้งมาอยู่กรุงเทพ
และความสัมพันธ์ของเค้ากับอาหมวยก็เริ่มดีขึ้นเป็นลำดับ
ระยะหลังเจ้าหล่อนมักจะมีขนมติดไม้ติดมือหลังเลิกเรียน
เล้งแอบดีใจ...ที่หญิงสาวมีน้ำใจ แต่เค้าก็เจียมตัวและหัวใจ เพราะรู้ดีว่าดอกฟ้าไม่อาจคู่กับหมาวัด
อาหมวยเรียนอยู่ม. 8 เจ้าหล่อนกำลังจะจบในปีการศึกษานี้ และอากู๋จงจะส่งเจ้าหล่อนเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และการเมือง เพื่อเรียนปริญญาตรีต่อ
เล้งฝันอยากมีโอกาสแบบนั้นมั่ง แต่มันเป็นแค่ความฝัน คงเป็นเรื่องยากสำหรับเค้า เล้งไม่เคยเรียนภาษาไทยเพราะพ่อที่เป็นเล่าซือสอนให้แต่ภาษาจีน เค้าแตกฉานทั้งอ่านออกและเขียนได้ในขั้นดีทีเดียว
แต่ถึงกระนั้นเค้าก็พยายามหัดอ่านภาษาไทยอยู่เนืองๆ
หากแต่ระยะหลังมานี่เล้งสังเกตเห็นเจ้าหล่อนดูซึมๆ ไปเหมือนมีอะไรในใจ แต่เล้งไม่กล้าถามเจ้าหล่อน
แล้วคืนหนึ่งขณะที่เค้ากำลังนอนอ่านหนังสือพิมพ์ภาษาไทยที่ขอมาจากร้านกาแฟข้างๆ เพื่อเอามาหัดอ่าน เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นหน้าห้อง
เล้งแปลกใจเมื่อเจออาหมวยยืนอยู่หน้าห้อง
เจ้าหล่อนมีสีหน้าอมทุกข์อย่างเห็นได้ชัด
“มีอะไรเหรออาหมวย”
เล้งถามขึ้นอย่างเป็นห่วง
“ขอชั้นเข้าไปหน่อยได้มั้ย” หญิงสาวบอก
เล้งรู้สึกอึดอัดในคำขอของหญิงสาว หากแต่สีหน้าอมทุกข์ของเจ้าหล่อนทำให้เล้งไม่อาจขัดใจได้
อาหมวยเดินเข้ามานั่งบนเตียงของเล้ง ก่อนจะเรียกให้เค้ามานั่งข้างๆ เจ้าหล่อน
เล้งทำตามเพราะไม่กล้าปฏิเสธ เค้ารู้สึกไม่ดีที่ทำเช่นนั้น
แต่อีกใจหนึ่งก็อยากจะใกล้ชิดหญิงสาวให้มากกว่านี้
“เป็นอะไรเหรอหมวย” เล้งถามขึ้นด้วยน้ำเสียงห่วงใย
“เตี่ยจะให้หมวยออกจากโรงเรียน” เจ้าหล่อนบอก
เล้งอึ้งด้วยความตกใจในคำพูดของหญิงสาว
“ทำไมล่ะ”
แทนคำตอบ... เจ้าหล่อนร้องไห้แล้วซบหน้าลงกับอกเค้า
เล้งตัวแข็งทื่อเพราะไม่เคยถูกเนื้อต้องตัวหญิงสาวมาก่อน
หัวใจของเค้าเต็นระรัว... พร้อมกับความรู้สึกหนึ่งพลุ่งพล่านเข้ามา
เค้ารู้สึกอยากสัมผัสหญิงสาวให้มากกว่านี้ แต่เค้าก็ต้องหักห้ามใจเอาไว้ หมวยเป็นลูกสาวของอากู๋จง เป็นผู้มีพระคุณ
เค้าจะกินบนเรือนขี้บนหลังคาได้ยังไง
“อย่าเพิ่งร้องนะหมวย บอกเฮียก่อนซิว่าทำไมอากู๋จะให้ลื้อออกจากโรงเรียน”
“หมวยไม่รู้จะบอกเฮียยังไง” เสียงบอกสะอื้น ก่อนคนบอกจะนิ่งไปครู่หนึ่ง “เตี่ยจะให้หมวยแต่งงาน”
ประโยคหลังยิ่งทำให้เล้งตกใจ
“แต่หมวยไม่อยากแต่ง หมวยรักเฮีย”
พร้อมกับว่าอาหมวยผวาเข้ากอดเค้าเอาไว้แน่น มันยิ่งทำให้เล้งตัวแข็งยิ่งกว่าเดิมเมื่อตกอยู่ในอ้อมกอดของหญิงสาว
“เราหนีไปด้วยกันนะ”
หญิงสาวบอกที่ข้างหูเล้ง
เล้งอึ้งมองหน้าอาหมวยอย่างไม่เชื่อหู
แต่ยังไม่ทันที่เค้าจะตอบเจ้าหล่อน ประตูก็ถูกเปิดออกโดยแรง
และคนที่เปิดมันก็คือ อากู๋จงที่หน้าแดงเป็นเจ้าพ่อกวนอูเพราะอาการโกรธจัด อากู๋จงไม่พูดพล่ำทำเพลงเอาไม้กวาดที่ถืออยู่ในมือไล่ตีเล้งเป็นการใหญ่
ปากก็พร่ำด่า “ไอ้ทรพี กินบนเรือนขี้รดบนหลังคา”
“อั๊วเปล่านะอากู่”
“ลื้อทำอาหมวยท้องแล้วยังไม่ยอมรับอึกเหรอ”
เล้งนิ่งอึงเหมือนต้องนะจังงัน
อาหมวยท้องเพราะเค้าได้ยังไง ก็ในเมื่อเค้ายังไม่เคยล้วงเกินอาหมวยเลยสักนิด
อย่าว่าแต่ลวงเกินเลย แม้นแต่ปลายนิ้วก้อยก็ยังไม่เคยแตะ
ยกเว้นเมื่อครู่นี้.. แต่เจ้าหล่อนเป็นฝ่ายกอดเค้าเอง
ความที่ไม่ทันได้ระวังตัว ด้ามไม้กวาดจึงฟาดลงที่แสกหน้าเล้งเข้าอย่างจัง
มันทำให้หัวของเล้งแตกเลือดไหลเป็นทางยาว
อากู๋ที่กำลังเกรี้ยวกราวเพราะความโกรธจึงชะงักมือ
“ผมเปล่านะอากู๋” นั่นเป็นครับแรกที่เล้งแก้ตัวกลับไป
“ลื้อพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง ลื้อจะไม่รับผิดชอบอั๊วกับลูกในท้องหรือไง”
อาหมวยพรวดสวนขึ้นมา
เล้งหันมองหน้าเจ้าหล่อนอย่างไม่เชื่อหู
และคำพูดของอาหมวยนั่นเองที่กระพือความโกรธกริ้วของอากู๋จงให้กลับคืนมาอีกครั้ง พร้อมกับไม้กวาดในมือที่เริ่มไล่ตีเล้งอีกครั้ง
คงไม่มีประโยชน์อะไรที่จะอธิบายในตอนนี้ เพราะอากู๋จงคงไม่ฟัง
เมื่อหมดทางเลือก เล้งจึงจำต้องออกจากบ้านอากู๋จงก่อนจะถูกตีตายซะก่อน
เล้งมีเพียงกางเกงขาสั้นที่สวมนอนกับเสื้อกล้ามที่เค้าใส่นอนอยู่เป็นประจำ
ท่ามกลางความมืดของรัตติกาล เล้งไม่รู้จะหันหน้าไปทางไหน
เรื่องนั้นยังไม่สำคัญ เอาไว้ค่อยคิดทีหลัง
แต่ตอนนี้เรื่องที่สำคัญกว่าคือ คืนนี้เค้าจะซุกหัวนอนที่ไหน
เล้งเดินเตร็ดเตร่จนทั่วสำเพ็ง ก่อนจะตัดสินใจเลือกนอนที่แผงขายของแผงหนึ่ง
อากาศในปลายเดือนตุลาซึ่งเป็นช่วงปลายฝนต้นหนาว ทำให้เล้งต้องขดตัวเพื่อบรรเทาความหนาว
เสื้อผ้าที่น้อยชิ้นบวกกับความเย็นของอากาศทำให้คางของเค้าสั่นจนฟันกระทบกัน
โชคยังดีที่แผงขายของยังช่วยบังลมที่จะมาปะทะร่างของเค้าให้ลดลงไปบ้าง
สิ่งที่เค้าทำได้คือพยายามข่มตาให้หลับจะได้ลืมเรื่องอากาศเย็นไป
แต่ถึงกระนั้นเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นก็รบกวนจิตใจเค้าอยู่ดี
เล้งเอาแต่เฝ้าคิดว่าทำไมอาหมวยถึงได้ใส่ความเค้าเช่นนั้น ทั้งๆที่เรื่องจริงมันไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลยสักนิด
แต่ยิ่งเล้งพยายามคิดหาคำตอบเท่าไร เค้าก็ยิ่งต้องพบกับความงงงวยมากขึ้นเท่านั้น
มันไม่มีเหตุผลใดที่อาหมวยต้องทำแบบนั้นยกเว้นเจ้าหล่อนต้องการ “แพะรับบาป”
และหากมันเป็นเช่นนั้นก็หมายความว่า เจ้าหล่อนกำลังตั้งท้องจริงๆ
ปัญหาคือ แล้วใครเป็นพ่อที่แท้จริงของเด็กในท้องล่ะ
เล้งเผลอตัวหลับไปเมื่อใกล้จะรุ่งสาง...
เค้ายังหลับไม่เต็มตาเมื่อใครคนหนึ่งมาสะกิดปลุกให้เค้าลุกขึ้น
“มานอนอาไรต้องนี้ว่ะอาตี๋ บ้านช่องมีไม่กลับไปนอน” คนบอกเป็นแปะแก่ๆ ที่เป็นเจ้าของแผงขายกาแฟที่เค้าอาศัยนอนอยู่นั่นเอง
“ไปๆ กลับไปนอนที่บ้านลื้อไป”
มันทำให้เล้งจำใจต้องลุกขึ้นทั้งที่ไม่อยาก
แต่เมื่อเจ้าของที่เค้ามาเปิดร้านเพื่อทำมาหากินแล้ว เค้าจะหน้าด้านอยู่ได้เช่นไร
เสียงยามเคาะเป็นสัญญาณว่าเพื่อจะตีห้า...
มีเพียงพวกร้านที่ขายอาหารที่กินกันตอนเช้าเท่านั้นที่ออกมาตั้งแผงขายของ
เมื่อไม่มีที่ไปเล้งจึงตัดสินใจเดินกลับไปที่ร้านอากู๋จงอีกครั้ง เพื่อจะขอเก็บข้าวของเมื่อร้านเปิด แต่เมื่อไปถึงเล้งกลับพบข้าวของของเค้าวางกองอยู่หน้าร้าน
เล้งเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าอย่างรู้ชะตากรรม
บัดนี้เค้ากลายเป็นคนไร้บ้านไปแล้ว... ไม่มีที่ซุกหัวนอน
และไม่มีเงิน เงินสิบบาทสุดท้ายที่เค้าเจียดเก็บไว้จากเงินเดือนซ่อนอยู่ในกระเป๋าเสื้อผ้าแต่เค้าหามันไม่เจอเมื่อค้นดูในกระเป๋า
นั่นทำให้เค้ากลายเป็นคนไร้เงินไปด้วยอีกอย่าง
โลกของเล้งเคว้งคว้าง... เค้าไม่รู้จะหันหน้าไปทางไหนดี
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น