ลำดับตอนที่ #17
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #17 : หนอนที่ซ่อนอยู่
1. หนอนที่ซ่อนอยู่
สารวัตรทวีกำลังกับการทำสำนวนคดีของเล้ง เพราะไม่อยากปล่อยโอกาสทองให้ปล่อยไป มันเป็นครั้งแรกที่หลักฐานผูกมัดถึงตัวมังกรอันตรายคนนี้
แต่ถึงกระนั้นมันก็ยังไม่แน่หนาพอจะเอาผิดได้ เพราะถึงแม้นจะจับของกลางได้ในสถานที่ๆ เป็นของเล้ง แต่ก็ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นของเล้งจริง และหากมันหาคนมารับผิดแทนทุกอย่างก็จะสูญเปล่า
คนเป็นสารวัตรเงยหน้าจากสำนวนที่กำลังอ่าน เมื่อวินัยพรวดพราดเข้ามาในห้อง
“ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะครับ”
“เรื่องอะไร”
“ก็เรื่องของนายเล้งไงครับ”
“คนค้ายาเสพติด ก็ต้องถูกจับ มันผิดตรงไหน”
“แต่นายเล้งไม่ได้ทำ สารวัตรก็รู้” คนว่ายืนยันอย่างมั่นใจ
คนเป็นสารวัตรมองหน้าคนเป็นสายอย่างไม่พอใจ
“แต่หลักฐานมันยืนยันว่านายเล้งเป็นคนทำ”
“ก็ผมรายงานสารวัตรแล้วว่า การขนยาครั้งนี้เป็นของเล่าต๋า”
“ลื้อพูดแบบนี้ หมายความว่ายังไง” คนเป็นสารวัตรชักเสียงเริ่มแข็ง
คนเป็นสายอึ้งไปนิด เพราะรู้ดีว่ายังไงก็ยศต่ำกว่า
“ผมก็พูดไปตามเนื้อผ้า” คนว่าประชดอยู่ในที
“ลื้อพูดแบบนี้ ก็หาว่าอั๊วใส่ความอย่างงั้นซิ” น้ำเสียงบอกชัดว่าไม่พอใจ
คนเป็นสายอึ้งไปนิด
“ผมไม่ได้พูดน๊ะ สารวัตรเป็นคนพูดเอง”
“ลื้อพูดแบบนี้ ก็แสดงว่ารู้จักนายเล้งดีซิ”
“สองปีที่ผมอยู่กับเค้ามา ผมไม่เห็นว่าเค้าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกจิผิดกฏหมายอะไรเลย ตรงกันข้าม กลับจะพยามยามหนีจากมันด้วยซ้ำ”
คนว่ารู้สึกเช่นนั้นจริงๆ
“ลื้อไม่ได้ตามมันติดตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงทุกวัน มันอาจจะแอบไปตอนไหนที่ลื๊อไม่รู้ก็ได้”
“ผมเชื่อสายตาตัวเอง ว่าผมมองคนไม่ผิด” คนเป็นสายยืนยัน
คนเป็นสารวัตรมองผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างเยาะๆ
“แล้วไอ้นายเล้ง มันรู้หรือเปล่าว่า ลื้อเป็นสายตำรวจที่แอบเข้าไปสืบเรื่องของมัน”
วินัยนิ่งคิดหนัก อันนี้แม้นแต่ตัวเค้าเองก็ยังไม่รู้เหมือนกัน แต่ที่ผ่านมาเค้าเองก็ไม่เคยแผลงพรายหรือทำอะไรให้เป็นที่ระแคะระคายในเรื่องนี้เลย
“ก็ต้องไม่รู้ซิครับ” คนเป็นสายบอก
“แน่ใจนะ”
วินัยย่นคิ้วเข้าหากันอย่างไม่แน่ใจเหมือนกัน
คนเป็นสารวัตรยิ้มเยาะที่มุมปาก ก่อนจะบอกว่า
“แต่อั๊วว่าถามเจ้าตัวให้แน่ใจเองเลยดีกว่า”
พร้อมกับว่าหันไปเปิดประตูห้องอีกห้องที่อยู่ข้างๆ และคนที่นั่งอยู่ในนั้นก็คือเล้งนั้นเอง
วินัยอึ้งมองด้วยความตกใจ เพราะไม่คิดว่าคนเป็นผู้บังคับบัญชาจะทำเช่นนี้
เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ก่อนตำรวจนายหนึ่งจะเดินเข้ามา
“ขออนุญาตครับ”
“มีอะไร” คนเป็นเจ้าของห้องถาม
“มีคนมาขอประกันตัวนายเล้ง”
“ก็บอกแล้วไงว่าไม่ให้ประกันตัว”
“แต่ว่า”
“แต่อะไร”
“ผมว่าสารวัตรออกไปดูเองดีกว่าครับ”
คนเป็นสารวัตรออกอาการแปลกใจกับคำพูดของลูกน้อง
และเมื่อออกมาจากห้องทำงาน ภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้าก็ทำให้คนเป็นสารวัตรถึงกับอึ้งมองอย่างไม่เชื่อสายตา
เพราะภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้าก็คือ สี่มหาเศรษฐีอันดับต้นๆ ของเมืองไทยที่ได้รับสมญาว่า “สี่เซียน” นั่นเองกำลังคุยอยู่กับผู้บังคับบัญชาของเค้านั้นเอง
เค้าเคยได้ยินเรื่องสายสัมพันธ์ของสี่เซียนกับเฮียเฮงที่ตายจากไป
แต่เค้านึกไม่ถึงว่าทั้งสี่จะยอมเสี่ยงกับชื่อเสียงเพราะเรื่องนี้
แน่นอนว่าเล้งได้รับการประกันตัวในที่สุด โดยมีสี่มหาเศรษฐีของเมืองไทยค้ำประกัน มันมีค่ายิ่งกว่าขนสมบัติทั้งหลายมากองเป็นองค์ประกันเสียอีก
“แผนการของเรา สงสัยค้งต้องยกเลิกไปก่อนแล้วคราวนี้”
คนเป็นสารวัตรบอกหลังจากต่อสายถึงหัวหน้าธงแดง
“ได้ยังไง ก็เราตกลงกันไว้แล้ว” เล่าต๋าบอกอย่างไม่พอใจ
“ก็ใช่ แต่ตอนนี้มันไม่เป็นไปตามแผน มีคนมาประกันตัวไอ้เล้งไปแล้ว”
“ใคร”
“ก็พวกสี่เซียน”
“แล้วคราวนี้จะทำยังไง ขืนปล่อยมันไปก็เท่ากับปล่อยเสือเข้าป่า ตีงูให้หลังหัก มันได้กลับมาแว้งกันเราแน่”
“ไม่เป็นไรน๊า ไม่ต้องห่วง แผนสองยังมี” คนเป็นสารวัตรบอกด้วยความมั่นใจ
เค้าทำอะไรมันรอบครอบเสมอ...
ขณะเดียวกันอีกด้านหนึ่งที่หน้าโรงพัก...
“กราบขอบพระคุณคุณอาทุกคนมาเลยนะครับที่กรุณามาช่วยประกันตัวผมในครั้งนี้”
เล้งบอกขณะเดินมาส่งพวกสี่เซียนขึ้นรถหลังเสร็จเรื่องการประกันตัว
“ไม่เป็นไร เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ เรากับเฮียเฮงพ่อตาเธอก็ชอบพอกันอยู่” เซียนหุ้นว่า
“ที่เรามาก็เพราะเชื่อว่าเธอไม่ผิด” เซียนข้าวบอก
“มีอะไรให้เราช่วยก็บอก” เซียนอิฐว่า
“ขอบคุณครับ...”
เล้งบอกพร้อมกับยกมือไหว้ทั้งสี่
“จัดการเรื่องนี้ให้รีบร้อย ลูกผู้ชายออกมาสร้างเนื้อสร้างตัว มันก็ต้องเจอคลื่นลมบ้าง อย่าเพิ่งท้อซะล่ะ”
เซียนข้าวบอก
เล้งยิ้มรับในคำสั่งสองนั้น ก่อนจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
“แล้วภรรยาผมละครับ ไม่ได้มากับพวกคุณอาด้วยเหรอครับ”
ทั้งสี่มองหน้ากันอย่างแปลกใจ
“ไม่นี่ อาหนูพิมไม่ได้ไปหาพวกเรา” เซียนอิฐว่า “พวกเรามากันเอง พอรู้เรื่องก็เรียนถามไปทางท่านอธิบดี ท่านก็บอกว่า ประกันแบบธรรมดาไม่ได้เพราะเป็นคดีใหญ่ ต้องให้พวกเรามาเป็นคนค้ำ พวกเราก็เลยมากัน”
คำตอบของสี่เซียนทำให้เล้งอึ้งไปชั่วขณะ
ลางสังหรณ์บอกเค้าว่าเรื่องร้ายต้องเกิดขึ้นกับพิมพาแน่
“ผมขอคุยอะไรด้วยหน่อยได้มั้ย”
เสียงที่ดังขึ้นทำให้เล้งหันกลับไปมอง เพราะเจ้าของเสียงคือวินัย มือขวาที่ของเค้านั่นเอง
“เรามีอะไรต้องคุยกันอีกล่ะคุณตำรวจ จะให้เรียกว่าหมวดหรือสารวัตรดี”
น้ำเสียงของเล้งประชดอยู่ในที
“มีอะไรก็ว่ามา”
“ผมอยากจะบอกว่า ขอบคุณในความกรุณาของเฮียที่ผ่านมา ที่เลี้ยงดูผมเป็นอย่างดี”
“ผมคงไม่อาจเอื้อมไปเลี้ยงดูหมวดหรอกมั้ง”
“ที่ผมทำไปทั้งหมดก็เป็นการทำตามหน้าที่ หากเฮียไม่ได้ทำอะไรผิดก็ไม่ต้องกลัว กฎหมายพร้อมให้ความยุติธรรมเสมอ”
“ถ้ากฏหมายยุติธรรมจริง ทำไมผมถึงถูกจับทั้งๆที่ไม่ได้ทำอย่างที่ถูกกล่าวหาเลยสักนิด คุณก็รู้”
วินัยอึ้งไป มันเป็นคำถามที่เค้าเองก็ตอบไม่ถูกเหมือนกัน
เค้าเองก็รู้อยู่เต็มอกว่า ไม่ใช่ฝีมือเล้ง แต่หลักฐานมันบ่งชี้เช่นนั้น
ทั้งสองหันมองเมื่อชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่งเข้ามา เล็งจำได้ว่าพวกนั้นเป็นลูกน้องของเล่าต๋า
“เฮียเล่าต๋าให้เอาจดหมายมาให้เฮีย” คนเป็นหัวหน้ากลุ่มบอกพร้อมกับยื่นจดหมายในมือให้เล้ง
เล้งรีบมาเปิดอ่าน
“ครอบครัวลื้ออยู่ในมืออั๊ว ถ้าไม่อยากให้พวกอีเป็นอะไร มาพบอั๊วที่โกดังสินค้า”
เล้งขยำกระดาษทิ้งอย่างไม่พอใจ มันเหมือนที่เค้าคิดไว้ไม่มีผิด
ถูกบังคับให้สละตำแหน่ง
พิมพารู้สึกตัวอีกครั้งก็พบว่าตัวเองถูกมัดติดอยู่กับเสาภายในโกดังแห่งหนึ่ง
ความทรงจำสุดท้ายเจ้าหล่อนก็คือ เจ้าหล่อนกำลังเดินทางไปเพื่อขอร้องสี่เซียนให้ช่วยเล้ง แต่รถเจ้าหล่อนถูกรถคันหนึ่งขับปาดหน้า แล้วชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่งก็บุกเข้ามาจับตัวเจ้าหล่อนขึ้นรถตู้ เจ้าหล่อนพยายามขัดขืนก่อนจะหมดสติไปเพราะยาสลบที่พวกมันวางเจ้าหล่อน
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นฝีมือใคร
แต่มันไม่ได้ทำให้เจ้าหล่อนเป็นห่วงตัวเองเลยสักนิด ตรงกันข้ามเจ้าหล่อนกับเป็นห่วงสามีที่กำลังถูกจำกัดอิสรภาพมากกว่า เพราะหากเค้าเป็นอะไรไป เจ้าหล่อนก็ไม่รู้จะอยู่ต่อไปยังไงเช่นกัน
หญิงสาวหันมองเพื่อประตูโกดังเปิดออก
เจ้าหล่อนจำได้ในทันทีว่าไอ้คนที่เดินนำหน้าลูกน้องของมันเข้ามาคือคนที่จับเจ้าหล่อนมานั่นเอง
มันคือว่าน มือขวาของเล่าต๋านั่นเอง
“ไอ้ว่าน มึงจับกูมาทำไม ปล่อยกูเดี๋ยวนี้นะ”
“ว๊ะอีนี่... ปากดีจริง ด่ามาเป้นชั่วโมงแล้วไม่เหนื่อยบ้างหรือไง”
“พวกมึงก็ปล่อยกูก่อนซิ”
“ปล่อยนะปล่อยแน่ ไว้รอผัวมึงมาก่อนจะได้ปล่อยส่งขึ้นสวรรค์ไปซะพร้อมๆกัน ทีเดียวเลย”
“ฝันไปเถอะ มีเหรอคนอย่างเฮียเล้งจะเสียท่าพวกมึง”
พร้อมกับว่าพิมพาถุยน้ำลายใส่หน้าเจ้ามือขวาเล่าต๋าที่อยู่ตรงหน้า
มันยกมือขึ้นเช็ดหน้าอย่างไม่พอใจ
มือใหญ่ของมันตบฉาดเข้าที่หน้าของพิมพา เลือดสีแดงไหลกลบปากเจ้าหล่อน แต่มันไม่ได้สยบความเลือดร้อนในตัวหญิงสาวลงไปได้
“แน่จริง มึงก็ฆ่ากูให้ตายเลยซิ” หญิงสาวแผดเสียงใส่อย่างไม่กลัว
“อีนี่ปากดีนักมึง”
พร้อมกับว่า ว่านเงื้อมือขึ้นหมายจะตบอีกครั้ง แต่กลับถูกมือหนึ่งรั้งเอาไว้
ชิวนั่นเองที่เป็นคนห้ามเอาไว้
พิมพามองอย่างไม่เข้าใจว่าชิวทำเพื่ออะไร ก็มันทรยศไปแล้วนี่
“พอเถอะเฮีย ผมขอ” ชิวบอก
“ได้... ขอใช่มั้ย เดี๋ยวจัดให้”
ขาดคำ... ว่าวก็หันมายกเท้าถีบยันชิวหน้าหงายออกมา
“พอใจหรือยัง”
ชิวที่ก้มจ้ำเบ้าลงกับพื้นยันตัวลุกขึ้น ไม่ตอบคำ
ว่านมองชิวอย่างเยาะๆ มันเคยนึกว่าคนที่ล้มหลีหลงได้ น่าจะมีดีกว่านี้ แต่ผิดถนัด ชัวมันก็แค่ขุนพลอยพยัก ไม่มีน้ำยาอะไร
ว่านหันไปหาพิมพาต่อ มันจิกผมพิมพาดึงหน้าเจ้าหล่อนขึ้นมาสบตา
“มีกี้ปากดีนักใช่มั้ยมึง”
พิมพาถือโอกาสที่มันกลับเผลอถ่มน้ำลายใส่มันอีกครั้ง คราวนี้เข้าปากที่กำลังพูดของมันอย่างบังเอิญ
มันโกรธยิ่งกว่าเก่า
มือใหญ่ของมันตบเข้าที่หน้าเจ้าหล่อนอีกครั้งฉาดใหญ่
หญิงสาวมีอาการมึนไปชั่วขณะ มันเหมือนกับถูกมัดตรงก็ไม่ปาน
“เฮ้ยพอ... เดี๋ยวก็ตายห่ากันพอดี”
เสียงหนึ่งดังห้ามมา เจ้าของเสียงคือเล่าต๋าที่เพิ่งมาถึงนั้นเอง
“ก็มันอยากปากดี ก็ต้องสั่งสอนมันซะบ้าง”
“ให้เสร็จเรื่องเสร็จราวก่อนซิว่ะ แล้วจะทำยังไงก็ตามใจเอ็ง”
ว่านมองอย่างขัดใจ แต่เมื่อเป็นคำสั่งลูกพี่ มันก็ต้องทำตาม
“เฮียครับ เฮียเล้งมาถึงแล้ว”
ลูกน้องที่เฝ้าอยู่ด้านหน้าก็วิ่งเข้ามารายงาน เล่าต๋ายิ้มพรายที่มุมปากเมื่อได้ยิน
เล้งที่ยืนรออยู่หน้าโรงงานมองเล่าต๋าว่านที่เดินออกมาจากโกดังตาเขม็ง
มันสองตัวนี่แหละต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด เค้าอยากฉีกเนื้อมันออกเป็นชิ้นๆ
“หนังเหนียวจริงๆ มึง ถูกยัดยาแล้วยังอุตส่าห์รอดมาได้”
เล่าต๋าบอกรอดไรฟันเมื่อเห็นหน้าเล้ง
“เมียอั๊วอยู่ไหน”
“รักกันจริงนะผัวเมียคู่นี้ น่าอิจฉาจังโว้ย”
“อั๊วถามว่าเมียอั๊วอยู่ไหน” เล้งย้ำเสียงเข้มมาอีกครั้ง
เล่าต๋าหันไปพยักหน้ากับลูกน้องเป็นเชิงสั่งการ
ลูกน้องสองคนที่คอยท่าอยู่จึงเปิดประตูโกดังออกเผยให้เห็นพิมพาที่ถูกมัดอยู่กับเสาด้านใน โดยมีชิวยืนเฝ้าอยู่ข้างๆ
ชิวก้มไม่ยอมสบตาเล้งที่จ้องมา
พิมพายิ้มให้สามีทั้งที่เลือดกลบปาก
“จะเอายังไง” เล้งหันกลับไปถามเล่าต๋า
“ก็ไม่เอาอะไรมาก แค่จะเอาของที่ควรเป็นของอั๊วคืน”
เล่าต๋าบอกอย่างเยาะๆ อยู่ในที
“อะไรนะ...อาเล้ง ลื้อพูดใหม่อีกทีซิ” อาเทียนหนึ่งใสสามอาวุโสทวนคำอย่างไม่เชื่อหู
“ผมจะสละตำแห่งประธานไตรภาคี”
เล้งบอกเสียงเรียบ
สามอาวุโสหันมองหน้ากันอย่างไม่อยากเชื่อ
เล่าต๋ามองอย่างพอใจที่เห็นสามแก่ออกอาการเต้น
เค้าเกลียดขี้หน้าไอ้แก่สามตัวนี่มานานแล้ว ชอบขัดแข้งขัดขาอยู่เรื่อย เอาไว้ได้ครองไตรภาคีเมื่อไร จะจัดการพวกมันให้เรียบ
“ทำไมล่ะ ลื้อมีเหตุผลอะไร” อาตงอีกหนึ่งในสามอาวุโสถามขึ้น
“เหตุผลส่วนตัวครับ”
“ลื้อมีเหตุผลอะไรก็พูดมาซิ” อาตงถามย้ำมา
“ก็เค้าไม่อยากเป็น ก็ปล่อยเค้าไปซิ จะไปตื้อเค้าอยู่ทำไม”
“อั๊วไม่ได้พูดกับลื้อ” อาตงเสียงเขียวใส่ “ลื้อมีสิทธิ์อะไรมาพูดเสียงดังในนี้”
“ก็สิทธิ์ในฐานะประธานคนใหม่ไง ตอนนี้ทั้งสามธงอยู่ในมืออั๊ว อั๊วก็อยากรู้เหมือนกันว่าใครหน้าไหนที่จะมาขวางอั๊วได้”
พิมพาที่กำลังเคลิ้มหลับสะดุ้งตื่นเมื่อใบหน้าหนึ่งยื่นเข้ามาใกล้
เมื่อลืมตามมองก็เห็นว่าเป็นสมุนมือขวาของเล่าต๋านั่นเอง
พิมพาสะดุ้งด้วยความตกใจ
“ทำอะไร”
“ก็จะทำแบบผัวเมียเค้าทำกันไงจ๊ะคนสวย” พร้อมกับว่ามันเอามือหยาบของมันลูกไล้ใบหน้าของหญิงสาว
“ลองเป็นเมียไอ้ว่านสักวัน แล้วจะติดใจ”
ขาดคำ... มันก็ตรงเข้าปลุกปล้ำหญิงสาว
พิมพาพยายามขัดขืนอย่างสุดแรง แต่ยิ่งดิ้นก็เหมือนยิ่งยั่วให้มันอยากมากขึ้น
มันลุกไซ้ใบหน้าของมันไปทั่วใบหน้าของหญิงสาว ในความรู้สึกของเจ้าหล่อนเวลานี้รู้สึกขะยักแขยงอย่างที่สุด
มันน่าขะยักแขยงยิ่งกว่าตัวไส้เดือนกิ้งกือ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งยามเมื่อมือหยาบของมันจับต้องหน้าอกของเจ้าหล่อน
พิมพาสะดุ้งด้วยความตกใจเมื่อมือหยาบของมันกระชากเสื้อเจ้าหล่อนเผยให้เห็นเนินอกขาว
มันจ้องเนินอกขาวของเจ้าหล่อนตาเป็นมัน
ในวินาทีนั้น.. พิมพาตระหนักว่าเจ้าหล่อนคงไม่อาจพ้นเงื้อมือมัน
มันตรงเข้าหาหน้าของมันซุกไซ้ที่เนินอกขาวของเจ้าหล่อนอีกครั้ง
เจ้าหล่อนอยากฆ่ามันให้ตายคามือ
แล้วจู่ๆ เหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิดก็เกิดขึ้น อยู่ว่านก็ถูกผลักระเด็นออกไปจากเจ้าหล่อนอย่างแรง
เมื่อหันมองก็เห็นว่าคนที่ผลักว่านกระเด็นออกไปคือ ชิวนั่นเอง
“มึงผลักกูทำไมไอ้ชิว” ว่านหันมาตวาดเสียงเขียวใส่
“ก็จะบอกว่า หมดเวลาของมึงแล้วไง
พร้อมกับว่าชิวตวัดปืนพกขึ้นมายิงเข้าที่ท้องน้อยของว่าน ก่อนจะตามอีกสองนัดที่หน้าอกข้างซ้าย
ว่านสะดุ้งตกใจเพราะคิดไม่ถึงว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้น
เลือดสีแดงใส่ทะลักออกมาจากปากบาดแผลทั้งสามแห่ง มันทำให้ว่านทรุดลงกับพื้น
พิมพามองภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้าอย่างงงๆ
ชิวรีบตรงเข้าแก้มัดพิมพา
“นี่มันอะไรกัน” พิมพาถามขึ้นอย่างแปลกใจ
“เดี๋ยวค่อยอธิบายที่หลังตอนนี้ เราไปช่วยอาเล้งกันก่อนดีกว่า”
ประโยคหลังของชิว ทำให้พิมพายิ่งงงกว่าเก่า
พิมพารู้สึกแปลกใจที่รู้ว่าทั้งหมดเป็นแผนการของเล้งวางแผนขึ้น
“อะไรนะ... ทั้งหมดเป็นแผนของเฮียเล้ง”
“ครับ... อาเล้งอีบอกว่าขึ้นมาจากโคลนแล้ว ไม่อยากลงไปอยู่ในโคลนอีก”
ชิวบอกตามคำเพื่อนตายที่จำได้
“ยังไง พิมไม่เข้าใจ”
“อาเล้งอีอยากกำจัดเล่าต๋าตั้งแต่แรกแล้ว แต่อีรู้ว่าอีถูกตำรวจส่งสายเข้ามาประกบแล้วตั้งแต่แรก อีก็เลยไม่กล้าทำอะไรกระโตกกระตาก กลัวคุณหนูจะพลอยติดร่างแห่ไปด้วย”
“ใครเป็นหนอน”
“อาวินัย”
พิมพาอึ้งไปอย่างไม่เชื่อหู
“อาเล้งก็เลยทำอะไรไม่ค่อยถนัด ก็เลยรอดูท่าทีพวกมันไปก่อน แต่พวกมันชิงลงมือเสียก่อน อาเล้งก็เลยซ้อนแผนพวกมันอีกที”
“บ้าฉิบเป้งเลย แล้วทำไม ไม่มีใครบอกให้พิมรู้เรื่องบางเลย” พิมพาเสียงเขียวใส่
“อาเล้งอีบอกว่า ถ้าบอกให้คุณพิมรู้ มันจะไม่สมจริง”
“ไอ้ผัวบ้า เกิดเป็นอะไรตายขึ้นมาจะทำยังไง พิมมิต้องเป็นม่ายเหรอ”
พิมพาโวยขึ้นเสียงหลง หากแต่ก็พอใจอยู่ในที
เพราะถ้าเล้งไม่เป็นเล้งอย่างที่เป็นทุกวันนี้ เจ้าหล่อนมีเหรอจะชายตาแล
เล่าต๋าซึ่งบัดนี้อยู่ในชุดฉีกำลังส่องกระจกสำรวจความเรีนบร้อยของตัวเอง เพื่อเตรียมรับตำแหน่งประธานคนใหม่แห่งไตรภาคี
มันกลายเป็นธรรมเนียมไปแล้วสำหรับไตรภาคี ที่ผู้เป็นประธานจะต้องสวมชุดฉีขึ้นรับตำแหน่ง
ในที่สุดก็สมหวัง เค้าอยากครองตำแหน่งนี้มานานแล้วตั้งแต่สมัยไอ้สองเฒ่ายังอยู่
เล้าต๋าหันมองสบตาเล้งจากเงาสะท้อนในกระจก
เล้งยามนี้ก็อยู่ในชุดฉีเช่นกัน เค้าต้องเป็นผู้ทำพิธีมอบตำแหน่งประธานสมาคมให้เล่าต๋า
“ในที่สุดไตรภาคีที่พ่อเลี้ยงกับพ่อตาลื้อสร้างขึ้นมาก็ตกอยู่ในมืออั๊วจนได้” เล่าต๋าบอกอย่างสะใจ
“ลื้อแน่ใจได้ยังไงว่า ที่ลื้อคิดไว้มันจะเป็นจริงไปทุกอย่าง” เล่าว่าเสียงเรียบ
เล่าต๋าหันมองอย่างไม่แน่ใจ
“ลื้อพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง”
“ก็หมายความอย่างที่พูดไง”
ขาดคำ... สารวัตรทวีก็พรวดเข้ามาให้ห้อง พร้อมกับชักปืนเล็งใส่เล่าต๋า ลูกน้องที่อยู่ด้วยกับเล้าต๋าชักปืนเล็งตอบสารวัตรทวี
“เฮ้ยอะไรกันว่ะ”
“ไอ้เล่าต่า.. นี่มึงกล้าทรยศกูเหรอ”
“ลื้อพูดบ้าอะไรของลื้อว่ะ อั๊วจะบ้าไปทำแบบนั้นทำไม”
“แล้วไอ้บัญชีรับส่วยของอั๊วมันจะไปอยู่ที่ ปปป. ได้ไง”
และขณะที่เล่าต๋ายังงงกับคำพูดของสารวัตรทวี เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากด้านนอก
มันเป็นเสียงที่ดังจากโทรโข่งของใครคนหนึ่ง
“คนข้างในฟังให้ดี ขณะนี้ตำรวจได้ล้อมไว้หมดแล้ว ยอมมอบตัวซะดีๆ”
เจ้าของเสียงคือหมวดวินัย เค้าอยู่ในชุดตำรวจเต็มยศกับเจ้าหน้าที่ตำรวจกลุ่มใหญ่ที่กระจายกำลังล้อมอยู่โดยรอบสมาคม
“นี่มึงพาตำรวจมาจับกูเหรอ” เล่าต๋าตวาดเสียงเขียวใส่สารวัตรทวี
“เปล่าโว้ย มันตามกูมาเอง”
“แล้วคราวนี้จะทำยังไง” เล่าต๋าถามอย่างร้อนใจ
“ตีฝ่าวงล้อมออกไป หรือจะอยู่ให้มันจับในนี้ก็ตามใจ”
คนเป็นสารวัตรบอก
เพราะถ้าถูกจับมีหวังติดคุกหัวโต ไม่รู้จะได้ออกมาอีกหรือเปล่า
บรรดาลูกสมุนของเล่าต๋าพากันหลบเข้าประจำที่ตามช่องหน้าต่างประตูตามจุดต่างๆ เพื่อเตรียมรับมือกับตำรวจที่จะบุกเข้ามาหลังได้รีบคำสั่งให้สู้ตายจากคนเป็นหัวหน้า
นั่นหมายความว่าการเจรจาให้ยอมจำนนไม่เป็นผล
“เอายังไงดีครับท่าน”
หมวดวินัยหันไปถามคนเป็นผู้กำกับที่ยืนคอยสั่งการอยู่ข้างๆ
“ล้อมมันเอาไว้ อย่าให้หนีรอดไปได้”
“ครับ...”
คนเป็นหมวดรับคำ ก่อนจะหันไปโบกมือออกคำสั่งกับตำรวจอีกเกือบยี่สิบนายที่เตรียมพร้อมอยู่ให้กระจายกำลังเสริมล้อมเอาไว้
“อย่ายิงจนกว่าผมจะสั่ง” คนเป็นผู้กำกับกำชับมาอีกครั้ง
ขณะเดียวกันด้านในศาลา เล้งถูกกระชากให้เดินตามมายังที่กำบัง ซึ่งเป็นหลังหน้าต่างบานหนึ่งโดยสารวัตร
“มอบตัวซะเถอะ สารวัตร ตำรวจล้อมไว้หมดแล้ว โทษหนักจะได้เป็นเบา”
เล้งพยายามเกลี่ยกล่อม
“ไม่มอบโว้ย แน่จริงก็เข้ามาจับซิว่ะ จะได้รู้ว่าใครแน่กว่าใคร”
“แต่อั๊วว่า เข้าไปแก่ตายในคุกดีกว่า อย่างน้อยก็ได้มีโอกาสสำนึกผิดบ้าง”
สารวัตรหันไปหาเล้งอย่างไม่พอใจ
“ลื้อพล่ามอะไรของลื้อว่ะ”
โดยไม่ทันระวัง สารวัตรที่กับหันมองตำรวจที่ล้อมอยู่ด้านนอก ก็ถูกเล้งเล่นงานเข้าที่ท้องน้อย ก่อนจะแย่งปืนแล้วจับเค้าเอาเป็นตัวประกัน
พวกเล่าต๋าที่หันมาเห็นอึ้งมองด้วยความตกใจ ก่อนจะพากันยกปืนเล็งใส่เล้ง
แต่มันก็สายไปเสียแล้ว เพราะบัดนี้เล้งหลบอยู่หลังสารวัตรซึ่งถูกล๊อคไว้เป็นตัวประกันเรียบร้อยแล้ว
“เฮ้ย... อย่าทำอะไรบ้าๆ นะโว้ย”
คนเป็นสารวัตรร้องเสียงหลงเพราะตระหนักว่าชีวิตตนตกอยู่ในเงื้อมมือมัจจุราช
“ถอยไป” เล้งออกคำสั่งกับลูกน้องเล่าต๋า
โดยไม่มีปี่มึขลุ่ยกระสุนนัดหนึ่งก็ระเบิดดังขึ้นจากเล่าต๋า
กระสุนพุ่งเข้าหาร่างของสารวัตรก่อนจะทะลุผ่านเข้าปะทะชายโครงของเล้ง
เล้งจำต้องรีบผละตัวเองออกจากร่างของสารวัตรหาที่กำบังใหม่
เลือดสีแดงไหลออกมาเป็นทาง แม้นมันจะถูกลดอานุภาพด้วยร่างของสารวัตร แต่มันก็ทำให้เล้งได้รับบาดเจ็บเป็นแผลฉกรรจ์
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น