ลำดับตอนที่ #14
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : ว่าที่ประธานคนใหม่
1. ว่าที่ประธานคนใหม่
งานศพของโกเล็กและเฮียเฮงสองในสามผู้นำไตรภาคี กลุ่มอังยี่ที่ได้ชื่อว่ามีอิทธิพลที่สุดถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ มีแขกคนสำคัญทั้งทางบ้านเมือง ทางเศรษฐกิจ และกลุ่มผู้มีอิธทธิพลต่าง ไปร่วมงานอย่างมากมาย
เล้งกับพิมพาในชุดไว้ทุกข์ผ้ากระสอบแบบจีนนั่งคุกอยู่ข้างๆ เพื่อต้อนรับแขก
พิมพาที่กำลังเผากระดาษเงินกระดาษทอง ร้องไห้เสียใจที่พ่อมาตายจากไป
ห่างออกมาเป็นวินัยมือข้างใหม่ของเล้งที่เป็นทั้งองค์รักษ์ส่วนตัว และลูกน้องคนสนิท ข้างๆ เป็นชิว เพื่อนสนิทที่เป็นยิ่งกว่าพี่น้องของเล้ง
โฆษกประกาศขึ้นเสียงดังเมื่อมีแขกเข้ามา
และชื่อของคนเป็นแขกนั่นเองที่ทำให้คนทั้งงานหันมาจ้องเป็นตาเดียวกัน
ผู้เข้ามาคือ “เล่าต๋า” กับลูกสมุนอีกฝูงใหญ่
พิมพาหันมองอย่างไม่พอใจ ท่าทางเจ้าหล่อนฮึดฮัดจะเอาเรื่องให้ถึงตาย แต่เล้งหันมาขยิบตาห้ามไว้
พิมพาจึงต้องจำใจสงบท่าทีฮึดฮัดของเจ้าหล่อนลง
เหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะ เล่าต๋าคือคนที่เจ้าหล่อนคิดว่าอยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมด
เพราะคนที่จะก้าวขึ้นมาแทน พ่อของเธอกับโกเล็ก ก็คือมัน
หากแต่สิ่งที่เธอขาดคือหลักฐานที่โยงมาถึงมัน
เล่าต๋าเดินนำหน้ามาหยุดยืดอยู่หน้ารูปเพื่อเคารพศพ
“แขกเคารพศพ”
เล่าต๋าและพวกโค้งศรีษะเครารพศพที่นอนนิ่งอยู่หลังฉากกั้น
“เจ้าภาพขอบคุณ”
เล้งขยิบตาให้พิมพาโค้งศรีษะขอบคุณตอบเล่าต๋าตามธรรมเนียม
พิมพาทำตามอย่างเสียมิได้
“หักห้ามใจเถอะนะ คนตายไม่อาจฟื้นคืน”
เล่าต๋าบอกด้วยน้ำเสียงเยาะๆ มากกว่าจะแสดงความเสียงใจ
มันยิ่งยั่วให้พิมพาเข็ดเขี้ยวอยากเล่นงานเล่าต๋าให้มันรู้แล้วรู้รอดไป แต่เล้งกลับบีบมือห้ามไว้
เจ้าหล่อนจึงได้แต่ข่มใจตัวเอง เพราะเกรงใจสามี
ในคืนนั้นเองหลังการสวดอภิธรรม ไตรภาคีก็มีการเรียกประชุม
เหล่าผู้อาวุโสและแกนนำระดับบิ๊กเข้าประชุมกันโดยพร้อมหน้า
“ที่ต้องให้ทุกคนมาประชุมวันนี้ก็เพราะเรื่องตำแหน่งประธานสมาคมคนใหม่นั้นเอง”
ตงหนึ่งในสามอาวุโสเอยขึ้นเมื่อทุกคนมาพร้อมหน้า
“อั๊วรู้ว่ามันอาจจะเร็วไปสักหน่อย เพราะเฮียเล็ก กับเฮียเฮงเพิ่งจะเสีย ศพก็ยังไม่ทันฝัง - แต่สมาคมไม่อาจขาดผู้นำ อั๊วจึงจำเป็นต้องเรียกทุกคนมา ขอให้แต่ละสายธงส่งคนออกมาเป็นตัวแทนเพื่อคัดเลือกประธานคนใหม่
“ก็ไม่เห็นต้องเลือกเลย ก็ให้เฮียเล่าต๋าขึ้นเป็นประธานคนใหม่ก็หมดเรื่อง จะต้องเลือกทำไมให้เสียเวลา”
ว่านหนึ่งในสมาชิกระดับแถวหน้าสายธงแดงเสนอขึ้น
เล่าต๋าผู้เป็นลูกพี่ยิ้มพรายอย่างพอใจ
“แต่ตามกฎต้องเลือกก็ต้องเลือก” หลีอีกหนึ่งในสามอาวุโสบอก
“ทำไมต้องเลือกให้วุ่นวายด้วยอาหลี เสียเวลาเปล่าๆ ให้พี่เล่าต๋าเป็นๆ ไปก็หมดเรื่อง”
ว่านยังคงทำหน้าทีเสนอลูกพี่ตน
“ก็ถ้าให้มันเป็นก็จะมีแต่เรื่องนะซิ...” เทียนบอกออกมาอย่างไม่พอใจ
“ลื้อพูดแบบนี้หมายความว่ายังไงว่ะอาเทียน”
ว่านออกอาการไม่พอใจแทนลูกพี่
“ก็หมายความอย่างที่พูดไง” เทียนบอกอย่างไม่กลัว
“พอๆ เลิกเถียงกัน” ตงรีบออกโรงห้ามก่อนที่เรื่องจะไปกันใหญ่
ทั้งสองฝ่ายยังคงมองเขม่นกัน แน่หล่ะ ก็มันอยู่คนละขั๊วกันนี่
“ในเมื่อมีกฎ ก็ทำตามกฎไปก็แล้วกัน”
เล่าต๋าที่อดทนฟังอยู่นานเอยขึ้นในที่สุด
“งั้นก็ให้แต่ละสายธงเสนอชื่อตัวแทนออกมา” ตงกล่าวสรุป
“ธงแดงเสนอเฮียเล่าต๋า” ว่านว่า
“ธงเหลืองเสนออาเล้ง”
เล้งสะดุ้งเมื่อถูกเอยชื่อ เค้าไม่อยากให้เป็นเช่นนั้นเลย
การถูกเสนอชื่อทำให้สิ่งที่เค้าพยายามถอยห่างจากไตรภาคีมาโดยตลอด เปล่าประโยชน์
เล้งหันมองสบตาเล่าต๋าที่กำลังจ้องเค้าตาเขม็งก่อนเอยขึ้น
“ไม่ดีมั้งอาเทียน... ผมไม่ได้อยู่ในสมาคมแล้ว”
“ไม่อยู่ ก็เหมือนอยู่แหละ...อาเล้ง ลื้อเป็นลูกบุญธรรมเฮียเล็ก และเป็นลูกเขยเฮียเฮง ยังไงก็เป็นคนของสมาคมอยู่ดี”
เทียนสรุป
“แต่...” เล้งพยายามจะค้าน
“ไม่ต้องพูดมาก ลื้อนั่นแหละเหมาะสมที่สุดแล้วอาเล้ง” คนว่าจงใจยั่วเล่าต๋า “อั๊วเสนอลื้อขึ้นเป็นประธานสมาคม หรือว่าลื้อจะคัดใจอาเจ๊กลื้อคนนี้”
“ธงขาวเสนอเล้งเหมือนกัน”
พิมพาเอยขึ้นในที่สุด
เล้าต๋าหันมองหน้าหญิงสาว เจ้าหล่อนจ้องตาตอบอย่างไม่กลัว
“ไม่เอาน่าพิม”
“ธงขาวเสนอเฮีย ทุกคนเห็นด้วยมั้ย” พิมพาไม่สนใจเล้งที่พยายามปราม เจ้าหล่นอหันไปถามพรรคพวกที่เหลือ
พวกธงเหลือง และธงขาวร้องเชียร์เล้งขึ้นเสียงดัง
พิมพายิ้มพอใจที่ได้รับเสียงสบับสนุนท่วมท้น
แน่นอนว่า เล่าต๋าต้องไม่พอใจ
เล้งรู้สึกหนักใจ เค้าเห็นเค้ามรสุมลูกใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้นในไตรภาคี
“ในเมื่อมีผู้ถูกเสนอชื่อแล้วเราก็มาลงมติกันเลยก็แล้วกัน” ตงกล่าว
“ผมว่าอย่าเพิ่งเลยดีกว่าอาตง” เล้งขัดขึ้นอีก
“ต้องรออะไรอีกล่ะอาเล้ง เลือกๆ ให้มันสิ้นเรื่องสิ้นราวกันไปซะเลยดีกว่า” เทียนบอกมาอย่างไม่พอใจ
“ศพเตี่ยกับป๊ายังไม่ฝัง เอาไว้หลังงานเราค่อยมาเลือกกันก็ยังไม่สาย” เล้งเสนอ
“แล้วระหว่างนี้จะทำยังไง จะให้ใครรักษาการณ์”
“ก็อาทั้งสามไง” เล้งว่า “อาทั้งสามอาวุโสที่สุดแล้วในสามธงนี้”
สามอาวุโสมองหน้ากัน
“นะครับ...” เสียงบอกขอร้องกึ่งบังคับ “รอให้เสร็จงานศพไปก่อน แล้วค่อยว่ากัน”
สามอาวุโสจึงสุดจะทัดท้าน
“ถ้าอาเล้งว่าอย่างงั้น ก็ได้ เอาไว้เสร็จงานศพแล้วค่อยว่ากัน” อาตงสรุป
เล่าต๋าได้แต่มองอย่างไม่พอใจที่สามอาวุโสไม่เห็นหัวตน
“ทำไมถึงไม่ให้พวกอาๆ เค้าจัดการเลือกประธานคนใหม่ให้เสร็จๆ ไปเลย”
พิมพาบอกอย่างไม่พอใจเมื่ออยู่ด้วยกันสองคน
เล้งหันมองพิมพาอย่างอ่อนใจ
“ก็บอกแล้วไงให้รอให้เสร็จงานศพก่อน”
“ต้องรอทำไม ยังไงเฮียก็ได้เป็นเห็นๆ อยู่แล้ว”
เล้งแสยะยิ้ม
“ขืนให้เลือกให้เสร็จตอนนี้ก็ได้มีเรื่องนะซิ เรื่องมันไม่ง่ายอย่างที่คิดหรอก ไม่เห็นหรือไงว่าอาเล่าต๋ามันจ้องจะนั่งเก้าอี้ประธานตัวนี้อยู่”
“ก็เพราะมันจ้องอยู่นะซิ พิมถึงได้บอกให้เฮียรับมาซะเลย เรื่องอะไรจะให้มันชุบมือเปิบ”
“ทำแบบนั้น มีหวังเกิดศึกภายในแก็งค์แน่
“จะเกิดก็ให้มันเกิด... กลัวมันทำไม” หญิงสาวบอกอย่างไม่กลัว “เรื่องรถป๋ารถชนก็เหมือนกัน พิมพาไม่อยากเชื่อเลยว่ามันเป็นอุบัติเหตุ พิมว่าไอ้เล่าต๋านี่แหละที่อยู่เบื้องหลัง”
“ไม่เอาน่าพิม มันไม่มีหลักฐาน”
“ก็เพราะมันไม่มีหลักฐานนะซิ พิมถึงเฉยอยู่ ถ้ามีหลักฐานว่าเป็นมันจริงๆ ล่ะก็พิมไม่ปล่อยมันเอาไว้แน่”
“พูดในบ้านเรานะพูดได้ แต่อย่าออกไปพูดข้างนอกอย่างนี้นะ หากไอ้เล่าต๋ามันได้ยินเค้าเป็นเรื่องแน่”
“ก็ใครบอกว่าพิมกลัวมัน”
เล้งส่ายหน้าอย่างระอา
“ส่ายหน้าหมายความว่ายังไง” เจ้าหล่อนเสียงเขียวใส่
“ไม่มีอะไร”
“เฮียเป็นอะไร... เฮียกลัวมันหรือไง”
เล้งนิ่งไม่ตอบ
“เฮียเปลี่ยนไป - เฮียเปลี่ยนไปมากเลยนะรู้ตัวหรือเปล่า เฮียเปลี่ยนเป็นคนละคน เหมือนไม่ใช่เฮียเล้งคนเดิมที่พิมเคยรู้จัก เล้งมังกรอันตรายไปไหน”
เล้งแสยะยิ้ม
“ก็เพราะเฮียรู้ว่า การใช้กำลังมันไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นมา นอกจากความสุญเสีย”
พิมพามองเล้งอย่างไม่ค่อยพอใจ
“ไม่รู้ล่ะ ยังไงพิมก็ต้องทำให้เฮียได้เป็นประธานสมาคมให้ได้ ไม่มีวันที่พิมจะปล่อยให้มันตกเป็นของเล่าต๋าอย่างแน่นอน”
เจ้าหล่อนยื่นคำขาดก่อนจะจากไป
เล้งได้ฟังแล้วยิ่งไม่สบายใจ
ขณะเดียวกันอีกด้านหนึ่ง เล่าต๋ากำลังกินเหล้าเคล้านารีอยู่กับลูกน้อง
“มันน่าเจ็บใจไอ้สามแก่นั่นจริงๆ ถ้าไม่มีพวกมันปานนี้เฮียก็ได้เป็นหัวหน้าไปแล้ว” ว่านบอกอย่างไม่พอใจ
“ก็พวกมันเบื่อชีวิตกันแล้วไง” เล่าต๋าบอกเหี้ยมเกรียม
“จัดการพวกมันเลยมั้ยเฮีย เดี๋วยผมจัดให้ รับรองสาวไม่ถึง เหมือนไอ้แก่สองตัวที่ตายไปแล้ว - เงียบ... ไร้หลักฐานทุกอย่าง” ว่านเสนอตัว
“ไม่มีประโยชน์ ถึงไอ้แก่สามตัวนั่นตาย แต่คนของมันก็ยังภัคดีกับไอ้เล้งกับเมียของมันอยู่ดี”
ว่านพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
“แล้วเฮียจะทำยังไง ไอ้สามแก่นั่นมันจะดันไอ้เล้งขึ้นนั่งเก้าอี้ประธานแน่ๆ”
“อั๊วว่าจะไปพูดกับไอ้เล้งมันดูสักครั้ง ดูท่ามันคงไม่อยากนั่งเก้าอี้ตัวนี้สักเท่าไร มันล้างมือในอ่างแล้วนี่ คงไม่อยากเอามือกลับมาจุ่มโคลนอีก ไม่งั้นมันคงไม่ปฏิเสธไอ้สามแก่หรอกวันนี้”
แม้นนาฬิกาที่ข้อมือจะบอกเวลาว่าสองยามกว่าเข้าไปแล้ว แต่วินัยยังเดินดุ่มอยู่ในซอยเปลี่ยว
มันเป็นวิถีชีวิตของ “สาย” ที่อยู่ในเงามืดของแก็งค์อาชญากร
เค้าถูกส่งเข้ามาแฝงตัวในพรรคธงขาวเมื่อหลายปีก่อน ตอนนั้นเค้าเป็นนักเรียนนายร้อยปีสี่ เค้าถูกเรียกเข้าไปทดสอบโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะถูกเรียกไปสอบถามความสมัครใจว่าจะเข้าโครงการหรือไม่
โครงการที่ว่าก็คือ หนอนบ่อนไส้
ตอนนั้น พวกผู้มีอิทธิพลและแก็งค์ต่างๆ มีกำลังมาก อีกทั้งมีผู้มีอิทธิพลทางการเมือง และผู้หลักผู้ใหญ่คอยสนับสนุน
ดังนั้นเพื่อเป็นการตัดลากถอนโคน จึงได้เกิดโครงการนี้ขึ้น โดยคัดเลือกเอานักเรียนตำรวจ และตำรวจที่มีผลการประเมินดีมาถามความสมัครใจ
วินัยก็เป็นหนึ่งในนั้น
ทันทีที่เค้าตอบตกลง ละครตบตาฉากใหญ่ก็เกิดขึ้น เค้ามีเรื่องทะเลาะกับนักเรียนนายร้อยด้วยกันจนถูกไล่ออกจากโรงเรียน ก่อนจะมีเรื่องยิงคนตายโดยไม่เจตนา
ชีวิตระหกระเหินกลายเป็นนักเลงข้างถนน หากินเก็บค่าคุ้มครอง วันๆ ต้องเสี่ยงชีวิต กว่าจะรอดจนได้มาเข้าพรรคธงขาว เค้าต้องเกือบตายนอนโรงพยาบาลถึงสามครั้ง
มันเป็นการเสียสละที่ยิ่งใหญ่ ที่บอกใครไม่ได้แม้นแต่พ่อแม่ตนเอง
หน้าที่ทำให้เค้าต้องตัดขาดจากทางบ้าน และชีวิตที่เคยมีมาทั้งหมด จนกว่าภารกิจที่ได้รับมอบหมายมาจะบรรลุ
และภารกิจที่เค้าได้รับมอบหมายก็คือ หาหลักฐานความผิดเพื่อเอาผิดเล้งให้ได้
เค้าพยายามทุกวิถีทางเพื่อเข้าใกล้เล้ง แต่มันเป็นช่วงเวลาที่เล้งกำลังวางมือจากไตรภาคี เค้าจึงไม่มีโอกาส
จนกระทั่งวันหนึ่ง สรรค์ก็เข้าข้าง เมื่อมีไอ้พวกจีไอขี้เมาไม่ดูตาม้าตาเรือหาเรื่องพิมพาที่มาเที่ยวที่บาร์ซึ่งเป็นกิจการของพรรคธงขาว
วินัยจึงมีโอกาสได้โชว์ฝีมือ จัดการไอ้จีไอพวกนั้น
และโชคก็เข้าข้าง เล้งพอใจในฝีมือของเค้า และชวนให้มาทำงานด้วยกัน ซึ่งหน้าที่ที่เค้าได้รับมอบหมายก็คือ เป็นบอดี้การ์ดให้กับเล้ง
นับแต่วันนั้นเป็นต้นมาเค้าก็อยู่ข้างกายเล้ง แต่สิ่งที่เค้าพบเห็นกลับเป็นคนละด้านที่ล่ำลือเกี่ยวกับตัวเล้ง
สิ่งที่เค้าพบก็คือ น้ำใจจากมังกรอันตรายคนนี้
วันนี้เค้ามีนัดกับใครบางคนเพื่อส่งข่าว
พอได้เวลานัด รถคันหนึ่งก็แล่นมาจอดเทียบที่เสาไฟอันเป็นที่นัดหมาย
วินัยยิ้มให้กับคนในรถก่อนจะเปิดประตูเข้าไป
คนมาคือสารวัตรทวี ซึ่งรับหน้าที่ดูแลแฟ้มของเค้าต่อจากสารวัตรวิเชียรที่เพิ่งตายจากไป
“พวกมันจะให้นายเล้ง ขึ้นเป็นประธานคนใหม่แทนโกเล็กอย่างนั้นเหรอ”
สารวัตรทวีทวนคำ
“ครับ... แต่ไอ้เล่าต๋ามันคงไม่ยอมแน่”
“แล้วนายเล้งมีท่าทียังไง”
“ผมว่าเค้าคงไม่อยากเป็นสักเท่าไร”
“ไม่อยากเป็น... มันจะเป็นไปได้ยังไงว่ะ ประธานไตรภาคีเชียวนะ” สารวัตรทวีบอกอย่างไม่เชื่อ
“ก็ผมบอกสารวัตรแล้วไงครับว่า นายเล้งเค้าล้างมือแล้วจริงๆ สารวัตรก็ไม่เชื่อ
“อั๊วไม่เชื่อว่า คนที่เคยเป็นเสืออย่างมันจะกลับตัวได้”
วินัยได้แต่มองคนเป็นเจ้านายอย่างอ่อนใจ
เพราะเกือบสามปีที่ผ่านมาที่เค้าแฝงตัวเข้ามา เค้าอยู่ใกล้ชิดและคอยติดตามเล้งเหมือนเงาตามตัว เค้ากลับไม่พบหลักฐานหรืออะไรที่สาวไปถึงเล้งได้เลย
“น้ำชา” เล้งเอยขึ้นขณะรินน้ำชาให้กับแขกที่เค้าไม่เคยคิดว่าจะมาเยือน นั่นก็เพราะแขกที่มาคือ “เล่าต๋า” แห่งพรรคธงแดง
“มีเรื่องสำคัญอะไรเหรอ ถึงทำให้เล่าต๋าต้องมาหาผมถึงที่นี่วันนี้”
“จะว่าสำคัญก็สำคัญ จะว่าไม่สำคัญก็ได้”
เล้งมองเล่าต๋าอย่างรู้ทัน เค้ารู้ดีว่าจุดประสงค์ที่เล่าต๋ามาหาในวันนี้คือเรื่องใด หากไม่ใช่เรื่องตำแหน่งประธานสมาคม
“ไหนๆ ก็ไหนแล้ว อั๊วก็จะไม่อ้อมค้อมล่ะนะ” คนว่าบอก “ที่อั๊วมาวันนี้ก็ด้วยเรื่องเก้าอี้ตำแหน่งประธานสมาคม”
“ก็ผมบอกแล้งไง ว่าเรื่องนี้ให้รอเอาไว้เสร็จงานศพพ่อบุญธรรมกับพ่อตาผมไปก่อน”
“เรื่องนั้นอั๊วไม่ได้ว่าอะไร รอให้เสร็จงานศพก่อนก็ได้ แต่เรื่องที่อั๊วมาวันนี้ก็คือ อั๊วอยากรู้ว่าลื้อจะรับตำแหน่งนี้มั้ย”
เล้งอึ้งไปนิด เค้ากำลังคิดหาคำตอบ
“แล้วเล่าต๋าอยากให้ผมรับหรือไม่รับล่ะ”
คนถูกถามแสยะยิ้มมุมปาก
“ลื้อก็น่าจะรู้คำตอบอยู่แล้ว”
เล้งยิ้มเจื่อน
“ผมวางมือจากสมาคมมานานแล้ว เล่าต๋าก็รู้ จะว่าไปผมก็เหมือนคนนอก เพราะฉะนั้นคนนอกจะไปรับตำแหน่งใหญ่โตอย่างนั้นในสมาคมได้ยังไง”
เล่าต๋าอมยิ้มเมื่อได้ยินคำตอบ
“ได้อย่างงั้นมันก็ดี”
“ทำไมถึงได้ยอมรับปากเล่าต๋าง่ายๆแบบนี้”
ชิวถามขึ้นขณะนั่งรถกลับมาด้วยกัน ทั้งสองกำลังจะไปร่วมสวดอภิธรรมศพ
“เก้าอี้ตัวนี้มันร้อนชิว ถึงอยากนั่ง ก็นั่งได้ไม่นานหรอก” คนว่าเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วอีกอย่างมันเปรื้อนโคลน เราโชคดีแล้วที่ขึ้นจากโคลนมาได้แล้ว จะย้อนกลับไปเปรื้อนโคนอีกทำไม”
ชิวมองสบตาเล้งอย่างเข้าใจ
“แล้วถ้าซ้อเค้าไม่ยอมล่ะ”
“งั้นก็ค่อยว่ากัน” เล้งบอกอย่างหนักใจ
ชิวรู้สึกหนักใจแทนเพื่อนตายคนนี้ เพราะหลายปีหลัง เล้งแสดงเจตนารมณ์ชัดเจนว่าไม่อยากได้ใคร่ดีในไตรภาคีอีกแล้ว
หากแต่ทั้งสองกลับต้องพบกับความประหลาดใจยิ่งกว่าการมาเยือนของเล่าต๋าเมื่อมาถึงศาลาอันเป็นที่ตั้งศพ
นั่นก็เพราะคนของธงเหลืองและธงขาวคลาคล่ำไปทั่วบริเวณ
จะว่ามาเพื่อร่วมงานศพของอดีตลูกพี่ใหญ่ก็ไม่น่าพร้อมใจกันมากันมากมายขนาดนี้
“นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น”
เล้งหันไปถามวินัยที่นั่งมาด้วยกันในรถตอนหน้า
“ไม่ทราบเหมือนกันครับ”
วินัยบอกขณะที่เค้าเองก็ยังงงๆ กับเหตุการณ์ที่ประสพอยู่ตรงหน้า
ลูกน้องคนหนึ่งก็วิ่งเข้ามารับหน้าเล้งกับชิวที่เพิ่งลงจากรถ
“คุณพิมให้มาเชิญเสี่ยข้างในครับ”
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น