ลำดับตอนที่ #10
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : บอดี้การ์ดหน้าหล่อ
1. บอดี้การ์ดหน้าหล่อ
พิมพารู้สึกแปลกใจที่เห็นเล้งยืนพิงรถอ่านหนังสือพิมพ์อยู่เมื่อเจ้าหล่อนเดินออกมาจากบ้าน
เล้งละสายตาจากหนังสือพิมพ์ตรงหน้าหันมองหญิงสาว เจ้าหล่อนอยู่ในชุดเปรี๊ยวจี๊ดจ๊าด เหมือนหลุดออกมาจากหนังฝรั่ง
“จะไปไหนครับ” เล้งแกล้งถามขึ้นยวนๆ
“มันเรื่องของชั้นเกี่ยวอะไรกับนายด้วย” พิมพาตอบเสียงสะบัด
“จะว่าเกี่ยวก็ไม่ใช่ จะว่าใช่ มันก็ไม่เชิง”เล้งแกล้งยั่วต่อ
“นี่นายอย่ามาเล่นลิ้นกับชั้นนะ”
“เปล่านะครับ ลิ้นผมยังอยู่ในปาก จะไปเล่นอะไรกับคุณได้ยังไง”
พิมพามองเขม็งอย่างไม่พอใจ เจ้าหล่อนเงื้อมือจะตบ แต่เล้งกลับเอามือรับเอาไว้
“ผมบอกแล้วไงว่า จะยอมให้คุณตบก็ต่อเมื่อผมทำผิดต่อคุณเท่านั้น”
พิมพาพยายามจะดึงมือกลับแต่สู้แรงเล้งไม่ได้
“มือคุณนี่นิ่มดีจังเลยนะครับ” เล้งว่าพร้อมกับส่งสายตายั่วยวนเจ้าหล่อน
“ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ” พิมพาตวาดเสียงเขียว
เล้งทำตาม... แต่ก็อดยิ้มยั่วเจ้าหล่อนไม่ได้
หญิงสาวยังคงมองอย่างไม่พอใจ ก่อนจะสะบัดเดินกลับเข้าบ้าน
“อ้าว... ไม่ไปแล้วเหรอครับ” เล้งแกล้งถาม
“มันเรื่องของชั้น”
“ก็ดีเหมือนกัน จะได้ไม่ต้องเหนื่อย”เล้งแกล้งทำเป็นพูดกับตัวเองเสียงดัง
พิมพาที่กำลังเดินกลับเข้าบ้านชะงักหันมามองอย่างไม่พอใจ
ยิ้งเห็นเล้งยิ้มกริ่มเยาะอยู่ในที หญิงสาวก็ยิ่งแค้นใจ มันยิ่งบัลดาลโทสะเจ้าหล่อนให้พุ่งพรวด คนอย่างเจ้าหล่อนฆ่าได้หยามไม่ได้
เจ้าหล่อนแกล้งทำเป็นใจดีสู้เสือ
“ไปซิทำไมจะไม่ไป” หญิงสาวว่า “ขอกลับไปเปลี่ยนรองเท้าก่อน มันไม่ค่อยเข้ากับหน้าคนขับรถ”
ประโยคหลังของหญิงสาวทำเอาเล้งถึงกับสะอึก
แม่เจ้าประคู๊ณร้ายกาจกว่าที่เค้าคิดไว้
“โรริต้า” เป็นไนต์คลับที่ขึ้นชื่อที่สุดสำหรับนักเต้นรำเท้าไฟทั้งหลาย ที่ชอบมาวาดลวดลายกัน
มันเป็นหนึ่งในกิจการของพรรคธงแดง
เล้งออกอาการตกใจเมื่อพิมพาบอกว่าให้ไปส่งเจ้าหล่อนที่นั่น
“มันจะดีเหรอครับ”
“ทำไมจะไม่ดีล่ะ”
“ก็มันเป็นอยู่ในเขตอิทธิพลของพวกธงแดง”
“แล้วทำไม”
“ก็พวกธงแดงกับเราไม่กินเส้นกัน”
“หรือว่านายกลัว” เสียงถามท้าทาย
เล้งนิ่งไม่ตอบ หากในใจเค้ากำลังแบกความหนักใจเอาไว้เต็มอก
การเข้าเขตธงแดงก็เหมือนเหยียบจมูกเสือ มีหรือที่เสือจะไม่กัดเค้า
หากลำพังตัวเค้าเองคนเดียว เรื่องสู้กับเสือเค้าไม่เคยกลัว แต่เมื่อต้องปกป้องลูกสาวของเจ้านาย เค้ายอมเสียงไม่ได้เป็นอันขาด
แม้นจะพยายามทัดทานอย่างที่สุดแล้ว แต่พิมพาก็ยังดื้อดึงที่จะไปโรริต้าให้ได้
หากเค้าไม่พาไป เจ้าหล่อนจะไปของเจ้าหล่อนเอง เค้าจึงจำต้องพาเจ้าหล่อนไปในที่สุด
“นั่นนะเหรอ บอดี้การ์ดของเธอ”
เพื่อนสาวของพิมพาถามขึ้น ก่อนพยักเพยิดหน้าไปทางเล้งที่นั่งรออยู่ที่โต๊ะมุมหนึ่งของร้าน
“องค์รักษ์เธอนี่หน้าตาดีนะ” เพื่อนสาวอีกคนของพิมพาเสริมมา
พิมพาหันมองเจ้าองค์รักษ์หนุ่มของแล้วอมยิ้ม
“แบบนี้เหรอเรียกว่าดี”
“อะไรกัน ออกจะดาร์ค ทอล แอนแฮนซัมขนาดนี้ จะเอาอะไรอีกแม่คุณ”
พิมพาหันมองเล้งอย่างพินิจอีกครั้ง
ที่จริงองค์รักษ์พิทักษ์เธอ ก็หล่อจริงดังคำของเพื่อนสาว หากแต่ปากเสีย และไม่ยอมตามใจเธอเท่านั้น นั่นแหละที่หญิงสาวไม่ชอบ
“ถ้าหาได้แค่นี้ อย่ามีมันซะเลยจะดีกว่า”
พิมพาบอกเยาะๆ... แต่เพื่อนสาวคนหนึ่งกลับสวนขึ้นมาทันควัน
“อ๊ะ... สละสิทธิ์เองแล้วนะ ไม่เอาชั้นเอานะ”
“อยากได้ก็เชิญเลย”
เพื่อนสาวคนที่ว่ารีบปรี่เข้าไปหาเล้งพร้อมกับแนะนำตัวกับชายหนุ่ม
พิมพามองค้อนไม่ชอบใจกับภาพที่เห็น
ทั้งที่บอกตัวเองไว้ว่าไม่ชอบองค์รักษ์ผู้นี้ แต่ภาพที่อยู่ตรงหน้ากลับขัดลูกหูลูกตายังไงไม่รู้
ทันใดนั้นเองเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นข้างหู
“หวัดดีน้องสาว”
พิมพาสะดุ้งหันมอง ก็เห็นว่าเป็นชายหนุ่มหน้าตาดุดันกำลังยิ้มให้เจ้าหล่อน ยิ้มของมันน่าเกลียดน่าชัง ตาทั้งคู่ของมันกำลังจ้องเจ้าหล่อนตาเป็นมัน
“ใครเป็นน้องสาวแก”
เจ้าหล่อนบอกอย่างไม่กลัว
“เอ้า... ไง๋พูดแบบนี้ล่ะจ้ะน้องสาว พี่พูดด้วยดีๆ”
“ก็พอใจจะพูดแบบนี้ ไม่อยากฟัง ก็ไม่ต้องฟัง”
“ว้าว... ปากกล้าดีซะด้วยแบบนี้ไอ้หลงชอบ เต้นรำกับพี่สักเพลงซิน้อง”
พร้อมกับว่ามันเอื้อมมือจับมือพิมพา
มือที่ไวเท่าความคิดของพิมพาจึงตบเข้าหน้ามันฉาดใหญ่
หลีหลงชาไปทั้งหน้านิ่งค้างอย่างนึกไม่ถึงว่าจะโดนตบ ตาทั้งคู่ของมันแปลี่ยนไป แดงกล่ำดุดันราวกับเสือ
มันเงื้อมือขึ้นหมายจะตบพิมพาฉาดใหญ่
พิมพากรีดร้องขึ้นด้วยความตกใจ
แต่ก่อนที่มือของหลีหลงจะทันถึงตัวเจ้าหล่อน มือหนึ่งรับเอาไว้แทน
หลีหลงยิ่งทวีความแค้นเมื่อเห็นว่าคนที่รับมือของเค้าเอาไว้คือ เล้งนั่นเอง
“ไอ้เล้ง” หลีหลงตวาดเสียงเขียว
“เออกูเอง”
“ไม่ใช่เรื่องของมึงอย่ายุ่งดีกว่า”
“ไม่ยุ่งไม่ได้ว่ะ มันเป็นหน้าที่”
“มึงอยากลองดีก็ได้ จะได้สะสางบัญชีเก่าด้วยซะเลย”
ขาดคำหลงก็ตรงปรี่เข้าเล่นเล้งทันที... หากแต่เล้งก็มิได้ยอมให้หลีหลงเล่นงานได้โดยง่าย
เล้งหลบหมัดของหลีหลงที่เล่นงานอย่างเฉียดฉิว ท่ามกลางความหวาเสียวของพิมพากับเพื่อนสาวที่อยู่ในเหตุการณ์
เล้งใช้เชิงที่เหนือกว่าหลบแล้วจับหลงกดลงกับพื้น
“กูไม่อยากมีเรื่องกับมึง เลิกแล้วต่อกันดีกว่า”
“ได้ไงว่ะ แล้วกูจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”
ขาดคำลูกน้องหลงก็ตรงเข้าเล่นงานเล้ง เล้งจึงจำต้องปล่อยมือที่กุมตัวหลงเพื่อป้องกันตัว มาช่วย
“มึงอยากมีเรื่องจริงๆใช่มั้ย”
เล้งที่ถอยออกมาตั้งตัวเตรียมรับมือลูกน้องของหลงถามขึ้น
“เออซิว่ะ”
“มึงเลือกเองนะ” เล้งถามย้ำอีกครั้ง ด้วยน้ำเสียงเยาะๆ
“มึงไม่ต้องทำเป็นพูดดี ลุยมัน”
ประโยคหลัง มันหันไปสั่งลูกน้อง
หากแต่ลูกน้องของหลงที่ปรี่เข้าหมายจะทำร้ายหลงต้องชะงัก เมื่ออยู่ๆ ชายฉกรรจ์หลายสิบคนก็กรูกันเข้ามาล้อมกรอบพวกของหลีหลงเอาไว้
“ชิวมาแล้ว... ไหนๆ ไอ้หน้าไหนกล้าหาเรื่องคุณหนูพิมของชิว”
คนเป็นเพื่อนร่วมสาบานของเค้ามาช่วยทันเวลาพอดี
“นั่นไง” พิมพาชี้ไปที่พวกของหลง
“มึงอีกแล้วเหรอ”
หลงเริ่มใจไม่ดีเพราะตระหนักว่าพวกน้อยกว่านับได้หนึ่งต่อสิบ
“เอายังไงดีครับคุณหนู”
ชิวหันไปถามคนเป็นคุณหนู
“อัดมันให้นวม” หญิงสาวสั่ง
แม้นจะมีความแค้นต่อกันแบบชนิดไม่อาจอยู่ร่วมโลกกันได้อีก แต่เล้งก็ไม่ได้ถือโอกาสเล่นงานหลีหลงจนตาย
นั่นก็เพราะเค้าตระหนักดีกว่า มันอาจก็ให้เกิดศึกระหว่างพรรคขึ้นได้ ซึ่งจะทำให้ผู้มีพระคุณของเค้าอย่างเฮียเฮงต้องมีปัญหา จึงแค่ลงมือสั่งสอนพอเบาะๆ ก่อนจะปล่อยหลีหลงกับพวกกลับไป
แม้นจะถูกต้อง แต่ก็ไม่โดยใจชิวสักเท่าไร
“ทำไมไม่ถือโอกาสเก็บมันให้สิ้นเรื่องสิ้นราวไปเลยล่ะว่ะ โบราณเค้าว่าตีงูให้หลังหัก มันจะแว้งกัดเอา” ชิวถามขึ้นอย่างไม่เข้าใจ
“อั๊วไม่อยากให้เฮียเฮงต้องเดือดร้อน”
“แต่เฮียเค้าก็อยากลุยกับมันให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยอยู่แล้ว กลัวอะไรว่ะ”
“แต่ไอ้เล่าต๋ายังคุ้มกะลาหัวพวกมันอยู่”
ชิวพยักหน้าเห็นด้วย... ยังไงเล่าต๋าก็ยังเป็นกระดูกชิ้นโตที่ลืมไม่ได้
“เอาน่า วันพระไม่ได้มีหนเดียว... วันหนึ่งมันต้องเป็นโอกาสของเรา”
เล้งบอกอย่างมั่นใจ
คนที่ทั้งสองพูดถึง กำลังนอนให้หมอทำแผลและทายา หลังจากถูกอัดน่วมไปทั้งตัว
“ไอ้ฉิบหาย เบาๆหน่อยซิโว้ย หนังคนนะโว้ยไม่ใช่หนังควาย”
หลีหลงตะคอกใส่หมอที่กำลังปฐมพยาบาลให้อย่างไม่พอใจ
คนเป็นหมอสะดุ้งด้วยความตกใจ มือไม้สั่นจนทำอะไรไม่ถูก
ชายวัยสิบสี่กว่า ผมสีดอกเลา หน้ามีรอยแผลเป็นคาดที่แก้มซ้ายหัวเราะอย่างขำๆ
“อะไรมันจะขนาดนี้ว่ะ”
คนว่าคือ “เล่าต๋า” พี่ใหญ่แห่งพรรคธงแดง
“ก็แม่งเล่นรุมเป็นร้อย รอดตายมาได้ก็บุญเท่าไรแล้ว”
หลีหลงบอกด้วยน้ำเสียงอาฆาต
“ก็รู้อยู่ว่ามันเป็นลูกสาวไอ้เฮง ไปหาเรื่องกับมันทำไม”
“ก็แค่จะแซวๆ เล่น ไม่นึกว่าเรื่องมันจะเป็นแบบนี้” หลีหลงบอกไม่เต็มเสียง
“อย่าดีกว่า... อั๊วรู้ทันลื้อหรอกน่าอย่าลื้อมีเล่นๆ ด้วยเหรอ จะเอามันทำเมียใช่มั้ยล่ะ”
หลีหลงมองค้อน “รู้ทันไปหมด”
เสียงบอกประชดเล็กๆ อยู่ในที
“ไม่งั้นจะเป็นลูกพี่เอ็งได้ยังไง” เล่าต๋าว่าก่อนจะหัวเราะ
“เจ็บใจจริงๆ ถูกมันหักหน้าสองครั้งสองคราแล้ว ยังเอามันคืนไม่ได้สักที”
“ก็เอามันคืนให้ได้ซิว่ะ” คนว่ายุ
หลีหลงนิ่งมองหน้าคนเป็นลูกพี่อย่างไม่เชื่อหู
“เฮียพูดจริงเหรอ” เสียงถามไม่แน่ใจ
“เอาคืนได้ไง มันมากันเป็นโขยงแบบนั้น”
“จะไปยากอะไร ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ต้องเอาด้วยกลซิ”
เล่าต๋าบอกยิ้มๆ
มันยิ่งทำให้หลีหลงสนเท่ห์ใจมากขึ้นไปอีก ตัวมันนะอยากแก้แค้นแทนหลีฮันน้องชายมานานแล้ว
“ยังไงล่ะเฮีย”
เล่าต๋าก้มลงกระซิบข้างหูหลีหลงพอได้ยินกันสองคน เมื่อฟังจบรอยยิ้มพอใจก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าพี่ใหญ่แห่งเสือขาว
“เยี่ยมเลยพี่”
ทั้งสองยิ้มให้กันอย่างเห็นพ้องต้องกันในแผนการ
อีกด้านหนึ่งที่บ้านของเฮียเฮง พี่ใหญ่แห่งพรรคธงขาวกำลังสอบถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น
พอรู้ว่าทั้งหมดเกิดมาจากพิมพาลูกสาวตัวดีของตน พี่ใหญ่แห่งธงขาวก็ดุเอา
“ทำไมลื้อถึงชอบหาเรื่องนักนะอาพิม”
หญิงสาวที่ถูกต่อว่ากลับเถียงตอบ “ใคร... ใครหาเรื่อง พิมเปล่าหาเรื่องสักหน่อย มันมาเรื่องพิมเองต่างหาก”
“แต่ลื้อก็ไม่น่าห้าวขนาดนี้ นั่นมันไอ้หลีหลงนะหัวหน้าแก็งค์เสือขาวนะ”
เฮียเฮงว่า
แต่หญิงสาวทำเชิดใส่ไม่สน
“จะเสือขาว จะหมาขาว พิมไม่กลัวทั้งนั้น”
คนเป็นพ่อส่ายหัวในความเอาแต่ใจของลูกสาว
“ลื้อเคยคิดถึงผลของมันบ้างหรือเปล่า ถ้าอาเล้งอีไม่เรียกให้อาชิวไปช่วย มันจะเป็นยังไง”
คนเป็นพ่อพยายามอ้างเหตุผล ชักแม่น้ำทั้งห้า
“ก็จะไปรู้ได้ยังไง”
“อาเล้งมีหวังถูกพวกมันเล่นงานกระอักเลือดตาย”
“ก็หน้าที่เค้าอยู่แล้วนี่” หญิงสาวบอกไม่แคร์
“แล้วลื้อก็จะมี “ผัว” โดยประมาท ไอ้หลงมันคงจับลื้อไปรุมโทรมแล้วป่านนี้”
เล้งแอบอมยิ้มขำในคำพูดของลูกพี่ตน..
พิมพาหันมาเห็นอาการขำของเล้ง ก่อนจิกตามองอย่างไม่พอใจ แต่แทนที่ชายหนุ่มจะกลัวกลับยิ้มยั่วเจ้าหล่อนจน... เจ้าหล่อนสะบัดหน้าหนีอย่างไม่พอใจ หันไปราวีกับคนเป็นพ่อต่อ
“ก็ไหนบอกพ่อบอกว่าใหญ่ไง” หญิงสาวไปน้ำขุ่นๆ
“เออ... ใหญ่ แต่ในเขตเราโว้ย ไม่ใช่ไปเบ่งในถิ่นของคนอื่นแบบนี้” เฮียเฮงบอกเสียงเครียด
“ก็ถ้าลูกสาวคนเดียวยังคุ้มกะลาหัวไม่ได้ ปล่อยให้เค้าเอาไปปู้ยี้ปู้ยำทำเมียเล่นได้แล้วละก้อ พิมว่าป๊าเลิกเป็นเจ้าพ่อดีกว่า”
คนเป็นลูกสาวบอกประชด ก่อนจะลุกขึ้นเดินจากไปดื้อๆ
และแน่นอนว่าจะต้องค้อนใส่เจ้าองค์รักษ์หน้าหยกที่กำลังยิ้มหน้าเป็นใส่เจ้าหล่อนอยู่ในขณะนี้
หน้าระรื่นนักหนา... ฝากไว้ก่อนเถอะ
หญิงสาวบอกตัวเองในใจ
จับตัวเรียกค่าไถ่
เฮียเฮงมองตามหลังลูกสาวจนลับตาก่อนจะส่ายหัวอย่างระอาในความเอาแต่ใจตัวของเจ้าหล่อน
“ดูมัน....ดูมันทำ” เสียงว่าออกอาการเอือมๆ “ตกลงมันจะเป็นแม่หรือเป็นลูกกันแน่ว่ะ”
คนเป็นลูกน้องได้แต่ยิ้มไม่ตอบ
“ลื้อทำได้ดีมาก” พี่ใหญ่แห่งพรรคธงขาวหันมาชม“ต่อไปลื้อก็คอยตามดูอี อย่าให้มันไปทำซ่าส์ไม่เลือกที่”
“แล้วถ้าคุณหนูไม่ฟังคำเตือนผมล่ะครับ”
“อั๊วให้สิทธิ์ขาดลื้อ ทำได้ตามสมควรหากมันไม่ฟัง”
เล้งพยักหน้ารับอย่างกระหยิ่มใจอยู่ในที
หากแต่สิ่งที่เล้งนึกไม่ถึงก็คือ การที่เค้าปล่อยหลีหลงไปครั้งนี้จะกลายเป็นการปล่อยเสือเข้าป่า
หลีหลงกลายเป็นงูหลังหักที่แว้งกลับมากัดเค้าได้อย่างเจ็บปวดที่สุด
และเรื่องมันก็เกิดขึ้นหลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้นไม่ถึงเดือน เล้งลากลับชลบุรีเพื่อไปเยี่ยมครอบครัว จึงไม่มีใครกล้าขัดใจพิมพา เจ้าหล่อนออกไปเที่ยวที่นอกเขตอิทธิพลของธงขาว และนั่นเปิดโอกาสให้หลีหลงกับพวก
“อะไรนะ คุณหนูถูกจับ”
เล้งทวนคำอย่างไม่เชื่อหู เมื่อรู้เรื่องจากชิวที่ถูกเฮียเฮงมาตามให้กลับไป
“มันเกิดขึ้นได้ยังไง”
“ก็ตอนที่ลื้อลากลับไปเยี่ยมบ้าน คุณหนูนัดเพื่อนไปเต้นรำที่ร้านเดิม อั๊วก็นึกว่าคงไม่มีอะไร แต่ที่ไหนได้...” คนว่าหยุดถอนใจ “พวกมันกลับฉวยโอกาสจับตัวคุณหนูไป”
เล้งพูดไม่ออกบอกไม่ถูกเหมือนกันว่าตนเองรู้สึกยังไงเมื่อได้ยินข่าว
มันเหมือนมีอาการมวนที่ท้องตอนเค้าได้ยินเรื่องนิ้ครั้งแรก
แม้นจะเพิ่งจะได้เจอกับเจ้านายสาวของเค้าได้ไม่นาน แต่ความที่เจอหน้ากันแทบทุกวันจึงทำให้รู้สึกผูกพัน
เค้าเองก็รู้สึกไม่ดี สังหรณ์ใจตะหงิดๆ ตอนที่ลากลับบ้าน แต่ครั้นจะเตือนเจ้าหล่อนก็จะหาว่าตีตนไปก่อนไข้ เจ้านายสาวของเค้ายิ่งไม่เหมือนใคร
และที่สำคัญ... เค้าจะเอาอะไรไปอ้างถึงความเป็นห่วงที่มีต่อตัวนายสาวคนนี้ เพราะรู้ตัวและเจียมอยู่ในใจว่า “มันคนละชั้นกัน”
เฮียเฮงกำลังนั่งเอามือกุมขมับอยู่หน้าโทรศัพท์ เมื่อเล้งมาถึง
เล้งรู้สึกได้ถึงความทุกข์ใจของคนเป็นพ่อเมื่อไม่รู้ว่าลูกสาวเป็นตายร้ายดียังไง
ถึงจะเป็นเจ้าพ่อใหญ่ แต่ความยิ่งใหญ่นั้นก็ไม่อาจปกป้องลูกสาวให้ปลอดภัย
“ลื้อคงรู้เรื่องจากอาชิวแล้วนะว่า ทำไมอั๊วถึงตามตัวลื้อกลับมา”
เฮียเฮงถามขึ้นเมื่อเห็นหน้า
เล้งพยักหน้ารับคำ “ครับ”
“แล้วลื้อจะยอมทำหรือเปล่า”
โดยไม่ลังเล คนถูกถามพยักหน้ารับอีกครั้ง “เต็มใจครับ”
คนเป็นนายยิ้มโล่งอกที่มุมปาก แม้นยังไม่แน่ใจในชะตากรรมของคนเป็นลูกสาว แต่ก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาเปราะหนึ่งเมื่อลูกน้องของเค้ารับปากจะทำตามคำขอของพวกโจรเรียกค่าไถ่
และสิ่งที่มันเรียกร้องมานอกจากเงินห้าล้าน ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนมหาศาล ในยุคที่ทองบาทละสามร้อย ก๋วยเตี๋ยวชามละไม่ถึงห้าสิบสตางค์ ก็คือ คนที่ถือกระเป๋าเงินไปไถ่ตัวต้องเป็นเล้งเท่านั้น
นั่นหมายความว่า เป้าหมายของมันมากกว่าเงิน
เล้งมองเงินสดๆ ห้าล้านบาทที่กำลังถูกเรียงใส่กระเป๋าเดินทางใบเขื่อง
มันเป็นธนบัตรใบละร้อยจำนวนห้าหมื่นใบ
เล้งไม่เคยเห็นเงินมากมายมหาศาลขนาดนี้ หากเป็นเค้าตายชาติหน้าก็ยังใช้ไม่หมด
“ผมว่าให้ตำรวจจัดการเรื่องนี้ดีกว่า” สารวัตรทวีซึ่งเป็นเจ้าของท้องที่ที่พิมพาหายตัวไปท้วงขึ้น
“ถ้าตำรวจจัดการได้ ลูกสาวผมคงไม่ถูกพวกมันจับไปหรอก”
เฮียเฮงบอกอย่างไม่พอใจ
สารวัตรทวีไม่กล้าสบตาพี่ใหญ่แห่งธงขาว เค้ารู้สึกเสียหน้าเล็กๆ ที่ถูกพวกแก็งค์ข่มขู่ มันช่วยไม่ได้ในเมื่ออิทธิพลของพวกแก็งค์แข็งแกร่งเกินกว่าทางการจะปราบปราม
อีกทั้งคนเป็นนายก็สนิทสนมกินข้าวดื้มน้ำชากับคนพวกนี้เป็นประจำ จึงไม่จำเป็นต้องอธิบายสามสัมพันธ์ที่แนบแน่นที่มี
เมื่อต้องเข้าเมืองตาหลิ่ว ก็ต้องหลิ่วตาตาม
”ถ้ามันได้เงินไปแล้วฆ่าตัวประกันล่ะ” คนเป็นสารวัตรพยายาม
“ถ้าพวกมันทำแบบนั้น พวกมันก็คงไม่มีโอกาสได้ใช้เงิน”
เล้งสวนขึ้นมาอย่างเอาจริง
เฮียเฮงรูดซิบปิดกระเป๋าด้วยมือตัวเองเพื่อความแน่ใจว่าเงินค่าไถ่ครบตามจำนวนที่ถูกเรียกร้อง
“ชีวิตลูกอั๊วอยู่ในมือลื้อแล้ว”
พี่ใหญ่แห่งพรรคธงขาวว่าพร้อมกับส่งกระเป๋าเงินให้เล้ง
ความหนักของมันทำให้เล้งเซนิดๆ แต่นั่นไม่เท่าความหนักใจที่เค้ากำลังแบกรับอยู่ในขณะนี้
เพราะการไปไถ่ตัวคุณหนูคนสวยของเค้าในครั้งนี้ อาจไม่มีชีวิตรอดกลับมา
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น